วันจันทร์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2560

ตอนที่ 47 : เผชิญหน้าซ่างกวนซิวอีกครั้ง

Posted By: wuxiathai - 22:55
“เซียนอมตะ!”
หลี่ต้าฟู่ดูเหมือนว่าถูกแช่แข็งอยู่ในที่นั้น ร่างกายสั่นสะท้านอย่างรุนแรง ท่านดูราวกับว่าจะคุกเข่าลงไปด้วยเช่นกัน ก่อนหน้านี้ท่านคิดว่าบุคคลผู้นี้มีบางอย่างที่พิเศษกว่าคนธรรมดา แต่ไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะเป็นถึงเซียนผู้วิเศษ ทันใดนั้นท่านก็ยิ่งตื่นเต้นมากขึ้นไปอีก เมื่อนึกถึงบุรุษผู้นี้เคยกล่าวไว้ว่าบุตรชายของท่านเป็นสหายในสำหนักของเขา
“อย่าบอกนะ…อย่าบอกข้านะว่าเจ้าเด็กไร้ประโยชน์นั่น ตอนนี้ได้กลายเป็นเซียนไปแล้ว!?”
ท่านกำลังจะถามเมื่อเมิ่งฮ่าวได้เงยหน้าขึ้น และมองออกไปที่หน้าต่าง เสียงของความปั่นป่วนวุ่นวายลอยเข้ามาจากด้านนอก จากนั้นก็มีเสียงแตกหักต่อเนื่องตามมา เมื่อประตูใหญ่ถูกทำลายให้เปิดออก
“หลี่ต้าฟู่ ออกมาเดี๋ยวนี้! น้องชายของข้าเป็นเซียนวิเศษ และเขาก็ได้มาที่นี่เพื่อเยี่ยมเจ้าแล้ว ออกมาที่นี่ แล้วก็น้อมคำนับเขาด้วย!”
หลี่ต้าฟู่มองออกไป เมิ่งฮ่าวยืนขึ้นและเดินตรงไปที่ประตู หลี่ต้าฟู่ตามไปอย่างรวดเร็ว และในไม่ช้าพวกเขาก็มาถึงลานบ้านด้านนอกของคฤหาสน์ เศษชิ้นส่วนของประตูวางกระจัดกระจายเกลื่อนทั่วพี้นไปทุกที่ พร้อมทั้งเสียงร้องครวญครางของกลุ่มคนรับใช้ในตระกูล
คุณชายจ้าวผู้อวดดียืนอยู่ที่นั่น และด้านหลังของมัน ก็เป็นเด็กหนุ่ม มือข้างหนึ่งของมันยกไปไว้ด้านหลัง และอีกข้างก็ยกขึ้นมาเบื้องหน้า ล้อมรอบมือของมันก็คือเปลวไฟแห่งงูที่มีขนาดเท่านิ้วมือ
เด็กหนุ่มดูท่าทางมีความภาคภูมิใจและแข็งกร้าว เปลวไฟแห่งงูทำให้ผู้ที่มุงดูอยู่รอบๆ ตัวมัน ค่อยๆ เคลื่อนที่ห่างออกไปจากตัวมัน ปากอ้าตาค้างด้วยความกลัวและความประหลาดใจ
“น้องท่าน นี่คือ หลี่ต้าฟู่” คุณชายจ้าวกล่าว ไม่สนใจเมิ่งฮ่าวซึ่งยืนอยู่ด้านหลังมัน
“อืม เจ้าคือ…หือ?” จ้าวไห่กำลังอ้าปากจะเริ่มพูด จากนั้น ทันใดนั้นก็มองไปเห็นเมิ่งฮ่าว ร่างของมันก็เริ่มสั่นขึ้นมาในทันที และดวงตาของมันก็เต็มไปด้วยไม่อยากเชื่อ เปลวไฟแห่งงูก็หายไปในชั่วอึดใจ และใบหน้าที่แสดงความหวาดกลัวของมันก็ซีดขาวจนไร้สีเลือด ปรากฎท่าทีของความนอบน้อม ประจบสอพลอขึ้นในทันทีตามสัญชาติญาณ
“หลี่ต้าฟู่” คุณชายจ้าวตะโกนออกมาด้วยความหยิ่งผยอง โดยไม่รู้ว่าสีหน้าของจ้าวไห่ได้เปลี่ยนไปแล้วอย่างชัดเจน “เจ้ากล้าที่จะไม่ยอมคุกเข่าต่อหน้าน้องชายของข้า? ข้าบอกเจ้าแล้วว่า เขาเป็นเซียนผู้วิเศษ เจ้าเข้าใจหรือไม่ว่ามันหมายความว่าอย่างไร? เขาสามารถที่จะทำลายทั้งตระกูลของเจ้าด้วยการโบกสะบัดมือแค่ครั้งเดียว!”
