วันจันทร์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2560

ตอนที่ 49 : การประลองบนภูเขาแห่งสมบัติ

Posted By: wuxiathai - 22:56
“สำนักจื่อยิ่น (ชะตาม่วง) ของข้าเป็นหนึ่งในสำนักที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในดินแดนด้านใต้ บุคคลกลุ่มนี้อาจจะเป็นแค่ศิษย์สายนอก แต่เมื่อตอนที่เข้าสังกัดครั้งแรก ทุกคนก็ผ่านการทดสอบที่ยากทั้งเก้าด่านมาได้ ทุกเดือน พวกมันก็จะไปแช่ร่างในน้ำพุลมปราณ พวกมันได้รับสิ่งของจากสวรรค์ และวัตถุล้ำค่าจากพื้นปฐพีจำนวนมาก พวกมันทั้งหมดมีพรสวรรค์ที่ไม่ธรรมดา ซึ่งหาได้ยากในสำนักอื่นๆ”
“ศิษย์เหล่านี้สามารถที่จะทะลายภูเขาบ้าๆ ของท่านให้ราบเป็นหน้ากลอง ด้วยการสะบัดมือเพียงแค่ครั้งเดียว สำหรับสัตว์อสูรของท่าน พวกมันไม่เหมาะที่จะมากินศิษย์ของข้า พวกมันไม่ใช่สัตว์กลายพันธุ์ เป็นเพียงแค่สัตว์หน้าโง่เท่านั้น!” อู๋ติงชิวจ้องไปด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง กลุ่มศิษย์ที่อยู่เบื้องหลังของมันก้มหน้าลงด้วยความอึดอัดใจ เหลือบตามองไปที่ซ่งเหล่าไกว้
ซ่งเหล่าไกว้จ้องเขม็งอยู่ชั่วครู่ ด้วยความประหลาดใจ มันสะบัดแขนเสื้อและกำลังจะพูดบางอย่าง ในขณะที่ทันใดนั้นอู๋ติงชิวก็ลุกขึ้นมา และหันไปมองกลุ่มศิษย์ของมัน
“ศิษย์สำนักจื่อยิ่น!” มันพูดเสียงดังกระหึ่ม “นี่เป็นครั้งแรกของพวกเจ้าที่ได้มาทดสอบนอกสำนัก แต่ภูเขาลูกนั้น เป็นสถานที่แห่งความเป็นและความตาย เป็นที่สำหรับคัดเลือกศิษ์สายในภาคพื้นดิน ใครก็ตามที่เข้าไปในภูเขา และไปถึงครึ่งทางจะได้รับการจารึกชื่อ และใครก็ตามที่ไปถึงยอดเขา และเอาธงบ้าๆ นั่นมาได้ จะกลายเป็นศิษย์ใกล้ชิดของข้า และจะได้รับการเลื่อนขั้นเป็นศิษย์สายในของสำนักจื่อยิ่นในทันที! พวกเจ้าปากอ้าตาค้างทำอะไร?! ไปได้แล้ว!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของกลุ่มศิษย์ชุดขาวก็เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจ และดวงตาของพวกมันก็สาดประกายเจิดจ้า นี่เป็นครั้งแรกของพวกมันที่ได้ออกมาจากสำนัก บางคนก็กระหายที่อยากจะเป็นศิษย์สายใน บางคนก็อยากจะได้ของวิเศษ เนื่องจากพวกมันเคยได้ยินข่าวลือในสำนักว่า มีหินลมปราณ, เม็ดยา และอาวุธเวท จำนวนมากมาย ถูกซ่อนอยู่ในภูเขาสมบัติของแคว้นจ้าว
ร่างเกือบร้อยพุ่งตรงไปยังภูเขาลูกนั้นด้วยความรวดเร็ว สร้างความตระหนกตกใจให้แก่ผู้พบเห็นเป็นอย่างยิ่ง
