วันจันทร์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2560

ตอนที่ 5 : เด็กผู้นี้ ไม่เลวเลย

Posted By: wuxiathai - 19:09
ถึงคราวของอาจารย์ลุงซ่างกวนเป็นผู้แจกเม็ดยาแล้ว พร้อมด้วยศิษย์สายใน ศิษย์พี่หญิงฉื่อ และศิษย์พี่เฉิน พวกมันมาด้วยกัน เจ้าน่าจะได้เห็นแบบนี้ไม่บ่อยนัก อย่าบอกนะว่า จะมีการแจกเม็ดยาเฉพาะคนในเวลานี้”
“น่าจะเป็นเช่นนั้น ดูสิ ศิษย์พี่หานจงอยู่ที่นั่น มันอยู่ในอันดับสองของศิษย์สายนอก พื้นฐานการฝึกตนของมัน บรรลุถึงขั้นห้าของการรวบรวมลมปราณแล้ว ถ้ามันถึงขั้นที่เจ็ด ก็จะกลายเป็นศิษย์สายในโดยทันที แย่ยิ่งนัก ศิษย์พี่หวังเถิงเฟย ไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วย”
“ด้วยความสามารถของศิษย์พี่หวังเถิงเฟย มันไม่สนใจเม็ดยาแม้แต่น้อย ในปีที่มันเข้าสังกัดสำนัก มันก็กลายเป็นจุดสนใจในกลุ่มผู้อาวุโส มันเชื่อถือเพียงตนเอง ในการคัดเลือกเข้าเป็นศิษย์สายใน มันคงได้เป็นศิษย์สายในคนที่สามเป็นแน่”
“ฮิ ฮิ, น่าจะสนุกไม่น้อย การแจกเม็ดยาเฉพาะคน เม็ดยาถูกป้องกันไม่ให้ใช้ในเวลาสิบสองชั่วยาม ทุกๆ หนึ่งชั่วยาม เม็ดยาจะส่องแสงสว่าง ใครก็ตามที่ต้องการแย่งชิงเพื่อให้ได้เม็ดยานั้น ก็จะสามารถรู้ตำแหน่งของมัน แม้ว่าเจ้าจะได้เม็ดยานั้นและวิ่งหนีไป เจ้าก็ไม่อาจเก็บและซ่อนมันไว้จนครบสิบสองชั่วยามได้เป็นแน่”
เมิ่งฮ่าวฟังเสียงพูดจารอบๆ ตัวเขา แม้ว่าจะเป็นครั้งแรกที่เขาได้เข้าร่วมวันแจกเม็ดยาครั้งนี้ แต่เขาก็รู้ว่า เมื่อไหร่ที่เม็ดยาถูกแจกออกไป ก็จะมีการต่อสู้มากมายเกิดขึ้น ในเวลาครึ่งเดือนที่ผ่านมา เขาเห็นการต่อสู้หลายครั้ง และบางทีก็มีการล้มตายเกิดขึ้น
ถ้าวันนี้เป็นวันแจกเม็ดยาเฉพาะคนจริงๆ แล้ว การต่อสู้ก็คงเข้มข้นขึ้น
เมิ่งฮ่าวยังคงรักษาไว้ซึ่งความเงียบขรึม พิจารณาถึงการที่เขาบรรลุแค่การรวบรวมลมปราณขั้นหนึ่ง คงไม่มีทางที่เขาจะรักษาเม็ดยาไว้ได้ เมื่อมองไปเห็นใบหน้าที่แสดงถึงความโลภที่อยู่รอบๆ ตัวเขา ทำให้เขาเข้าใจลึกซึ้งถึงคำว่า “กฎแห่งป่า”
