ผู้ฝึกตนแต่ละคนของสำนักชิงหลัว ในเขตสี่เหลี่ยมจัตุรัสมองมาด้วยความตื่นเต้น ราวกับว่ามีสายฟ้ามากมายได้ฟาดลงมาในจิตใจของพวกมัน และดังก้องออกมาอย่างต่อเนื่อง
“การสรรค์สร้างของสวรรค์ ก่อกำเนิดเป็นดวงตะวันและจันทรา!”
คำพูดดังก้องออกไป ทำให้ทุกคนหอบหายใจ สตรีผู้สวยงามจ้องมายังเมิ่งฮ่าวด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง ข้างกายนาง ปรมาจารย์จื่อหลัวก็มีการเคลื่อนไหวด้วยการหลับตาลง
ทุกสิ่งทุกอย่างเงียบสงัด
“เจ้า…” สีหน้าเฉินเจียสี่เปลี่ยนไปในทันที มันจะคาดคิดได้อย่างไรว่า ฟางมู่จะสามารถพูดได้อย่างเผ็ดร้อนเช่นนี้ รู้สึกราวกับว่ามีใบมีดที่แหลมคมได้แทงเข้าไปในจิตใจของมัน
โจวเต๋อคุนสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ และยืนอยู่ที่นั่น ร่างกายสั่นสะท้าน มันไม่ได้ตื่นเต้น อันที่จริง เมื่อครู่นี้ มันคิดว่าเฉินเจียสี่พูดได้ถูกต้องจริงๆ แต่เมื่อได้ยินฟางมู่พูด มันก็รู้ว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นคือความจริง
เฉินเจียสี่สูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ สงบจิตใจตัวเอง “ฟางต้าชือ, ท่านทำให้ข้าตกใจนัก” มันกล่าว จ้องนิ่งมายังเมิ่งฮ่าว “แต่ไม่สำคัญว่าท่านจะพูดถึงดวงตะวันจันทรา, ท้องฟ้า หรือการสรรค์สร้างของสวรรค์และปฐพี ทั้งหมดนี้ก็มีอยู่บนวิถีทางของการปรุงยา พืชสมุนไพรทุกชนิดสามารถนำมาปรุงเป็นเม็ดยา จิตวิญญาณทั้งหมดสามารถที่จะปรุงเป็นจิตวิญญาณของเม็ดยา! สิ่งที่ข้าไม่เห็นด้วยเมื่อครู่นี้ก็คือ คำยืนยันของโจวต้าชือที่บอกว่า ไม่มีการเปลี่ยนแปลงโดยตัวของมันเอง แต่สูตรยาประกอบไปด้วยตัวแปรนับไม่ถ้วน ข้าไม่ได้พูดถึงการเปลี่ยนแปลงของตะวันและจันทรา เหมือนที่ท่านพูด”
“ในความคิดเห็นของข้า นักปรุงยาต้องยึดติดกับการเปลี่ยนของตัวมันเอง มีแต่การยึดติดกับการเปลี่ยนแปลงเท่านั้น ถึงจะสามารถสร้างตัวแปรที่มากมายจนนับไม่ถ้วนออกมาได้ ด้วยวิธีนี้เท่านั้นถึงจะมีสูตรยามากมายจนไร้ขีดจำกัด หรือสามารถปรุงเป็นเม็ดยาที่แตกต่างกันได้อย่างไม่รู้จบ ซึ่งมีมาตั้งแต่ครั้งโบราณ”
“ท่านบอกว่าผู้คนสามารถจะสร้างการเปลี่ยนแปลงได้อย่างนับไม่ถ้วน” เมิ่งฮ่าวกล่าวเสียงราบเรียบ อีกครั้งที่เขากล่าวอย่างช้าๆ และสงบนิ่ง ขณะที่เขายืนอยู่บนแท่นเวที สายลมโชยพัดเส้นผมที่ยาวของเขา กวาดผ่านใบหน้า บางส่วนก็ปิดบังแสงอันเจิดจ้าในดวงตาของเขาไป “การเปลี่ยนแปลงที่นับไม่ถ้วน? สายลมและหมู่เมฆ, ฟ้าร้องและฟ้าผ่า ทั้งหมดนี้ก็คือการเปลี่ยนแปลงของสวรรค์ แผ่นดินไหว, ภูเขาสูง, สายน้ำไหล ทั้งหมดนี้คือการเปลี่ยนแปลงของปฐพี ท่านมีส่วนต่อการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ของสวรรค์และปฐพีนี้? สายฝนที่ตกลงมาจากท้องฟ้า ให้กำเนิดโดยเจตจำนงของเฉินต้าชือ? เฉินต้าชือ, เจตจำนงของท่านทำให้ภูเขาเกิดขึ้นมา หรือพังทลายลงไปได้?”
