“ลมปราณม่วงบูรพา…” แสงสีม่วงส่องประกายอยู่ในดวงตา เขายกมือขวาขึ้นมา และยืดนิ้วออก พวกมันส่องแสงสีม่วงออกมา
“วิชานี้เหมือนกับวิชาที่อยู่ในตำรารวบรวมลมปราณ มันไม่ใช่เวทอาคม แต่เป็นวิชาฝึกฝนลมปราณ แต่ก็ดูเหมือนว่าสำนักจื่อยิ่น ได้สร้างความสามารถศักดิ์สิทธิ์บางอย่างบนพื้นฐานของวิชาลมปราณม่วงบูรพา” เขาหลับตาลงสักพัก จากนั้นก็ลืมตาขึ้นใหม่ ในจิตใจ ตัวอักษรจากในตำราลอยอยู่ในดวงตา เขาได้จดจำสองข้อความที่ได้อธิบายถึงวิชา ที่สามารถใช้โดยเจ้าแห่งเตา
“จื่อถงเปี้ยน (เปลี่ยนม่านตาม่วง) และ จื่อชี่จ่าน (สับปราณม่วง)” เขาจ้องไปยังนิ้วทั้งห้าสักพัก ทันใดนั้น ก็โบกสะบัดมือ และกลุ่มควันสีม่วงก็กระจายออกมาจากนิ้ว มันรวมตัวกันในอากาศ กลายเป็นจันทร์เสี้ยวสีม่วง พร้อมความคิด เมิ่งฮ่าวส่งมันกระแทกเข้าไปในผนังของถ้ำแห่งเซียน
ถ้ำสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งยอดเขา และหลุมลึกขนาดใหญ่ก็ปรากฎขึ้นบนผนังของถ้ำ
“นั่นเป็นพลังเพียงแค่หนึ่งในสิบส่วน” ดวงตาเมิ่งฮ่าวเต็มไปด้วยความครุ่นคิด หลังจากผ่านไปไม่นาน แสงสีม่วงในม่านตาของเขาก็กระพริบ จากนั้นก็กระจายปกคลุมไปทั่วทั้งดวงตา จากนั้นเส้นลวดลายสีม่วงก็ปรากฎขึ้นบนผิวหนังรอบๆ ดวงตา นี่เป็นเส้นเลือด ซึ่งได้เปลี่ยนจากสีน้ำเงินอ่อนกลายเป็นสีม่วงเจิดจ้าขึ้นในทันที
ในตอนนี้ เมิ่งฮ่าวดูเหมือนวิญญาณชั่วร้ายบางอย่าง กลิ่นอายที่ชวนให้อึดอัดใจกระจายออกมาจากร่าง สีหน้าของเขาเรียบสงบเหมือนเช่นเคย ขณะที่ยกมือขวาขึ้นมา และใช้เล็บนิ้วกรีดลงไปที่แขนซ้าย รอยแผลเปิดออก แม้ขณะที่โลหิตเริ่มซึมออกมา รอยแผลนั้นก็เริ่มถูกรักษา เพียงชั่วขณะ มันก็หายไป เมิ่งฮ่าวเช็ดโลหิตที่เหลืออยู่ ก็ไม่เห็นรอยแผลเป็นอยู่บนผิวของเขาเลยแม้แต่น้อย
เขานั่งอยู่นั่นอย่างเงียบๆ ชั่วเวลาธูปไหม้หมดไปครึ่งดอก ในที่สุด ร่างของเขาก็เริ่มเปลี่ยนกลับเป็นปกติธรรมดา
“เปลี่ยนม่านตาม่วง ช่างเป็นวิชาที่น่ามหัศจรรย์นัก! มันไม่เพียงเพิ่มพลังการต่อสู้ของพื้นฐานฝึกตนของข้า แต่การฟื้นตัวก็รวดเร็วกว่าปกติทั่วไปมากนัก” การใช้วิชาทั้งสองอย่างนี้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ คงต้องฝึกฝนให้มากกว่านี้
