ลมปราณอันไร้ขอบเขตไหลเข้าไปในพื้นฐานฝึกตนของเมิ่งฮ่าว ลึกลงไปข้างใน เสาแห่งเต๋าต้นที่สองค่อยๆ ก่อตัวขึ้นมาอย่างช้าๆ
“ถ้าลมปราณไม่หายไปในทันที ข้าก็สามารถสร้างเสาแห่งเต๋าต้นที่สองได้อย่างแน่นอน!” เมิ่งฮ่าวถอนหายใจ
ไม่กี่วันหลังจากนั้น เขาลืมตาที่ส่องประกายเจิดจ้าขึ้น โดยไม่รู้ว่าเขาได้สร้างความสั่นสะเทือนไปทั่วโลกด้านนอก โดยการก้าวออกมาจากด่านที่สาม ในเวลาเดียวกับหวังลี่ไห่ และซ่งเจีย
บางคนคิดว่าเมิ่งฮ่าวต้องเป็นผู้ถูกเลือกจากบางสำนัก แต่ก็ไม่มีทางที่จะยืนยันเรื่องนี้ ทำให้กลายเป็นเชื้อเพลิงของการคาดเดา และข่าวลือไปต่างๆ นาๆ ความสามารถของเมิ่งฮ่าวทำให้เขาค่อนข้างจะกลายเป็นม้ามืด
ท่ามกลางการพูดคุยที่หลากหลาย มีผลสรุปออกมาเหมือนกันอยู่อย่างหนึ่งก็คือ หวังลี่ไห่ต้องมีปัญหาบางอย่าง ถ้าไม่เช่นนั้น มันก็ผ่านด่านที่สามได้ง่ายกว่านั้นมาก
เมิ่งฮ่าวมองไปที่ลูกสุนัขเบื้องหน้าเขา และความอบอุ่นก็ปรากฎขึ้นบนใบหน้า
ตอนนี้มันตัวใหญ่มากขึ้น สูงประมาณครึ่งตัวคน ราวกับลูกวัว แข็งแรง, สง่างาม ขนสีแดงปกคลุมไปทั่วร่าง ดูเหมือนว่าจะเปี่ยมไปด้วยพลังอันรุนแรง เมื่อมันอ้าปากขึ้น ฟันของมันก็ดูเหมือนจะคมราวกับกระบี่ อุ้งเล็บของมันหนาเท่ากับหมัดของมนุษย์ และดูจะคมพอที่จะฉีกระชากสวรรค์และปฐพี ดวงตาของมันสีแดงเข้ม ทำให้ดูดุร้ายอย่างที่สุด เมื่อยืนอยู่ที่นั่น ก็ทำให้ทุกๆ คนที่มองมาตกใจกลัว
ในความเป็นจริง มันไม่ใช่ลูกสุนัขอีกต่อไป มันได้กลายมาเป็นสุนัขที่เติบโตเต็มที่, อ๋าวเฉี่ยนโลหิต!
