หนึ่งในหุบเขาของแผนกเม็ดยาบูรพา ถูกเรียกว่า หุบเขาโอสถสวรรค์ มีผู้คนถึงสองหมื่นคน นั่งเป็นรูปครึ่งวงกลมอยู่รอบๆ เวทีที่ยกสูงขึ้นไป
นี่เป็นหนึ่งในสามสถานที่ ซึ่งเจ้าแห่งเตาจะมาสอนเกี่ยวกับเรื่องของการปรุงยา ย้อนกลับไปเมื่อเมิ่งฮ่าวยังเป็นเด็กฝึกปรุงยา เขามักจะมายังสถานที่ทั้งสามแห่งนี้ เพื่อฟังเจ้าแห่งเตาพูดเกี่ยวกับเม็ดยา, ต้นสมุนไพร ซึ่งมีประโยชน์ต่อเขาเป็นอย่างมาก
นอกจากหุบเขาทั้งสามนี้แล้ว ก็ยังมีอีกสิบหุบเขา ที่ซึ่งอาจารย์ปรุงยาจะเปิดการสอน นี่จึงเป็นเหตุผลที่ เมิ่งฮ่าวรู้สึกราวกับว่าแผนกเม็ดยาบูรพาไม่ใช่สำนัก แต่เป็นสถาบันการศึกษาที่ใช้สำหรับเรียนรู้สิ่งที่ยากๆ ขึ้นไป มีสิบสามหุบเขา ซึ่งทั้งอาจารย์ปรุงยา และเจ้าแห่งเตาจะมาทำการสอน ไม่ใช่เพราะว่าพวกมันถูกเรียกร้องให้มาสอน แต่เป็นเพราะพวกมันต้องการมาสอนเอง
ยิ่งไปกว่านั้น เนื้อหาที่สอนของอาจารย์ปรุงยา และเจ้าแห่งเตาทั้งหลายก็มักจะแตกต่างกัน ผู้ฝึกตนของแผนกเม็ดยาบูรพา สามารถเลือกได้ว่า หัวข้อไหนที่พวกมันต้องการจะเข้าฟัง
บางหัวข้อก็จะมีผู้เข้าฟังเพียงไม่กี่ร้อย หรือพันคน บางหัวข้อก็เนืองแน่นเบียดเสียดกัน แน่นอนว่า หัวข้อที่สอนโดยเจ้าแห่งเตา มักจะแตกต่างจากอาจารย์ปรุงยา หัวข้อของเจ้าแห่งเตามักจะเป็นที่นิยมอย่างสูงสุด
ยกเว้น…การสอนครั้งแรกของเมิ่งฮ่าว หลังจากกลายเป็นเจ้าแห่งเตา มีผู้เข้าฟังเพียงแค่หนึ่งพันคน มันไม่ได้เนืองแน่นเต็มไปด้วยผู้คน แต่เมิ่งฮ่าวก็ไม่ได้สนใจ เขาพูดไปเกือบสองชั่วยาม จากนั้นก็สะบัดแขนเสื้อและจากไป
เมิ่งฮ่าวมาถึงหุบเขาโอสถสวรรค์ ติดตามมาด้วยสองเด็กฝึกปรุงยา เขาไม่สนใจสำหรับการสอนครั้งแรกที่มีผู้เข้าฟังแค่ประปราย แต่เขาก็ต้องตกตะลึง เมื่อได้เห็นผู้คนมากมายกำลังอยู่ในหุบเขาตอนนี้
เมื่อเขาเข้าไปใกล้ ก็มองเห็นเด็กฝึกปรุงยารวมถึงอาจารย์ปรุงยาบางส่วน นั่งขัดสมาธิอยู่ทุกที่ พวกมันทั้งหมดมองขึ้นไปยังแท่นเวที ซึ่งมีชายชราผมหงอกขาวไปทั่วทั้งศีรษะ กระจายกลิ่นอายราวเซียนผู้วิเศษยืนอยู่ที่นั่น
ชายชราผู้นี้คือเจ้าแห่งเตา และอยู่ในตำแหน่งหนึ่งในผู้อาวุโสของเจ้าแห่งเตา มันพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ซึ่งดังกระจายออกไปทั่วทุกทิศทาง ทุกคนสามารถได้ยินอย่างชัดเจน ดวงตาบางคนก็ส่องแสงเจิดจ้า เห็นได้ชัดว่า อยู่ในท่ามกลางการรู้แจ้ง