ยังมีวิชาลับอื่นของแผนกลมปราณม่วง ซึ่งให้ศิษย์แกนหลักเพียงเท่านั้นที่ฝึกได้ ถึงแม้แผนกเม็ดยาบูรพาจะมีตำแหน่งที่สูงส่งอยู่ในสำนักจื่อยิ่น แต่สำหรับวิชาลับ ก็เป็นไปไม่ได้แม้แต่จะมองไปที่มัน
นอกเสียจากว่า…เขาได้กลายเป็นเทพกระถางม่วง ตำแหน่งนี้ไม่เพียงแต่จะมีชื่อเสียงเลื่องลืออยู่ในแผนกเม็ดยาบูรพาเท่านั้น มันยังอยู่ในจุดสูงสุดของทั้งสำนักจื่อยิ่น มีคุณสมบัติที่จะอ่านบันทึกโบราณทั้งหมดในสำนักจื่อยิ่น ไม่ว่าจะเป็นความลับใดๆ ก็ตาม นอกจากนี้ ในดินแดนด้านใต้ทั้งหมด มีเพียงสำนักเดียวเท่านั้น ที่มีเทพกระถางม่วง และด้วยเช่นนั้น พวกมันจึงได้รับการปฏิบัติเป็นอย่างดีพิเศษยิ่ง
เมิ่งฮ่าวสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ผลักเรื่องวิชาเวทออกไปจากจิตใจ จมดิ่งอยู่ในความคิด ด้วยอุปกรณ์อย่างดีของเจ้าแห่งเตา เขาเริ่มปรุงเม็ดยา ไม่เพียงแต่ต้องผลิตเม็ดยาที่ใช้สำหรับตัวเองเท่านั้น เขายังได้ใช้ฐานะเจ้าแห่งเตา เพื่อได้ส่วนผสมและสูตรยามามากขึ้น เพื่อให้มั่นใจว่า ทักษะในการปรุงยาของเขาก้าวหน้าขึ้นไปอย่างต่อเนื่อง
เวลาแวบผ่านไป ในไม่ช้า ครึ่งปีก็ผ่านไป เมิ่งฮ่าวใช้เวลาเกือบทั้งหมดในการเข้าฌาณ จมอยู่กับการฝึกฝนพื้นฐานฝึกตน และปรุงเม็ดยา ทุกเดือนเขาจะไปที่แดนสวรรค์ ที่ซึ่งสามารถเก็บรวบรวมต้นสมุนไพรดีๆ กลับมาได้ เขาปรุงเม็ดยาหลากหลาย เนื่องจากการจัดการก่อนหน้านี้ สำหรับสามรายการต่อวันของศิษย์สายใน แน่นอนว่า ราคาในตอนนี้ก็สูงขึ้นไปอย่างเห็นได้ชัด แม้จะเป็นเช่นนั้น เม็ดยาของเขาก็ยังคงเป็นที่นิยมไปทั่วในสำนัก
ในตอนนี้ เขาเริ่มรวบรวมต้นสมุนไพรที่จำเป็นต้องใช้ปรุงเป็นเม็ดยาแกนลมปราณที่สมบูรณ์ เขายังขาดอยู่เพียงเล็กน้อย สำหรับเม็ดยาของเขาเอง เมื่อเขาผลิตเม็ดยาที่มีความเข้มข้นของตัวยาได้ถึงแปดในสิบส่วน หรือมากกว่านั้น เขาก็ไม่เอาไปขาย แต่ประทับตราของกระถางลงไปที่เม็ดยา ปิดผนึกและเก็บไว้
