ผู้ที่อยู่เบื้องหน้าเมิ่งฮ่าว เป็นผู้ฝึกตนชรา ขั้นพื้นฐานลมปราณ จากสำนักฟางเยี่ย (ราตรีเที่ยงธรรม) ด้านหลังเป็นผู้ฝึกตนขั้นพื้นฐานลมปราณ ที่กำลังเดือดดาล จากสำนักเฟิงหาน (สายลมยะเยือก) ณ ตอนนี้ ผู้ฝึกตนขั้นพื้นฐานลมปราณ จากสองของสามสำนักใหญ่ ในแคว้นจ้าว ได้ปรากฎตัวขึ้น
ภายในจิตใจของเมิ่งฮ่าวรู้ว่า เขากำลังตกอยู่ในสถานการณ์หนีเสือปะจรเข้ จนยากที่จะหลบหนีไปได้ ตามหลักแล้ว เขาควรจะชักจูงพวกมันเข้าไปในเขตนั่งกัมมัฏฐาน ของปรมาจารย์เอกะเทวะ แต่การที่จะทำเช่นนั้นได้ ต้องได้รับความร่วมมือจากปรจารย์เอกะเทวะเอง
เมื่อพิจารณาถึงทุกสิ่งทุกอย่าง ที่เป็นไปได้ระหว่างทั้งสองเรื่องนี้ และเมื่อคิดไปถึงอารมณ์ของปรมาจารย์เอกะเทวะด้วยแล้ว ก็ไม่แน่ใจว่ามันจะยอมช่วยเขาจริงหรือไม่ ยิ่งไปกว่านั้น เมิ่งฮ่าวก็ใช้อุบายนี้ไปแล้วครั้งหนึ่ง
โอกาสที่จะหลอกลวงผู้คนมากมาย ด้วยวิธีการเดียวกันได้สำเร็จ คงไม่สูงมากนัก สุดท้าย เมื่อคิดแล้ว เขามีทางเลือกเหลืออยู่น้อยมาก แต่ก็ต้องลองดู
“ผู้คุมกฎ และผู้อาวุโสของสามสำนักใหญ่ ยังไม่ตาย!” เขาพูดขึ้นมาในทันใด ขณะที่ผู้ฝึกตนขั้นพื้นฐานลมปราณ จากสำนักฟางเยี่ย ใกล้เข้ามาพร้อมกับยกมือขึ้น
เมื่อคำพูดหลุดออกมาจากปากเขา ดวงตาของชายชราส่องประกาย ใบหน้าของบุรุษจากสำนักเฟิงหาน ก็เป็นประกายขึ้นมาด้วยเช่นกัน
“พวกมันติดอยู่ในกับดัก ถ้ำแห่งเซียนของปรมาจารย์เอกะเทวะ ด้านบนนั้น” เขายกมือชี้ไปยังภูเขาตะวันออก
ดวงตาของผู้ฝึกตน ขั้นพื้นฐานลมปราณ จากสำนักเฟิงหาน สาดประกายคล้ายสายฟ้า เมื่อมันจ้องขึ้นไปยังยอดเขา กลุ่มผู้ฝึกตนขั้นรวบรวมลมปราณ จากสำนักเฟิงหานก็มองไปที่ภูเขาตะวันออกด้วยเช่นกัน
แต่ผู้ฝึกตนขั้นพื้นฐานลมปราณ จากสำนักฟางเยี่ยยิ้มออกมา เป็นรอยยิ้มที่น่ากลัว เต็มไปด้วยการเยาะเย้ย
“ข้าสงสัยว่า เจ้ารู้ได้อย่างไรว่า ผู้คุมกฎ และผู้อาวุโสยังไม่ตาย” เมื่อได้ยินเช่นนี้ จิตใจของเมิ่งฮ่าวก็เปลี่ยนแปลงไปมา ถึงแม้ว่าสีหน้าของเขาไม่ได้เปลี่ยนไปก็ตาม
