วันจันทร์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2560

ตอนที่ 33 : นี่ก็เป็นกระบี่ของท่านด้วย ใช่หรือไม่?

Posted By: wuxiathai - 22:34
หวังเถิงเฟย จ้องไปที่เมิ่งฮ่าวด้วยสายตาที่เย็นเยียบ จากนั้นก็ก้าวเท้าไปข้างหน้า มันตบไปที่ถุงเก็บสมบัติ และลำแสงที่ส่องประกายวาววับสองลำก็พุ่งออกมา ของวิเศษสองชิ้นก็ปรากฎขึ้น หนึ่งเป็นพยัคฆ์ที่แกะสลักขึ้นมาจากหิน และอีกหนึ่งก็เป็นมังกรวารีที่แกะสลักขึ้นมาจากหินเช่นกัน
พวกมันปรากฎขึ้นพร้อมกับเสียงสองเสียง ที่สร้างความสั่นสะเทือนไปทั่วพื้นที่สี่เหลี่ยมจัตุรัส หนึ่งเป็นเสียงร้องคำรามของพยัคฆ์ และอีกหนึ่ง ก็เป็นเสียงร้องคำรามของมังกรวารี จากนั้นของวิเศษทั้งสองชิ้นก็กลายร่าง ชิ้นแรกกลายเป็นพยัคฆ์ขาว สูงเกือบสามสิบหกฉื่อ และชิ้นที่สองกลายเป็นมังกรวารีอันงดงาม พวกมันลอยวนอยู่รอบๆ หวังเถิงเฟย ทำให้มันดูมีท่าทางสง่างามมากยิ่งขึ้น
“ถึงเจ้าปฎิเสธที่จะยอมรับมัน แต่กระบี่เล่มนั้นก็เป็นของข้า” หวังเถิงเฟยกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูน่ากลัว “ข้าไม่เคยที่จะยกมันให้แก่เจ้า และเจ้าก็ไม่อาจจากไปพร้อมกับมัน” มันขยับนิ้วเป็นรูปแบบของการสร้างเวทอาคม พยัคฆ์ขาวก็ส่งเสียงร้องคำราม และกระโจนพุ่งตรงเข้าไปหาเมิ่งฮ่าว มังกรวารีก็ร้องคำรามพุ่งตามไปด้วยเช่นเดียวกัน ด้วยความเร็วราวกับแสงทำให้ดูเหมือนเป็นเงาพุ่งเข้าไป
เมิ่งฮ่าวขยับถอยหลังหลบ โบกสะบัดมือขวา กระบี่ไม้ก็พุ่งวาบตรงไปข้างหน้า ตามติดไปด้วยมีดสายลม และเปลวไฟแห่งงู
เสียงระเบิดดังกึกก้องสั่นสะเทือนไปทั่วบริเวณนั้น และเมิ่งฮ่าวก็กระอักโลหิตออกมา เมื่อเขากระโดดถอยหลัง ก็มองเห็นหวังเถิงเฟยเดินออกมาจากกลุ่มควันจากการระเบิดนั้น ชุดยาวที่ขาวราวหิมะและเส้นผมสีดำที่ยาวสลวย ของมันกระพือพริ้วไปในสายลม ความอาฆาตแค้นปรากฎอยู่บนรูปลักษณ์ที่สง่างามของมัน ความเยาะเย้ยแสดงให้เห็นในดวงตาของมัน
“บ้าบอสิ้นดี!” เมิ่งฮ่าวพูด “เห็นได้ชัดว่า ท่านเห็นว่ามันเป็นกระบี่ที่ไม่ธรรมดา ดังนั้นท่านจึงใช้การคัดเลือกศิษย์สายในเป็นข้ออ้างที่จะปล้นมันไปจากข้า!”