ทุกครั้งที่เขาทำเครื่องหมายเม็ดยาด้วยภาพกระถาง ภาพที่ปรากฎขึ้นในจิตใจก็คือหินลมปราณจำนวนมากมายมหาศาล เขามีความหลงใหลเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก เมื่อไหร่ก็ตามที่มองไปยังเม็ดยาที่มีเครื่องหมายกระถางจำนวนมากมาย ที่เก็บรวบรวมไว้ในถุงสมบัติ เขาก็จะจินตนาการไปถึงหินลมปราณจำนวนมากมาย ที่จะได้เมื่อขายเม็ดยาเหล่านี้
ไม่มีใครรู้ ยกเว้นเมิ่งฮ่าวที่รู้ว่าเขาได้ปรุงเม็ดยาไปแล้วมากมายเท่าไหร่ ในช่วงเวลามากกว่าครึ่งปีที่ผ่านมา ฝังตัวเองอยู่ในโลกแห่งการปรุงยาอย่างสมบูรณ์ ด้วยเวลาที่ผ่านไป รวมถึงข้อมูลลึกๆ ที่มีอยู่ภายในแผนกเม็ดยาบูรพา ทำให้ทักษะในเต๋าแห่งการปรุงยาของเขาก้าวหน้าขึ้นไปอย่างเห็นได้ชัดเจน
ตอนนี้ เขาปรุงยาโดยไม่ต้องสูญเสียมากนัก เป็นเรื่องง่ายดายสำหรับเขาที่จะปรุงเม็ดยา ที่มีความเข้มข้นของส่วนผสมพืชสมุนไพรหกในสิบส่วน หรือแม้แต่จะปรุงเม็ดยาที่มีความเข้มข้นถึงแปดในสิบส่วน หลังจากที่ได้เลื่อนขึ้นเป็นเจ้าแห่งเตา เมิ่งฮ่าวก็ไม่มีอะไรที่เหมือนกับนักปรุงยาทั่วไปคนอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเขาได้เข้าถึงต้นสมุนไพรที่ล้ำค่าเหล่านั้น
ที่สำคัญมากไปกว่านั้น หลังจากกลายเป็นเจ้าแห่งเตา เขาก็ได้ครอบครองวิชาเร่งปฏิกิริยาขั้นที่สอง อันที่จริง มันไม่ใช่วิชาสำหรับเร่งปฏิกิริยาต้นพืชอย่างแท้จริง แต่เป็นวิชาสำหรับการปรุงเม็ดยา
มันถูกเรียกว่า เวทแปรสภาพเต๋าแห่งยา!
มันช่วยให้เขากลั่นสกัดเม็ดยาที่ผลิตขึ้นมาก่อนหน้านี้ให้ดียิ่งขึ้น เมิ่งฮ่าวรู้สึกรักวิชานี้ในทันที หลังจากที่ครุ่นคิดเกี่ยวกับมันเป็นเวลานาน เขาก็ได้ทดลองใช้วิชานี้สองสามครั้ง และค่อยๆ มีความชำนาญมากขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อค่อยๆ รวมพรสวรรค์ตามธรรมชาติเกี่ยวกับต้นสมุนไพร และเวทแปรสภาพเต๋าแห่งยานี้เข้าด้วยกัน เมิ่งฮ่าวก็ก้าวหน้าพุ่งทะยานขึ้นไปอย่างไร้ขอบเขต
ด้วยการใช้วิชานี้ เพื่อเปลี่ยนเม็ดยาธรรมดาให้กลายเป็นเม็ดยาชั้นดี ทำให้เขาสามารถผลิตเม็ดยาที่มีความเข้มข้นได้มากขึ้น นี่เป็นหนึ่งในวิชาที่ยอดเยี่ยมมากที่สุดในแผนกเม็ดยาบูรพาอย่างแท้จริง
