วันอังคารที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2560

ตอนที่ 126 : ฉับพลันนั้นมันก็โผล่ออกมา

Posted By: wuxiathai - 18:09
บนฝั่งตรงข้ามเป็นดอกไม้ที่บานออกเป็นสี่สี ชื่อของมันหมายถึงเซียนอมตะ
ดอกปี่อ้านทุกดอกในโลกนี้ ถูกเลี้ยงด้วยชีวิตของใครบางคนที่แข็งแกร่ง ถูกรดน้ำด้วยโลหิต กลายเป็นผลลัพธ์ของการรวมตัวกัน ของความตั้งใจอันลึกลับอย่างนับไม่ถ้วน ชีวิตของมัน เริ่มจากหนึ่งสีไปเรื่อยๆ จนกลายเป็นเจ็ดสีในที่สุด
เมิ่งฮ่าวโดนพิษของดอกปี่อ้านสามสี เบื้องหน้าเขา เป็นดอกปี่อ้านสี่สี ความรู้สึกสับสนพุ่งขึ้นอยู่ภายใน เขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าดอกไม้นี้ ครั้งหนึ่งก็เป็นเหมือนเขา, ผู้ฝึกตน
ทันทีที่เขามองเห็นดอกปี่อ้าน หมอกสามสีก็กระจายออกมาจากด้านบนของศีรษะ และกลายเป็นดอกปี่อ้านสามสีอันสวยงาม มันแกว่งไหวไปมา กลีบดอกก่อตัวเป็นใบหน้าปีศาจ ซึ่งดูเหมือนจะร้องไห้ แต่ก็ไม่ร้อง ราวกับว่ามันกำลังรำลึกถึงชีวิตของมัน ทำให้มันอยากจะร้องไห้ แต่ในเวลาเดียวกันนั้น มันก็ไม่อยากจะร้องออกมา
ดอกปี่อ้านสี่สีทีเบื้องหน้าเมิ่งฮ่าว ก็เริ่มแกว่งตัวไปมาอย่างช้าๆ ในที่สุด เขาก็ตระหนักได้ว่าที่กำลังยืนอยู่ด้านบนของดอกไม้นั้น เป็นภาพเลือนลางของบุรุษในชุดยาวสีขาว มันยืนอยู่ที่นั่นอย่างเงียบๆ และจากรูปร่างที่มองเห็นไม่ชัดนั้น เหมือนกับว่ามันกำลังมองตรงมายังเมิ่งฮ่าว
ดูเหมือนว่าพวกเขากำลังจ้องมองซึ่งกันและกันสักพักจากฝั่งตรงข้าม เวลานานผ่านไป และในที่สุดบุรุษชุดขาวนั้นก็ถอนหายใจ มันยกมือขวาขึ้นมาโบกสะบัด ด้านข้างมันที่เป็นทราย ปรากฎเป็นประตูที่เรืองแสงขึ้น
ผู้คนที่มีชะตากรรมร่วมกัน ไม่จำเป็นต้องทำความลำบากให้กันและกัน ประตูเรืองแสงคือทางออก การก้าวเท้าเข้าไป ก็หมายถึงการออกจากด่านที่สี่
ทันทีที่ประตูเรืองแสงปรากฎขึ้น บุรุษชุดขาวก็หายตัวไป มีเพียงสิ่งเดียวที่เหลืออยู่ก็คือดอกปี่อ้าน ที่แกว่งตัวไปมาอย่างช้าๆ ราวกับว่ามันต้องการจะร้องไห้ และในเวลาเดียวกันก็ไม่ต้องการร้องออกมา
เมิ่งฮ่าวเงียบไปสักพัก จากนั้น เขาก็ประสานมือ และโค้งตัวลงต่ำ จากนั้น เขาก็เงยหน้าขึ้น และเดินผ่านเข้าไปในประตูเรืองแสง อารมณ์ของเขาผสมปนเปและซับซ้อน โลกรอบๆ ตัวเขาแยกออกเป็นส่วนๆ จากนั้นก็รวมกันใหม่ เขาอยู่บนลานกว้างใหญ่ ที่เต็มไปด้วยลมปราณอันหนาแน่น ซึ่งปกคลุมเขาและอ๋าวเฉี่ยนในทันที
ตรงขึ้นไปด้านหน้าเป็นด่านที่ห้าและหลี่เต้าอี ทุกคนติดอยู่ด้านหลังเขาในด่านที่สี่ การโผล่ออกมาจากด่านที่สี่ ด้วยเวลาที่น้อยกว่าสิบวัน เป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ในช่วงการแข่งขันล่าขุมทรัพย์ตั้งแต่ครั้งโบราณเป็นต้นมา เมิ่งฮ่าวทะลวงผ่านด่านที่สี่ได้เร็วกว่าใครในประวัติศาสตร์!
