เมิ่งฮ่าวขมวดคิ้ว เขาและโจวเต๋อคุน อาจจะไม่ชอบแผนกเม็ดยาพสุธามากนัก เมื่อครู่นี้ ถึงพวกเขาจะพูดคุยกันในช่วงการสอนของพวกมัน แต่ก็ไม่ได้ทำสิ่งใดๆ ที่ก้าวร้าวเลยแม้แต่น้อย
คำพูดของเฉินเจียสี่เมื่อครู่นี้เกินกว่าที่จะรับได้ ราวกับกระบี่ที่ทิ่มแทงเข้ามา
แผนกเม็ดยาพสุธาเลือกที่จะโจมตีโจวเต๋อคุนอย่างเปิดเผย ความอัปยศที่ได้รับไม่ใช่มันเพียงผู้เดียว แต่เป็นทั้งแผนกเม็ดยาบูรพา เห็นได้ชัดว่า พวกมันต้องการจะสร้างชื่อเสียงโดยการทำลายโจวเต๋อคุนและเมิ่งฮ่าว
ถ้าเมิ่งฮ่าวและโจวเต๋อคุนตกเป็นเบื้ยล่างในวันนี้ ก็เป็นเรื่องง่ายที่จะคิดไปว่า ข่าวเรื่องนี้จะกระจายออกไปทั่วทั้งดินแดนด้านใต้ด้วยความรวดเร็วแค่ไหน แผนกเม็ดยาบูรพาก็จะประสบกับการเสียหน้าอย่างใหญ่หลวง เมิ่งฮ่าวและโจวเต๋อคุนก็จะกลายเป็นตัวตลกให้ผู้คนหัวเราะเยาะเย้ยไปทั่ว
สำหรับนักปรุงยา ชื่อเสียงเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างสูงสุด
นี่เป็นสิ่งที่โจวเต๋อคุนกำลังคิดอยู่ในตอนนี้ ใบหน้าของมันจริงจัง ขณะที่มองจากแท่นเวทีลงมายังเฉินเจียสี่ที่มีท่าทางภาคภูมิใจ
เฉินเจียสี่จ้องกลับไป มันได้รอคอยสำหรับวันนี้มานานมาก จากทักษะในเต๋าแห่งการปรุงยาของมัน สามารถกล่าวได้ว่ามันเป็นผู้ถูกเลือกในแผนกเม็ดยาพสุธา ยิ่งไปกว่านั้น ในแง่ของการโต้เถียง ก็มีน้อยคนในสำนักที่จะสามารถสู้กับมันได้
หลายวันก่อน มันรู้ว่าสำนักชิงหลัวได้เชื้อเชิญทั้งแผนกเม็ดยาบูรพา และแผนกเม็ดยาพสุธามาพร้อมกัน มันก็คิดว่าช่างเป็นโอกาสที่ยอดเยี่ยมมากในทันที
ในเวลานั้น มันได้ตัดสินใจที่จะใช้โอกาสนี้เพื่อยกระดับตัวเอง…สำหรับนักปรุงยา ไม่มีวิธีไหนที่จะดีไปกว่าการมีชื่อเสียงโด่งดัง เนื่องมาจากการสร้างความอัปยศให้กับเจ้าแห่งเตา แห่งแผนกเม็ดยาบูรพาได้อีกแล้ว
เพียงแค่คิดก็ทำให้มันต้องตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง ขณะที่มันจ้องไปยังโจวเต๋อคุน ที่มันเห็นไม่ใช่ผู้ฝึกตน แต่เป็นหินรองรับเท้าสำหรับชื่อเสียงของมัน
“หลังจากที่ข้าบดขยี้ชายชราผู้คร่ำครึ และเจ้าเด็กบัดซบจากแผนกเม็ดยาบูรพานั้นได้” มันคิด “นามของเฉินเจียสี่ก็จะโด่งดังไปทั่วทั้งในสำนักและด้านนอก!”