ยอดสูงสุดของภูเขาลูกนั้นสูงเป็นอย่างมาก และบนภูเขาก็เต็มไปด้วยต้นไม้ขึ้นอยู่อย่างหนาแน่น
เกือบจะในทันทีนั้น เสียงดังราวฟ้าผ่าก็ดังขึ้นจากในดงไม้ เสียงร้องกระหึ่มของสัตว์ป่าก็ทำลายความเงียบสงบของยามราตรีราวกับจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
หนึ่งชั่วยามผ่านไปด้วยเสียงกรีดร้องอย่างน่าอนาถใจ ดังต่อเนื่องออกมาจากสัตว์อสูรในป่าแห่งนั้น โดยเฉพาะเขตพื้นที่บริเวณโดยรอบ ทันใดนั้น ศิษย์สำนักจื่อยิ่นเจ็ดถึงแปดคนก็หนีออกมาจากในป่า ใบหน้าของพวกมันเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
พวกมันถูกไล่ตามมาด้วยสัตว์ตัวใหญ่มหึมาสามตัว ซึ่งมีหัวเป็นมังกรและร่างเป็นพยัคฆ์ พื้นดินสั่นสะเทือนอยู่ใต้เท้าของพวกศิษย์สายนอกกลุ่มนั้น เมื่อสัตว์อสูรเหล่านี้พุ่งตรงเข้ามา
พลังชีวิตของสัตว์อสูรสามตัวนี้ดูเหมือนจะไร้ที่สิ้นสุด พวกมันมีแต่ความพิเศษไม่ธรรมดา ขนของมันทั้งยาวและหนาแน่น ทำให้พวกมันดูแตกต่างจากสัตว์อสูรทั่วๆ ไปโดยสิ้นเชิง ทั้งมีความอำมหิตโหดร้ายอย่างรุนแรง เมื่อพวกมันพ่นลมหายใจออกมา ลมพวกนั้นก็จะกลายเป็นอรพิษสายหมอกซึ่งม้วนพันอยู่รอบๆ ตัวมัน ทำให้ศิษย์ใหม่ที่ไร้ประสบการณ์การต่อสู้เหล่านี้ตกใจกลัวแทบตาย สีหน้าของพวกมันซีดขาว และวิ่งหนีไปด้วยความเร็วสูงสุด
ทันทีที่พวกมันก้าวเท้าออกมาจากราวป่า พวกสัตว์อสูรก็หยุดไล่ตาม จ้องอย่างดุร้ายไปที่ศิษย์เจ็ดถึงแปดคนนั้น และแล้วก็หันหลัง หายกลับเข้าไปในราวป่า
บนพื้นที่ราบบนภูเขาอีกลูก ซ่งเหล่าไกว้ หัวเราะอย่างเบิกบานใจ “ดูสิ อู๋ติงชิว, นี่เป็นสัตว์อสูรที่ข้าสร้างขึ้นมา ท่านคิดว่าอย่างไร? แม้ว่าศิษย์ของท่านจะเติบโตขึ้นมาในน้ำพุลมปราณ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งอีกมากมายบนภูเขาสมบัตินั้น ศิษย์สำนักจื่อยิ่นของท่าน ไม่แม้แต่จะผ่านสัตว์อสูรพวกนี้ไปได้!”
อู๋ติงชิวนั่งอยู่ที่นั่นในชุดยาวสีขาวของมัน ความไม่พอใจฉายอยู่บนสีหน้าของมัน มันจ้องไปที่ศิษย์เจ็ดถึงแปดคนนั้นด้วยความโกรธเคือง แต่น้ำเสียงของมันก็ยังคงความหยิ่งยโสอยู่เช่นเดิม เมื่อมันพูดด้วยความเยือกเย็นว่า
“ศิษย์พวกนั้นก็อยู่แค่ระดับห้า หรือหกของการรวบรวมลมปราณ ผู้ถูกเลือกที่แท้จริงของสำนักข้าทั้งหมดยังคงอยู่ป่า อีกไม่นานพวกนั้นก็จะเข้าไปถึงภูเขาโง่ๆ ของท่าน และก็จะกวาดขยะที่ท่านได้ซ่อนไว้ให้หมดเกลี้ยง!”