ด้านนอกในดินแดนด้านใต้ การปรากฎตัวของเมิ่งฮ่าวทำให้เกิดความโกลาหลขึ้น ทุกคนที่มองไปยังจอภาพโลหิตที่อยู่ด้านนอกของเขตล่าขุมทรัพย์เซียนโลหิต ต่างก็จ้องไปยังร่างที่เลือนลางของเมิ่งฮ่าวด้วยความตกใจ พวกมันไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้เห็น
“เจ็ดวัน! คนผู้นี้ทะลวงผ่านด่านที่สี่ในเจ็ดวัน! มันทำได้อย่างไร? ในประวัติศาสตร์ของการแข่งขันล่าขุมทรัพย์เซียนโลหิต เรื่องแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน!”
“จากการแสดงออกของมันในด่านที่สี่ ตอนนี้มันได้แทนที่คนอื่นๆ ไปหมดแล้ว! มีเพียงคนเดียวที่นำมันอยู่ก็คือหลี่เต้าอี! ถ้ามันยังทำได้ดีในด่านที่ห้า ถึงแม้มันจะไม่ได้ครอบครองขุมทรัพย์ของเซียนโลหิต แต่มันก็ยังคงเป็นที่รู้จักไปทั่วในดินแดนด้านใต้”
“คนผู้นี้มาจากไหน? ข้าไม่อยากจะเชื่อว่ามันไม่มีอดีต…นอกจาก…นอกจากว่ามันมาจากสำนักเฮยเซ่อไช ตั้งแต่ประตูขุมทรัพย์เซียนโลหิตเปิดออก สำนักเฮยเซ่อไชไม่เคยแสดงตัวออกมาเลย!”
ท่ามกลางความโกลาหลนั้น ซ่งเหล่าไกว้จ้องไปที่ร่างเลือนลางของเมิ่งฮ่าว ขณะที่เขานั่งเข้าฌาณอยู่ ไม่เพียงแต่มัน อู๋ติงชิวแห่งสำนักจื่อยิ่น, จ้าวซานหลิง จากสำนักจินซวง และแม้แต่โจวเหยียนหยุน สำนักกูตู๋เจี้ยน รวมถึงเฉินฟ่าน ต่างก็พยายามมองไปที่เมิ่งฮ่าวอย่างละเอียด
แน่นอนว่า ไม่มีใครในพวกมันที่รู้ว่า พวกมันทุกคนก็เคยรู้จักเขามาก่อน
หวังเถิงเฟยชำเลืองมองไปที่เมิ่งฮ่าว มือของมันประสานกันจนแน่น มันไม่มีทางที่จะจำเขาได้เช่นกัน และจริงๆ แล้ว มันก็มุ่งความสนใจไปที่พีชายของมัน หวังลี่ไห่ มากกว่า
ที่ประตูขุมทรัพย์ของตระกูลหลี่ ผู้ฝึกตนชราขั้นวิญญาณแรกก่อตั้งทั้งสองคนต่างก็ขมวดคิ้ว ตอนนี้พวกมันรู้สึกว่าถูกคุกคามโดยเมิ่งฮ่าวอยู่เล็กน้อย
ในขณะที่โลกภายนอกพูดคุยเกี่ยวกับเมิ่งฮ่าวทะลวงผ่านด่านที่สี่ในเจ็ดวัน เขากำลังนั่งเข้าฌาณดูดซับลมปราณอันไร้ขอบเขตของสวรรค์และปฐพี ด้วยความรวดเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
รูปร่างของเสาแห่งเต๋าเสาที่สองของเขา เริ่มเห็นได้ชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ อ๋าวเฉี่ยนก็ดูดซับลมปราณอย่างรวดเร็วด้วยเช่นกัน ในที่สุดมันก็มีขนาดใหญ่เท่าตัวคน ยืนอยู่ข้างกายเมิ่งฮ่าว ซึ่งกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่  ดูท่าทางน่ากลัวเป็นอย่างมาก