มันยืนอยู่ที่นั่น ดูท่าทางเย็นชา ราวกับว่าสถานที่มันยืนอยู่นั้น กำลังถูกบุกรุกจากคนอื่น ถ้าใครพยายามที่จะเข้ามาใกล้เมิ่งฮ่าว มันก็จะฉีกคนผู้นั้นออกเป็นชิ้นๆ
เมิ่งฮ่าวมองไปยังอ๋าวเฉี่ยน (สุนัขพันธ์ธิเบตของจีน) และสีหน้าก็อบอุ่นขึ้น เพียงแค่ไม่กี่เดือน มันก็เติบโตขึ้นจากลูกสุนัขตัวเล็กๆ ไม่ประสีประสา จนกลายเป็นเช่นตอนนี้ เมื่อพวกเขาได้ต่อสู้ร่วมกันผ่านมาสองด่าน ก็ทำให้เกิดเป็นมิตรภาพที่แปลกประหลาดขึ้น
พวกเขาบาดเจ็บด้วยกัน ต่อสู้ด้วยกัน ผ่านพ้นเหตุการณ์เป็นตาย และการล้างบาปด้วยโลหิต มาด้วยกันทั้งหมด
ราวกับว่ามันสัมผัสได้ถึงสายตาที่มองมาของเมิ่งฮ่าว อ๋าวเฉี่ยนหันศีรษะมามองไปที่เขา ความดุร้ายก็หายไปในทันที แทนที่ด้วยความยินดี กระดิกหางไปมาอย่างจริงจัง วิ่งเข้ามาหาเมิ่งฮ่าว แลบลิ้นของมันออกมา เลียไปที่มือของเขา มองดูเขาด้วยสายตาของลูกสุนัขตัวนั้น
รอยยิ้มกระจายออกมาบนใบหน้าของเมิ่งฮ่าว เมื่อเขาลูบไปที่ขนบนศีรษะของมัน และเมื่อเห็นท่าทางดีใจบนใบหน้าของมัน เขาก็หัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้
เมิ่งฮ่าวเงยหน้าขึ้น มองกลับไปยังด่านที่สาม ยังคงมีสามคนติดอยู่ด้านใน ด้านหน้าในด่านที่สี่ มีเงาร่างเลือนลางสามร่าง ไกลออกไปด้านหน้าในด่านที่ห้า มีเพียงคนเดียว
เมิ่งฮ่าวยืนขึ้น ตบไปที่อ๋าวเฉี่ยน จากนั้นก็เดินออกไป ไม่ได้เข้าไปยังด่านที่สี่ แต่เข้าไปในประตูทางออกที่เรืองแสงนั้น เมื่อโผล่ออกมา เขาก็กลับเข้าไปในปล่องภูเขาไฟ
หลายเดือนผ่านไป ในช่วงนั้นเมิ่งฮ่าวไม่ได้คิดไปถึงเม็ดยามากนัก เขากลายเป็นลำแสงหลากสีพุ่งตรงไปยังฉู่อวี้เยียน นางนั่งอยู่ที่นั่น ปิดตาลง กำลังเข้าฌาณ เมื่อเมิ่งฮ่าวไปถึง นางก็ลืมตาขึ้น ทั้งสองสบตากัน และจากนั้นฉู่อวี้เยียนก็มองไปด้านข้าง นางยกมือขึ้น และเม็ดยาก็ลอยออกมา เมิ่งฮ่าวคว้ามันไว้ ยาเม็ดที่ห้าของเม็ดยารอง
ใบหน้าของเขาสงบนิ่ง ขณะที่ใส่มันเข้าไปในถุงแห่งจักรวาล จากนั้นก็หันหลัง และแวบหายไป เวลาผ่านไปไม่นานก่อนที่เขาจะกลับมา เมื่อมาถึง เขาก็โบกสะบัดแขนเสื้อ และเม็ดยาทั้งเจ็ดก็พุ่งตรงไปวางอยู่เบื้องหน้าของฉู่อวี้เยียน
“เม็ดยาทั้งเจ็ดนี้ ปรุงเข้าด้วยกันเป็น เม็ดยาเจ็ดสายฟ้า” เขากล่าว โยนแผ่นหยกซึ่งอธิบายถึงสูตรการปรุงยาให้นาง ซึ่งมีเวลาที่แน่นอนในการปรุงยากำกับไว้ แต่ถูกลบโดยเมิ่งฮ่าว
“ใครอยู่ในอันดับแรก?” ฉู่อวี้เยียนถาม มองไปที่เมิ่งฮ่าว และไม่สนใจเม็ดยาเจ็ดสายฟ้าชั่วคราว