ที่กำลังยืนอยู่ข้างกายเฉินเจียสี่ก็คือ หลี่อี้หมิง ผู้ซึ่งแอบซ่อนความคิดเดียวกันนี้ไว้
โจวเต๋อคุน มองไปที่พวกมัน และเริ่มทำการสอนต่อไป “อาณาจักแห่งพืชสมุนไพรมีอยู่สามอาณาจักร, อาณาจักรแรกประกอบไปด้วยสมุนไพรหนึ่งแสนชนิด, อาณาจักรที่สอง…” ก่อนที่มันจะได้พูดต่อ เฉินเจียสี่ก็หัวเราะเป็นเสียงดังก้องกังวานไปทั่ว
มันตบฝ่ามือลงไปบนโต๊ะ และยืนขึ้น “โจวเต๋อคุนต้าชือ, เจ้าแห่งเตา ของแผนกเม็ดยาบูรพา อย่าบอกข้านะว่าท่านปฏิเสธที่จะตอบคำถามของสหายเต๋าอื่นๆ ที่สงสัยในเนื้อหาที่ท่านสอนมา? ท่านเกรงกลัวว่าจะพูดอะไรที่ไร้สาระออกมา? หรือ…เป็นไปได้หรือไม่ว่า ท่านกำลังหลอกลวงสหายเต๋าแห่งสำนักชิงหลัวอยู่?” คำพูดของมันเต็มไปด้วยคำเสียดสีถากถาง และสีหน้าเยาะเย้ยบนใบหน้าของมันก็ยากที่จะปิดบังไว้ได้ ความพึงพอใจเต็มอยู่ในจิตใจของมัน ซึ่งคิดว่ามันได้รับชัยชนะไปเรียบร้อยแล้ว!
โจวเต๋อคุนมีโทสะพุ่งขึ้นมองไปยังเฉินเจียสี่ ในตอนนี้ ไม่มีทางที่มันจะแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินคำพูดซึ่งพุ่งโจมตีมา, ไม่ใช่ที่มัน แต่เป็นแผนกเม็ดยาบูรพา ถึงแม้ว่าการโจมตีนี้ไร้สาระเป็นอย่างยิ่ง แต่มันก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องตอบกลับไปอย่างเปิดเผย
เมื่อได้เห็นปฏิกิริยาของโจวเต๋อคุน ก็ทำให้เฉินเจียสี่เต็มไปด้วยความมั่นใจ ก่อนที่จะมายังสำนักชิงหลัว มันได้สอบถามจนรู้ว่าโจวเต๋อคุนผู้มีชื่อเสียงจะมาด้วย แต่จากการตรวจสอบของเฉินเจียสี่ ก็ทำให้มันมั่นใจว่า มันสามารถเอาชนะโจวเต๋อคุนในแง่ของความเข้าใจในเต๋าแห่งการปรุงยาได้
ศิษย์สำนักชิงหลัวในเขตพื้นที่สี่เหลี่ยมจัตุรัสสังเกตดูอย่างเงียบๆ แต่ก็ดูเหมือนจะเริ่มตื่นเต้นขึ้น หลายคนเป็นศิษย์แกนหลัก รวมถึงหานเป้ย ซึ่งมองมาพร้อมรอยยิ้ม ขณะที่ความขัดแย้งระหว่างแผนกเม็ดยาบูรพา และแผนกเม็ดยาพสุธาเริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้น
ปรมาจารย์วิญญาณแรกก่อตั้งทั้งสาม นั่งหลับตาอยู่ที่นั่น เห็นได้ชัดว่ากำลังเข้าฌาณอยู่ พวกมันไม่เข้ามาแทรกแซง เห็นได้ชัดว่าพวกมันกำลังมีความสุขในภาพที่เกิดขึ้นนี้
“โจวต้าชือ ไร้ประโยชน์ที่จะถลึงมองมายังข้า” เฉินเจียสี่พูดเสียงราบเรียบ “ท่านยังไม่ได้อธิบายว่า ความจริงขั้นสูงสุดคืออะไร” เสียงของมันดูเหมือนจะปกติธรรมดา แต่ดวงตาก็เต็มไปด้วยความดุร้าย ซึ่งทำให้โจวเต๋อคุนมีโทสะมากยิ่งขึ้น
“ความจริงเป็นตัวแทนของกฎกติกา” มันกล่าวตอบ ตอกย้ำไปทีละคำ “ถ้าไม่คำนึงถึงการเปลี่ยนแปลงที่นับไม่ถ้วนอื่นๆ กฎกติกาจะคงอยู่ในจิตใจตลอดไป การใช้ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงไม่ได้ของกฎกติกา ทำให้สามารถเร่งปฏิกิริยาพืชสมุนไพรได้นับแสน ยิ่งไปกว่านั้น การพิสูจน์ความจริงของเต๋าแห่งการปรุงยา ก็ก่อให้เกิดเป็นสูตรยาออกมา ด้วยความรู้แจ้งนั้น ก็จะรับรู้ถึงความยาวไกลของสิ่งที่พวกเราเรียกว่าวิถีแห่งการปรุงยา ศึกษาวิจัยต่อไปก็คือเป้าหมายที่แท้จริง!”