“ไร้ประโยชน์ที่จะเอาแต่พูดจา ข้าจะสังหารเจ้าในวันนี้ และเจ้าจะได้รู้ว่า เจ้าไม่มีค่าเพียงพอที่จะเอาสิ่งของ ซึ่งเป็นของหวังเถิงเฟยผู้นี้” สายตาของมันเย็นเยียบ โบกสะบัดมือขึ้นอีกครั้ง เสียงคำรามก็ดังขึ้น ทั้งพยัคฆ์ขาวและมังกรวารีก็พุ่งตรงเข้าไปที่เมิ่งฮ่าวอีกครั้งหนึ่ง
“หนึ่งเดียว? เพียงเล่มเดียวในโลกนี้ที่เป็นเช่นนี้?” เมิ่งฮ่าวหัวเราะด้วยสายตาที่เย้ยหยัน เขาไม่พยายามซ่อนความเยาะเย้ย ที่เย็นเยียบในดวงตาของเขา “ทำไมท่านไม่มอง และดูสิ่งที่ท่านบอกว่ามันเป็นกระบี่ที่มีอยู่เพียงเล่มเดียว ว่าจริงหรือไม่?”
มือซ้ายของเขาตบไปที่ถุงเก็บสมบัติ และลำแสงสีดำก็พุ่งออกมาวนอยู่รอบๆ ร่างของเมิ่งฮ่าว เสียงกระหึ่มดังก้องออกมา เหมือนกระบี่เล่มนั้น มันเป็นกระบี่ไม้ที่เขาได้ผลิตเพิ่มโดยใช้กระจกทองแดงนั่นเอง
ณ ตอนนี้เมื่อมันได้ปรากฎออกมา กระบี่ไม้สองเล่มก็หมุนวนอยู่รอบๆ ตัวเขา มันดูเหมือนกันทุกกระเบียดนิ้ว รังสีกระบี่ส่องแสงแพรวพราว และเต็มไปด้วยพลังอันไร้ที่สิ้นสุด
เมื่อมันมองไปที่กระบี่ไม้เล่มที่สอง ร่างของหวังเถิงเฟยก็สั่นสะท้าน และสองตาของมันก็เบิกกว้าง เต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อในสิ่งที่เห็น จิตใจของมันเต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวาย และมันรู้สึกเหมือนกับว่า มันเพิ่งจะถูกกดทับโดยภูเขาทั้งลูก ในทันใดนั้นมันก็สูญเสียการควบคุมของพยัคฆ์ขาวและมังกรวารีไป
“นี่…นี่…” ศีรษะมันหมุนมึนงง เหตุการณ์ที่คาดไม่ถึงนี้ ทำให้มันขาดสติไปโดยสิ้นเชิง มันไม่ทราบว่าต้องคิดเรื่องอะไร และไม่สามารถแม้แต่จะควบคุมจิตใจของมันเอง
“นี่ก็เป็นกระบี่ของท่านด้วย ใช่หรือไม่?” สองตาของเมิ่งฮ่าวสาดประกาย และเขาก็ก้าวเท้าไปข้างหน้า ทันใดนั้นก็แผ่พุ่งพลังลมปราณออกมา “นี่เป็นกระบี่ที่มีเพียงหนึ่งเดียว?” เขาก้าวเท้าไปข้างหน้าอีกหนึ่งก้าว
หวังเถิงเฟยไม่สามารถตอบได้ รุ้สึกถึงแรงกดดันจากพลังลมปราณของเมิ่งฮ่าว จนมันต้องถอยหลังไปสองเก้าอย่างไม่รู้สึกตัว
“นี่เป็นกระบี่ที่มีเพียงเล่มเดียวในโลกนี้?” สองตาของเมิ่งฮ่าวสาดประกายราวสายฟ้า เขาขยับก้าวไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง ราวกับว่ามีพลังที่มองไม่เห็นมาคอยช่วยเหลือเขาอยู่
สีหน้าของหวังเถิงเฟยเริ่มซีดขาว และยังคงถอยหลังไปอย่างต่อเนื่อง