“เงียบ!” ชายชราในชุดทองพูดขึ้นมา ด้วยน้ำเสียงเย็นชา เมื่อมันขึ้นไปยืนที่แท่นเวที แม้ว่าไม่ได้พูดจาเสียงดัง เสียงของมันก็ยังดังก้องกระหึ่มคล้ายเสียงฟ้าผ่า ผู้ฝึกตนที่ยืนอยู่ด้านล่างมันขวัญผวาเข้าไปถึงแก่นกาย สองหูด้านชา เมิ่งฮ่าวก็รู้สึกผวาไปด้วยเช่นกัน และต้องใช้เวลาสักพักในการฟื้นฟู
“ข้า…ซ่างกวนซิว วันนี้ ทุกคนที่อยู่ที่นี่ จะได้รับยาเพิ่มลมปราณคนละหนึ่งเม็ด และหินลมปราณครึ่งก้อน” ซ่างกวนซิวโบกสะบัดแขนขวา ทันใดนั้น เม็ดยานับร้อย พร้อมด้วยหินลมปราณ ก็ลอยไปทุกทิศทาง ลอยไปอยู่ตรงหน้าของทุกคนโดยพร้อมเพียง เมิ่งฮ่าวจ้องไปที่เม็ดยาและหินลมปราณที่ลอยอยู่ตรงหน้าเขา กลิ่นหอมชวนให้มีนเมาไหลผ่านตัวเขา นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นเม็ดยาและหินลมปราณ
หินลมปราณมีขนาดเท่าปลายนิ้วก้อย เป็นประกายและเกือบโปร่งใส แค่มองไปที่มัน ก็ทำให้ผู้คนประหลาดใจ
ใจเขาเริ่มเต้นรัว ของสองสิ่งนี้น่าจะมีค่าเท่าพันตำลึงทอง โดยไม่ลังเล เมิ่งฮ่าวเอื้อมมือไปหยิบเม็ดยา เกือบจะหย่อนใส่ปากและกลืนลงไป แต่เมื่อเขาสังเกตเห็นทุกคนที่อยู่รอบตัวเขา ไม่มีใครทำแบบนั้นเลย ใจเริ่มฝ่อ เขามองลงไปที่เม็ดยาในมือ ก็เห็นเงาลางๆ มันเป็นเครื่องหมายแปลกๆ ที่ผนึกเม็ดยาไว้
เมื่อเมิ่งฮ่าว จ้องมองเม็ดยาในมือ เสียงของซ่างกวนซิวก็ดังขึ้นอีกครั้งจากแท่นเวที “ยังมี… เม็ดยาลมปราณเกราะ อีกด้วย” เม็ดยาสีม่วง สามารถมองเห็นได้จากมือของมัน
เมื่อเม็ดยาปรากฎขึ้น กลิ่นหอมน่าพิศวงก็ฟุ้งกระจายไปทั่วพื้นที่จัตุรัส แม้เพียงแค่สูดดมเพียงเล็กน้อย เมิ่งฮ่าวก็รู้สึกว่าพลังลมปราณของเขาได้เพิ่มขึ้น นี่ไม่ใช่เม็ดยาธรรมดาแน่นอน
“นั่นเป็น…เม็ดยาลมปราณเกราะ!!!”
“นั่น…นั่นเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ สำหรับทุกคนตั้งแต่ขั้นห้าของการรวบรวมลมปราณลงมา มันเป็นของหายากของสำนัก แต่มันก็อยู่ที่นี่แล้ว!”
“เมื่อยานั่นถูกแจก การต่อสู้ในสำนักฝ่ายนอกคงโหดร้ายขึ้น ใครจะรู้ได้ว่าจะมีคนตายเพิ่มขึ้นอีกเท่าไหร่?”