มันมีขนที่หนาสีโลหิตดูสง่างามปกคลุมไปทั่วร่างและใบหน้า ที่มองเห็นผ่านขนบนใบหน้าเป็นดวงตาสีแดงเลือด ซึ่งส่องประกายด้วยความเย็นชาดูกระหายเลือด กรงเล็บของมันแหลมคมราวกระบี่ และดูเหมือนจะสามารถฉีกกระชากสวรรค์และปฐพีออกเป็นชิ้นๆ ได้อย่างง่ายดาย
เมื่อมันอ้าปากขึ้น สิ่งแรกที่เห็นเป็นฟันที่ยาวและแหลมคม จนดูเหมือนจะสามารถฉีกกระชากสิ่งมีชีวิตทั้งหลายให้แหลกกระจายเป็นชิ้นๆ ได้
เมิ่งฮ่าวยังคงนั่งเข้าฌาณเป็นวันที่แปด หลังจากออกมาจากด่านที่สี จนในที่สุด อากาศก็สั่นกระเพื่อมเป็นระลอกคลื่น และหวังลี่ไห่ก็โผล่ออกมา เมื่อมันมาถึง มันก็จ้องไปที่เมิ่งฮ่าวด้วยความประหลาดใจ มันคิดว่ามันเป็นคนแรก หลังจากหลี่เต้าอี ที่โผล่ออกมาจากด่านที่สี่
การผ่านด่านที่สี่ได้ในเวลาครึ่งเดือน ก็ทำให้เกิดความปั่นป่วนที่ด้านนอกได้เล็กน้อย อย่างไรก็ตาม…ความปั่นป่วนวุ่นวายที่มันควรจะได้รับ ก็ถูกขโมยโดยเมิ่งฮ่าวไปเรียบร้อยแล้ว
มันมองไปที่เมิ่งฮ่าวอย่างละเอียดสักพัก จากนั้นก็นั่งลงขัดสมาธิเพื่อเข้าฌาณ อีกสามวันผ่านไป ก่อนที่ซ่งเจียจะออกมา นางเดินโซเซเล็กน้อย โลหิตไหลซึมออกมาจากปาก ก่อนที่นั่งลงขัดสมาธิ เพื่อเริ่มต้นการสูดลมหายใจเข้าออก
เมิ่งฮ่าวลืมตาขึ้น ลมปราณในสถานที่นี้กำลังหายไป เขาพึมพำกับตัวเองชั่วครู่ รูปร่างของเสาแห่งเต๋าเสาที่สองของเขาเกือบจะก่อตัวขึ้นมาอย่างสมบูรณ์ ถ้าลมปราณรอบๆ บริเวณนี้หนาแน่นเหมือนกับเริ่มแรก เขาก็จะใช้เวลาอีกเพียงครึ่งเดือน ก็จะสร้างเสาแห่งเต๋าได้อย่างสมบูรณ์
แต่ลมปราณในตอนนี้เริ่มจางลง และคงต้องใช้เวลาพอสมควรในการเติมเต็มให้เหมือนเดิม
“พื้นฐานสมบูรณ์…” อีกครั้งที่ความต้องการพื้นฐานสมบูรณ์ของเมิ่งฮ่าวมีมากขึ้น
ทันใดนั้น อ๋าวเฉี่ยนก็เงยหน้าขึ้นไปบนฟ้า และส่งเสียงคำรามอันน่าตกใจออกมา เมิ่งฮ่าว และบุคคลอื่นๆ บนลานกว้างก็มองขึ้นไปในทันที
สิ่งที่พวกเขาเห็นก็คือ รังสีของอ๋าวเฉี่ยนเริ่มมีความแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆ ทันในนั้น ร่างของมันก็ขยายใหญ่ขึ้นอีกหนึ่งจ้าง รูปร่างของมันตอนนี้ดูน่าตกใจยิ่ง แค่การเติบโตเช่นนี้ก็ทำให้น่าตกใจมากแล้ว แต่ยังมีมากกว่านั้น