“หวังเถิงเฟย, กระบี่ทั้งสองเล่มนี้เป็นของข้า, เมิ่งฮ่าว! เป็นกระบี่แห่งสวรรค์และปฐพี!” ด้วยประกายตาที่ลุกโชน เมิ่งฮ่าวทะยานขึ้นไปในอากาศ สร้างรูปแบบเวทอาคมอย่างรวดเร็วด้วยสองมือ กระบี่ไม้ทั้งสองเล่มก็ส่องประกายมากยิ่งขึ้น พุ่งตรงไปที่พยัคฆ์ขาวและมังกรวารีดุจประกายไฟ
เสียงระเบิดดังกึกก้องเมื่อพยัคฆ์ขาวแตกกระจายกลายเป็นชิ้นๆ และมังกรวารีก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆ ด้วยเช่นเดียวกัน กระบี่ไม้ทั้งสองเล่ม เต็มไปด้วยพลังที่ดูเหมือนว่า จะสามารถทำลายทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ได้อย่างง่ายดาย ก็พุ่งตรงไปที่หวังเถิงเฟย
เมื่อมองเห็นกระบี่พุ่งเข้ามาใกล้ ทันใดนั้นหวังเถิงเฟยก็เงยหน้าขึ้น ตบมือขวาลงไปที่พื้น และธูปจำนวนมากมายก็ปรากฎขึ้น เมื่อมันลุกไหม้ บังเกิดเป็นเถาวัลย์แห่งกลุ่มควัน มากมายหลายเส้นลอยคดเคี้ยวขึ้นมา จากนั้นก็พุ่งตรงไปหาเมิ่งฮ่าว ขณะที่มันเคลื่อนที่ไป ก็กลายร่างเป็นบุคคลสองคน และกระแทกเข้าไปที่กระบี่ไม้ทั้งสองเล่ม เสียงร้องราวฟ้าฝ่าก็ดังขึ้น
บุคคลทั้งสองสลายหายไป และกระบี่ทั้งสองเล่มก็ลอยกลับที่เมิ่งฮ่าว ซึ่งกำลังกระอักโลหิตออกมา เขามองไปเห็นหวังเถิงเฟยกำลังเคลื่อนตัวมากข้างหน้า ท่ามกลางกลุ่มควัน มันไม่ได้เดินบนพื้นเวทีประลอง แต่กำลังลอยอยู่กลางท้องฟ้า
ด้วยการยืนอยู่บนเส้นเถาวัลย์ของกลุ่มควัน มันมองมาที่เมิ่งฮ่าวด้วยสีหน้าแปลกๆ จากนั้นก็มองไปที่กระบี่ทั้งสองเล่ม ชั่วขณะนั้น มันก็สูญเสียความมั่นใจโดยสิ้นเชิง และเริ่มเกิดความสงสัยในตัวเอง
จากการค้นคว้าของมันในบันทึกโบราณ กระบี่ไม้มีเพียงเล่มเดียวทั้งบนสวรรค์และพื้นปฐพี มันไม่ควรมีเล่มที่สอง ถ้าไม่คำนึงถึงบันทึกโบราณนั้น กระบี่เล่มนี้ก็เป็นเล่มเดียวกับ เล่มที่มันเคยเห็นมาก่อนอย่างแน่นอน เว้นเสียแต่ว่ามันมีอยู่สองเล่มในตอนนี้…
เมิ่งฮ่าวมองไปที่หวังเถิงเฟยที่กำลังลอยอยู่กลางท้องฟ้า และเขาก็แค่นเสียงเย็นเยียบออกมา ตบไปที่ถุงเก็บสมบัติ และกระบี่บินธรรมดาสองเล่มก็ปรากฎ เขากระโดดขึ้นยืนบนกระบี่ทั้งสองเล่ม และบินขึ้นไปในท้องฟ้า ทำให้เกิดเสียงพูดดังกระหึ่ม ท่ามกลางกลุ่มศิษย์สายนอกที่มุงดูอยู่
“มีแต่ผู้ฝึกตนที่บรรลุถึงระดับ พื้นฐานลมปราณเท่านั้นถึงจะเหาะได้ แต่ดูสิ มันกำลังเหาะอยู่…”