ฝูงชนบ่นพึมพำ เมื่อจ้องขี้นไปที่เม็ดยาในมือของซ่างกวนซิว ใบหน้าทุกคนเต็มไปด้วยความโลภและความปรารถนา นี่เป็นโอกาสพิเศษสุดสำหรับศิษย์สายนอก ที่ต้องการเลื่อนระดับขั้นของการฝึกตน ทุกคนกระหายอยากได้
“แต่เดิม ยาเม็ดลมปราณเกราะ ไม่ได้แจกในวันนี้ อย่างไรก็ตาม ข้าได้ข่าวว่ามีศิษย์บางคนได้เลื่อนขั้นให้เป็นศิษย์สำนักสายนอกในเดือนนี้ ซึ่งทำให้ข้ายินดี ถ้าเรามีศิษย์เลื่อนขั้นได้แบบนี้ในทุกเดือน สำนักเอกะเทวะ ก็จะเจริญรุ่งเรืองสืบไป ข้าจะให้เม็ดยานี้แก่ศิษย์ผู้นั้นเพื่อเป็นการให้กำลังใจ”
ซ่างกวนซิวยิ้ม สองตาส่องประกายผ่านฝูงชน ไปหยุดอยู่ที่เมิ่งฮ่าว
เมิ่งฮ่าว ใจเริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะ คำพูดครี่งแรกของซ่างกวนซิว ก็ทำให้เขารู้สึกยุ่งเหยิง ไม่ทันแสดงปฎิกิริยาใด ซ่างกวนซิวก็โบกมือขวา เม็ดยาสีม่วงก็ปรากฎขึ้นที่เบื้องหน้าเขา ก่อนที่เขาจะปฏิเสธ เม็ดยาก็ลอยลงมาสู่มือของเขา
ช่วงเวลานี้ การเข้าสู่สำนักเอกะเทวะเป็นศิษย์สายนอกของเมิ่งฮ่าว เรียกได้ว่าคาดไม่ถึงยิ่งนัก ทุกสายตามองมาที่เขาเป็นจุดเดียว
สีหน้าทุกคนแสดงออกถึงความโลภและความอำมหิต วางแผนจะฉีกเขาเป็นชิ้นๆ ทั้งเป็น แม้แต่บุรุษและหญิงสาวที่ยืนข้างกายซ่างกวนซิวก็จ้องมองมา หญิงสาวมีสีหน้าตกใจ แต่ก็รีบปกปิดด้วยท่าทางเย็นชาเช่นเคย
“ฮา ฮา, ศิษย์ขั้นแรกของการรวบรวมลมปราณได้เม็ดยานั่น คงมีการต่อสู้แย่งชิงกันวุ่นวาย เจ้าผู้นั้นกำลังจะกลายเป็นศัตรูหมายเลขหนึ่งของทุกคนแล้ว”
“มันจบสิ้นแล้ว วันที่มีการแจกเม็ดยาเฉพาะคนครั้งล่าสุด บุคคลที่ได้รับเม็ดยาอยู่ในขั้นสองของการรวบรวมลมปราณ มันลังเลเป็นเวลานาน ทำให้ศิษย์พี่จ้าวอู่กังต้องลากมันไปที่อาณาเขตส่วนรวมด้วยความโมโห แล้วก็ตัดศีรษะมันลงมา”
เสียงพูดจาดังก้องไปทั่วพื้นที่จัตุรัส และศิษย์หลายคนที่อยู่ในขั้นสอง หรือสามของการรวบรวมลมปราณ แม้จะรับรู้ถึงอันตราย แต่ยังอยากได้เม็ดยานั่น เนื่องจากผู้ที่ได้รับเม็ดยานั้น มีพื้นฐานการฝึกตนอยู่แค่ขั้นแรกของการรวบรวมลมปราณ ทำให้พวกมันคิดว่าคงมีโอกาสที่จะแย่งชิงมาได้
เมิ่งฮ่าวหลั่งเหงื่อไปทั่วร่าง เขาอยากจะโยนเม็ดยาออกไป แต่ก็พบว่ามันติดแน่นอยู่ที่มือเขา ทำให้ไม่สามารถโยนทิ้งไปได้ รอบๆ ตัวเขา มีแต่สายตาที่แสดงถึงความโลภอยากได้จ้องมาอย่างน่ากลัว และทันใดนั้น เขาก็รู้สึกถึงเงาของความตายคืบคลานเข้ามา ใครบางคนเริ่มเดินตรงมาที่เขาอย่างช้าๆ รังสีการฆ่าฟันเข้มข้นรุนแรง