เวลาสอนของเมิ่งฮ่าว จริงๆ แล้วก็เป็นช่วงสองสามวันก่อน แต่โชคร้าย ที่ต้องเลื่อนออกไปเนื่องจากการปรุงเม็ดยา ตอนนี้ เขาต้องรอให้เจ้าแห่งเตาผู้อาวุโสนี้จบการสอนของมัน ก่อนที่เขาจะขึ้นไปสอนได้
เขาต้องรอคอย แต่เมื่อเป็นเจ้าแห่งเตา เขาก็ไม่ต้องรออยู่ที่ด้านนอกของหุบเขา ทันทีที่เขาเข้าไป ก็ถูกสังเกตเห็นโดยเด็กฝึกปรุงยาที่อยู่ใกล้ๆ มีศีรษะที่หันมามองเขาทีละคน ทีละคน ครั้นแล้วพวกมันก็ลุกขึ้นยืน และคารวะให้เขาด้วยความเคารพ เขายิ้มและพยักหน้ากลับไป พวกมันแยกออกจากกัน สร้างเป็นทางให้เขาเดินผ่านไป ด้วยความรู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อย
ไม่นานนัก ก่อนที่ทุกคนในหุบเขาทั้งหมด จะมองเห็นเขา รวมถึงผู้เข้าฟังที่นั่งอยู่ไกลออกไป พวกมันต่างก็ลุกขึ้นยืน และคารวะเขาด้วยความเคารพ
ในเวลาสั้นๆ การเข้าไปในหุบเขาของเขา ก็ทำให้เกิดความปั่นป่วนขึ้นเล็กน้อย ชายชราที่ยืนอยู่บนเวทีขมวดคิ้ว และหยุดการพูด มองมายังเมิ่งฮ่าวด้วยสีหน้าไม่พอใจ
“ฟางตานชือ, อย่าบอกนะว่า เจ้าไม่ทราบกฎระเบียบ?” มันกล่าวเสียงราบเรียบ ดังฟังชัดไปทั่วทั้งหุบเขา “ข้ากำลังสอนวิชาปรุงยาอยู่ในตอนนี้ ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่? ความวุ่นวายนี้ทำให้ข้าอารมณ์เสียจริงๆ !”
เมิ่งฮ่าวชำเลืองมองไปยังชายชราพร้อมคิ้วที่ขมวดขึ้นมาเล็กน้อย เขารู้ว่าเจ้าแห่งเตาคนอื่นๆ ไม่ค่อยพอใจเขานัก ถ้าเป็นสถานการณ์ที่แตกต่างไปจากตอนนี้ เมิ่งฮ่าวก็คงไม่ยอมปล่อยให้คำพูดของมันผ่านไปอย่างง่ายดาย แต่การที่เขามาปรากฎตัวขึ้นในที่นี้ ก็ทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้นมา และไปรบกวนการสอนของมันจริงๆ
“ยกโทษให้ข้าด้วย” เมิ่งฮ่าวกล่าวพร้อมกับรอยยิ้มน้อยๆ จากนั้นก็นั่งลงที่ด้านข้าง เขามาอยู่ที่นี้แล้ว ดังนั้นจึงต้องรอจนกว่าการสอนของมันจะจบลง
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ชายชราก็แค่นเสียงเย็นชาออกมา จากนั้นก็ไม่สนใจเมิ่งฮ่าว และดำเนินการสอนต่อไป