“ศิษย์พี่หวังมีอาวุธเวท ที่ช่วยให้เขาเหาะได้ชั่วคราว แต่เมิ่งฮ่าว…มันไม่ยอมประหยัดพลังลมปราณแม้แต่น้อย มันใช้กระบี่บินช่วยให้เหาะได้”
รังสีสังหารสาดประกายตาอยู่ในดวงตาของหวังเถิงเฟย เมื่อมันมองไปที่เมิ่งฮ่าว มันยกเรื่องที่เกี่ยวกับกระบี่ไม้ออกไปจากความคิด โดยไม่สนใจว่ากระบี่สองเล่มนี้ จะเป็นของวิเศษที่มันต้องการแสวงหาอยู่หรือไม่ ยังไงมันก็จะเอากระบี่ทั้งสองเล่มนี้ไปให้ได้
เมื่อรังสีสังหารกระจายเต็มอยู่ในอากาศ หวังเถิงเฟยตบไปที่ถุงเก็บสมบัติ และกระดาษสีเหลืองแผ่นยาว ก็ปรากฎขึ้นที่เบื้องหน้าของมัน, ยันต์อาคม บนผิวของมันก็มีรูปแบบของตัวอักษรลึกลับ จารึกไว้หลากหลาย และมันก็กระจายแรงกดดันของ พลังลมปราณที่แข็งแกร่งออกมา ส่องประกายเป็นสีทอง ยันต์อาคมนี้ดูค่อนข้างแตกต่างจาก ยันต์อาคมที่หานจงเคยใช้เป็นอย่างมาก
“ถ้าเจ้ายอมให้ข้าเอากระบี่ไม้นั่นไป ถึงเจ้าจะไปสู่สัมปรายภพ เจ้าก็คงจะมีความภาคภูมิใจ ที่ได้ตายใต้เงื้อมมือข้า หวังเถิงเฟย” หวังเถิงเฟยพูดพร้อมกับจ้องไปที่เมิ่งฮ่าวโดยไม่กระพิบตา มันรู้สึกกังวลใจเป็นอย่างยิ่ง ยันต์อาคมนี้เป็นอาวุธเวทชิ้นสุดท้ายในถุงเก็บสมบัติของมัน มันได้ใช้ทุกสิ่งทุกอย่าง ที่มันมีอยู่ในครอบครอง หมดไปกับการค้นหากระบี่ไม้ไปแล้ว
มันจะไม่ใช้ยันต์อาคมนี้อย่างแน่นอนถ้าไม่จำเป็น โดยปกติทั่วไป ยันต์อาคมสามารถใช้ได้สามครั้ง แต่ด้วยระดับการฝึกตนของมัน สามารถใช้ได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น แต่ถึงกระนั้น ยันต์อาคมนี้ก็ยังมีพลังอันแข็งแกร่ง เพียงพอที่จะสังหารผู้ฝึกตน ที่อยู่ในระดับขั้นแปดของการรวบรวมลมปราณได้อย่างง่ายดาย
จ้องมองไปที่เมิ่งฮ่าวอย่างเย็นเยียบ ทันใดนั้นหวังเถิงเฟยก็ยกมือขวาขึ้นมา โบกสะบัดตรงหน้าของมัน ในเวลาเดียวกันนั้น มันก็ได้แผ่กระจาย พลังลมปราณบางส่วนของมัน ส่งไปที่ยันต์อาคม
ยันต์อาคมส่องประกายเจิดจ้าไร้ที่สิ้นสุด เมื่อเมิ่งฮ่าวบินอยู่ในท้องฟ้า เขามองลงไปที่ยันต์อาคม ทันใดนั้นก็รู้สึกเจ็บปวด เหมือนโดนมีดกรีดอยู่ข้างในร่างของเขา
ในขณะนั้นเอง สีหน้าของหวังเถิงเฟยก็เปลี่ยนไป มันตระหนักในทันทีว่า มันมีพลังลมปราณไม่เพียงพอ…ในตอนนี้ มันเริ่มสังเกตแล้วว่า พลังลมปราณในร่างของมัน กำลังไหลออกจาก แผลที่นิ้วของมันอย่างต่อเนื่อง