เวลาผ่านไป อีกหนึ่งชั่วยามต่อมา…
จนบัดนี้ ก็ยังไม่มีใครที่จะผ่านสัตว์อสูรในป่า และก้าวเท้าเข้าไปบนภูเขาได้เลยสักคน ตอนนี้ เสียงร้องอย่างน่าอนาถใจและเสียงครวญครางก็ดังออกมาจากกลุ่มต้นไม้ และไม่นานนัก ความปั่นป้วนวุ่นวายก็ดังออกมาจากชายป่า เมื่อศิษย์จื่อยิ่นสิบหรือมากกว่านั้นหนีออกมาด้วยความหวาดกลัวสยองขวัญ ความหวาดหวั่นเต็มอยู่ในใบหน้าของพวกมัน และบางคนก็บาดเจ็บ
ที่เป็นครั้งแรกของพวกมันที่ออกมานอกสำนัก พวกมันเหมือนกับดอกไม้ที่ปลูกอยู่แต่ในบ้าน ไม่เคยเผชิญแม้พายุหรือลมฝน พวกมันถูกไล่ตามโดยกลุ่มสัตว์อสูรตัวใหญ่ห้าตัว หนึ่งในนั้นเป็นพยัคฆ์สีดำสนิทที่อำมหิตดุร้าย อีกหนึ่งตัวเป็นนกยูงยักษ์ ซึ่งสูงเกือบสิบแปดฉื่อ ที่เหลือยากที่จะอธิบายได้ แต่ดูแล้วก็ไม่ธรรมดาอย่างเห็นได้ชัด
บนลานกว้าง ซ่งเหล่าไกว้ก็หัวเราะด้วยความอิ่มอกอิ่มใจขึ้นมาอีกครั้ง ดูเหมือนว่ามันจะลิงโลดใจเป็นอย่างยิ่ง มันยิ่งมีความสุขมากขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าของอู๋ติงชิวเริ่มหมองคล้ำขึ้นเรื่อยๆ
“อู๋ติงชิว, พวกนี้เป็นศิษย์ที่โดดเด่นของสำนักจื่อยิ่นจริงๆ? ดูเหมือนว่าการโตขึ้นมาจากน้ำพุลมปราณไม่ได้ช่วยอะไรเลย ข้าเกรงว่าถึงแม้สัตว์อสูรพวกนี้จะได้กินอาหารที่สร้างมาจากสิ่งของจากสวรรค์ และวัตุล้ำค่าจากผืนปฐพี พวกมันก็คงจะไม่อิ่มเป็นแน่ ภูเขาสมบัติของข้าเต็มไปด้วยสิ่งของที่ไม่ธรรมดา ซึ่งยากจะพบเห็นในดินแดนด้านใต้ ข้าได้ใช้พลังของข้าทั้งหมดในหลายปีที่ผ่านมากับผลงานชิ้นนี้ หลังจากหลายปีที่ข้าปล่อยให้สัตว์อสูรพวกนี้เติบโตขึ้นด้วยความแข็งแกร่ง ข้าก็ได้รอเวลาที่จะได้เห็นสำนักจื่อยิ่นของท่านมาทดสอบความแข็งแกร่งนี้”
สีหน้าของอู๋ติงชิวเริ่มน่ากลัวขึ้นเรื่อยๆ ราวกับว่ามันอาจจะระเบิดออกมาได้ทุกเมื่อ, เหมือนภูเขาไฟ ในเสียงที่แข็งกระด้าง มันกล่าว “มันก็แค่ภูเขาโง่ๆ ไร้ค่าที่จะเอามาพูดโอ้อวด ข้าสามารถจัดอันดับของสิ่งทั้งหมดด้วยการสะบัดมือแค่ครั้งเดียว ศิษย์ที่กลับออกมาทั้งหมดเป็นพวกที่ไร้ประโยชน์ ผู้ถูกเลือกที่แท้จริงคือ…”
ในขณะที่คำพูดออกมาจากปากของมัน ทันใดนั้น ดวงตาของมันก็เบิกกว้าง ศิษย์อีกหลายคนเพิ่งจะวิ่งออกมาจากราวป่าสัตว์อสูร มันกระโดดขึ้นยืน พูดด้วยเสียงดังกระหึ่ม “กลับเข้าไป! ถ้าใครกล้าหลบหนี ข้าจะขับไล่มันออกจากสำนัก!”