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ เจ้าแห่งเตาผู้ชราพูดต่อไป หยิบต้นสมุนไพรมาเร่งปฏิกิริยาเป็นครั้งคราว เด็กฝึกปรุงยาที่อยู่รายรอบก็นั่งฟังอย่างครุ่นคิด หลายคนที่เห็นได้ชัดว่ามีความรู้แจ้งขึ้นบนใบหน้า ดูเหมือนพวกมันจะได้รับประโยชน์จากการฟังครั้งนี้อยู่ไม่น้อย
แต่เมิ่งฮ่าว รู้สึกง่วงนอนอยู่เล็กน้อย น่าแปลกมากที่ดูเหมือนมีเขาเพียงคนเดียวเท่านั้นที่รู้สึกเช่นนี้ บางทีอาจเป็นเพราะเขาเหน็ดเหนื่อยมาจากการปรุงยา รวมถึงการสอนของชายชราที่ใช้คำพูดยืดยาวฟุ่มเฟือย โดยทั่วไป หลังจากแค่หนึ่งประโยค เมิ่งฮ่าวก็เข้าใจถึงจุดสำคัญ แต่ชายชราก็ยังคงอธิบายต่อไปด้วยประโยคที่สิบหรือมากกว่านั้น ยิ่งไปกว่านั้น เมิ่งฮ่าวก็คุ้นเคยกับลักษณะของต้นสมุนไพรต่างๆ ที่มันสอนเป็นอย่างดี ท่ามกลางเจ้าแห่งเตา ถ้าเมิ่งฮ่าวอยู่ในอันดับสองในแง่ของความรู้เกี่ยวกับพืชสมุนไพร ก็จะไม่มีใครอยู่ในอันดับหนึ่งอย่างแน่นอน
ไม่ว่าเหตุผลใดๆ ก็ตามที่เมิ่งฮ่าวรู้สึกเบื่อ ชายชรากำลังสอนเกี่ยวกับการปรุงยา มันอาจจะพูดจาเยิ่นเย้อยืดยาว แต่เมิ่งฮ่าวก็ไม่ทำสิ่งใดที่จะไปแทนที่มัน ไม่ทำในสิ่งที่ไม่อยากจะให้คนอื่นมาทำเช่นนั้นกับตัวเอง
หลังจากเวลาผ่านไป เขาก็ทำท่าหาวออกมา เขาอยู่ห่างจากแท่นเวทีสอนไม่มากนัก ดังนั้นชายชราผู้ยืดเยื้อก็สังเกตเห็น และชัดเจนว่ารู้สึกไม่พอใจ อารมณ์ของมันดูเหมือนจะจมลงไปต่ำกว่าก่อนหน้านี้ เมื่อเห็นท่าทางเกียจคร้านของเมิ่งฮ่าว มันก็มีโทสะขึ้นมาในทันที
มันหยุดการสอน และมองมายังเมิ่งฮ่าว ดวงตาลุกเป็นไฟ และคำพูดของมันก็ดังจนแสบแก้วหู “เจ้าแห่งเตาฟางมู่ อย่าบอกนะว่า เจ้ารู้สึกสงสัยต่อการสอนของข้า!?”
ทันทีที่คำพูดหลุดออกมาจากปากของมัน เด็กฝึกปรุงยาที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้นไม่ได้มีใบหน้าที่ตกตะลึงอีกต่อไป แต่พวกมันมองอย่างตื่นเต้นมายังเมิ่งฮ่าวแทน
จากสีหน้าเช่นนั้น ก็ดูเหมือนว่าท่าทางตกตะลึงบนใบหน้าของพวกมันเมื่อครู่นี้ เป็นการฝืนแสดงออกมา บางคนอาจจะเป็นของจริง แต่ส่วนใหญ่เป็นใบหน้าที่เสแสร้งขึ้น
ความเงียบปกคลุมไปทั่วท่ามกลางกลุ่มเด็กฝึกปรุงยา แต่ความคิดหลากหลายก็พุ่งขึ้นมาในจิตใจของพวกมัน
“เจ้าแห่งเตาสองคนกำลังโต้เถียงกัน ข้าเข้าฟังการสอนมามากมาย แต่ก็ไม่เคยเห็นอะไรเช่นนี้มาก่อน!”