เฉินเจียสี่จ้องมาด้วยความตกใจในคำพูดเหล่านี้ มันไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่า โจวเต๋อคุน จะสามารถตอบโต้ได้เช่นนี้ อันที่จริง ก่อนที่จะได้พูดคุยกับเมิ่งฮ่าว โจวเต๋อคุนก็ยังไม่สามารถพูดได้เช่นนี้ แต่การพูดคุยกันเมื่อครู่นี้ ทั้งได้พิสูจน์ถึงสิ่งที่มันได้เข้าใจมาก่อนหน้านี้ ทั้งได้รับการรู้แจ้งใหม่ๆ เฉินเจียสี่และหลี่อี้หมิงต่างก็ขมวดคิ้วกันทั้งคู่ ผู้ฝึกตนที่อยู่รายรอบก็ดูเหมือนจะได้รับการรู้แจ้งใหม่ๆ ด้วยเช่นกัน
“โจวต้าชือ, ข้าไม่เห็นด้วยกับการอธิบายของท่านจริงๆ” เฉินเจียสี่กล่าว ดวงตาส่องประกาย ในตอนนี้ มันไม่ได้ดูถูกโจวเต๋อคุนอีกต่อไป แต่มองมาอย่างเคร่งเครียดจริงจัง “ถ้าตัวของมันเองไม่อาจเปลี่ยนได้” มันกล่าวช้าๆ “แล้วการเปลี่ยนแปลงจะมาจากไหน?! ตัวมันเองเหมือนกับสายน้ำ ถ้าสายน้ำไม่ไหล มันก็จะตายไป น้ำที่มีการเคลื่อนไหวก็ทำให้แม่น้ำไหลไปอย่างไม่รู้จบ เช่นเดียวกัน การเปลี่ยนแปลงได้ก็จะคงอยู่ต่อไป!” คำพูดของมันทำให้ใบหน้าของโจวเต๋อคุนเปลี่ยนไป มันกำลังจะกล่าวตอบ แต่เฉินเจียสี่ก็โบกสะบัดแขนเสื้อและพูดแทรกขึ้น “ต้นไม้จะนิ่งสงบอยู่ท่ามกลางสายลมได้หรือไม่? มีแต่ต้นไม้ที…อยู่ในภาพวาดเท่านั้น! การเคลื่อนไหวของต้นไม้แสดงให้เห็นถึงสายลมที่กำลังพัดอยู่ และแสดงถึงการคงอยู่ของตัวมันเอง!”