มันเป็นหนึ่งในเหตุผลที่มีความแตกต่างเป็นอย่างมาก ระหว่างเจ้าแห่งเตาและอาจารย์ปรุงยา มันเป็นเหตุผลที่ทำไมเจ้าแห่งเตาถึงได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น ไม่ว่าพวกมันจะไปนอกสำนักยังที่แห่งใดก็ตามในดินแดนด้านใต้
นอกเหนือจากวิชาเวทแปรสภาพเต๋าแห่งยา เมิ่งฮ่าวก็ยังได้เรียนรู้วิชาในการสร้างส่วนผสมของต้นสมุนไพรอีกสิบกว่าวิธี ซึ่งทำให้ยากสำหรับคนอื่นๆ ที่จะสืบค้นวิธีที่เขาใช้การปรุงเม็ดยา
นี่เป็นสิ่งที่เมิ่งฮ่าวต้องการเป็นอย่างมาก เมื่อรวมกับพรสวรรค์ตามธรรมชาติเกี่ยวกับต้นสมุนไพร เขาก็สามารถผสมต้นสมุนไพรทั้งหมดเข้าด้วยกันด้วยวิธีการที่แตกต่าง ทำให้ยากที่จะสืบหาส่วนผสมเหล่านั้น
มันเป็นวิธีที่เรียบง่าย แต่ก็เกี่ยวข้องกับการเพิ่มส่วนผสมพิเศษเข้าไป ดังนั้น มันจึงมีทั้งความเรียบง่ายและความซับซ้อน ทักษะพื้นฐานไม่ใช่เรื่องยาก แต่ยิ่งเขาต้องการผลลัพธ์ที่ซับซ้อน เขาก็ต้องเพิ่มส่วนผสมเข้าไปให้มากยิ่งขึ้น และแน่นอนว่า เนื่องจากต้องเผชิญพบกับเม็ดยาที่แตกต่างกัน จึงต้องทำงานด้วยความระมัดระวัง เพื่อป้องกันส่วนผสมที่จะไปกระทบกับหน้าที่พื้นฐานของเม็ดยา จึงมีพื้นที่ให้ทำผิดพลาดได้น้อยมาก
ถ้าขั้นตอนการปรุงไม่ได้ทำขึ้นอย่างสมบูรณ์ มันก็อาจจะเป็นไปได้ที่จะทำผิดพลาดขึ้นมา และอาจจะไม่ทันสังเกตเห็นด้วยซ้ำ!
แต่สำหรับเมิ่งฮ่าว นี่เป็นวิชาที่ดีที่สุดสำหรับการเก็บซ่อนความลับของการปรุงยา ทักษะในพืชสมุนไพรของเขาก็ถูกยืนยันเรียบร้อยแล้วว่า อยู่ในอาณาจักรที่สามของการเปลี่ยนแปลงทั้งสิบล้านแบบ!
เมิ่งฮ่าวมีความสุขเป็นอย่างยิ่งตลอดทั้งหลายวันมานี้ ทั้งพื้นฐานฝึกตน และทักษะการปรุงยาของเขาค่อยๆ ก้าวหน้าสูงขึ้นไป เสาแห่งเต๋าต้นที่เจ็ดของเขาในตอนนี้ก็ก่อตั้งขึ้นมาได้มากกว่าครึ่ง จากการคิดคำนวน เขาคงต้องใช้เวลาอย่างน้อยสิบปีในการเป็นเจ้าแห่งเตา เขาต้องทำงานหนักเพื่อปรับปรุงทักษะในเต๋าแห่งการปรุงยา และควบคุมเวทแปรสภาพเต๋าแห่งยาได้อย่างสมบูรณ์ เมื่อถึงเวลาที่เขากลายเป็นเทพกระถางม่วง พื้นฐานฝึกตนของเขาก็จะอยู่ในขั้นวงจรสมบูรณ์ของพื้นฐานลมปราณ พร้อมกับเสาแห่งเต๋าเก้าต้น ก้าวต่อไปก็จะเป็นสร้างแกนลมปราณ