เนื่องจากมันกำลังโกรธเกรี้ยวอย่างบ้าคลั่ง เมื่อได้เห็นกระบี่ไม้เล่มแรก จากนั้นก็ตกใจ และรู้สึกสับสน เมื่อได้เห็นเล่มที่สอง มันจึงไม่รู้สึกตัวจวบจนกระทั่งบัดนี้ ณ ขณะนี้ มันมีพลังลมปราณไม่เพียงพอ ที่จะควบคุมยันต์อาคมให้เคลื่อนไหวได้อย่างสมบูรณ์ และไม่มีเวลาเพียงพอที่จะกินเม็ดยา เพื่อฟื้นฟูพลังลมปราณของมัน
“ถึงแม้ว่าจะใช้ยันต์อาคมได้ไม่เต็มที่ แต่มันก็ยังคงแข็งแกร่งพอ ที่จะสังหารใครก็ตาม ซึ่งอยู่ระดับหกของการรวบนวมลมปราณ การสังหารเจ้าช่างง่ายดาย เหมือนกับการตกลงมาจากต้นไม้!” โดยไม่ลังเล มันขว้างยันต์อาคมออกมา ทันใดนั้น ก็ปรากฎเป็นดวงอาทิตย์สีทอง พุ่งตรงเข้าไปหาเมิ่งฮ่าว
เมื่ออยู่ที่จุดเชื่อมต่อระหว่างชีวิตและความตาย ดวงตาของเมิ่งฮ่าวก็ฉายแสงแปลกๆ ออกมา ถึงแม้ว่าเขากำลังเหาะอยู่กลางท้องฟ้า ทันใดนั้นเขาก็สัมผัสได้ถึง ประสบการณ์ในความฝัน วันที่เขาได้กลืนแกนอสูรของมังกรปีกวารีเข้าไป ในชั่วแวบหนึ่ง ซึ่งเขาได้มองลงไปยังทะเลสาบ และเห็นเงาสะท้อนของมังกรปีกวารีโบราณ ณ ตอนนี้ เขาสามารถเห็นสิ่งเดียวกันนี้ได้อีกครั้ง
“ราชันแห่งท้องนภา…” เมิ่งฮ่าวรู้สึกราวกับว่า เขาเต็มเปี่ยมไปด้วยความโชคดี ขาปิดตาลง และเมื่อดวงอาทิตย์สีทอง ที่ถูกเรียกออกมาด้วยยันต์อาคม พุ่งเข้ามาถึง แกนอสูรซึ่งลอยนิ่งอยู่ใน ทะเลสาบลมปราณของเขาก็เริ่มสั่น จากนั้น พลังอันมหาศาล ของพลังลมปราณก็ระเบิดออกมา กระจายออกไปทั่วร่างของเมิ่งฮ่าว และทำให้เขาต้องสะบัดมืออกไปที่เบื้องหน้าอย่างรวดเร็ว
กระบี่บินหลายหลากมากมาย ที่วางแน่นิ่งอยู่รอบๆ บนพื้น ซึ่งเขาได้สูญเสียการควบคุมไปก่อนหน้านี้ ทันใดนั้นก็เริ่มสั่นไปมา จากนั้นก็ลอยขึ้นมาในอากาศ และพุ่งตรงไปที่เมิ่งฮ่าว ในเวลาเดียวกันนั้น กระบี่บินที่เหลืออยู่ในถุงเก็บสมบัติของเขา ก็ลอยออกมาทั้งหมด
ตามติดมาด้วยอาวุธเวทหลากชนิดที่เขามีในครอบครอง  พวกมันเริ่มจะรวมตัวเข้าด้วยกัน ส่องประกายที่เต็มไปด้วยความสว่างอย่างแรงกล้า ทั้งหมดที่เกิดขึ้น ไม่ใช่เพราะพลังลมปราณของเมิ่งฮ่าว แต่เป็นเพราะพลังจากแกนอสูร!
ด้วยเหตุผลบางอย่าง ทำให้แกนอสูรในทันใดนั้นก็สั่นไหวไปมา และการระเบิดของมันก็ก่อให้เกิดพลังบางอย่าง ที่ทำให้สามารถควบคุมอาวุธเวทหลากชนิด และกระบี่บินเกือบร้อยเล่มได้พร้อมกัน ในช่วงการกระพริบตาเพียงแค่ครั้งเดียว พวกมันได้รวมตัวเข้าด้วยกัน ก่อตัวเป็น…มังกรปีกวารีโบราณ!