“โจวต้าชือ ท่านบอกว่าตัวตนเป็นสิ่งที่เปลี่ยนไม่ได้ ช่างน่าหัวเราะนัก! บางทีนี่ถึงเป็นเหตุผลที่ทำไมท่านถึงยังไม่ได้เป็นเทพกระถางม่วง ความเข้าใจในเต๋าแห่งการปรุงยาของท่าน เห็นได้ชัดว่า ท่านก็เหมือนบุปผาที่ตกหลุมรักกลิ่นหอมของตัวเอง! มีแต่ชื่อเสียงอันจอมปลอม! การที่ท่านจะกลายเป็นเทพกระถางม่วงได้ช่างเป็นเรื่องที่เพ้อฝันนัก!”
คำพูดที่ร้ายกาจเช่นนั้น ทำให้โจวเต๋อคุนตัวสั่นสะท้าน มันยกนิ้วชี้ไปยังเฉินเจียสี่ และพูดว่า “เจ้า…เจ้า…”
“ข้าอะไร? อย่าบอกนะว่าท่านไร้คำพูด? แม่น้ำที่หยุดนิ่ง ก็ไม่มีอะไรนอกไปจากน้ำที่เน่าเสียแล้ว ต้นไม้ที่ไม่ขยับไหวเอน ก็มีเพียงแต่ในรูปภาพ โจวต้าชือ เห็นได้ชัดว่า ท่านอยู่ในโลกของน้ำที่เน่าเหม็น แต่ดูถูกกลุ่มเมฆที่ลอยไปมา ข้าบอกว่าท่านมีแต่ชื่อเสียงอันจอมปลอม…ข้าพูดผิด? ท่านมีชีวิตอยู่แต่ในภาพวาด ไม่สนใจฟ้าดิน ละเลยต่อโลกภายนอก ข้าบอกว่าท่านเป็นบุปผาที่หลงรักแต่กลิ่นหอมของตัวเอง ก็ผิดด้วย?” เสียงพูดของเฉินเจียสี่ดังมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง เมื่อมันด่าจบ ใบหน้าโจวเต๋อคุนซีดขาว และดวงตาของมันก็เหมือนจะมีเปลวไฟพุ่งออกมา เห็นได้ชัดว่ามันถูกบิดเบือนคำพูด แต่บางคำก็ดูเหมือนจะมีเหตุผล จิตใจของมันเต็มไปด้วยคำพูดที่จะตอบโต้กลับไป แต่มันก็ไม่อาจจะพูดออกมาจากปากได้
“ไร้สาระ!” มันร้องตะโกนอย่างเกรี้ยดกราด เมื่อได้ยินเช่นนี้ เมิ่งฮ่าวก็แอบถอนหายใจ
“ไร้สาระ?” เฉินเจียสี่กล่าว “ก็ดี ให้ข้าอธิบายท่านเถอะว่าความจริงคืออะไร! เมื่อพิจารณาถึง หยินและหยาง, ตะวันและจันทรา ในโลกแห่งการปรุงยาอันยิ่งใหญ่ ดวงตะวันอันไร้ขอบเขตก็คือหยาง ซึ่งทำให้ทุกอย่างเผาไหม้และหลอมละลาย นี่คือกระถางปรุงยา! จันทราก็คือการเปลี่ยนแปลงของหยิน ซึ่งก็คือสูตรยา! นี่คือความจริง! โจวต้าชือ, ถ้าท่านอยู่ในจุดสูงสุดของเต๋าแห่งการปรุงยาจริงๆ ท่านกล้าที่จะบอกว่ากระถางปรุงยา ซึ่งเป็นตัวแทนของดวงตะวันอันไร้ขอบเขต จะยังคงอยู่ในจิตใจของท่าน? ท่านกล้าพอที่จะบอกว่าจันทราซึ่งเป็นตัวแทนของสูตรยาอันไร้จุดที่สิ้นสุดได้ถูกกำหนดอยู่ในจิตใจของท่าน? การที่บอกว่า ท่านมีแต่ชื่อเสียงอันจอมปลอม, บุปผาที่หลงรักแต่กลิ่นหอมของตัวเอง จริงๆ แล้วก็ให้เกียรติท่านมากแล้ว!”