“นั่นก็คือคำถามที่สองของข้า แต่ท่านไม่จำเป็นต้องพยายามที่จะตอบมัน เพราะท่านไม่สามารถ! ในความเป็นจริง ท่านไม่ใช่ต้าชือ (เจ้าโอสถ) ถึงแม้ท่านอาจจะเป็นในอนาคต ท่านก็ไม่มีค่าพอที่จะกล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงเช่นนั้นได้ การเปลี่ยนแปลงของสวรรค์และปฐพี จะมีอยู่ในจิตใจของท่านได้จริงๆ? ช่างน่าหัวเราะนัก! เย่อหยิ่งและโอหังราวกับเยี่ยหลาง! ท่านประเมินค่าตัวเองสูงเกินไปจริงๆ!”
ตอนนี้เมิ่งฮ่าวกำลังเยาะเย้ยเฉินเจียสี่ด้วยน้ำเสียงเดียวกับที่มันใช้เยาะเย้ยโจวเต๋อคุน แต่ละคำราวสายฟ้าที่ฟาดลงมา ทำให้สีหน้าของเฉินเจียสี่เปลี่ยนไป
“เจ้า…เจ้าช่างมีลิ้นที่แหลมคมอย่างแท้จริง! เห็นได้ชัดว่าข้าไม่ได้หมายถึงเช่นนั้น เจ้าเอาคำพูดข้าไปขยายจนเกินจริง ข้าเพียงแต่พูดถึงปรัชญาของการปรุงยาเท่านั้น!”
“ปรัชญา? ข้าขอรับฟังรายละเอียด”
“ข้าไม่ได้พูดอะไรนอกไปจากปรัชญาของการเปลี่ยนแปลง” มันกล่าวตอบในทันที “นำความคิดมากมายที่ดีที่สุดมาหลอมรวมเป็นของตัวเอง ดูดซับมุมมองที่ดีที่สุดมา กรองเอากากตะกอนที่มีอยู่ในตัวมันเองออกไป การกลั่นสกัดเม็ดยาก็เหมือนกับการกลั่นสกัดตัวเอง! ด้วยการเข้าถึงความสมบูรณ์แบบ ก็สามารถเหยียบย่ำไปตามเส้นทางสูงสุด และพลังของการเปลี่ยนแปลงก็จะเกิดขึ้น!” ศิษย์สำนักชิงหลังที่อยู่รายรอบ ดูเหมือนจะเห็นด้วยกับคำพูดของมัน
มันพูดต่อไปด้วยน้ำเสียงที่สามารถตัดตะปูเฉือนเหล็กกล้า “มันก็เหมือนกับตอนที่จิตรกรวาดภาพภูเขา ตอนแรกมันก็สังเกตดูภูเขาที่มีอยู่มากมาย จากนั้นก็สามารถวาดภาพของตัวมันเองออกมา ภูเขาที่มันวาดก็ประกอบไปด้วยจุดสำคัญของภูเขาอื่นๆ ทั้งหมดที่มันสังเกตดู ด้วยเช่นนั้น ผลงานชิ้นเยี่ยมก็ถูกสร้างขึ้นมา! เช่นเดียวกัน กระแสน้ำมากมายไหลมารวมกัน กลายเป็นแม่น้ำใหญ่ที่ไร้ขอบเขต! นี่ก็คือปรัชญาที่ข้าพูดถึง หลอมรวมความคิดที่หลากหลาย และเชื่อมรวมพวกมันกลายเป็นของตัวเอง! นี่คือวิถีทางที่ข้าบรรลุเต๋าแห่งการปรุงยา!” มันโบกสะบัดแขนเสื้อ ดวงตาส่องประกายขณะที่มองมายังเมิ่งฮ่าว “ข้าสนใจใคร่รู้ถึงปรัชญาเต๋าแห่งการปรุงยาของฟางต้าชือบ้าง!”