เสียงคำรามของมันสั่นสะเทือนไปทั่วพื้นที่บริเวณนั้น แต่ดังออกไปไม่ไกลมากนัก มันได้จำกัดขอบเขตไว้ประมาณหนึ่งร้อยหลี่ เมื่อศิษย์ทิ่เพิ่งหนีออกมาจากราวป่าได้ยินดังนั้น สีหน้าของพวกมันก็ซีดขาว และร่างกายก็เริ่มสั่นสะท้าน พวกมันไม่กล้าที่จะหลบหนีไป กัดฟันแน่น หันหลังกลับเข้าไปใหม่ พวกสัตว์อสูรที่ไล่ตามพวกมันมาก็รู้สึกตกใจและไม่กล้าจู่โจมพวกมัน
สำหรับศิษย์ประมาณยี่สิบหรือมากกว่านั้น ซึ่งได้หนีออกมาจากป่าสัตว์อสูรก่อนหน้านี้ สีหน้าของพวกมันยิ่งซีดขาวมากขึ้น และรู้สึกลังเล ไม่แน่ใจว่าควรจะกลับเข้าไปดีหรือไม่
“จะเป็นศิษย์สำนักจื่อยิ่น หรือศิษย์สำนักอื่น ช่วงเวลาเจ็ดวันนี้ ใครก็สามารถเข้าไปในป่าสัตว์อสูรของข้าได้” ซ่งเหล่าไกว้พูดพร้อมหัวเราะอย่างเบิกบานใจ
“ใครก็ตามที่สามารถก้าวเข้าไปบนภูเขาสมบัติของข้า ก็จะมีโอกาสได้รับของวิเศษกลับไป ข้าจะไม่ห้ามพวกมัน หรือขมวดคิ้วแม้แต่น้อย นี่เป็นการละเล่นที่ยุติธรรม แม้แต่ธงบนยอดเขาข้าก็วางถุงแห่งจักรวาลไว้ที่นั่น มันเป็นถุงที่สามารถใส่ทั้งภูเขาและแม่น้ำไว้ด้านในของมันได้”
เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะของมัน สีหน้าของอู๋ติงชิวก็ยิ่งดูน่าเกลียดมากขึ้น มันเริ่มรู้สึกว่าซ่งเหล่าไกว้ผู้นี้ช่างน่าเคียดแค้นยิ่งนัก มันเอาของวิเศษซ่อนไว้เต็มภูเขา และดูเหมือนว่ามันจะเต็มไปด้วยความมั่นใจว่าไม่มีใครแตะต้องของวิเศษพวกนั้นได้ อู๋ติงชิวสะบัดชายแขนเสื้อ และกำลังจะจากไป มันได้รับความอัปยศอดสูอย่างน่าเจ็บช้ำน้ำใจเป็นอย่างมาก และไม่อยากจะอยู่ที่นั่นอีกต่อไป แต่ก่อนที่มันจะจากไป ซ่งเหล่าไกว้ก็ยืนขึ้นและขวางมันไว้
“สหายทางเต๋าอู๋, พวกเราได้ตกลงกันแล้ว ก่อนที่พวกเราจะเล่นโกะจบ ห้ามใครจากไป ท่านเป็นผู้อาวุโสจากหนึ่งในสำนักที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในดินแดนด้านใต้ ท่านคงไม่พูดกลับกลอกคืนคำ ใช่หรือไม่?” เมื่อมันหัวเราะ เคราของมันก็ลอยขึ้นเล็กน้อย สีหน้าของมันเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจอย่างที่สุด และดูเหมือนว่ามันไม่ต้องการให้อู๋ติงชิวจากไป
ในเวลานั้น เมิ่งฮ่าวอยู่ห่างออกไปราวสองพันหลี่ บินอย่างรวดเร็วเข้าไปในป่าบนภูเขา รอบๆ ตัวเขา ใบไม้ฤดูใบไม้ร่วงลอยขึ้นในอากาศ และด้านหลังของเขา ซ่างกวนซิวไล่ตามมาด้วยความรีบร้อน รังสีสังหารแผล่กระจายออกมาจากตัวมัน
“เกราะแห่งแคว้น ยืดยาวไร้ที่สิ้นสุด, เมิ่งฮ่าว” ซ่างกวนซิวพูดด้วยเสียงน่ากลัว “ส่วนลึกสุดของมันก็เต็มไปด้วยไอพิษ! ไปยังทิศทางนี้ ก็เหมือนกับเลือกถนนไปสู่ความตาย!”