“ศิษย์น้อง ทำไมไม่โยนเม็ดยานั่นมาให้ข้า? ถ้าไม่, ข้าจะทุบตีเจ้า”
“ถ้าเจ้าไม่เอามาให้ข้า วันนี้ของปีหน้า ก็จะเป็นวันครบรอบการตายของเจ้า”
เสียงขู่กรรโชกดังมาที่เขา คล้ายลมหนาวที่พัดมาทั่วทุกทิศทาง
ในตอนนั้นเอง ชายชราสองคน ที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนยอดเขาลูกหนึ่งใกล้กับพี้นที่จัตุรัส ได้พูดคุยกันอย่างยิ้มแย้มกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“อาจารย์ซ่างกวน ไม่ได้สนใจอะไรเลยจริงๆ การให้เม็ดยากับเด็กหนุ่มที่เพิ่งเข้าสังกัด…มันคงจบสิ้นอย่างแน่นอน ดูเหมือนว่าสำนักเอกะเทวะของพวกเรา คงขาดศิษย์ไปอีกหนึ่งคน”
“การแย่งชิงครั้งนี้ ดูไม่น่าสนใจแม้แต่น้อย พนันได้เลยว่า เมื่อหมอกจางหายไปจากพื้นทื่จัตุรัส เจ้าเด็กนั่นคงจะโยนเม็ดยาออกไป”
เมื่อชายชราทั้งสองพูดจบ สีของเสาที่แกะสลักลวดลายมังกรรอบๆ พื้นทื่จัตุรัส ก็เริ่มจางหายไป จนกระทั่งไร้สีสัน ถึงตอนนี้ หมอกก็เริ่มหายไปจนมองไม่เห็นอีกเลย
หัวใจเมิ่งฮ่าวเต้นถี่เร็ว ไม่ต้องให้ใครมาบอกก็รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เมื่อเสาลวดลายมังกรเปลี่ยนเป็นมืดลง สถานการณ์ในพื้นที่จัตุรัสก็จะเลวร้ายลง แม้เขาจะโยนเม็ดยาทิ้งไป ก็จะยิ่งทำให้ทุกคนแค้นเคืองเขา
“ทำไม…ทำไมถึงมาให้ข้า?” เมิ่งฮ่าวกล่าวด้วยจิตใจปั่นป่วน ถ้าเขาไม่รีบกำจัดเจ้าเม็ดยานี่ เขาคงต้องตายแน่นอน ถ้าเขาไม่โยนมันทิ้งไป เขาก็ต้องกลายเป็นจุดศูนย์กลางของความเกลียดชัง เขาพยายามคิดหาหนทางแก้ไข ใช้ความรู้ที่มีทั้งหมดจากที่เคยศึกษามา
มองไปที่เสาลวดลายมังกร จากนั้นก็ซ่างกวนซิว ซึ่งยืนอยู่ท่ามกลางสายหมอกหลากสีบนแท่นเวที กำลังเตรียมที่จะจากไป ในห้วงวิกฤตินี้เอง เมิ่งฮ่าวก็ได้คิดขึ้นมาในทันใด
เขาเดินไปข้างหน้า และตะโกนว่า “ศิษย์มีบางสิ่งที่จะกล่าว”
“การได้มาที่สำนักเอกะเทวะ มีประสบการณ์อันมหัศจรรย์ในการอาศัยอยู่ท่ามกลางเซียน ถิอว่าเป็นความโชคดีของศิษย์ ศิษย์จึงขอแสดงความขอบคุณแก่ผู้ที่ทำให้ศิษย์ได้รับโอกาสอันดีนี้”
“ศิษย์ได้รอคอยเวลาที่จะได้พบ และแสดงความขอบคุณด้วยตัวเองทั้งวันและคืนมานานแล้ว ในที่สุดก็ได้มีโอกาสในวันนี้” เขากล่าวเร็วขึ้นและเร็วขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ซ่างกวนซิว ต้องหยุดลงและจ้องมองมาด้วยความประหลาดใจ