“ข้ามองไม่เห็นว่ามันมีหน้าตาอย่างไร แต่โลหิตศักดิ์สิทธิ์ของมันเป็นมังกร”
นางขบคิดอยู่ชั่วครู่ “มันต้องมาจากตระกูลหลี่เป็นแน่” หลังจากพูดจบ นางก็มองไปด้านล่าง และเริ่มศึกษาแผ่นหยก
เมิ่งฮ่าวเงียบอยู่สักพัก จากนั้น ก็พูดขึ้นช้าๆ “เจ้ามีโอกาสเพียงครั้งเดียว ถ้าล้มเหลว ข้าก็ไม่มีสมุนไพรเพียงพอที่จะให้ทดลองเป็นครั้งที่สองอีก” เขามองไปที่นางสักพัก จากนั้นก็หันหลัง และกลายเป็นลำแสงพุ่งหายลับตาไปในที่ห่างไกล ดวงตาของเขาสาดประกาย
“เมื่อนางปรุงยาเสร็จ นางคงไม่สงสัยจนคิดจะกลืนมันลงไปเป็นแน่ อย่างไรก็ตาม กระดองเต่าได้บอกไว้อย่างชัดเจนว่า ต้องใช้เวลาสามเดือนในการปรุงเม็ดยาทั้งเจ็ด จนกลายเป็นเม็ดยาสุดท้าย…นางไม่รู้เรื่องนี้ ดังนั้นข้าต้องมั่นใจว่าต้องไปอยู่ที่นั่นในเวลานั้นให้ได้”
ขณะที่เขาคิดเรื่องนี้ ก็บินขึ้นไปยังเกราะเวทด้านบนกลุ่มหมอก ตรวจดูอย่างระมัดระวังอีกครั้ง จากนั้นก็พุ่งกลับไปยังแท่นบูชาเซียนโลหิต โดยไม่ลังเล เขาเข้าไปในเขตขุมทรัพย์อีกครั้ง
บนที่ราบกว้างใหญ่ อ๋าวเฉี่ยนก็ปรากฎขึ้นในทันที ตอนนี้มันกระจายแรงกดดันอันแข็งแกร่งของพื้นฐานลมปราณขั้นสุดท้ายออกมา ซึ่งไม่มีผลกระทบต่อเมิ่งฮ่าวแม้แต่น้อย เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นร่างของเขาก็แวบขึ้น ขณะที่เขาและอ๋าวเฉี่ยนบินเข้าไปในด่านที่สี่
ทะเลทรายอันกว้างใหญ่ไร้จุดสิ้นสุด กระจายออกไปไกลสุดสายตา ถึงแม้จะไม่เห็นดวงตะวันอันร้อนแรงอยู่ในท้องฟ้า คลื่นความร้อนก็กระเพื่อมอยู่ทั่วไปในโลกแห่งนี้ ราวกับว่าสถานที่นี้ทั้งหมดเป็นซึ้งนึ่งขนาดใหญ่ พร้อมที่จะปรุงทุกสิ่งที่อยู่ด้านในจนสุกไปทั้งหมด
เมิ่งฮ่าวตรวจดูไปรอบๆ จิตใจเต็มไปด้วยความระมัดระวัง หลังจากผ่านด่านที่สอง และสามมา ตอนนี้เขาก็เข้าใจมากขึ้นเล็กน้อยว่ามันทำงานอย่างไร แต่ทะเลทรายนี้เงียบสงบอย่างสมบูรณ์แบบ ไมมีเงาเคลื่อนไหวของสิ่งใดๆ มาให้เห็น ไม่มีเสียงคร่ำครึโบราณดังออกมาเพื่ออธิบายใดๆ
เมิ่งฮ่าวนั่งคิดไตร่ตรองอยู่ที่นั่นสักพัก จากนั้นก็ลุกขึ้นยืน และเดินตรงไปด้านหน้า อ๋าวเฉี่ยนเดินที่ข้างกายตามไปอย่างรวดเร็ว พวกเขาเดินตรงเข้าไปในทะเลทรายทีอ้างว้างไร้ผู้คนไปด้วยกัน หลังจากที่เดินไปไม่กี่ก้าว เมิ่งฮ่าวก็มองกลับไปยังทางที่เขาเดินผ่าน และสังเกตเห็นว่ารอยเท้าที่เขาทิ้งไว้ด้านหลัง ได้เปลี่ยนเป็นสีดำ