“หุบปาก!” เมิ่งฮ่าวพูดเสียงเย็นชา เขาขมวดคิ้ว นี่เป็นคำแรกที่เขาพูดตลอดเวลาแห่งการไล่ล่านี้ เขารู้สึกรำคาญใจในตัวซ่างกวนซิวเป็นอย่างยิ่ง ไม่มีอะไรถ้ามันต้องการจะไล่ตามเขา แต่ไม่จำเป็นที่จะพูดจาไร้สาระอย่างไม่สิ้นสุดเช่นนี้
ดวงตาซ่างกวนซิวสาดประกายจ้า และมันก็ยกสองมือมาที่เบื้องหน้าของมัน จากนั้นก็ตบไปพร้อมกัน
ทันใดนั้นเมิ่งฮ่าวก็รู้สึกเจ็บปวดราวกับถูกแทงเข้าไปในหน้าอก ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่เสียงตบมือดังขึ้น เขารู้สึกราวกับว่ากระบี่อันแหลมคมได้ทิ่มแทงเข้าไปในหัวใจของเขา สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด และเขาก็ต้องกระอักโลหิตออกมาเป็นฟูฝอย
“ในที่สุดก็พุดแล้ว เจ้าเด็กน้อย! รสชาติเป็นยังไง? นั่นเป็นเวทพิเศษจากตระกูลของข้า มันจะเข้าไปทำลายหัวใจและเส้นโลหิตทั้งหมด” ด้วยรอยยิ้มที่ดูน่ากลัว มันเพิ่มความเร็วขึ้น ยกมือขวาขึ้นมา และมุกห้าสีก็ปรากฎ มันขว้างออกไปข้างหน้า และมุกห้าสีก็พุ่งตรงไปที่เมิ่งฮ่าว ก่อนที่จะถึงตัวเขา ทันใดนั้น มันก็ระเบิดออกมา กลายเป็นกระแสของกลุ่มหมอกห้าสี ซึ่งรวมตัวเข้าด้วยกันเป็นรุปร่างของปีศาจที่น่าเกลียด มันแผดเสียงร้องออกมาขณะที่กระโจนเข้าใส่เมิ่งฮ่าว
เมิ่งฮ่าวมองกลับไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ไม่มีเวลาแม้จะเช็ดโลหิตบนริมฝีปาก มือของเขาประสานเป็นรูปแบบของเวทอาคม และร่างของเขาก็พุ่งออกไปด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้น เมื่อปีศาจแห่งหมอกห้าสีเข้ามาใกล้ กลุ่มน้ำรูปทรงกลมขนาดศีรษะคนก็ก่อตัวขึ้นในมือซ้ายของเมิ่งฮ่าว มือขวาก็ปรากฎเป็นเปวไฟแห่งงูยาวประมาณเก้าสิบฉื่อส่งเสียงคำรามออกมา น้ำรูปทรงกลมพุ่งตรงออกไปก่อน ระเบิดออกมาเป็นพิรุณแห่งลูกศรน้ำ
เปลวไฟแห่งงูพุ่งตามออกไป จากนั้นก็ระเบิดในกลางอากาศ ส่งคลื่นความร้อนอันรุนแรงหมุนเป็นเกลียวออกไปในความมืด ทำให้พิรุณแห่งลูกศรน้ำสลายกลายเป็นละอองหมอก ชักนำโดยพลังจากการฝึกตนของเมิ่งฮ่าว ปกคลุมไปทั่วพื้นที่บริเวณนั้น ทำให้ปีศาจแห่งหมอกห้าสีเริ่มสับสน ไม่สามารถแยกแยะตำแหน่งของเมิ่งฮ่าวได้