คำพูดของมันดังก้องเข้าไปในจิตใจของศิษย์สำนักชิงหลัวทั้งหมื่นคน หานเป้ยดูท่าทางจมอยู่ในความครุ่นคิด ด้านหลังเมิ่งฮ่าว โจวเต๋อคุนจ้องมองมา ความใคร่ครวญเต็มอยู่ในแววตา
เมิ่งฮ่าวมองกลับไปยังเฉินเจียสี่ สีหน้าของเขาเรียบสงบเหมือนเช่นเคย เริ่มพูดเสียงแผ่วเบา “เมื่อจิตรกรสังเกตดูภูเขามากมาย จากนั้นก็วาดออกมาหนึ่งรูป บางทีภาพของมันก็ประกอบไปด้วยส่วนสำคัญของภูเขาที่มันได้สังเกตมา แต่ภูเขาที่มันวาด…ก็ไม่ใช่ภูเขาจริงๆ มันออกมาจากจินตนาการและสิ่งที่มันเชื่อว่าเป็นภูเขา ในความเป็นจริง มันได้ลืมภูเขาลูกแรกที่มันเคยเห็นไปเรียบร้อยแล้ว เพราะมันได้เห็นมามากมาย มันยังได้ลืมถึงความรู้สึกที่มันมองไปยังจุดสูงสุดของภูเขาลูกแรกอีกด้วย”
“กระแสน้ำมากมายไหลมารวมกัน กลายเป็นแม่น้ำสายใหญ่ที่ไร้ขอบเขต แต่แม่น้ำนั้น…ก็ไม่ได้เป็นกระแสน้ำอย่างที่มันเคยเป็นอีกต่อไป มันเป็นแค่การรวมตัวกันของน้ำจำนวนมากมาย รวมเข้าด้วยกันอย่างแยกไม่ออก กระแสน้ำเล็กๆ ที่ใฝ่ฝันจะกลายเป็นแม่น้ำในครั้งแรก ตอนนี้ก็ตายไปแล้ว ถูกสังหารโดยขั้นตอนที่มันต้องการเป็น”
“ขั้นตอนการแสวงหาทำให้จิตรกรลืมภูเขาลูกแรกไป และเนื่องจากเช่นนั้น ด้วยเหตุผลมากมายที่มันต้องการจะวาดภาพภูเขาในจุดแรก ขั้นตอนของการกลายมาเป็นแม่น้ำ ทำให้กระแสน้ำสูญเสียตัวตนของมันไป เจตจำนงของมันเจือจางลงเมื่อมันกลายเป็นแม่น้ำ และจากนั้นก็หายไป” ขณะที่พูด เสียงของเมิ่งฮ่าวก็เริ่มดังขึ้นไปเรื่อยๆ”
“นี่คือคำถามที่สามของข้า ด้วยการหลอมรวมความคิดที่หลากหลาย ท่านก็จะสูญเสียตัวตนไป ท่านคิดว่าจะได้ประโยชน์ แต่ในความเป็นจริง ท่านไม่มีเส้นทางของตัวเอง ถ้าท่านไม่มีความคิดของตัวเองให้ยึดมั่น ถึงท่านจะสังเกตดูภูเขามามากมาย แต่ก็จะลืมว่าทำไมถึงต้องการวาดภาพภูเขานั้น!”