“จริงๆ แล้ว ไม่ว่าเจ้าจะพูดยังไง เมื่อข้าถามเจ้า เจ้าก็ต้องตอบทุกคำถามของข้า” มันยกมือขวาขึ้น ยื่นตรงมายังเมิ่งฮ่าว พลังของผู้ฝึกตน ขั้นพื้นฐานลมปราณก็ระเบิดออกมา และมือขนาดใหญ่มหึมา ก็ปรากฎขึ้นในอากาศตรงหน้ามัน ส่งเสียงแหวกฝ่าอากาศ พุ่งมายังเมิ่งฮ่าว
เมิ่งฮ่าวรีบหลบไปในทันที แต่ในขณะที่กำลังหลบ ผู้ฝึกตนขั้นพื้นฐานลมปราณ จากสำนักเฟิงหาน ก็โบกชายแขนเสื้อ และส่งเสียงหัวเราะอันเย็นชาออกมา สายลมดุร้ายรุนแรง ก็พุ่งตรงมายังเมิ่งฮ่าว
ผู้ฝึกตนขั้นพื้นฐานลมปราณทั้งคู่ โจมตีมาในเวลาเดียวกัน เมิ่งฮ่าวกัดฟันแน่น ตบไปที่ถุงเก็บสมบัติ แผ่นผืนของสายฟ้าก็ปรากฎขึ้น รวมตัวกันเป็นธวัชสายฟ้า
ธงผืนนี้เป็นหนึ่งในสิ่งของที่ เขาได้มาจากปรมาจารย์เอกาะเทวะ และมีพลังที่จะต่อต้านการโจมตีจาก ผู้ฝึกตนขั้นพื้นฐานลมปราณ เมื่อมันปรากฎขึ้น ก็เรืองแสงกลายเป็นแผ่นหมอก ด้านในมีสายฟ้าแลบแปลบปลาบ กลุ่มหมอกขยายตัวออก ปกคลุมเมิ่งฮ่าวอยู่ภายใน
เสียงระเบิดดังออกมา ภายในกลุ่มหมอก เมิ่งฮ่าวกระอักโลหิตออกมา กระเด็นออกไปด้านหลัง ดวงตาของผู้ฝึกตนชรา ขั้นพื้นฐานลมปราณเบิกกว้าง มันจ้องไปที่หมอกนั้นด้วยความตกใจ
บุรุษจากจากสำนักเฟิงหาน ปากอ้าตาค้าง
กลุ่มหมอกที่อยู่รอบตัวเมิ่งฮ่าว มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณสี่สิบหน้าถึงหกสิบฉื่อ ใบหน้าของเขาซีดขาว และปากก็มีคราบโลหิต อวัยวะภายในเจ็บปวด และมีโลหิตไหลซึมออกมา เขาต้องใช้ความพยายามอย่างมากมายมหาศาล เพื่อที่จะควบคุมธงผืนนี้
การจะใช้ธวัชสายฟ้าอย่างเต็มพลัง ต้องมีการปรับแต่งมาเป็นอย่างดี และเมิ่งฮ่าวก็ไม่มีเวลาฝึกฝนมันมากนัก เช่นในตอนนี้ เขาสามารถใช้พลังของมัน ได้เพียงแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น มันหมุนวนไปมารอบๆ ตัวเขาอย่างเคว้งคว้างไปมา
“นี่เป็นของวิเศษที่เยี่ยมยอด” ชายชราจากสำนักฟางเยี่ยกล่าว “โชคร้ายที่เจ้าใช้มันไม่ถูกต้อง มาดูกันว่าเจ้าจะต้านทาน เวทอาคมของข้าได้มากแค่ไหน!”