แม้แต่การมองเห็นของซ่างกวนซิวก็ถูกปิดบัง สร้างความตื่นตระหนกให้แก่มัน เมื่อละอองหมอกปรากฎขึ้น ก่อนที่มันจะหายจากอาการตกตะลึง ลำแสงอันเย็นเย็บสองลำ แหวกฝ่าอากาศออกมาโดยไร้เสียงพุ่งตรงมาที่มัน
เสียงระเบิดดังกึกก้อง และเมิ่งฮ่าวก็ถอนหายใจออกมาอย่างแผ่วเบา โดยไม่ลังเล เขาเปลี่ยนทิศทาง และมุ่งตรงไป กลืนแกนอสูรเพื่อฟื้นฟูตัวเองเข้าไป ด้านหลังของเขา เสียงคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยวก็ดังมา และกลุ่มหมอกก็จางหายไปในทันทีโดยมีสายลมหมุนม้วนกวาดไป ซ่างกวนซิวพุ่งตรงไป ใบหน้าของมันมีแต่ความโกรธ โลหิตหยดลงมาจากบาดแผลที่มือขวาของมัน โดยไม่เห็นปีศาจแห่งสายหมอกอีก
เมื่อซ่างกวนซิวคิดกลับไปในสิ่งที่เพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อครู่ ดวงตาของมันก็หดแคบลง ถ้าไม่ใช่มันเกิดปฏิกิริยาที่รวดเร็วในการให้ปีศาจแห่งสายหมอก ขัดขวางกระบี่ไม้สองเล่มนั้นจนเกิดการระเบิดขึ้น มันอาจจะต้องสูญเสียมือขวาไป ถึงมันจะระมัดระวังตัวมากขึ้น แต่มือขวาของมันก็ยังถูกกรีดจนมีรอยแผลเปิดขึ้น และมันก็รู้สึกว่าพลังลมปราณในตัวมันเริ่มรั่วไหลออกไปจากบาดแผลอย่างช้าๆ ยิ่งไปกว่านั้น บาดแผลนี้ก็ไม่อาจรักษาให้หายเร็วได้เช่นตอนปกติ มันหยุดการไหลของโลหิตได้ แต่ไม่สามารถหยุดการรั่วไหลของพลังลมปราณได้
“เจ้าสุกรตัวนี้ช่างเจ้าเล่ห์ยิ่งนัก มันมีแต่วิชาขั้นพื้นๆ แต่ก็สามารถใช้ออกด้วยวิธีการอันหลายหลาย ช่างยากจะจัดการซะจริงๆ!” ซ่างกวนซิวขมวดคิ้ว แต่ก็ยังคงไล่ตามไปด้วยความแน่วแน่
ทั้งสองเคลื่อนที่ต่อไป และเวลาก็ผ่านไป ไม่นานนักรุ่งอรุณก็มาเยือน หลังจากผ่านราตรีแห่งการไล่ล่าและหลบหนี บุคคลทั้งสองก็เริ่มเหน็ดเหนื่อย
สำหรับเมิ่งฮ่าว เขาดีกว่าเล็กน้อย ถึงแม้ว่าเขาไม่มีโอกาสได้พักผ่อนก็ตาม เขาเคยมีประสบการณ์ของการตามล่าเช่นนี้ในภูเขาสีดำ สิ่งที่แตกต่างกันก็คือ น่าเสียดายที่ภูเขาแห่งนี้ดูเหมือนว่าจะไม่มีสัตว์อสูรอยู่เลย ถ้ามี เขาก็จะจัดการกับซ่างกวนซิวได้ง่ายขึ้น