จากนั้น กลิ่นอายสีดำก็พุ่งขึ้นมาจากรอยเท้านั้น ทรายรอบๆ บริเวณนั้นก็เริ่มส่งเสียงหึ่งๆ ออกมา จากความเร็วของกลิ่นอายที่เริ่มจะจางหายไป ดูเหมือนว่ามันไม่กล้าที่จะเข้ามาใกล้เมิ่งฮ่าว
ทันใดนั้น กลิ่นอายสีดำก็เริ่มกลายร่างเป็นดอกไม้ที่มีสามกลีบ ซึ่งปรากฎเป็นใบหน้าของปีศาจขึ้นมา จากนั้นก็หายไป
เมื่อได้เห็นเช่นนั้น ดวงตาของเมิ่งฮ่าวก็หดแคบลง ทันใดนั้น อ๋าวเฉี่ยนก็เริ่มเห่า มองออกไปยังที่ห่างไกล เมิ่งฮ่าวมองเห็นกลุ่มแมงป่องสีน้ำตาลมากมาย กำลังคลานตรงมาที่เขาอย่างรวดเร็ว พวกมันดูเหมือนจะมากจนนับไม่ถ้วน ขณะที่พุ่งตรงมาที่เขาจากเส้นขอบฟ้าอันห่างไกล
อ๋าวเฉี่ยนลอยขึ้นไปในท้องฟ้า แผดเสียงลั่น ท้องฟ้าด้านบนเริ่มมืดลง ราวกับว่าเป็นเวลาสนธยา แต่มันไม่ใช่ยามเย็น และถ้ามองดูอย่างละเอียดว่าอะไรที่มองดูเหมือนพายุเมฆสีดำอยู่ด้านบน ก็จะเห็นว่าเมฆสีดำนั้นจริงๆ แล้ว ก็คือแมงป่องที่มีปีก ส่งเสียงแหลมเล็กแหวกฝ่าอากาศตรงมายังเมิ่งฮ่าว ทันใดนั้น พวกมันก็ล้อมเขาไว้ภายใน บดบังท้องฟ้าไปโดยสิ้นเชิง
“พิษ…” เมิ่งฮ่าวคิด มองกลับไปยังรอยเท้าของเขา ก็เห็นทรายในที่นั้นเปลี่ยนเป็นสีดำโดยสิ้นเชิง เขาหันกลับ และโบกแขนเสื้อ ปลอบโยนอ๋าวเฉี่ยน จากนั้นก็เดินตรงไปยังกลุ่มแมงป่องที่กำลังเข้ามาใกล้
อ๋าวเฉี่ยนส่งเสียงเห่าอันดุร้ายออกมา ตามไปด้วยเมิ่งฮ่าวที่มองไปยังแมงป่องด้วยสายตาเย็นชา
แต่ทันทีที่เมิ่งฮ่าวเข้าไปใกล้พวกมัน พวกมันก็ถอยไปด้านหลังในทันที ส่งเสียงร้องอันโหยหวนแหลมเล็กออกมา ดูเหมือนว่าพวกมันไม่กล้าแม้แต่จะเข้ามาใกล้เมิ่งฮ่าว
เขาไม่ช้าลงแม้แต่น้อย เดินตรงไป ส่งผลให้พวกแมงป่องรีบล่าถอยออกไปอย่างบ้าคลั่ง บางครั้งมันไม่รวดเร็วพอ ทันใดนั้น กิ่งก้านของไม้เลื้อยสีแดงก็โผล่ออกมาจากด้านบนศีรษะของเมิ่งฮ่าว และแทงเข้าไปในร่างของแมงป่องพวกนั้น ครั้นแล้วแมงป่องก็ละลายกลายเป็นแอ่งน้ำของโลหิตสีดำ และซึมลงไปในทรายทันที
ไม่เพียงแต่แมงป่องที่อยู่บนพื้นที่เป็นเช่นนี้เท่านั้น แมงป่องที่บินอยู่ ก็เปิดทางเป็นช่องกว้างใหญ่ให้เขา ไม่กล้าที่จะเข้ามาใกล้ เมิ่งฮ๋าวเดินตรงไปตามด้วยอ๋าวเฉี่ยนผ่านพวกมันทั้งหมดไป
เขาเดินผ่านดินแดนแห่งนั้น ล้อมรอบไปด้วยความดำมืด ดูเหมือนว่าพิษในสถานที่นี้ ไม่มีทางที่จะต้านทานพลังของพิษที่อยู่ในร่างของเมิ่งฮ่าวได้ และไม่มีทางเลือกนอกจากกระจัดกระจายออกไปตรงเบื้องหน้าเขา
ภายในดวงตาสองข้างของเมิ่งฮ่าว ปรากฎเป็นดอกไม้ที่มีใบหน้าปีศาจ กำลังหัวเราะร้องไห้พร้อมกัน ด้านหลังของเขาปรากฎเป็น…ดอกปี่อ้านสามสี!