มันขยับมาข้างหน้า ยกมือขึ้นอีกครั้ง ละอองฝุ่นสีดำกระจายออกมาที่เบื้องหน้าของมัน กระพริบแสงกลายเป็น เส้นใยสีดำจำนวนมากมาย พุ่งตรงไปยังกลุ่มหมอก
เสียงระเบิดดังออกมา จากนั้นชายชราก็เข้าไปใกล้กลุ่มหมอก ทุกครั้งที่มันโบกมือไปมา เส้นใยแห่งละอองฝุ่นสีดำ ก็ปะทะเข้าไปในกลุ่มหมอก ทำให้เกิดเสียงระเบิดดังออกมา
ด้วยรอยยิ้มอันเย็นชา ผู้ฝึกตนจากสำนักเฟิงหาน ขยับรูปแบบการร่ายเวทอาคมอย่างรวดเร็ว มือของมันก็เปลี่ยนเป็นน้ำแข็งในทันที จากนั้นก็แตกกระจายออก กลายเป็นมือขนาดใหญ่อยู่ตรงหน้ามัน หัตถ์น้ำแข็งพุ่งตรงไปยังเมิ่งฮ่าว
เพียงชั่วกระพริบตา มันก็พุ่งมาถึง เสียงคำรามดังสนั่นอยู่ในบริเวณนั้น เมื่อเส้นใยสีดำ และหัตถ์น้ำแข็ง ทำให้กลุ่มหมอกที่อยู่รายรอบเมิ่งฮ่าวหดตัวลง โลหิตพ่นออกมาจากปากของเขา และร่างกายก็รู้สึกราวกับว่า กำลังจะถูกฉีกออกเป็นชิ้นๆ
จิตใจของเขาสับสนวุ่นวาย ใบหน้าซีดขาวราวคนตาย ความรู้สึกถึงภัยอันตราย ถึงชีวิตและความตายครอบคลุมลงมา สายใยที่เชื่อมต่อระหว่างเขา และธวัชสายฟ้า ใกล้จะขาดออกจากกันไปทุกขณะจิต
เมื่อเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้น มันก็ไม่สำคัญว่าพลังฝึกตนของเมิ่งฮ่าว ได้บรรลุถึงวงจรอันยิ่งใหญ่ของการรวบรวมลมปราณอย่างสมบูรณ์แล้ว ถึงอย่างไรเขาก็ยังคงอยู่ในขั้นรวบรวมลมปราณ และกำลังเผชิญหน้ากับขั้นพื้นฐานลมปราณถึงสองคน ช่องว่างระหว่างพลังของทั้งสองขั้นนี้ กว้างใหญ่มากเกินไป
ณ จุดวิกฤตนี้ เมิ่งฮ่าว ดวงตาแดงก่ำ ตบลงไปที่ถุงเก็บสมบัติในทันที ตะเกียงน้ำมันก็ปรากฎขึ้นในมือ ด้านในของมันส่งประกายของลมปราณโบราณออกมา
ไส้ของตะเกียงเป็นวิญญาณแรกก่อตั้ง นั่งขัดสมาธิเข้าฌาณอยู่ มันไม่ใช่ใครอื่น นอกจาก…เทียนจีซ่างเหริน!
วิญญาณแรกก่อตั้งเป็นเชื้อเพลิง และพลังชีวิตคือเปลวไฟ แสงไฟส่องสว่างไปบนใบหน้าของเมิ่งฮ่าว ความดุร้ายปรากฎอยู่เต็มสีหน้า ดวงตาสาดประกายรังสีสังหารออกมา เขาได้คิดถึงหนทางที่เป็นไปได้ เพื่อจะหลุดพ้นจากสถานการณ์นี้
เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ทันใดนั้นเสียงประทุ ก็ดังออกมาจากร่างกาย พลังลมปราณของเขาเริ่มโคจรหมุนวน ด้วยพลังของวงจรอันยิ่งใหญ่ของการรวบรวมลมปราณ แกนทะเลลมปราณพุ่งเดือดพล่าน และพลังลมปราณก็พุ่งผ่านเส้นลมปราณออกมาอย่างรวดเร็ว มาเก็บกักอยู่ในปากของเขา
เขามองผ่านกลุ่มหมอกออกไป
เนื่องจากมีกลุ่มหมอกปกคลุมเขาไว้ จึงไม่มีใครสามารถเห็นตะเกียง ที่อยู่ในมือของเขา ยิ่งไปกว่านั้น ไม่มีลมปราณไหลออกมาจากตะเกียงแม้แต่น้อย
เสียงระเบิดดังออกมา ขณะที่กลุ่มหมอกยังคงหดตัวลงต่อไป ในตอนนี้ มันมีขนาดกว้างเพียงแค่เก้าฉื่อ ละอองฝุ่นสีดำปรากฎขึ้นในมือของ ผู้ฝึกตนชรา ขั้นพื้นฐานลมปราณมากยิ่งขึ้น
“เปิด!” มันคำราม โบกมือตรงไปยังกลุ่มหมอก ทันใดนั้น เสียงระเบิดก็ดังออกมา ขณะที่กลุ่มหมอกแตกกระจายหายไป กลายเป็นธวัชสายฟ้าลอยกลับไปยังเมิ่งฮ่าว
“ถ้าข้าบอกว่า เจ้าต้องตายในวันนี้, เจ้าก็ต้องตาย!” ชายชราโบกมือขึ้นอีกครั้ง และละอองฝุ่นสีดำก็ตกลงไปที่เมิ่งฮ่าว
ในตอนนั้นเองที่ชายชรา สังเกตเห็นตะเกียงที่อยู่ในมือของเมิ่งฮ่าว ซึ่งมีใบหน้าซีดขาว สีหน้าของมันเปลี่ยนไปในทันที
“นั่นคึอ…?”