การก่อตัวครั้งนี้ดูเลือนลางไม่ชัดเจน จนทำให้ผู้ที่มองเห็น ไม่สามารถจำแนกแยกได้ว่ามันคืออะไร แม้แต่หวังเถิงเฟย ก็ไม่รับรู้ถึงมังกรปีกวารีนี้ ตอนนี้มันได้สูญเสียหยดโลหิตที่เชื่อมต่อกับมังกรปีกวารีโดยสิ้นเชิง มีแต่เมิ่งฮ่าวเท่านั้นที่รับรู้ได้
กระบี่บินทั้งสองเล่มได้กลายเป็นเขี้ยวของมังกรปีกวารี เสียงคำรามที่ดังออกมา เต็มไปด้วยพลังของสวรรค์และปฐพี จากนั้นก็พุ่งตรงไปที่ยันต์อาคม เมื่อพวกมันได้ปะทะกัน เสียงระเบิดราวฟ้าผ่าก็ดังกึกก้อง สร้างความตกใจกลัวไปทั่วทั้งสำนักเอกะเทวะ
พวกศิษย์สายนอกที่มุงดูอยู่รอบๆ ต้องถอยหลังไปก้าวใหญ่ รู้สึกแก้วหูเกือบฉีกขาด ศิษย์สายนอกบางคนที่มีระดับการฝึกตนขั้นต่ำ ก็เกือบจะหมดสติไร้ความรู้สึกไป
ทั้งยันต์อาคม และมังกรปีกวารี ต่างก็มีพลังที่มากกว่า ระดับขั้นหกของการรวบรวมลมปราณ เมื่อพวกมันได้ปะทะกัน แม้แต่บางคนที่อยู่ระดับขั้นเจ็ด ก็ต้องสั่นสะท้าน มีเพียงบางคนที่อยู่ระดับขั้นแปด อาจจะสามารถต้านทานพลังแห่งการปะทะนี้ได้
เมื่อเสียงก้องกังวานที่เกิดจากการระเบิดดังออกไป ดวงอาทิตย์สีทองก็ส่องแสงกระพริบจางๆ และมังกรปีกวารีก็เริ่มแตกกระจายออกเป็นชั้นๆ กระบี่หนึ่งเล่ม, กระบี่สิบเล่ม, กระบี่ร้อยเล่ม…พวกมันค่อยๆ ตกลงไป ตามมาติดๆ ด้วยอาวุธเวทซึ่งได้รวมตัวเข้าด้วยกัน ก่อตัวเป็นมังกร พวกมันตกลงไป และกลายเป็นเถ้าทุลี ลอยหายไปในสายลม
ยันต์อาคมก็ค่อยๆ เลือนหายไป และอาวุธเวทที่ก่อตัวกันเป็นมังกรปีกวารี ก็หายพร้อมกันไปด้วย…แต่ไม่ใช่กระบี่ไม้ทั้งสองเล่ม พวกมันยังคงพุ่งตรงไปที่หวังเถิงเฟยซึ่งมีสีหน้าซีดขาวอยู่
หวังเถิงเฟยมองไปยังกระบี่ไม้ที่พุ่งเข้ามาใกล้ แทงตรงเข้าไปในหน้าอกของมัน เมื่อกำลังจะลึกลงไปถึงหัวใจของมัน เสียงถอนหายใจอย่างแผ่วเบา ก็สามารถได้ยินลงมาจากภูเขาทิศตะวันออก
“เยี่ยม, ไม่มีอะไรเหลือให้ทำอีกแล้ว” พร้อมกับเสียงถอนหายใจ พลังอันอ่อนโยนก็ปรากฎขึ้นข้างๆ หวังเถิงเฟย ปิดกั้นพลังจากกระบี่ไม้ทั้งสองเล่ม หวังเถิงเฟยถูกยกขึ้นและดึงกลับไป ออกไปจากเวทีประลอง และลงไปที่พื้นของเขตสี่เหลี่ยมจัตุรัส มันกระอักโลหิตออกมา สายตาเต็มไปด้วยความว่างเปล่า และสับสน มันไม่อยากจะเชื่อว่า…มันแพ้แล้ว
เฮ่อหลัวฮว่า ได้ปรากฎขึ้นบนเวทีประลอง ทันใดนั้น ผู้อาวุโสโอวหยางก็แสดงความเคารพ ด้วยการประสานมือ “ท่านเจ้าสำนัก สบายดี?”