ฉู่อวี้เยียนไม่เคยมาหาเมิ่งฮ่าวอีก เมื่อเขาออกไปด้านนอก ก็ได้ยินมาว่า ในเร็วๆ นี้ นางได้หมกมุ่นอยู่กับการค้นหาเจ้าโอสถจอมกระถางผู้ลึกลับ นางใช้เวลาทั้งวันในการพยายามที่จะรู้ให้ได้ว่าเจ้าโอสถจอมกระถางคือใคร
หลังจากที่ได้ยินข่าวเรื่องนี้ ท่าทางแปลกๆ ก็ปรากฎขึ้นบนใบหน้าของเขา ในช่วงระยะเวลาห้าปีที่ผ่านมา เมิ่งฮ่าวก็เริ่มคุ้นเคยกับตัวตนใหม่นี้ของเขา
เมื่อครู่นี้ เมิ่งฮ่าวเพิ่งจะปรุงเม็ดยาเสร็จ เขายกมือลูบจมูก จากนั้นก็เดินออกมาจากถ้ำแห่งเซียน เป็นช่วงเทียงพอดี และดวงตะวันก็เผาไหม้อย่างร้อนแรงอยู่เหนือศีรษะ มีลมโชยพัดมาอย่างแผ่วเบา แต่ทั้งหมดก็เป็นลมร้อนที่พัดผ่านใบหน้าไป มองออกไปยังหุบเขา ซึ่งเป็นของเขาทั้งหมดโดยสมบูรณ์
มากกว่าครึ่งปีหรือมากกว่านั้นที่ผ่านมา เขาได้ปลูกต้นสมุนไพรไว้มากมาย คลื่นความร้อนในตอนนี้ก็ทำให้พวกมันกระจายกลิ่นหอมของตัวยาออกมาเต็มไปทั่วทั้งหุบเขา เมื่อได้อยู่ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ ก็ทำให้ไม่รู้สึกสงสัยเลยว่าทำไมนักปรุงยาถึงมักจะมีกลิ่นคล้ายกับเม็ดยา
เขาเดินลงไปในหุบเขา และเริ่มดูแลต้นสมุนไพรบางส่วน สำหรับเจ้าแห่งเตา เขาสามารถเรียกเด็กฝึกปรุงยาให้มาช่วยปลูก และดูแลสวนสมุนไพรนี้ เขายังสามารถเรียกอาจารย์ปรุงยาให้มาช่วยเขาในการปรุงเม็ดยาได้อีกด้วย
แต่เมิ่งฮ่าวก็ชอบความเงียบสงบ ดังนั้น เขาจึงไม่ได้เรียกใครให้มาช่วย สำหรับไป๋หยุนหลาย ทุกครั้งที่มันมาพบเขา มันก็จะปฏิบัติต่อเขาด้วยความเคารพอย่างสูงสุด เมิ่งฮ่าวเคยคิดว่าจะให้มันมาอาศัยอยู่ในหุบเขานี้ แต่ถ้าเขาทำเช่นนั้น ไป๋หยุนหลายก็คงไม่มีทางได้พักผ่อน และคงรู้สึกไม่สบายเป็นอย่างยิ่ง
เมิ่งฮ่าวไม่สามารถทำอะไรได้กับเรื่องนี้ มันมาจากความจริงที่ว่า เมื่อไม่มีใครที่ด้านนอกรู้สิ่งใดๆ เกี่ยวกับเจ้าโอสถจอมกระถางเลย แต่ไป๋หยุนหลายรู้ เมื่อไหร่ก็ตามที่มันมองมายังเมิ่งฮ่าว ดวงตาของมันก็จะเต็มไปด้วยความเคารพนับถืออย่างแรงกล้า เมิ่งฮ่าวได้แต่หัวเราะอย่างขมขื่นเกี่ยวกับเรื่องนี้
เขาอยู่ที่นั่นในสวนสมุนไพร ขณะที่กำลังดูแลต้นสมุนไพรอยู่ ทันใดนั้น สีหน้าเขาก็เปลี่ยนไป ที่ด้านหลัง อาจารย์ปรุงยาสองคน แต่ละคนอายุประมาณสามสิบปี กำลังเดินเข้ามาในหุบเขาอย่างเร่งรีบ
