“ท่านพูดอะไรที่ไม่ใช่คำว่า ‘กบฎ’, ‘นอกคอก’ และ ‘ต่อต้านเต๋าแห่งการปรุงยา’ ได้หรือไม่?” เมิ่งฮ่าวนั่งขัดสมาธิอยู่ที่นั่น สงบนิ่งเหมือนสายลมในฤดูใบไม้ผลิ สีหน้าเขาไม่เปลี่ยนไป ยังคงมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้า แต่คำพูดของเขาก็แหลมคมอย่างน่าเหลือเชื่อ เด็กฝึกปรุงยาที่มองดูอยู่ สีหน้าของพวกมันเต็มไปด้วยการยอมรับ
โจวลุกไหม้ด้วยโทสะ จิตใจของมันหมุนเคว้งคว้าง คำพูดของมันเริ่มร้ายกาจมากยิ่งขึ้น “เจ้าเด็กโฉดเขลา!” มันกล่าว “เจ้าไม่รู้แม้แต่ความหมายของการปรุงยา ข้าแนะนำให้เจ้าออกไปจากสำนัก กลับไปดูดนมมารดาเจ้า! รอจนกระทั่ง…”
คำพูดของมันทำให้รอยยิ้มเมิ่งฮ่าวจางหายไป ความเย็นชาในดวงตาเริ่มเย็นเยียบ “ท่านไม่แม้แต่สมควรจะพูดคำว่า ‘ปรุงยา’ การปรุงยาต้องใช้ความเฉลียวฉลาด นั่นถึงเป็นเหตุผลที่ทำไมถึงถูกเรียกว่าการปรุงยา เต๋าแห่งการปรุงยาของท่านไม่มีอะไรมากไปกว่าการลอกเลียนแบบ ปรุงยาและลอกยา แม้จะแตกต่างกันเพียงแค่คำเดียว แต่จุดสำคัญของมันก็แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ดูท่าทาง เต๋าแห่งการปรุงยาของท่านได้มาถึงจุดสิ้นสุดเมื่อหลายปีมาแล้ว!”
“โกหก! หลอกลวง!” โจวแผดเสียง เส้นผมของมันยุ่งเหยิงขณะที่จ้องมายังเมิ่งฮ่าว มันคิดอยู่เสมอว่าคำพูดของมันแหลมคม แต่วันนี้ก็พบว่าคำพูดของฟางมู่แหลมคมกว่า ร้ายกาจกว่ามากนัก มันสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ เพื่อชะล้างจิตใจ จากนั้นก็ตอบโต้กลับไป “เจ้าดูหมิ่นกฎของเต๋าแห่งการปรุงยาได้อย่างไร? กฎนี้ถูกส่งต่อกันมาท่ามกลางนักปรุงยาถึงหนึ่งหมื่นปี ถ้าเจ้าไม่เคารพกฎ เจ้าก็ไม่ได้ปรุงเม็ดยา แต่ทำในสิ่งที่น่าขยะแขยง!”
“น่าขยะแขยง?” เมิ่งฮ่าวกล่าวพร้อมรอยยิ้มที่เย็นชา เขายื่นมือขวาออกไป “เด็กฝึกปรุงยา ใครมีเม็ดยาอยู่ในมือตอนนี้บ้าง? ส่งมันมาให้ข้า!”