ความต้องการสังหารของเมิ่งฮ่าวทะยานขึ้น โดยไม่เปิดโอกาสให้ชายชราผู้นั้นครุ่นคิด เขาอ้าปาก พ่นพลังลมปราณออกไป
ลมปราณพุ่งผ่านเปลวไฟของตะเกียง ระเบิดออกไปกลายเป็นลูกไฟขนาดใหญ่ ผู้ฝึกตนชรา ขั้นพื้นฐานลมปราณ รีบล่าถอยออกไปด้วยความตกใจ แต่เปลวไฟที่ขยายออกมา รวดเร็วเกินไป พุ่งตรงไปที่มันในทันที
เสียงแผดร้องโหยหวน ดังออกไปทั่วพื้นที่แถบนั้น เมื่อไฟกำลังกลืนกินมัน ละอองฝุ่นสีดำในมือก็กลายเป็นไอไปเรียบร้อย ภายในชั่วพริบตา เสื้อผ้า จากนั้นก็เนื้อหนังร่างกาย หดตัวลงกลายเป็นเถ้าธุลี
เหตุการณ์ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว กลุ่มผู้ฝึกตนที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้น ยังไม่ทันจะมีปฏิกิริยาใด ขณะที่เสียงแผดร้องที่น่ากลัวดังออกมา ผู้ฝึกตนชรานั้นก็ถูกเผาไหม้จนไม่มีอะไรเหลืออยู่เลย แม้แต่ถุงเก็บสมบัติ
ใบหน้าของเมิ่งฮ่าวซีดขาว มือก็สั่นทั้งสองข้าง ลมปราณที่เขาเพิ่งจะยิงออกไป เป็นพลังลมปราณของเขาเกือบทั้งหมด เช่นเดียวกับเปลวไฟของตะเกียงอันน่ากลัวนี้
ทั้งหมดตกอยู่ในความเงียบราวความตาย…กลุ่มควันของเปลวไฟอสูร ยังคงลอยขึ้นมาจากจุดที่ ผู้ฝึกตนชรา ขั้นพื้นฐานลมปราณถูกเผาไป
เสียงแผดร้องก่อนตายของมัน ยังคงดังก้องอยู่ในอากาศ ผู้ฝึกตนเก้าคนหรือมากกว่านั้น ที่ยังคงเหลืออยู่ของสำนักฟางเยี่ย มีสีหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
“ผู้อาวุโสจางเพิ่งจะ…”
“นั่น…นั่นคือไฟอะไร?”