“แน่นอนว่าเจ้าแห่งเตาโจวสามารถพูดได้ ถ้ามันไม่พอใจในช่วงการสอนของมัน มันก็จะมีโทสะอย่างแน่นอน นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำไมพวกเราทั้งหมดถึงได้แสร้งทำเป็นสนใจ ถ้าพวกเราไม่ทำ ก็คงต้องโชคร้ายอย่างแน่นอน…”
“อา, นั่นเป็นคนใหม่ที่กำลังมีชื่อเสียงโด่งดัง ศิษย์สายในของแผนกลมปราณม่วงทุกคน ต่างก็เทิดทูนเจ้าแห่งเตาฟาง แต่อีกคนเป็นเจ้าแห่งเตาโจว ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ที่มีคุณสมบัติมากที่สุดในเจ้าแห่งเตาทั้งหมด ข้าอยากรู้นักว่าใครจะเหนือกว่ากัน…?”
เมิ่งฮ่าวขมวดคิ้ว และมองขึ้นไปยังชายชราแซ่โจว
“ข้าไม่ได้สงสัยในสิ่งใดๆ ที่ท่านพูดมา, เจ้าแห่งเตาโจว” เขากล่าวเสียงราบเรียบ “ข้าแค่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยเล็กน้อยจากการปรุงเม็ดยา และต้องการพักผ่อนเพียงชั่วครู่”
เมื่อได้เห็นเมิ่งฮ่าวยอมอ่อนข้อให้ถึงสองครั้ง ก็ทำให้ความรู้สึกดูถูกส่องประกายอยู่ในดวงตาของชายชราแซ่โจว “โกหก! เห็นได้ชัดว่าเจ้ากำลังดูถูกการสอนของข้า! ข้าอยากฟังเจ้าอธิบายถึงรายละเอียดในสิ่งที่เจ้าสงสัย ถ้าเจ้าไม่อาจอธิบายได้ ก็โปรดจากไปในทันที ข้ารู้สึกรำคาญที่เจ้ามาพักผ่อนอยู่ที่นี่จริงๆ!”
แสงอันเย็นชาปรากฎขึ้นในดวงตาเมิ่งฮ่าว เขาได้ยอมอ่อนข้อให้ถึงสองครั้ง เขารู้ว่าจริงๆ แล้ว ก็เป็นการไม่ถูกต้องที่เขาไปรบกวนการสอนของชายชรา แต่มันก็ล้ำเส้นมากเกินไป ถึงแม้เมิ่งฮ่าวค่อนข้างจะมีอารมณ์ดี แต่แสงอันเย็นชาในดวงตาก็แสดงให้เห็นถึงระดับความไม่พอใจของเขา
“เดิมที ข้า, ฟางมู่ ไม่ต้องการจะสร้างความลำบากใจใดๆ เนื่องจากชุดยาวสีดำของเจ้าแห่งเตาที่ท่านสวมใส่อยู่” เสียงที่เฉยชาของเมิ่งฮ่าว ทันใดนั้น ก็เปลี่ยนเป็นแหลมคมขึ้นมา “แต่เมื่อเจ้าแห่งเตายืนกรานเช่นนั้น ข้าก็จะชี้แจงถึงข้อสงสัยสักเล็กน้อย!”
ทันใดนั้น เด็กฝึกปรุงยาที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้นทั้งหมด ต่างก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาในทันที สิ่งที่น่าสนใจบางอย่างกำลังจะเกิดขึ้น! แม้แต่ดวงตาของอาจารย์ปรุงยาก็เริ่มส่องประกาย การแสดงออกเหล่านี้มากเกินกว่าความกระตือรือร้นที่เกิดขึ้นมาก่อนหน้านี้อย่างแท้จริง
ชายชราแซ่โจวส่งเสียงแค่นอย่างเย็นชาออกมา และกำลังจะพูดบางอย่าง แต่เมิ่งฮ่าวก็ขัดจังหวะมันอย่างไร้มารยาทโดยสิ้นเชิง
“จากความเข้าใจในเต๋าแห่งการปรุงยาของท่าน อันดับแรกผู้คนต้องเข้าใจอย่างลึกซึ้ง ในพืชสมุนไพรมากมายหลายชนิดเหล่านั้น จากนั้นก็วางแผนดำเนินการอย่างละเอียด แล้วค่อยปรุงเม็ดยาขึ้นมา แนวคิดเช่นนี้ไม่มีอะไรมากไปกว่าเรื่องไร้สาระ!”