ไร้คำตอบ มีแต่ความเงียบ คำพูดของเฉินเจียสี่ดังก้องไปมาในเขตพื้นที่สี่เหลี่ยมจัตุรัส ศิษย์สำนักชิงหลัวทั้งหมดต่างก็มองมาด้วยความตกตะลึง
ปรมาจารย์จื่อหลัว และสตรีผู้สวยงาม ลืมตาขึ้นมา และมองไปยังเฉินเจียสี่ ด้วยท่าทางเคร่งเครียด
โจวเต๋อคุนร่างสั่นสะท้าน มันต้องการจะพูด แต่จิตใจของมันสับสนวุ่นวาย สายตาทุกคู่เพ่งมองมายังมัน การเยาะเย้ยอย่างเปิดเผยด้วยวิธีการเช่นนี้ ทำให้มันอารมณ์เสียจนไร้วาจาที่จะกล่าว
เมื่อมันกำลังจะเปิดปากพูดจา เสียงเย็นชาของเมิ่งฮ่าวก็ดังออกมา “ข้า, ฟางมู่ มีคำถามเล็กน้อย” เขาลุกขึ้นยืน ลอยตัวขึ้นไปยืนอยู่ที่ข้างกายโจวเต๋อคุน ด้านบนแท่นเวที
โจวเต๋อคุนมองมายังเมิ่งฮ่าว ราวกับว่าเขาเป็นญาติสนิท มันรู้ว่าเมิ่งฮ่าวมีคำพูดที่แหลมคม สูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ มันไม่พูดอะไรออกมาอีก แต่ถอยไปด้านหลังสองสามก้าว ยินดีที่จะให้เมิ่งฮ่าวอยู่ตรงกลางเวที
สายตาอันเย็นชาของเมิ่งฮ่าวกวาดผ่านไปทั่ว สุดท้ายก็ไปหยุดนิ่งตรงเฉินเจียสี่
“ขอทราบรายละเอียด” เฉินเจียสี่กล่าว ยิ้มออกมา สีหน้าของมันไม่เปลี่ยนไป แต่ภายใน มันสงบจิตใจและเตรียมพร้อม มันรู้เกี่ยวกับฟางมู่ไม่มากนัก แต่เมือพิจารณาจากการพูดคุยครั้งแรกที่ด้านนอกสำนักชิงหลัว มันก็รู้ว่า เขาไม่ใช่คนที่จะพูดคุยด้วยได้อย่างง่ายดาย
แต่มันก็มีความเชื่อมั่นในเต๋าแห่งการปรุงยาของมัน นอกจากนี้ ฟางมู่ได้ใช้วิธีพิเศษในการกลายมาเป็นเจ้าแห่งเตา ดังนั้น เฉินเจียสี่ก็ยิ่งมีความเชื่อมั่นขึ้นเป็นอย่างมาก รอยยิ้มเหยียดหยามเต็มอยู่บนใบหน้าของมัน
ศิษย์สำนักชิงหลัวที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้นทั้งหมด หันหน้ามองมายังเมิ่งฮ่าว ดวงตาหานเป้ยหรี่เล็กลง แอบซ่อนประกายที่เต็มอยู่ในดวงตาไว้ ความสนใจทั้งหมดเพ่งจับอยู่ที่เมิ่งฮ่าว แม้แต่สายตาของสตรีผู้สวยงาม ซึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่ ก็กำลังมองมาที่เขาด้วยสีหน้าแปลกประหลาดใจ
หลังจากที่ได้ยินคำพูดเฉินเจียสี่ ศิษย์สำนักชิงหลัวเกือบทั้งหมดก็รู้สึกว่า เป็นคำพูดที่ค่อนข้างมีเหตุผล
“ข้ามีสามคำถาม” เมิ่งฮ่าวกล่าว ด้วยเสียงราบเรียบ “คำถามแรกเกี่ยวกับความจริง ท่านเอ่ยถึงตะวันและจันทรา ดวงตะวันอันไร้ขอบเขต ท่านบอกว่าก็คือกระถาง และจันทราที่ส่องสว่างเป็นแหล่งกำเนิดของสูตรยา ข้าขอถามท่านว่า ใครเป็นคนสร้างกระถางปรุงยา และใครเป็นคิดค้นสูตรยา?”