“ถ้าปราศจากหลักการของตัวเองให้ยึดถือ ท่านก็จะเป็นกระแสน้ำที่กลายมาเป็นแม่น้ำ แต่เป็นแม่น้ำที่ไม่มีจิตวิญญาณ! ด้วยเช่นนั้น มันก็จะตายอย่างแท้จริง!” เมิ่งฮ่าวโบกสะบัดชายแขนเสื้อ คำพูดของเขาไหลเข้าไปในหูของเฉินเจียสี่ ส่งผลให้จิตใจของมันหมุนเคว้งคว้าง
“เมื่อเป็นผู้ฝึกตน พวกเราต้องยึดมั่นในหลักการของตัวเอง เมื่อเป็นนักปรุงยา พวกเราก็ต้องยึดมั่นในเต๋าแห่งการปรุงยา ความคิดอันหลากหลายอาจจะช่วยส่งเสริมและเกื้อหนุนความเชื่อมั่นของพวกเรา แต่พวกเราก็ต้องไม่ยอมให้ขั้นตอนในการค้นหาคำตอบ มาทำให้สูญเสียความคิดเห็นของตัวเองไป”
“ถ้ามีจิตใจที่แข็งแกร่ง ก็จะไม่มีอะไรมาแทนที่มันได้ จิตใจเช่นนี้ก็ดูเหมือนจะประกอบไปด้วยการเปลี่ยนแปลง แต่ในความเป็นจริง มันมีความมั่นคงเป็นรากฐาน จากเริ่มต้นจนถึงจุดจบ มันจะไม่มีทางหายไป มันจะคงอยู่ตลอดเวลา เป็นจิตใจที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลง!” คำพูดอันทรงพลังของเมิ่งฮ่าวสั่นสะเทือนไปทั้งเขตสี่เหลี่ยมจัตุรัส ใบหน้าเฉินเจียสี่บิดเบี้ยว และโดยไม่แม้แต่จะคิด มันถอยหลังไปสองสามก้าว ดวงตาส่องประกายแห่งความสับสนออกมา
“ถ้าจิตใจของท่านอ่อนแอ แล้วท่านจะสรรค์สร้างอะไรออกมาได้?!” เมิ่งฮ่าวกล่าวต่อไป “เฉินต้าชือ, ท่านไม่มีจิตใจที่เด็ดเดี่ยว ท่านยังเชื่อมั่นที่จะพูดถึงปรัชญา? ท่านกล้าที่จะโอ้อวดวิถีทางของท่าน? ท่านกล้าที่พูดกับข้าเรื่องเต๋าแห่งการปรุงยาจริงๆ?”
ความเงียบปกคลุมพื้นที่สี่เหลี่ยมจัตุรัสอยู่สักพัก จากนั้นเสียงพูดคุยก็ดังขึ้นไปทั่ว เฉินเจียสี่หอบหายใจ จิตใจของมันเต็มไปด้วยความสับสน
ด้านหลังเมิ่งฮ่าว, โจวเต๋อคุนตัวสั่นสะท้าน จิตใจของมันหมุนเคว้งคว้าง ในทันใดนั้นเอง มันก็ตระหนักได้ว่า ทำไมตลอดหลายปีที่ผ่านมา มันถึงไม่สามารถกลายเป็นเทพกระถางม่วงได้ “หลายปีมานี้ ข้าเอาใจใส่อย่างหนักต่อเต๋าแห่งการปรุงยาที่อยู่รอบๆ ตัว” มันคิด “ข้าหยิบและเลือกอย่างวุ่นวาย…ข้าลืมถึงวิถีทางที่ข้าปรารถนาจะเดินไปตั้งแต่ต้น…ถ้าจิตใจอ่อนแอ แล้วจะสร้างสรรค์อะไรออกมาได้?”