กระดูกสีโลหิตของมัน ทันใดนั้น ก็งอกออกมาจากขากลายเป็นเดือยอันแหลมคม และเขี้ยวของมันก็ยาวออกมาจนไม่ต้องอ้าปาก ก็มองเห็นได้อย่างชัดเจน ใครก็ตามที่มองไปที่มัน จิตใจคงเต้นรัวด้วยความตกใจกลัวเป็นแน่
มันส่งเสียงคำรามออกมา ขณะที่พลังฝึกตนของมันพุ่งทะยานขึ้น ในทันใดนั้น มันไม่ได้เปล่งรังสีของขั้นพื้นฐานลมปราณอีกต่อไป แต่…เป็นขั้นสร้างแกนลมปราณ!
โลกภายนอกต่างก็ตกใจขึ้นอีกครั้ง
“สร้างแกนลมปราณ!! โลหิตศักดิ์สิทธิ์ของคนผู้นั้น เป็นตัวที่สองที่บรรลุขั้นสร้างแกนลมปราณ!”
“ดูเหมือนว่ามีมันคนเดียวที่เก่งเทียบเท่ากับหลี่เต้าอี! มันเป็นใครกัน…?”
เมิ่งฮ่าวมองไปที่อ๋าวเฉี่ยนซึ่งมีรูปลักษณ์แปลกๆ และรังสีอันน่าตกใจ จนเขาต้องแอบถอนหายใจ สุนัขตัวนี้อยู่ได้ในสถานที่นี้เพียงเท่านั้น ไม่สามารถนำมันออกไปได้ ถ้าทำได้ จากมิตรภาพที่สร้างขึ้นมาระหว่างทั้งสอง เมิ่งฮ่าวก็จะรู้สึกปลอดภัยมากยิ่งขึ้นในโลกแห่งการฝึกตนด้านนอก
“และมันก็ยังคงเติบโตได้อีก…” เมิ่งฮ่าวคิด ดวงตาสาดประกาย “มีทางเดียวที่จะนำมันออกไปจากสถานที่นี้ได้ก็คือ ต้องได้ครอบครองขุมทรัพย์ของเซียนโลหิตเท่านั้น”
เขาเอื้อมมือไปลูบคลำอ๋าวเฉี่ยน อีกสิ่งที่ทำให้คิดก็คือ มันดูท่าทางอำมหิตโหดเหี้ยมเป็นอย่างมาก แต่ในสายตาของเขา มันดูน่ารักอย่างน่าเหลือเชื่อ ขณะที่เขาลูบคลำมัน มันก็ส่งเสียงด้วยความดีใจออกมา เหมือนกับตอนที่มันยังตัวเล็กๆ อยู่
จากนั้นมันก็นอนลง และเลียมือของเขา มองมาที่เขาด้วยดวงตาประจบประแจง เหมือนตอนที่มันยังเด็กอยู่ สิ่งที่แตกต่างกันในตอนนี้ก็คือ ลิ้นของมันมีขนาดใหญ่เท่ามือของเมิ่งฮ่าว
ดูเหมือนว่ามันสามารถปฏิบัติกับทุกสิ่งในโลกนี้ด้วยความโหดเหี้ยมดุร้าย แต่สำหรับเมิ่งฮ่าว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น มันก็ยังคงมองเขาเหมือนทุกครั้ง เมิ่งฮ่าวลูบคลำมัน มันเลียมือเขา และทุกสิ่งทุกอย่างก็จะสงบสุขตลอดไป
“จริงๆ แล้ว ข้าไม่ค่อยสนใจมากนักเกี่ยวกับขุมทรัพย์เซียนโลหิต แต่ข้าต้องต่อสู้เพื่อจะนำโลหิตศักดิ์สิทธิ์นี้ออกไปกับข้า…” เมิ่งฮ่าวเงยหน้าขึ้น และดวงตาก็สาดประกายเจิดจ้า เขายืนขึ้นช้าๆ ตอนนี้ลมปราณในสถานที่นี้เบาบางลง คงเสียเวลาที่จะอยู่ต่อ เขามีเวลาทั้งหมดสามเดือนที่จะอยู่ในนี้ และครึ่งเดือนก็ผ่านไปเรียบร้อยแล้ว เขาเดินตรงไป และอ๋าวเฉี่ยนก็ติดตามมา ภายใต้การจ้องมองจากโลกภายนอก พวกเขาทั้งสองลอยเข้าไปในด่านที่ห้า