สีทั้งสามของดอกปี่อ้านประสานเข้าด้วยกัน และส่องแสงริบหรี่ออกมา ทำให้พิษชนิดอื่นๆ ยากที่จะเกิดขึ้นใกล้ๆ กับมัน
สีหน้าเมิ่งฮ่าวไร้ความรู้สึก หลังจากที่เขาเดินไปหนึ่งวัน ทะเลอันไร้ที่สิ้นสุดของอสรพิษก็ปรากฎขึ้นอยู่ตรงหน้า สายลมอันฉุนเฉียวพัดผ่านใบหน้าของเขา แต่เขาก็ยังคงเดินต่อไปข้างหน้า ราวกับว่าเขาไม่ได้สังเกตเห็นมันแม้แต่น้อย
เมื่อเขาเข้าไปใกล้ กลุ่มอสรพิษก็เริ่มบิดตัวม้วนไปมา จากนั้นก็ส่งเสียงออกมาขณะที่พวกมันเลื้อยออกไปไกล บางส่วนของพวกมันก็ยอมให้เขา เหยียบลงไปบนลำตัวของมันโดยตรง
พวกมันสั่นสะท้านไปทั้งตัว แต่ก็ไม่กล้าที่จะต่อต้าน หลังจากที่เขาเดินผ่านไป ก็ดูเหมือนว่าพวกมันฟื้นคืนกลับมาได้เล็กน้อย
ดูเหมือนว่าในร่างกายของเมิ่งฮ่าว จะมีพลังของราชันย์แห่งพิษอยู่ การได้เชิญหน้ากับพลังนี้ พิษอื่นๆ หรือสัตว์พิษต่างๆ ก็ไม่มีทางเลือก นอกจากต้องยอมก้มหัวให้ด้วยความนอบน้อม
ตรงกันข้ามกับเมิ่งฮ่าว หวังลี่ไห่เดินผ่านทะเลทรายพร้อมคิ้วที่ขมวดแน่น มักจะกลืนเม็ดยาขจัดพิษเป็นระยะ ในการแข่งขันก่อนหน้านี้ทั้งเจ็ดครั้งของหมื่นปีที่ผ่านมา ทะเลทรายพิษนี้ได้ปรากฎขึ้นสองครั้ง สำนักใหญ่ และตระกูลดังได้บันทึกไว้เป็นพิเศษ มันไม่ได้ปรากฎขึ้นทุกครั้ง เนื่องจากด่านเวทมักจะเปลี่ยนอยู่ตลอด แต่เมื่อมันเกิดขึ้น ทุกคนก็จำเป็นต้องเตรียมตัวอย่างเต็มที่
แม้แต่ยาขจัดพิษก็ยังไม่มีผลโดยสมบุรณ์ หรืออาจจะมีผลน้อยมากกับพิษบางอย่าง ยกตัวอย่างเช่น ในตอนนี้ หวังลี่ไห่ได้เชิญหน้ากับหมอกพิษทีหนาแน่นอยู่
มองไปที่พิษนั้น คิ้วของมันก็ขมวดอย่างใจจดใจจ่อ จากครั้งแรกที่มันก้าวเท้าออกมาจากตระกูลหวัง จนกระทั่งตอนนี้ มันไม่เคยเห็นอะไรที่เหมือนแบบนี้มาก่อน มันยังคงสงสัยว่า ทำไมท่านปรมาจารย์ถึงได้ยืนกรานที่จะให้มันมาที่นี่ เมื่อคิดกลับไปยังดวงตาของท่าน ก็มีเหตุผลบางอย่างซ่อนอยู่
“ไม่มีทางที่ข้าจะต้องมาตายอยู่ที่นี่ ใช่หรือไม่?” ดวงตาของมันสาดประกายด้วยแสงแปลกๆ