ทันทีที่พวกมันเข้ามา ก็ได้มองเห็นเขา และดวงตาของพวกมันก็เต็มไปด้วยความนับถือ ประสานมือ โค้งตัวลง และกล่าวว่า “ขอคารวะ อาจารย์ฟาง”
เมิ่งฮ่าวขบคิดอยู่สักพัก ขณะที่เขายื่นมือลงไปปลิดใบที่แห้งเหี่ยวของต้นสมุนไพรทิ้ง หลังจากที่กลายมาเป็นเจ้าแห่งเตา เขาก็ต้องไปสอนเกี่ยวกับต้นพืชสมุนไพร หลังจากที่คิดคำนวนอยู่สักครู่ในจิตใจ เขาก็ตระหนักว่าคงถึงเวลาที่เขาจะมอบให้คนอื่นบ้างแล้ว “ถึงเวลาสอนอีกแล้ว?” เขาถามเสียงราบเรียบ
นี่เป็นหนึ่งในความรับผิดชอบของเจ้าแห่งเตา พวกมันเหมือนกับเป็นอาจารย์ของอาจารย์ปรุงยา และเป็นปรมาจารย์ของเด็กฝึกปรุงยา ด้วยการสอนของพวกมัน ก็ทำให้มั่นใจได้ว่า พวกรุ่นเยาว์ของสำนักจะก้าวหน้าและเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เด็กฝึกปรุงยาทั้งสองคนนี้ ได้ถูกกำหนดให้เป็นผู้รับใช้ของเมิ่งฮ่าว เพื่อดูแลเรื่องจิปาถะต่างๆ ให้เขา “อาจารย์ฟาง จริงๆ แล้ว เป็นสองวันที่ผ่านมา…แต่ท่านก็ไม่ได้ออกไป และพวกเราก็ไม่ต้องการจะรบกวนท่าน”
เมิ่งฮ่าวพยักหน้า เขาเสร็จสิ้นการดูแลต้นสมุนไพร จากนั้นก็ติดตามเด็กฝึกปรุงยาทั้งสองออกไปจากหุบเขา เมื่อพวกเขาเดินผ่านแผนกเม็ดยาบูรพา เด็กฝึกปรุงยาแต่ละคนที่เขาพบ ก็แสดงความเคารพอย่างสูงสุด เมื่อพวกมันเห็นชุดยาวสีดำของเขาที่ตกแต่งด้วยสีม่วง ก็รู้ถึงตำแหน่งของเขาในทันที
มีเจ้าแห่งเตาเพียงแค่หนึ่งร้อยคนในสำนักจื่อยิ่นทั้งหมด ขณะที่ศิษย์ในแผนกเม็ดยาบูรพามีมากกว่าหนี่งแสนคน จึงเป็นไปไม่ได้ที่หนึ่งร้อยคน จะจดจำหนึ่งแสนคนได้ แต่สำหรับคนหนึ่งแสน จะจดจำคนหนึ่งร้อยเป็นเรื่องที่ง่ายมาก
ทันทีที่เมิ่งฮ่าวปรากฎตัว ทุกคนก็จดจำเขาได้ นี่คือฟางมู่ ผู้ซึ่งถูกเลื่อนให้เป็นเจ้าแห่งเตาเมื่อครึ่งปีที่ผ่านมา ไม่สำคัญว่าเขาจะถูกเลื่อนขั้นด้วยวิธีเช่นไร ชุดยาวสีดำสลับม่วงของเขาก็เห็นได้ชัดว่าเขาอยู่ในสถานะเช่นไร ในแผนกเม็ดยาบูรพา เขาอาจจะไม่มีอำนาจสูงสุด แต่เขาก็มีชื่อเสียงอย่างน่าเหลือเชื่อ
แม้แต่อาจารย์ปรุงยา ถ้าได้เห็นเมิ่งฮ่าว ก็จะปฏิบัติต่อเขาด้วยความเคารพอย่างสูงสุด
เขาเดินไปตลอดทาง และก็มีการคารวะให้เขาตลอดเวลา