จนกระทั่งถึงตอนนี้ มีเพียงหลี่เต้าอีที่เข้าไปในด่านอาคมที่ห้า ทันทีที่เมิ่งฮ่าวเข้าไป เสียงคร่ำครึโบราณก็ได้ยินขึ้น
“ด่านนี้คือความว่างเปล่า, ความว่างเปล่าคือจุดสิ้นสุด ดังนั้นมันจึงมีนามว่า ‘จุดสิ้นสุดแห่งความว่างเปล่า’ มีตัวอักษรโลหิตซึ่งก่อเป็นผนึกปกคลุมไปทั่ววิญญาณอันนับไม่ถ้วน ได้รับการรู้แจ้งถึงจะทำลายมันได้ ถ้าเจ้าทำลายมัน เจ้าจะได้รับมันหลังจากครอบครองขุมทรัพย์นี้ ถ้าไม่ได้ครอบครองขุมทรัพย์ มันก็จะถูกลบออกไป”
“ด่านนี้ยากเย็นเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นโลหิตศักดิ์สิทธิ์สามารถจากไปได้ทุกเมื่อ อย่างไรก็ตาม ผู้แข่งขันต้องต่อสู้จนถึงที่สุด ถึงแม้ว่าจะจบลงด้วยความตายก็ตามที”
ขณะที่เสียงดังก้องออกมา โลกแห่งใหม่ก็ก่อตัวขึ้นตรงหน้าเมิ่งฮ่าว มันเป็นภูเขา ด้านบนของภูเขาเป็นศิลาตัวอักษรขนาดใหญ่ ด้านข้างเป็นประตูเรืองแสง ซึ่งให้โลหิตศักดิ์สิทธิ์ใช้เท่านั้น
ศิลาตัวอักษรปกคลุมไปด้วยสัญลักษณ์เวทสีโลหิต มันส่องแสงเป็นประกาย ดูเหมือนจะประกอบไปด้วยเต๋าบางอย่าง ซึ่งต้องใช้ความรู้แจ้งเพื่อที่จะเข้าใจได้
เมื่อเมิ่งฮ่าวปรากฎขึ้นในโลกนี้ เขาก็พบว่าตัวเองกำลังอยู่ที่จุดบนสุดของภูเขา ด้านล่างของศิลาตัวอักษร อ๋าวเฉี่ยนยืนอยู่ด้านข้างเขา มองไปรอบๆ ด้วยความระมัดระวัง
ดวงตาเมิ่งฮ่าวเต็มไปด้วยการครุ่นคิด ขณะที่มองไปยังสัญลักษณ์เวทบนศิลาตัวอักษรนั้น เมื่อเขามองไป ใบหน้าก็บิดเบี้ยวด้วยความประหลาดใจ มีบางอย่างเกิดขึ้น ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ตลอดเวลาที่เขาได้เข้ามาในเขตขุมทรัพย์เซียนโลหิตนี้ เขาตบไปที่ถุงสมบัติ และต้นชุนชิวก็ปรากฎขึ้น เขาคว้าจับมันไว้ในมือ
อย่างไรก็ตาม ทันใดนั้นเขาก็ไม่มีพลังที่จะดูดซับต้นชุนชิว เห็นได้ชัดว่า ภายในด่านที่ห้านี้ เขาถูกตัดขาดจากต้นชุนชิวนี้โดยสิ้นเชิง สีหน้าของเขาส่งประกายขึ้นอีกครั้ง
ก่อนที่เขาจะสามารถทำอะไรได้ ร่างกายก็เริ่มสั่นสะท้านในทันใด และเขาก็กระอักโลหิตออกมาเป็นสีดำ และก่อนที่มันจะตกลงไปถึงพื้น มันก็กลายเป็นดอกปี่อ้านสามสี กลีบดอกเป็นใบหน้าที่กำลังร้องไห้และไม่ร้อง มองตรงมายังเมิ่งฮ่าว