“ฟางมู่, เจ้าช่างบังอาจนัก!” ชายชราแผดเสียง จ้องมองมาอย่างมีโทสะ “ข้าท้าให้เจ้าพูดมันอีกครั้ง!”
เมิ่งฮ่าวกล่าวตอบ ด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่คำพูดของเขาก็เต็มไปด้วยความก้าวร้าวและฟังดูน่ากลัว “ท่านตั้งใจจะปรุงเม็ดยาอะไรด้วยวิธีการเช่นนั้น? เต๋าแห่งการปรุงยาถูกสร้างขึ้นมาโดยสวรรค์ และต้องใช้ความรู้แจ้งส่วนตัว ความสำเร็จที่เกิดขึ้น เพียงมาจากความล้มเหลวที่ต่อเนื่อง และการปรับปรุงผลงานที่ตามมาเท่านั้น มันคือผลลัพธ์ในขั้นตอนการปรุงยาของตัวมันเอง! เมื่อกำลังปรุงยา ต้องสามารถแยกแยะสิ่งที่ถูกต้อง ออกมาจากสิ่งที่ผิด เลือกสถานที่และเวลาที่เหมาะสม ปรับเปลี่ยนเปลวไฟให้มีความร้อนที่เหมาะสม และดัดแปลงแก้ไขส่วนผสมของต้นสมุนไพร! เป็นข้ากล่าวผิดที่บอกว่าคำพูดของท่านมันไร้สาระ? ท่านต้องการให้ข้าพูดมันอีกครั้ง? ท่านเป็นผู้อาวุโส ดังนั้นเพื่อทำตามความประสงค์ของท่าน ข้าก็จะพูดมันอีกครั้ง คำพูดของท่านมันไร้สาระ!”
คำพูดลอยมาเข้าหูชายชราแซ่โจว ทำให้มันมีโทสะจนร่างกายสั่นเทิ้ม มันยกนิ้วขึ้นมา และชี้ไปที่เมิ่งฮ่าว ความดุร้ายเต็มอยู่ในดวงตา “กบฏ! นอกคอก!” มันแผดร้อง “มันมีกฎบนวิถีทางแห่งการปรุงยาอยู่! เจ้าเด็กโง่เขลา! วิธีการที่เจ้าใช้ในการเลื่อนขั้นเป็นเจ้าแห่งเตา ได้สร้างความอัปยศอดสูให้กับเจ้าแห่งเตาคนอื่นๆ ทั้งหมด พวกเราละอายใจที่จะเกี่ยวข้องกับเจ้า เห็นได้ชัดว่า เข้าไม่คุ้นเคยกับคำว่า ‘กฎ’ หรือคำว่า ‘สูตรยา’ สูตรยาด้วยตัวของมันเองก็คือกฎ การปรุงเม็ดยาที่ข้าพูดถึงก็คือหนึ่งในสูตรยาที่ต้องปฏิบัติตาม!”
“สูตรยาเป็นเพียงวิธีที่ง่ายซึ่งบันทึกขั้นตอนของการปรุงเม็ดยาไว้” เมิ่งฮ่าวตอบเสียงราบเรียบ “พวกมันมีอยู่เพื่อให้นักปรุงยาอ้างอิง เหมือนกับถนนหนทาง หรือแสงไฟที่ใช้ในคืนที่มืดมิด”
“เจ้า…”
คำพูดของเมิ่งฮ่าวเริ่มกระด้างมากขึ้น “ถ้าท่านทำตามสูตรยา ก็แน่นอนว่าต้องสามารถปรุงเม็ดยาออกมาได้ แต่ถ้าท่านปรุงเม็ดยาด้วยวิธีการเช่นนั้น มิใช่ทำให้ท่านเป็นเพียงแค่อาจารย์ปรุงยา? จริงๆ แล้วท่านยังสมควรจะถูกเรียกว่าเจ้าแห่งเตา? สำหรับข้าท่านไม่มีอะไรมากไปกว่าหุ่นกระบอกปรุงยาผู้ชราที่น่าเบื่อ!”