ทันทีที่คำพูดของเขาดังออกมา หนึ่งในเด็กฝึกปรุงยาที่อยู่ใกล้ๆ บริเวณนั้น ซึ่งเป็นผู้ที่ฉลาดมากที่สุดก็รีบหยิบเม็ดยาและส่งให้กับเมิ่งฮ่าว ทุกคนต่างก็มองมา
เมิ่งฮ่าวหยิบเม็ดยา มองไปที่มันสักพัก จากนั้นก็มองกลับไปยังโจว
“นี่คือเม็ดยารวบรวมลมปราณ ซึ่งมีความเข้มข้นของตัวยาสองในสิบส่วน ปัจจุบันนี้ ก็มีสูตรยาสำหรับเม็ดยาชนิดนี้ถึงเก้าสิบเจ็ดสูตร ตอนนี้ ข้าจะช่วยให้ท่านเข้าใจว่ากฎคืออะไร! สูตรยาสูตรแรกของยาเม็ดนี้ใช้ใบของต้นหญ้าชาดโลหิตสามใบ, รากของต้นฉื่อหลิวสีฟ้า, เส้นใยของใบเหยี่ยวขาว… สูตรที่สองใช้… สูตรที่สาม…” โดยไม่มีการหยุด เมิ่งฮ่าวค่อยๆ สาธยายสูตรยาที่แตกต่างกันทั้งเก้าสิบเจ็ดสูตรออกมาอย่างช้าๆ คนทั้งหมดในที่นี้ ต่างก็เป็นศิษย์ของแผนกเม็ดยาบูรพา รวมถึงอาจารย์ปรุงยา ที่บางคนก็จดบันทึกข้อมูลขณะที่เมิ่งฮ่าวพูด เมื่เขาจบการสาธยายหมดทั้งเก้าสิบเจ็ดสูตร ความเงียบก็ปกคลุมไปทั่ว
สูตรยาที่เขาท่องออกมา ถูกต้องทั้งหมด แต่ละสูตรต่างก็สามารถใช้สำหรับปรุงเป็นเม็ดยารวบรวมลมปราณ
“สูตรที่เก้าสิบแปด ใช้เกสรสามก้านจากดอกฝุ่นบูรพา, ต้นกล้าสามต้นของต้นไม้หอม, ใบที่ไหม้จากต้นเหยียนหลวน…สูตรที่เก้าสิบเก้า ใช้ยางจากใบแก่สีดำต้นเส้นทางบูรพาที่มีอายุสามปีเจ็ดเดือนเก้าวัน, รวมถึง… สูตรที่หนึ่งร้อยสาม… สูตรที่หนึ่งร้อยสิบเจ็ด…”
ทุกสิ่งทุกอย่างเงียบสงบโดยสิ้นเชิง ชายชราแซ่โจวจ้องมายังเมิ่งฮ่าวด้วยความประหลาดใจอย่างเงียบๆ ไม่เพียงแค่มันเท่านั้น เด็กฝึกปรุงยา และอาจารย์ปรุงยาทั้งหมด ต่างก็ต้องมาที่เขาด้วยความงุนงง ราวกับว่า เขาไม่ใช่แม้แต่เป็นมนุษย์
ไม่มีใครเคยได้ยินสูตรยายี่สิบสูตรสุดท้ายที่เขาสาธยายออกมา แต่จากสีหน้าที่ครุ่นคิดของเขา ก็เห็นได้ชัดว่าเมิ่งฮ่าวไม่ได้พูดออกมาจากความทรงจำ แต่คิดขึ้นมาด้วยตัวเองอย่างเป็นธรรมชาติหลังจากที่มองดูเม็ดยา
ด้วยการกระทำเช่นนั้น ก็เป็นสิ่งที่ชี้แจงได้อย่างเด็ดขาดมากกว่าคำพูดใดๆ ของเมิ่งฮ่าวก่อนหน้านี้ หลังจากที่เขาจบการสาธยายสูตรยาทั้งหนึ่งร้อยสิบเจ็ดสูตร ชั่วระยะเวลาสูดลมหายใจเข้าออกผ่านไปสิบครั้ง ก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมา จากนั้น ทุกคนก็ระเบิดเสียงพูดคุยดังก้องขึ้น
“มันสร้างสูตรยาขึ้นมาเอง!! นี่คือขอบเขตอะไร? ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันคือเจ้าแห่งเตา! น่าอัศจรรย์ใจนัก!”
“มันไม่เพียงแต่สร้างสูตรยาขึ้นมาแค่สูตรเดียว แต่มากถึงยี่สิบสูตร! ข้านั่งฟังด้วยความตั้งใจ และสามารถกล่าวได้ว่า สูตรยาทั้งยี่สิบสูตรนี้สามารถนำไปปรุงเป็นเม็ดยารวบรวมลมปราณได้ถึงเก้าในสิบส่วนอย่างแน่นอน!”