ใบหน้าเขาซีดขาว และภายในดวงตาก็ปรากฎเป็นใบหน้าที่สร้างขึ้นมาจากกลีบของดอกไม้สามสี ร่างของเขาสั่นมากขึ้น และความเจ็บปวดแสนสาหัสก็กระจายไปทั่วร่าง เหมือนกับจะทำให้เขาหมดสติไป พิษในร่างของเขากำเริบขึ้นมาเป็นสองเท่าจากก่อนหน้านี้
“ข้าสะกดข่มพิษนี้เมื่อครึ่งเดือนที่แล้วในปล่องภูเขาไฟ…” เขาคิด บังคับให้ดวงตาเปิดขึ้น บอกตัวเองไม่ให้หมดสติไปครั้งแล้วครั้งเล่า ถ้าเขาหมดสติไปในด่านที่ห้า เขาก็คงต้องตายอย่างแน่นอน
จริงๆ แล้ว พิษที่กำเริบขึ้นมานี้ ไม่มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับด่านที่ห้า แต่ในด่านที่สี่ หลังจากที่ได้เห็นดอกปี่อ้านสี่สี พิษภายในร่างของเขาก็เริ่มถูกกระตุ้น ทำให้มันกำเริบขึ้น
ร่างของเมิ่งฮ่าวเต็มไปด้วยเหงื่อ และความเจ็บปวดสุดที่จะพรรณนาก็ปกคลุมไปทั่วร่างราวกับอุทกภัยไหลบ่า ทำให้เขาเหมือนกับมนุษย์ธรรมดา ใบหน้าบิดเบี้ยวอย่างน่ากลัว และเขาก็กัดฟันจนแน่น
อ๋าวเฉี่ยนไม่เข้าใจว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น แต่เมื่อได้เห็นเมิ่งฮ่าวในลักษณะนี้ ก็ทำให้มันรู้สึกกังวล และในตอนนี้เองที่ทันใดนั้น เสียงแผดร้องหลากหลายก็ดังออกมาจากด้านล่างของภูเขา
ด้านล่าง เงาร่างมากมายปรากฎขึ้น มันเป็นกลุ่มคนทีสวมใส่เสื้อผ้าเก่าขาดเหมือนคนป่า พวกมันตัวสูง และดวงตาเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยม ขณะที่วิ่งตรงขึ้นมาบนยอดเขา
จากความเร็วที่เห็น พวกมันคงจะถึงบนยอดเขาภายในเวลาหายใจเข้าออกไม่กี่ครั้ง ใบหน้าเมิ่งฮ่าวซีดขาว ร่างกายสั่นสะท้าน พิษนี้กำเริบขึ้นรุนแรงมากกว่าก่อนหน้านี้มากนัก เขาไม่มีแม้แต่แรงที่จะยกมือขึ้น ทำได้เพียงมองไปยังกลุ่มคนที่กำลังวิ่งตรงมาที่เขา

About wuxiathai

Organic Theme is officially developed by Templatezy Team. We published High quality Blogger Templates with Awesome Design for blogspot lovers.The very first Blogger Templates Company where you will find Responsive Design Templates.

Copyright © 2015 ผนึกสวรรค์ สยบมาร สะท้านเทพ

Designed by Templatezy | Distributed By Gooyaabi Templates