ปรมาจารย์จื่อหลัว และสตรีผู้สวยงาม สบตากันอย่างมีความหมาย มีเพียงชายชราหน้าตาแดงก่ำที่นั่งอยู่ข้างพวกมัน ที่ยังคงหลับตา ไม่มีการขยับเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย
เสียงพูดคุยดังกระหึ่มขึ้นมาจากศิษย์สำนักชิงหลัว คำพูดของเมิ่งฮ่าวทำให้เกิดคลื่นแห่งอารมณ์ลูกใหญ่ พุ่งขึ้นไปในจิตใจของพวกมัน
“เจ้า…” ใบหน้าเฉินเจียสี่ซีดขาว ด้านข้างมัน หลี่อี้หมิงกำลังหอบหายใจอย่างรุนแรง
เมิ่งฮ่าวโบกสะบัดแขนเสื้อ เสียงของเขาราวสายฟ้าพุ่งขึ้นไปจนถึงสวรรค์ “เพราะตัวตนไม่เคยเปลี่ยนแปลง จิตใจถึงได้สามารถทนทาน ต่อการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาของดวงตะวันและจันทรา, พายุหมุนของสวรรค์และปฐพี รวมถึงการเดินทางอย่างยากลำบากพันขุนเขาหมื่นทะเล”
“เต๋าแห่งการปรุงยาจะคงอยู่ตลอดไป การเปลี่ยนแปลงอย่างนับไม่ถ้วนซึ่งคงอยู่ในจิตใจก็คือสูตรยา ตัวตนที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงก็คือกระถางปรุงยา”
“ข้าคือกระถางปรุงยา และจิตใจของข้าก็คือสูตรยา กลั่นสกัดจากด้านในเพื่อบรรลุกลายเป็นเซียน กลั่นสกัดที่ภายนอกเพื่อบรรลุถึงเต๋าแห่งการปรุงยาอันไร้ขอบเขต หลอมรวมพวกมันเข้าด้วยกัน และนี่ก็คือการปรุงยาที่แท้จริง การปรุงยาก็คือสวรรค์! การปรุงยาก็คือปฐพี! การปรุงยาก็คือโลกแห่งนี้!
“นี่คือเต๋าแห่งการปรุงยาของข้า!” ในที่สุด ชายชราหน้าแดงก่ำ ที่อยู่ข้างปรมาจารย์จื่อหลัวก็ลืมตาขึ้น และมองมายังเมิ่งฮ่าว
ศิษย์สำนักชิงหลัวแต่ละคนและทุกๆ คน ไม่ว่าพวกมันจะเป็นใคร ตอนนี้ต่างก็กำลังมองมายังเมิ่งฮ่าว ความเงียบราวความตายปกคลุมไปทั่ว ขณะที่พวกมันจ้องมาด้วยสายตาที่ส่องประกายเจิดจ้า
โจวเต๋อคุนจ้องมายังเมิ่งฮ่าวด้วยความตื่นเต้น ในตอนนี้ จิตใจของมันไร้ความสงสัยแม้แต่น้อยนิด ทั้งหมดนี้ถูกแทนที่ด้วยความยินดีและภาคภูมิใจ ทั้งหมดนี้ก็เนื่องมาจากฟางมู่, นักปรุงยาแห่งแผนกเม็ดยาบูรพา!