สำหรับซ่างกวนซิว นี่เป็นครั้งแรกที่มันได้จัดการกับผู้ฝึกตนเช่นเมิ่งฮ่าว ซึ่งได้ปล่อยวิธีการอันเจ้าเล่ห์ออกมาเป็นสายอย่างไร้ที่สิ้นสุด กระบี่ไม้ทั้งสองเล่มก็ยิ่งน่าประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง เดิมทีมันวางแผนว่าจะไล่ตามเมิ่งฮ่าวจนกระทั่งพลังลมปราณของเขาหมดลง แต่กลับเป็นว่าเมิ่งฮ่าวดูเหมือนจะกระฉับกระเฉงและเต็มไปด้วยพลังราวกับมังกรหรือพยัคฆ์ ใช่ว่าเมิ่งฮ่าวจะมีเม็ดยาช่วยเสริมมากมายจนใช้ไม่หมดไม่สิ้นหรือไม่?
“มันอยู่ในระดับขั้นเจ็ดของการรวบรวมลมปราณ ยังจัดการได้ยากเย็นถึงเพียงนี้ ถ้ามันอยู่ในระดับขั้นที่สูงกว่านี้จะน่ากลัวสักเพียงไหน?” ซ่างกวนซิวกัดฟันแน่น กลืนเม็ดยาลงไป จากนั้นก็ไล่ตามต่อไป มันอยู่ในระดับขั้นเก้าของการรวบรวมลมปราณ ซึ่งใกล้เคียงกับขั้นของเมิ่งฮ่าว แม้ว่ามันจะมีความเร็วที่มากกว่าเล็กน้อย มันก็ทำได้แค่ไล่ตามไปเท่านั้น
แน่นอนว่า มันไม่ทราบว่าถึงแม้เมิ่งฮ่าวจะอยู่ที่ระดับเจ็ด แต่วิธีการฝึกตนของเขาก็ไม่เหมือนกับวิธีการทั่วไปที่ใช้ในสำนักเอกะเทวะ แต่มาจากตำรารวบรวมลมปราณฉบับสมบูรณ์ของคัมภีร์สุดยอดวิญญาณ ถึงแม้ว่าเมิ่งฮ่าวไม่ได้เรียนรู้ส่วนพิเศษอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการโจมตี แต่ในส่วนที่เกี่ยวกับพลังลมปราณ ก็ช่วยเขาสามารถที่จะยืนหยัดได้ยาวนานกว่าผู้ฝึกตนทั่วไป
และด้วยความช่วยเหลือของแกนอสูร ดังนั้นจึงไม่มีทางที่ซ่างกวนซิวจะไล่ตามเขาทันในช่วงเวลาสั้นๆ
เมื่อถึงเวลารุ่งอรุณ คนทั้งสองก็ไล่ล่าหลบหนีด้วยหนทางที่ยาวไกล จนกระทั่งเบื้องหน้าของเมิ่งฮ่าวก็ปรากฎภูเขาที่สูงใหญ่มหึมาลูกหนึ่ง ยอดของมันพุ่งทะลุขึ้นไปในท้องฟ้า ครึ่งส่วนท่อนบนของมันก็ประดับไปด้วยหิมะ จากการมองครั้งแรกก็สามารถบอกได้ว่านี่ไม่ใช่สถานที่ธรรมดาอย่างแน่นอน

(จบตอน)

About wuxiathai

Organic Theme is officially developed by Templatezy Team. We published High quality Blogger Templates with Awesome Design for blogspot lovers.The very first Blogger Templates Company where you will find Responsive Design Templates.

Copyright © 2015 ผนึกสวรรค์ สยบมาร สะท้านเทพ

Designed by Templatezy | Distributed By Gooyaabi Templates