“ฟางต้าชือ, ท่านเรียนรู้ในเต๋าแห่งการปรุงยามาน้อยนิดจริงๆ?” เฉินเจียสี่กล่าวตอบพร้อมหัวเราะ “คนโบราณจ้องมองไปยังดวงตะวันอันไร้ขอบเขต และเกิดเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างกระถางปรุงยาออกมา สำหรับสูตรยาก็เช่นกัน คนโบราณได้รับความรู้แจ้งจากจันทรา และจากนั้นก็จดบันทึกพืชสมุนไพรที่แตกต่างกันจนนับไม่ถ้วน ด้วยเช่นนั้น ข้าจึงบอกว่า ตะวันอันไร้ขอบเขตก็คือกระถางปรุงยา และจันทราที่เจิดจ้าคือสูตรยา ตะวันและจันทราเป็นสิ่งที่ก่อให้เกิดสิ่งมีชีวิตทั้งมวล!” เสียงพึมพำด้วยความตื่นเต้นกระจายออกไปทั่วทั้งกลุ่มคนในบริเวณนั้น
เมิ่งฮ่าวกล่าวตอบด้วยเสียงราบเรียบ พูดไม่เร็วไม่ช้าออกมา “ตะวันอันไร้ขอบเขตก็คือร่างของสวรรค์ในท้องฟ้า แสงอันเจิดจ้าของมันทำให้ไม่อาจจะมองเห็นดาวดวงอื่นๆ เมื่อคนโบราณจ้องมองไป สิ่งที่พวกมันมองเห็นไม่ใช่ดวงตะวัน แต่เป็นท้องฟ้า! ท่านกล่าวว่า โจวต้าชือ มีแต่ชื่อเสียงอันจอมปลอม ก็ดี, เฉินต้าชือ ข้าขอบอกว่า ท่านเป็นกบน้อยในบ่อลึก ซึ่งมองไปยังตะวันอันเจิดจ้า แต่มองไม่เห็นท้องฟ้าซึ่งปกคลุมดวงตะวันนั้นไว้!”
“จันทราก็เป็นร่างอื่นๆ ของสวรรค์ที่มีร่างอยู่มากมาย มักจะเห็นได้ในท้องฟ้ายามราตรี เนื่องจากการมีอยู่ของความมืดและแสงสว่าง ผู้คนจึงเชื่อว่าท้องฟ้ายามราตรี และกลางวันอันเจิดจ้าได้ผัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันไป อันที่จริง ท่ามกลางร่างของสวรรค์ทั้งหมด มีเพียงสิ่งเดียวที่ไม่มีการเคลื่อนไหว ก็คือตัวสวรรค์เอง!
“ท่านยืนกรานว่าโจวต้าชือเป็นบุปผาที่หลงรักแต่กลิ่นหอมของตัวเอง เฉินต้าชือ, ข้าขอบอกว่าท่านมีสายตาที่แคบนัก ท่าน, นักปรุงยาเล็กๆ กล้าที่จะบอกว่าตะวันและจันทรา ให้กำเนิดสิ่งมีชีวิตทั้งมวล! เมื่อท่านประเมินค่าของตัวเองสูงส่งเกินไป ถ้าเช่นนั้น ข้า, ฟางมู่ จะบอกท่านในวันนี้ ถ้าตะวันและจันทราให้กำเนิดสิ่งมีชีวิตทั้งหมด เช่นนั้น สวรรค์ก็เป็นผู้ให้กำเนิดตะวันและจันทรา!” เมื่อเขาพูดจบ เสียงของเขาก็ดังก้องออกไปราวกับเสียงฟ้าผ่า แทงเข้าไปในจิตใจของเฉินเจียสี่ ทำให้มันมีใบหน้าที่หมองคล้ำลงในทันที