“นั่นคือสูตรวิเศษในทันที! จากตำนานที่เล่าต่อกันมา มีเพียงเทพกระถางม่วงเท่านั้น ถึงจะมีทักษะอันน่าเหลือเชื่อในเต๋าแห่งการปรุงยา ที่สามารถทำเช่นนี้ได้!”
บนเวที ใบหน้าชายชราแซ่โจวขาวซีด ลมหายใจติดขัด สีหน้าเซื่องซึม ขณะที่มันจ้องมายังเมิ่งฮ่าว จิตใจของมันกระหึ่มก้องราวกับถูกฟาดด้วยสายฟ้า
“ใช่ว่าข้าเข้าใจผิด…? เต๋าแห่งการปรุงยาของข้ามีข้อบกพร่อง…? เป็นไปไม่ได้, ข้าต้องไม่เข้าใจผิด ถ้าเป็นเช่นนั้น ข้าจะกลายมาเป็นเจ้าแห่งเตาได้อย่างไร? แต่…แต่ถ้าข้าไม่ได้เข้าใจผิด แล้วทำไมทักษะในเต๋าแห่งการปรุงยาของข้า ถึงไม่ได้ก้าวหน้าขึ้นเลยตลอดทั้งหกสิบปีที่ผ่านมา…?”
“ข้าเพิ่งจะสร้างสูตรยาขึ้นมายี่สิบสูตร ถ้าใช้ตรรกะของเจ้าแห่งเตาโจว ข้า, ฟางมู่ ก็คือผู้สร้างกฎ!” เมิ่งฮ่าวโบกสะบัดแขนเสื้อ ส่งเม็ดยาในมือให้ลอยกลับไปยังเด็กฝึกปรุงยา ซึ่งเป็นผู้มอบเม็ดยานี้ให้เขา เด็กฝึกปรุงยาผู้นั้นกำมันด้วยความตื่นเต้น ตัดสินใจว่าจะเก็บรักษาเม็ดยานี้ เหมือนเป็นสิ่งของที่ระลึกถึงเหตุการณ์ในวันนี้ ตลอดชั่วชีวิตที่เหลือของมัน
คำพูดของเมิ่งฮ่าว กระแทกเข้าไปยังสองหูของชายชราแซ่โจว ราวกับสายฟ้าที่ผ่าลงมา ใบหน้าของมันซีดขาวราวไร้สีเลือด และร่างกายของมันก็สั่นสะท้าน ดวงตาเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอย
“หยุดพร่ำเพ้อได้แล้ว! ทั้งหมดที่เจ้าพูดมาเป็นเรื่องที่แตกต่างจาก เต๋าแห่งการปรุงยาของแผนกเม็ดยาบูรพา! เจ้ากำลังพยายามจะหว่านเมล็ดพันธุ์แห่งความสงสัยไว้ในจิตใจของข้า ด้วยการกระทำเช่นนี้ก็ควรจะนำไปประหารได้แล้ว!! ความไม่คุ้นเคยกับสูตรยาพวกนั้นของข้า ก็พิสูจน์ได้แล้วว่าเจ้าเอาสูตรยาพวกนั้นมาจากไหนก็ไม่รู้! เจ้าก็แค่พยายามจะแสดงให้ดูเท่านั้น!”
ในจิตใจของเมิ่งฮ่าว เขารู้สึกว่าชายชราผู้นี้ช่างดื้อรั้นอย่างน่ารำคาญนัก รอยยิ้มอันเย็นชาแผ่กระจายไปบนใบหน้าขณะที่เขาตอกกลับไป “โอ? ข้าแค่พยายามจะแสดงให้ดู? เจ้าแห่งเตาโจว ขอให้ข้าถามท่านเช่นนี้เถอะ ที่ท่านเพิ่งจะถืออยู่ในมือก่อนหน้านี้คือต้นสมุนไพรอะไร?”