ซ่งเจียก็ได้เผชิญกับกลุ่มหมอกพิษในด่านที่สี่ด้วยเช่นกัน นางมีใบหน้าที่สวยงาม แต่ตอนนี้คิ้วที่ขมวดอยู่ปกคลุมใบหน้าของนางไว้ แม้จะมีความจริงที่ว่า เกราะป้องกันอันอ่อนนุ่มกระเพื่อมอยู่รอบๆ ตัวกำลังป้องกันนางไว้อยู่ก็ตาม
คนทั้งสองต่างก็อยู่ในด่านที่สี่ ด้วยสถานการณ์เช่นเดียวกัน เวลาผ่านไป และพวกมันก็ค่อยๆ รุดหน้าไปอย่างช้าๆ แม้แต่ทรายที่ใต้เท้าของพวกมันก็มีพิษ และพวกมันก็รู้ว่าถ้าไม่ระมัดระวัง ก็อาจจะตายไปอย่างง่ายดาย
สามารถกล่าวได้ว่า ถ้าปราศจากการเตรียมตัวที่ดีพอ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าด่านที่สี่นี้ เป็นด่านแห่งความตายอย่างแน่นอน จริงๆ แล้ว แม้จะมีการเตรียมตัวมาก่อน ของที่ใช้ขจัดพิษก็มีผลน้อยลงไปเรื่อยๆ เมื่อยิ่งออกไปไกลในทะเลทราย ต้องพึ่งพาพลังฝึกตน และโชคเท่านั้น
แต่เมิ่งฮ่าวแตกต่างออกไป…เขาเดินตรงไปผ่านกลุ่มหมอก ด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก เขาสูดลมหายใจเข้าไป แต่หมอกพิษก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากลอยไปมารอบๆ ตัวเขา ในความเป็นจริง อากาศรอบๆ ตัวเขาทุกทิศทางในระยะสิบจ้าง สะอาดบริสุทธิ์อย่างสิ้นเชิง
อ๋าวเฉี่ยนติดตามเมิ่งฮ่าวด้วยความกระตือรือร้น ดูเหมือนจะมีความสุขที่ได้เดินอย่างสบายผ่านด่านนี้ไป มันกระโจนตรงไป และเหยียบลงไปบนร่างของสัตว์พิษ ตีสัตว์พิษนั้นไปมาด้วยอุ้งเล็บ ดูเหมือนมันจะสนุกมาก มันมองมาที่เมิ่งฮ่าวจากนั้นก็กระโดดตามเขาไป
เจ็ดวันผ่านไป เมิ่งฮ่าวก็อยู่ไกล, ไกลออกไปจากคนอื่นๆ ในส่วนลึกของทะเลทราย เขาค่อยๆ หยุดเดินอย่างช้าๆ มองตรงไปด้วยความประหลาดใจ บางอย่างค่อนข้างแปลกประหลาดปรากฎขึ้นที่เบื้องหน้า
ที่นั่น ในทะเลทรายอันว่างเปล่า มีสถานที่ ที่ไม่มีทราย มีเพียงดอกไม้อยู่หนึ่งดอก
ดอกไม้นี้…มีสี่กลีบซึ่งประกอบด้วยสี่สี ใบของมันเป็นสีเขียวมรกต และกลีบดอกของมันก็ปรากฎเป็นใบหน้าของปีศาจ ซึ่งกำลังหัวเราะ และร้องไห้ในเวลาเดียวกัน…นี่ไม่ใช่อะไรนอกจาก ดอกปี่อ้านสี่สี
ดอกปี่อ้านบานอยู่ที่นี่ ในทะเลทรายแห่งนี้ ในด่านอาคมนี้