“ผู้นั้นก็คือ ศิษย์พี่หญิงฉื่อ … ศิษย์พี่หญิงฉื่อ ศิษย์น้องรู้สึกซาบซึ้งใจเป็นอย่างมาก ในสิ่งที่ท่านได้กระทำ และคิดว่าคงไม่อาจชดใช้ให้ท่านได้หมด ข้าจึงขอมอบเม็ดยานี้เพื่อแสดงความขอบคุณที่ท่านได้กรุณามอบชีวิตใหม่ให้” เมิ่งฮ่าวยกมือขวาขึ้น ชูเม็ดยาขึ้นสูง
ซ่างกวนซิวอ้าปากค้าง ไม่คาดคิดเลยว่าเมิ่งฮ่าวจะกล่าวเช่นนั้น สีหน้าแสดงความประหลาดใจ ค่อยๆ ยิ้มออกมา ข้างกายมันยืนไว้ด้วยหญิงสาวในชุดสีเงินยาว ศิษย์หญิงฉื่อจ้องไปที่เมิ่งฮ่าวด้วยความประหลาดใจเช่นกัน แม้นางจะมีท่าทีเย็นชาและสันโดษ แต่ตอนนี้ก็มีท่าทางเปลี่ยนไป
นางมีพื้นฐานการฝึกตนอยู่ในขั้นเจ็ดของการรวบรวมลมปราณ ซึ่งยาเม็ดลมปราณเกราะไม่สามารถช่วยเพิ่มลมปราณให้มากนัก อย่างไรก็ตาม ยาเม็ดนี้ก็ยังคงเป็นของหายากและไม่ง่ายที่จะได้มาครอบครอง ถึงแม้จะเป็นนาง ที่เป็นศิษย์สำนักสายในก็ตาม
ถ้านางนำเม็ดยานี้ไปหลอมรวมกับเม็ดยาชนิดอื่น, นางก็จะสามารถสร้างเม็ดยาชนิดใหม่ ที่มีสรรพคุณมากกว่าเดิมถึงห้าเท่า จึงช่วยไม่ได้ที่นางจะรู้สึกตื่นเต้น
ช่วงเวลานี้ แม้แต่บุรุษหนุ่มสีหน้าเย็นชาในชุดสีเงินยาว ก็ยังจ้องมองลงมาที่เมิ่งฮ่าว
ทุกคนอยู่ในความเงียบ ผู้ฝึกตนบางคนที่กำลังจะโจมตีเมิ่งฮ่าว ก็ต้องรีบหยุดลง ใบหน้าปรากฎแววแปลกใจ พวกมันจ้องไปที่เขาด้วยความรู้สึกสับสน
หลังจากผ่านไปชั่วอึดใจในความเงียบ ก็เกิดเสียงอึกทึกโกลาหลขึ้นมา
“ทำเช่นนี้ได้ด้วย…?”
“การมอบเม็ดยาให้ศิษย์สำนักสายใน ท่ามกลางพวกเราทั้งหมด…ใครจะกล้าแย่งชิง? นั่นเป็นการต่อสู้กับศิษย์สำนักสายในเชียวนะ”
“ช่างเป็นวิธีแก้ปัญหาที่ง่ายมาก! ทำไมข้าถึงไม่ได้คิดแบบนี้นะ? บัดซบ, บัดซบ!”
“เจ้าบ้านั่น…ไม่อยากจะเชี่อเลย ข้าไม่ได้คิดจะทำแบบนี้ในครั้งก่อน ทำให้ต้องบาดเจ็บสาหัส นอนอยู่บนเตียงตั้งสามเดือนเต็ม”
พวกมันจ้องมองมาที่เมิ่งฮ่าว ด้วยความรู้สึกที่แตกต่างกันไป มันยากที่จะบอกว่ามีสิ่งใดเกิดขึ้นบ้างในหลายปีที่ผ่านมา แต่สำหรับผู้ฝึกตนทั้งหลายที่อยู่ในสถานที่นี้ พวกมันไม่เคยเห็นใคร จัดการกับเม็ดยาแบบนี้มาก่อน ณ ขณะนี้ ทุกคนได้ประทับ เมิ่งฮ่าว เอาไว้ในความทรงจำอย่างลึกซึ้ง
ตอนนี้ สีของเสาแกะสลักลวดลายมังกรหายไปโดยสิ้นเชิง เม็ดยายังคงอยู่ในฝ่ามือของเมิ่งฮ่าว และก็ไม่มีใครกล้าที่จะขยับตัวมาเอามันไป นี่เป็นสิ่งที่หาดูได้ยากในสำนักเอกะเทวะแห่งนี้