มันตัดสินใจเรียบร้อยแล้ว หลังจากที่กลับไปยังสำนัก มันจะช่วยฟางมู่ให้ได้รับการยอมรับจากเจ้าแห่งเตาคนอื่นๆ
อันที่จริง หลังจากการโต้เถียงครั้งนี้ อีกไม่นานทั้วทั้งดินแดนด้านใต้ก็จะพูดถึงฟางมู่กันไปทั่ว
ใบหน้าเฉินเจียสี่ซีดขาว ราวกับว่าวิญญาณของมันได้หายไปโดยสิ้นเชิง ข้างกายมัน หลี่อี้หมิง หลั่งเหงื่อเย็นเยียบออกมา และกำลังพูดพึมพำกับตัวเอง ไม่มีใครบอกได้ว่า มันกำลังท่องคำพูดของเมิ่งฮ่าว และประทับคำพูดเหล่านั้นลงไปในจิตใจของมันอย่างจริงจัง
ความเงียบอย่างน่าเหลือเชื่อปกคลุมพื้นที่สี่เหลี่ยมจัตุรัส ทุกคนตัวสั่นสะท้านไปจนถึงไขกระดูกด้วยคำพูดของเมิ่งฮ่าว
ปรมาจารย์จื่อหลัว และผู้ฝึกตนขั้นวิญญาณแรกก่อตั้งคนอื่นๆ ทั้งหมดต่างก็กำลังคิดในเรื่องเดียวกัน “เจ้าเด็กผู้นี้…ต้องมีอนาคตอันไร้ขีดจำกัด!”
“ไร้สาระ!!” เฉินเจียสี่ร้องออกมา เสียงแผดร้องของมันทำลายความเงียบลง มันทะยานขึ้นไปบนแท่นเวที ไปยืนอยู่ตรงหน้าเมิ่งฮ่าว ดวงตาแดงก่ำ จ้องมายังเมิ่งฮ่าวด้วยโทสะ รู้สึกอับอายจนกลายเป็นความโกรธ “เจ้ามันไม่มีอะไร นอกจากลิ้นอันแหลมคม และไร้ยางอาย! ถ้าคำพูดสามารถปรุงเม็ดยาได้ แม้แต่มนุษย์ธรรมดาก็สามารถเรียนรู้การปรุงยา! ข้าได้ฝึกฝนในเต๋าแห่งการปรุงยามาหลายปี ข้าได้จดจำพืชสมุนไพรได้มากถึงหนึ่งแสนชนิด ข้ารู้วิธีการตอนกิ่งถึงแปดแสนแบบ! เจ้าใช้วิธีการอันน่าละอายในการกลายมาเป็นเจ้าแห่งเตา แต่จริงๆ แล้ว เจ้าก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าอาจารย์ปรุงยา! ในเรื่องนี้ เจ้ากล้าที่จะมาประลองกับข้า?!” เฉินเจียสี่ไม่มีทางเลือกอื่นเหลืออยู่จริงๆ ความก้าวร้าวของมันก่อนหน้านี้ ได้ถูกเหยียบย่ำลงโดยคำติเตียนอันดุร้ายของเมิ่งฮ่าว
มันรู้สึกราวกับว่า กำลังถูกตบไปที่ใบหน้า ราวกับมีคมมีดปักลงมาบนหน้าอกของมัน ในการเป็นนักปรุงยา ทั้งหมดที่เมิ่งฮ่าวพูด ได้โจมตีมาที่มันโดยตรง
“ท่านต้องการจะประลองอย่างไร?” เมิ่งฮ่าวกล่าวตอบ เสียงของเขาเย็นชา และดวงตาก็เย็นเยียบราวน้ำแข็ง เขาต้องการที่จะบดขยี้เฉินเจียสี่มานานแล้ว
——————-
เยี่ยหลางเป็นผู้ครองแคว้นเล็กๆ ของจีนในสมัยโบราณ เคยรำพึงถามราชทูตของจักรพรรดิหานว่า “แคว้นไหนยิ่งใหญ่กว่ากัน, เยี่ยหลาง หรือ หาน?” จึงเป็นที่มาของคำว่า 夜郎自大 = เยี่ยหลางจื้อต้า (เยี่ยหลางคิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่)