“ต้นสมุนไพร?” ชายชราแซ่โจวรู้สึกมีโทสะพุ่งขึ้นมาอย่างมากมาย แต่ก็ทำได้เพียงแค่จ้องไปอย่างงุนงงสักพัก มันตบไปที่ถุงสมบัติ หยิบเอาต้นสมุนไพรที่มันเพิ่งจะสอนไปก่อนหน้านี้ขึ้นมา “นี่คือต้นกานพลูเจ็ดใบ…”
มันกำลังจะพูดต่อไป แต่เมิ่งฮ่าวก็ส่งเสียงหัวเราะดังๆ ออกมา “ต้นกานพลูเจ็ดใบ สามารถสร้างแสงขึ้นมาเอง ซึ่งประกอบไปด้วยคุณสมบัติในการต่อต้านพลังหยินและหยาง มันเติบโตขึ้นในช่วงเวลายามเย็นเท่านั้น เมื่อดวงตะวันและดวงจันทราส่องแสงพร้อมกัน ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อยามพลบค่ำ มันก็จะส่องแสงทั้งหมดเจ็ดสีออกมา มันดูคล้ายกับใบปลายวุ่น และใบฟ้าอรุณ มีทางเดียวที่บอกความแตกต่างได้ก็คือตรวจสอบลำต้น, ใบ และกิ่งของมัน สภาพท้องฟ้าก็สามารถใช้เป็นเงื่อนไขในการตรวจสอบได้เช่นกัน” สายตาของเมิ่งฮ่าวเย็นเยียบราวน้ำแข็ง “เห็นได้ชัดว่า ต้นที่ท่านกำลังถืออยู่ในมือไม่ใช่ต้นกานพลูเจ็ดใบ แต่เป็นใบฟ้าอรุณ!”
คำพูดของเขาส่งผลให้หุบเขาตกอยู่ในความปั่นป่วนวุ่นวาย เด็กฝึกปรุงยาทั้งหมดหันหน้าไปมองยังชายชราแซ่โจว ผู้ซึ่งมีใบหน้าเคร่งเครียดในทันที การแยกแยะต้นสมุนไพรที่ผิดพลาด อาจจะนำมาซึ่งการเสียหน้าอย่างใหญ่หลวงในสำนัก
ที่สำคัญมากไปกว่านั้น ถ้าโจว ซึ่งเป็นเจ้าแห่งเตา จำแนกต้นสมุนไพรผิดพลาด ก็จะมีผลอันร้ายแรงต่อชื่อเสียงของมัน
“ใกล้จะเป็นเวลาพลบค่ำแล้ว” เมิ่งฮ่าวกล่าวด้วยน้ำเสียงที่สามารถตัดตะปูเฉือนเหล็กกล้า “ในไม่ช้าตะวันและจันทราก็จะส่องแสงพร้อมกันในท้องฟ้า ถ้าต้นที่ท่านถืออยู่เป็นกานพลูเจ็ดใบจริงๆ มันก็จะส่องแสงเจ็ดสีออกมา และพิสูจน์ว่าข้าพูดผิด ในกรณีนี้ ข้าก็จะขอโทษท่านต่อหน้าศิษย์ในสำนักทั้งหมดที่อยู่ที่นี่ในวันนี้ ยิ่งไปกว่านั้น ในอนาคต ข้าก็จะไม่เสนอหน้าในสถานที่ ที่ท่านปรากฎตัว” เขาโบกสะบัดแขนเสื้อ
การโต้เถียงกับชายชราแซ่โจวได้ดำเนินมาเป็นเวลานาน จนกระทั่งเลยเวลาสอนไปแล้ว ยามพลบค่ำกำลังมาเยือน และดวงจันทร์ก็เริ่มจะปรากฎออกมาให้เห็น
การโต้เถียงครั้งนี้ใช้เวลานานมาก แต่เด็กฝึกปรุงยาและอาจารย์ปรุงยาที่อยู่ในสถานที่นี้ ก็แทบจะไม่อาจปิดบังความกระตือรือร้นของพวกมันไว้ได้ พวกมันต่างก็ตกตะลึงกับเหตุการณ์นี้
“ไร้สาระ!” ชายชราแซ่โจวพลุ่งพล่านอย่างมีโทสะ “ข้ามีอายุถึงหนึ่งร้อยสามสิบเจ็ดปี! เจ้าอายุเท่าไหร่? ข้าจะจำแนกผิดได้อย่างไร…หือ?” ก่อนที่มันจะพูดจบ ท้องฟ้าก็เริ่มมืดเมื่อยามพลบค่ำมาถึง ดวงตะวันและจันทรากำลังส่องแสงอยู่ในท้องฟ้าด้วยกัน!