เสียงพูดคุยดังกระหึ่มไปทั่ว ท่ามกลางศิษย์สำนักสายนอกที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้น ทุกคนทำความเคารพเจ้าสำนักด้วยความนับถืออย่างสูง
สีหน้าของเมิ่งฮ่าวดูซีดขาว พลังลมปราณของเขาหมดไปโดยสิ้นเชิง ถ้ามังกรปีกวารีไม่ได้แสดงพลังของมันออกมา เขาคงไม่สามารถต่อสู้ต่อไปได้ ถุงเก็บสมบัติของเขาตอนนี้ ก็ว่างเปล่าปราศจากอาวุธเวทใดๆ ทั้งสิ้น ในความคิดของเขา การต่อสู้ครั้งนี้ช่างน่าขมขื่นซะจริงๆ
ถึงแม้ว่าเขาค่อนข้างจะ ไม่ต้องการให้หวังเถิงเฟยมีชีวิตอยู่ต่อไป แต่ด้วยเหตุที่เจ้าสำนักมาปรากฎตัวอยู่ที่นี่ เขาจึงไม่มีทางเลือก เขาไม่สามารถสังหารหวังเถิงเฟยในวันนี้ได้อย่างแน่นอน
เขาเดินลงไปจากเวทีประลองโดยไม่พูดจา ด้วยบุคลิกส่วนตัวที่ดื้อรั้น จึงบังคับร่างกายของเขาให้ยังคงตั้งตรง เขาก้าวไปข้างหน้าหลายก้าว จากนั้นก็เดินไปเก็บ ยันต์อาคมที่วางอยู่บนพื้น ของหวังเถิงเฟยขึ้นมา และเก็บใส่เข้าไปในเสื้อยาวของเขา จากนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้น และมองไปที่เฮ่อหลัวฮว่า
“ในการประลองครั้งนี้ เมิ่งฮ่าว คือ ผู้ชนะ” เฮ่อหลัวฮว่าพูดขึ้นมา มองไปที่เมิ่งฮ่าวด้วยรอยยิ้มน้อยๆ “จากวันนี้เป็นต้นไป เมิ่งฮ่าว คือศิษย์สายในคนที่สาม ของสำนักเอกะเทวะ” เสียงของเฮ่อหลัวฮว่า ดังก้องไปทั่วทั้งพี้นที่สี่เหลี่ยมจัตุรัส จิตใจของผู้ที่มุงดูอยู่รอบๆ ยังคงหมุนเคว้งคว้าง รายละเอียดของการต่อสู้กำลังฉายซ้ำอยู่ในหัวของพวกมัน
หวังเถิงเฟยดูท่าทางกำลังอยู่ในความสับสน และ เมื่อมันได้ยินคำพูดของเฮ่อหลัวฮว่า มันก็ส่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างขมขื่น มันมองไปรอบๆ ยังฝูงชน ซึ่งดูเหมือนว่าได้ลืมมันไปแล้ว และจิตใจของมันก็เต็มไปด้วยความรู้สึกเสียใจ มันหัวเราะขึ้นอีกครั้ง จากนั้นก็กระอักโลหิตออกมา ฟุบตัวลงไปนอนที่พื้น และหมดสติไปในที่สุด
เมื่อหวังเถิงเฟยล้มลงไป เมิ่งฮ่าวก็กัดลิ้นตัวเองอย่างแรงเล็กน้อย เขาทำความเคารพเฮ่อหลังฮว่า จากนั้นก็นั่งลงขัดสมาธิ และเริ่มต้นเข้าฌาณ
ผู้อาวุโสโอวหยาง มองไปที่เขา ดวงตาเต็มไปด้วยการยอมรับ ท่านตบไปที่ถุงเก็บสมบัติของตัวเอง และเม็ดยาก็ปรากฎขึ้น ลอยตรงไปที่เมิ่งฮ่าว, เมิ่งฮ่าวหยิบมัน และใส่เข้าไปในปากกลืนกินลงไป
เขาเหน็ดเหนื่อยถึงขีดสุด รู้สึกสายตาเริ่มพร่ามัว เขายังคงสูดลมหายใจรวบรวมลมปราณต่อไป พยายามที่จะฟี้นฟูพลังลมปราณอย่างช้าๆ

About wuxiathai

Organic Theme is officially developed by Templatezy Team. We published High quality Blogger Templates with Awesome Design for blogspot lovers.The very first Blogger Templates Company where you will find Responsive Design Templates.

Copyright © 2015 ผนึกสวรรค์ สยบมาร สะท้านเทพ

Designed by Templatezy | Distributed By Gooyaabi Templates