“เ-เจ้า…สูตรยาก็คือกฎ! เจ้า…” ชายชราละล่ำละลักด้วยโทสะ และกำลังจะอธิบายต่อไป แต่เมิ่งฮ่าวก็ชูศีรษะขึ้นสูง และขัดจังหวะมันอีกครั้ง
“ท่านแม้แต่พูดก็ยังไม่ชัดเจน! สูตรยาก็คือกฎ? ลองไปตรวจดูเม็ดยาทั้งหมดที่มีอยู่ใต้หล้านี้ จะมียาสักกี่เม็ดที่มีสูตรยาซึ่งถูกส่งต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่น? อันที่จริง สำหรับยาบางชนิด ก็มีสูตรยามากกว่าร้อย สูตรมากกว่าร้อยนี้ต่างก็มีส่วนผสมที่แตกต่างกัน แต่ก็สามารถผลิตขึ้นมาเป็นเม็ดยาชนิดเดียวกันได้ ท่านพูดถึงกฎ ท่านกำลังพยายามจะบอกว่ามีกฎที่แตกต่างกันสำหรับเม็ดยาแต่ละเม็ด?!”
“ก็ดี, สมมติว่าจริงๆ แล้วมันก็คือกฎ ถ้าเช่นนั้น หลังจากที่สูตรยาสูตรแรกปรากฎขึ้น ใครเป็นคนสร้างสูตรยาสูตรที่สองขึ้นมา? แล้วสูตรที่สาม? หรือสี่? เมื่อถึงเวลาที่มีสูตรยาที่ร้อย ท่านสามารถบอกได้หรือไม่ว่าใครเป็นคนปรุงยานั้น?”
คำพูดที่เดือดดาลของเมิ่งฮ่าว กระจายไปทั่วทั้งหุบเขา เด็กฝึกปรุงยาทั้งหมดที่กำลังฟังอยู่ก็มีสีหน้าตื่นเต้นปรากฎขึ้นบนใบหน้า รวมถึงเริ่มมีความรู้แจ้งเกิดขึ้น อาจารย์ปรุงยาอ้าปากหอบหายใจ ขณะที่พวกมันไตร่ตรองคำพูดของเมิ่งฮ่าว สีหน้าของพวกมันเหมือนกับสีหน้า ขณะที่พวกมันนั่งฟังคำสอนของชายชราแซ่โจวเมื่อครู่นี้ แต่ความแตกต่างระหว่างคำพูดของเจ้าแห่งเตาทั้งสองนี้ ช่างต่างกันอย่างน่าเหลือเชื่อ
โทสะของโจว พุ่งขึ้นไปจนถึงสวรรค์ ตัวสั่นเทิ้มขณะที่มันแผดร้อง “กบฎ! นอกคอก! ต่อต้านเต๋าแห่งการปรุงยา…!”
“ท่านกล้าที่จะประกาศว่า ผู้ที่สร้างสูตรยาต่อมา, สูตรที่ร้อย และสูตรแรก. ไม่ใช่ศิษย์ของแผนกเม็ดยาบูรพาในวันนี้หรือไม่?” เมื่อได้ยินเช่นนั้น ก็ทำให้คลื่นของความตื่นเต้น ซัดผ่านไปทั่วเด็กฝึกปรุงยา โดยไม่สนใจชายชราแซ่โจว พวกมันพูดจาเห็นด้วยออกมาในทันที
คำพูดของเมิ่งฮ่าว กระแทกลงไปบนจิตใจของชายชราแซ่โจวราวกับฆ้อนเหล็ก มันถอยหลังไปสองสามก้าวอย่างช่วยไม่ได้ จ้องกลับมายังเมิ่งฮ่าวด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอย
——————–
方木 = ฟางมู่