แต่ในขณะที่แสงยามพลบค่ำตกกระทบไปบนต้นสมุนไพรที่อยู่ในมือของมัน ก็ไร้วี่แววของแสงเจ็ดสีให้มองเห็น เมิ่งฮ่าวไม่จำเป็นต้องพูดอะไรออกมาอีก เสียงพูดของเด็กฝึกปรุงยาก็ดังขึ้นเต็มไปทั่วทั้งหุบเขา
“นั่นไม่ใช่กานพลูเจ็ดใบ!!”
“ข้าไม่อยากจะเชื่อ…เจ้าแห่งเตาโจว จริงๆ แล้วก็หยิบต้นสมุนไพรออกมาผิด!”
“แม้แต่ต้นสมุนไพรมันยังหยิบผิด แล้วใครจะไปฟังมันพูดถึงเต๋าแห่งการปรุงยา!”
เมื่อโจวได้ยินคำพูดของคนทั้งหมด ใบหน้ามันก็ซีดขาว มันรู้สึกละอายใจจนอยากจะหลบไปซ่อนตัว แต่ความโกรธเกรี้ยวก็พุ่งขึ้นมาในจิตใจ ขณะที่มันจ้องมายังเมิ่งฮ่าวด้วยโทสะ ดูเหมือนมันยังคงต้องการต่อสู้อยู่
“เจ้าผู้เยาว์ที่โฉดเขลา พ่นแต่เรื่องไร้สาระ! ข้าเป็นเจ้าแห่งเตาเมื่อหกสิบปีก่อน เจ้า…”
“ท่านเป็นเจ้าแห่งเตาเมื่อหกสิบปีก่อน และหกสิบปีนับต่อจากนี้ ท่านก็ยังคงเป็นเจ้าแห่งเตา สำหรับข้า บางทีข้าอาจจะโง่เขลา, บางทีข้ายังเยาว์ แต่ข้าก็เป็นเจ้าแห่งเตาที่เหมือนกับท่าน ภายในหกสิบปีนี้ ท่านต้องมาก้มกราบคารวะข้า! เหตุผลก็คือ…เต๋าแห่งการปรุงยาของท่านมันมีข้อบกพร่อง!” เมิ่งฮ่าวลุกขึ้นยืน โดยไม่มองไปยังโจวแม้แต่น้อย เขาเดินออกไปจากหุบเขา
คำพูดเมิ่งฮ่าวดังก้องอยู่ในหูของชายชราราวเสียงฟ้าผ่า มันยกมือชี้ไปยังเมิ่งฮ่าว แต่จากนั้นทั้งร่างของมันก็สั่นเทิ้ม และมันก็กระอักโลหิตออกมา “ข้อบกพร่อง…? ข้อบกพร่อง…?” คำพูดเมิ่งฮ่าวดังก้องอยู่ในจิตใจของมัน ทำให้มันลืมแม้แต่จะตอบโต้กลับไป
เมื่อเมิ่งฮ่าวจากไป สายตานับหมื่นคู่ของเด็กฝึกปรุงยาก็สาดประกายเจิดจ้า พวกมันมองเขาเดินจากไป แน่นอนว่านับจากนี้ไป นามของเขาก็จะส่งผลให้เกิดคลื่นสั่นสะเทือน ไปทั่วทั้งแผนกเม็ดยาบูรพาอย่างต่อเนื่อง ยิ่งไปกว่านั้น การสอนของเขาในอนาคตก็จะเป็นที่นิยมอย่างท่วมท้นอย่างแน่นอน
โชคร้าย ที่วิถีทางแห่งโลกหล้าช่างยากแท้หยั่งถึง วันเวลาอันสงบสุขของเมิ่งฮ่าวในสำนักจื่อยิ่นกำลังจะมาถึงจุดจบอีกในไม่ช้า