“นี่เป็นไปไม่ได้…ผู้อาวุโสจางเป็นผู้ฝึกตนขั้นพื้นฐานลมปราณ ท่านจะตายในเงื้อมมือของเมิ่งฮ่าวได้อย่างไร…”
พวกมันไม่กล้าที่จะเชื่อ ผู้ฝึกตนขั้นพื้นฐานลมปราณอันทรงพลัง กลับถูกเผาจนตายด้วยเปลวไฟ จากผู้ฝึกตนขั้นรวบรวมลมปราณ…อย่างคาดไม่ถึง ในจิตใจของพวกมัน นี่เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ผู้ฝึกตนขั้นพื้นฐานลมปราณ ไม่มีทางจะถูกสังหารโดยผู้ฝึกตนขั้นรวบรวมลมปราณ ได้อย่างง่ายดายเช่นนี้
แม้แต่ผู้ฝึกตนขั้นพื้นฐานลมปราณที่อ่อนแอ ก็ไม่มีทางตายด้วยเงื้อมมือของ ผู้ฝึกตนขั้นรวบรวมลมปราณอย่างแน่นอน
สิ่งที่พวกมันเพิ่งจะได้เห็น ทำให้จิตใจหมุนคว้างปั่นป่วนวุ่นวาย พวกมันจ้องไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยความประหลาดใจ
สิ่งที่พวกมันไม่รู้ก็คือ ผู้ฝึกตนขั้นพื้นฐานลมปราณ จากสำนักเฟิงหานกำลังตกตะลึงยิ่งกว่าพวกมัน มันจ้องไปยังจุดที่ ผู้ฝึกตนชรา ขั้นพื้นฐานลมปราณเพิ่งจะยืนอยู่ที่นั่น ดวงตาของมันเบิกกว้าง สีหน้าซึดขาว จิตใจเต้นรัว และความหวาดกลัวอย่างที่ไม่สามารถอธิบายได้ ก็เกาะติดอยู่ในใจ
สำหรับผู้ฝึกตนขั้นพื้นฐานลมปราณ มันได้ถูกจัดอยู่ในระดับสูงของแคว้นจ้าว และยากที่จะมีสิ่งใดมาทำให้มันกลัวได้ แต่ตอนนี้ มันกำลังหวาดกลัว แต่จริงๆ แล้ว “หวาดกลัว” อาจจะเป็นคำที่ไม่ค่อยจะเหมาะสมมากนัก มันกำลังกลัวจนตัวแข็งไม่กล้าที่จะขยับตัวแม้แต่น้อย
มันจ้องไปที่ตะเกียงในมือของเมิ่งฮ่าว จิตใจหมุนเคว้ง ความหวาดกลัวในจิตใจของมันรุนแรงมากขึ้น มันไม่รู้ว่าอาวุธที่เมิ่งฮ่าวเพิ่งจะใช้ไปคือไฟอะไรกันแน่ แต่มันก็พอจะเดาได้บ้าง
“มันต้องเป็นไฟของวิญญาณแรกก่อตั้ง ไฟนั้นลุกไหม้ด้วยพลังชีวิตของวิญญาณแรกก่อตั้ง ทำให้มันกลายเป็นไฟแห่งวิญญาณแรกก่อตั้ง ไม่เพียงแต่จะเผาไหม้ ผู้ฝึกตนขั้นพื้นฐานลมปราณ ให้ถึงแก่ความตายได้เท่านั้น แม้แต่ผู้ฝึกตนขั้นสร้างแกนลมปราณก็ได้เช่นเดียวกัน!”
มันหายใจด้วยความตื่นเต้น จ้องไปที่เมิ่งฮ่าว ด้วยความมึนงง และถอยหลังไปหลายก้าวโดยไม่รู้ตัว มันไม่กล้าเข้าไปใกล้เขาอีก ณ ตอนนี้ มันได้ลืมไปอย่างสิ้นเชิงว่า มันอยู่ในขั้นพื้นฐานลมปราณอันทรงพลัง
เมิ่งฮ่าวยืนอยู่บนกระบี่บิน ถือตะเกียงอยู่ในมือ เขาใช้มือซ้ายกวักมือเรียก ธวัชสายฟ้าก็ลอยกลับเข้าไปในถุงเก็บสมบัติ โคจรพลังลมปราณ จ้องอย่างเย็นชาไปที่ศิษย์สำนักเฟิงหาน
ในตอนนี้ แสงเลือนลางสามลำ ก็ปรากฎขึ้นในอากาศ ด้านบนของสำนักเอกะเทวะ แต่ละลำแสงกว้างมากกว่าเก้าสิบฉื่อ เกิดเป็นระลอกคลื่นกระจายออกมา ขณะที่พวกมันพุ่งตรงเข้ามาที่เมิ่งฮ่าว และคนอื่นๆ