สีหน้าศิษย์หญิงฉื่อได้กลับมาเป็นเหมือนเดิม โดยปราศจากความลังเล นางโบกแขนขวาลงไปอย่างรวดเร็ว เม็ดยาก็ลอยจากฝ่ามือของเมิ่งฮ่าวมาสู่มือนาง เมื่อเขามองเห็นเม็ดยาถูกเอาไป เมิ่งฮ่าวต้องแอบถอนหายใจด้วยความเสียดาย
อย่างไรก็ตาม เขารู้ว่าด้วยลำดับขั้นของเขาในตอนนี้ หากมีเม็ดยาอยู่ ก็จะนำมาซึ่งเพียงความหายนะเท่านั้น รอบๆ กายเขา หลายคนก็ถอนหายใจ รู้สึกโมโหเมิ่งฮ่าว แต่เมื่อคิดถึงศิษย์พี่หญิงฉื่อ ความโกรธนั้นก็หายไป
ศิษย์พี่หญิงฉื่อลังเลชั่วขณะ พิจารณาว่าตัวเองเป็นถึงศิย์สำนักสายใน มันเป็นการไม่สมควรอย่างยิ่ง ที่จะรับสิ่งของมีค่า จากศิษย์สำนักสายนอกโดยไม่มีการตอบแทนกลับไป
นางยืนเงียบไปซักครู่นึง แล้วจึงเอ่ยว่า “ปีที่แล้ว เมื่อข้าได้เป็นศิษย์สำนักสายนอก ข้าได้รับถ้ำแห่งเซียนเป็นที่ฝึกตน ข้าจะให้เจ้ายืมใช้ชั่วคราว” นางยื่นมือเข้าไปในถุงเก็บสมบัติ แล้วก็ดึงแผ่นหยกสีขาว โยนลงมาตรงหน้าเมิ่งฮ่าว และเขาก็ฉวยจับมันไว้
“ถ้ำแห่งเซียนของศิษย์พี่หญิงฉื่อ…เจ้าผู้นี้ช่างโชคดีจริงๆ หลายคนบอกว่ามีพลังลมปราณมากมายอยู่ในนั้น มากกว่าที่อื่นๆ ในสำนักนี้ซะอีก”
“ศิษย์พี่หญิงฉื่อบอกว่าให้ยืม แต่เห็นได้ขัดว่านางให้มันจริงๆ นางใช้คำว่า ยืม เพื่อไม่ให้ทุกคนคิดมาก เจ้าเด็กนั่นทำสิ่งที่ถูกต้องจริงๆ ในการมอบเม็ดยาให้นาง”
“บัดซบ! ข้าหวังว่าข้าจะคิดได้แบบนี้บ้างนะหลังจากวันนี้”
ในขณะนั้น กลับไปที่บนยอดเขานอกเขตสำนักสายนอก ชายชราสองคนในชุดสีเทายาวกำลังเดิมพันเหตุการณ์ที่พื้นที่สี่เหลี่ยมจัตุรัสกันอยู่ สายตาของพวกมันลุกโชนแวววาวด้วยความรู้สึกภาคภูมิใจ หัวเราะออกมาจากส่วนลึกของหัวใจ
“เด็กผู้นี้ น่าสนใจนัก เพิ่งจะเข้าสังกัดสำนัก แต่ก็รู้จักหาคนที่ไว้ใจได้ให้ช่วยเหลือ อย่าบอกนะว่า มันเป็นไปโดยสัญชาติญาณตามธรรมชาติ…ดีมาก, ยอดเยี่ยม ช่างเข้าใจถึงความหมายที่แท้จริงของสำนักเอกะเทวะ เด็กผู้นี้ไม่เลวเลย ไม่เลวเลยจริงๆ!”

About wuxiathai

Organic Theme is officially developed by Templatezy Team. We published High quality Blogger Templates with Awesome Design for blogspot lovers.The very first Blogger Templates Company where you will find Responsive Design Templates.

Copyright © 2015 ผนึกสวรรค์ สยบมาร สะท้านเทพ

Designed by Templatezy | Distributed By Gooyaabi Templates