หลังจากที่โต้เถียงกับชายชราแซ่โจวผ่านไปหนึ่งเดือน เมิ่งฮ่าวนั่งอยู่ในถ้ำแห่งเซียน เขาเพิ่งจะปรุงเม็ดยาเสร็จสิ้น และกำลังคิดฟุ้งซ่านเกี่ยวกับการใช้ทรัพยากรของสำนักในการปรุงเม็ดยาเพิ่มขึ้น จากนั้นก็จะได้เก็บรวบรวมหินลมปราณได้เป็นจำนวนมาก ในเวลานี้เองที่คำสั่งแผ่นหยกได้มาถึง จากคำแนะนำของเจ้าแห่งเตาในแผนกเม็ดยาบูรพาทั้งหมด เขาจะถูกส่งออกจากสำนักเพื่อไปหาประสบการณ์เพิ่มเติม
หลังจากที่ได้รับการเลื่อนขั้น เจ้าแห่งเตาทั้งหมดต่างก็ต้องการจะออกจากสำนัก ไปสักระยะเวลาหนึ่ง เพื่อหาประสบการณ์เพิ่ม อันที่จริงมันก็เป็นกฎของสำนัก ถึงแม้จะยืดหยุ่นได้บ้าง กล่าวโดยทั่วไป นักปรุงยามักจะพอใจที่จะปรุงยาด้วยความสันโดษ และไม่ชอบที่จะต้องเดินทางไปด้านนอก
แต่สำนักชิงหลัวก็ได้เสนอค่าตอบแทนมหาศาล เพื่อแลกเปลี่ยนให้สำนักจื่อยิ่นส่งเจ้าแห่งเตาสองคนไป หนึ่งคนไปช่วยสอนเรื่องเต๋าแห่งการปรุงยา อีกหนึ่งคนไปช่วยปรุงเม็ดยาพิเศษเฉพาะ การจัดการเช่นนี้เป็นเรื่องปกติของสำนักใหญ่และตระกูลดังทั้งหลาย
แม้แต่ลี่เทา ผู้ซึ่งไม่ใช่เจ้าแห่งเตา ก็ยังถูกเชิญให้ไปเยือนตระกูลหลี่เมื่อเดือนก่อน นี่ก็แน่นอนว่าเป็นเพราะพวกมันได้ซื้อเม็ดยาจู้จีเทียนไป
สำหรับเมิ่งฮ่าว เหตุผลที่เขาถูกแนะนำให้ไปยังสำนักชิงหลัวเป็นสถานที่แรก ก็เนื่องมาจากการเลื่อนขั้นเป็นเจ้าแห่งเตาที่พิเศษผิดธรรมดาของเขา
แน่นอนว่า มีบางคนกำลังรอให้เมิ่งฮ่าวทำเรื่องโง่เขลาออกมา เม็ดยาที่ต้องไปปรุงที่ด้านนอกสำหรับสำนักใหญ่ แน่นอนว่าต้องไม่ใช่เม็ดยาธรรมดา และทุกสำนักก็ต้องการทักษะของเจ้าแห่งเตาอย่างเต็มที่
เมื่อพิจารณาว่าเมิ่งฮ่าวได้ข้ามขั้นตอนบางอย่าง สำหรับการกลายเป็นเจ้าแห่งเตา จึงไม่มีทางที่เขาจะปฎิเสธคำสั่งนี้ได้อย่างแท้จริง
“สำนักชิงหลัว…” คิ้วเมิ่งฮ่าวขมวดขึ้น