ภายในลำแสงทั้งสามนั้น เป็นชายชรา ซึ่งดูเหมือนราวกับว่า พวกมันเพิ่งจะคลานออกมาจากหลุมฝังศพ ใบหน้าของพวกมันเต็มไปด้วยริ้วรอยเหี่ยวย่น และลมปราณแห่งความตาย ก็กระจายออกมาจากร่างของพวกมันอย่างเข้มข้น
และพร้อมด้วยลมปราณแห่งความตาย ที่รายล้อมร่างของพวกมัน ก็เป็นลมปราณจากพลังการฝึกตน ซึ่งมีพลังอันแข็งแกร่งที่รู้สึกได้เด่นชัด มันไม่ใช่ขั้นวิญญาณแรกก่อตั้ง แต่เป็นขั้นวงจรอันยิ่งใหญ่ ของการสร้างแกนลมปราณอย่างสมบูรณ์
จิตใจของเมิ่งฮ่าวห่อเหี่ยวลง และจับตะเกียงไว้จนแน่น เขาเพิ่งจะใช้พลังลมปราณไปแปดถึงเก้าในสิบส่วน เพื่อสร้างไฟอันน่ากลัวนั้นออกมา
ความเร็วของพวกมันเพิ่มขึ้นอย่างน่าเหลือเชื่อ ขณะที่กำลังใกล้เข้ามา ความโล่งใจปรากฎขึ้น ในดวงตาของผู้ฝึกตนขั้นพื้นฐานลมปราณ จากสำนักเฟิงหาน รวมถึงศิษย์ที่เหลือของสำนักฟางเยี่ย ชายชราทั้งสามก็คือ ปรมาจารย์ขั้นวิญญาณแรกก่อตั้งเทียม ของสามสำนักใหญ่นั่นเอง
แต่ในขณะเดียวกันนั้นเอง ก็ปรากฎลมปราณที่มีพลังเกินกว่า ปรมาจารย์ขั้นวิญญาณแรกก่อตั้งเทียม ขึ้นในทันที เป็นลมปราณอันทรงพลังที่ปกคลุมไปทั่วทั้งแคว้นจ้าว
ระฆังขนาดใหญ่มหึมา ปรากฎขึ้นเหนือสำนักเอกะเทวะ และเสียงอันน่ากลัวก็ดังไปทั่วในอากาศ
“ปรมาจารย์เอกะเทวะ, ไสหัวออกมาเดี๋ยวนี้!”
เสียงที่ประทุออกมานี้ ดังสนั่นราวสายฟ้าแลบ พลังของมันปกคลุมไปทั่วท้องฟ้า กระจายเป็นระลอกคลื่น กระแทกไปยังเกราะป้องกันหิมะเหินจนแหลกละเอียด
ขณะที่ศิษย์ขั้นรวบรวมลมปราณ เก้าคนหรือมากกว่านั้น ของสำนักฟางเยี่ย พ่นโลหิตออกมาจากปากราวน้ำพุ จากนั้น ทีละคน ทีละคน พวกมันก็ระเบิดออก ไม่สามารถต้านทานพลังเสียงนี้ได้
ร่างของเมิ่งฮ่าวสั่นสะท้าน และกระอักโลหิตออกมา มองขึ้นไปยังท้องฟ้า ดวงตาหดแคบลง
ใบหน้าของศิษย์สำนักเฟิงหาน ขั้นพื้นฐานลมปราณ บิดเบี้ยว และปรมาจารย์ที่กำลังใกล้เข้ามา ของสามสำนักใหญ่ก็ดูประหลาดใจ พวกมันหยุดการเหาะ ประสานมือ และโค้งคำนับไปยังชายชราในชุดยาวสีดำ ซึ่งยืนอยู่ข้างๆ ระฆังในท้องฟ้า
ชุดยาวของมันพลิ้วไปมาในสายลม ด้านหลังมัน กลุ่มเมฆม้วนตัวอย่างรุนแรง ม่านตาข้างซ้ายของมันดูเหมือนดวงตะวัน และสาดประกายเจิดจ้าบาดตา ดวงตาข้างขวามืดสลัว ม่านตาดูเหมือนจันทร์เสี้ยว
บนหน้าผากดูแปลกๆ คล้ายรอยกรีด ด้านในปรากฎเป็นดวงตาอีกข้าง ซึ่งไม่สามารถมองเห็นได้ แต่ส่องประกายเรืองแสงราวโลหิตออกมา
มันคือ เทียนจีซ่างเหริน!