“เจ้ายังไม่ยอมนำหญิงสาวคนนั้นออกมา? เตรียมห้องอย่างดีในตอนนี้ด้วย ถ้านางดูแลข้าดี และข้ามีความสุข บางทีถ้าเจ้าอ้อนวอนขอร้อง ข้าก็จะมีทายาทให้เจ้า มิฉะนั้นตระกูลของเจ้าก็จะไม่เหลือแม้แต่คนเดียว!” ยิ่งมันพูดมากขึ้นเท่าไหร่ มันก็ยิ่งตื่นเต้นมากขึ้นเท่านั้น ด้านหลังของมัน สีหน้าของจ้าวไห่ซีดขาวราวคนตาย ตัวของมันสั่นระริกเมื่อมองไปที่เมิ่งฮ่าว ศีรษะของมันหมุนคว้างไปมา และเมื่อคำพูดของพี่ชายมากระทบหูของมัน หัวใจของมันก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“ถ้าเจ้าไม่ยอม” คุณชายจ้าวพูดต่อไป “เหอ เหอ เหอ เจ้าตาย ตามไปด้วยนักศึกษาที่ยืนอยู่ข้างเจ้า…เฮ, มันเป็นใคร? บุตรบุญธรรมของเจ้า? เจ้ากล้าจ้องมาที่ข้า? เจ้ากำลังมองหาที่ตาย? น้องชายของข้าเป็นเซียน…” ก่อนที่มันจะพูดจบ คำพูดของมันมาถึงหูของจ้าวไห่เหมือนกับเสียงฟ้าผ่า ทำให้จ้าวไห่ต้องกระโจนขึ้นไปบนอากาศ สองตาของมันเต็มไปด้วยความโกรธ ยื่นมือตบไปที่ใบหน้าของพี่ชายมัน
“หุบปาก!!” จ้าวไห่กรีดร้อง ส่งเสียงออกมาราวกับว่ามันกำลังจะร้องไห้ มันรู้จักเมิ่งฮ่าวเป็นอย่างดี มันจำได้ถึงสถานะของเขา เมื่อเขาอยู่ในสำนักสายใน, ชัยชนะที่มีต่อหวังเถิงเฟย ไม่มีใครในสำนักสายนอกที่ไม่รู้จักเมิ่งฮ่าว รวมถึงพลังการฝึกตนที่อยู่ในระดับขั้นหก เมิ่งฮ่าวเหมือนภูเขาอันสูงส่งที่สามารถบดขยี้จ้าวไห่จนถึงแก่ความตาย ด้วยการใช้ความพยายามเพียงน้อยนิด
ในขณะที่พี่ชายของมันร้องไห้ออกมาด้วยความเจ็บปวด จ้าวไห่ก็คุกเข่าลง ร่างกายสั่นสะท้าน “เด็กรับใช้ จ้าวไห่ ขอคารวะ…คารวะศิษย์พี่เมิ่ง…”
พี่ชายที่ยืนอยู่ข้างกายมัน อ้าปากค้างด้วยความแปลกใจ ยกมือขึ้นปิดหน้าโพล่งออกมา “น้องท่าน เจ้าเรียกมันว่าอะไร? ศิษย์พี่เมิ่ง? ฮา ฮา ฮา! ถ้างั้นมันก็เป็นพวกเดียวกับเรานะ! อา, หญิงสาวนางนั้นมันก็คงถูกใจด้วย อืม, ก็ให้เมิ่ง…”
“หุบปาก!!” จ้าวไห่ตะโกนเสียงแหลมสูงออกมา เหมือนว่ามันกำลังกลัวมาก ว่ามันกำลังจะตกตายไป ร่างกายของมันสั่นอย่างรุนแรง เมื่อมันได้นึกย้อนกลับไปถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่มันเคยได้ยิน เกี่ยวกับเมิ่งฮ่าวจากปากของศิษย์สายนอก ด้วยความพ่ายแพ้โดยสิ้นเชิง มันกระโดดขึ้นและตบไปที่ใบหน้าของพี่ชายมันอีกครั้ง
หลี่ต้าฟู่มองดูด้วยความประหลาดใจ ท่านสูดลมหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็มองไปที่เมิ่งฮ่าวอย่างมึนงง ท่านได้คาดเดาว่าเมิ่งฮ่าวเป็นเซียนผู้วิเศษ แต่ไม่เคยคิดเลยว่า แค่ได้เห็นเมิ่งฮ่าว, เซียนผู้ยิ่งใหญ่จากบ้านตระกูลจ้าว ก็ต้องหวาดกลัวอย่างมากมายจนถึงกับสั่นสะท้านไปทั้งตัว
ไม่เพียงแต่หลี่ต้าฟู่ ผู้รับใช้ที่ยืนอยู่รอบๆ ทั้งหมดก็มองมาด้วยความงุนงงด้วยเช่นกัน สายตาของพวกมันเต็มไปด้วยความเคารพเลื่อมใสเมื่อมองมาที่เมิ่งฮ่าว
“ศิษย์พี่เมิ่ง…” จ้าวไห่กล่าว คุกเขาลงไปอีกครั้ง ดวงตาของมันเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
สีหน้าของมันเศร้าสลด เมิ่งฮ่าวมองไปที่จ้าวไห่ด้วยความเย็นชา ไม่พูดอะไรออกมา
หัวใจของจ้าวไห่เต้นรัวรุนแรง และมันก็ต้องกัดฟันจนแน่น มันเห็นพี่ชายยืนอยู่ข้างมัน ดวงตาของมันก็เต็มไปด้วยความโกรธ มันไม่กล้าที่จะทำอะไรกับเมิ่งฮ่าว ดังนั้นมันจึงตัดสินใจที่จะระบายความโกรธของมันลงไปที่พี่ชาย
มันโบกสะบัดมือขวา และเปลวไฟแห่งงูที่มีขนาดเท่านิ้วมือก็ปรากฎขึ้นอีกครั้ง มันพุ่งกระแทกไปที่คุณชายจ้าว จนล้มลงไปที่พื้น ร่างกายเกลือกลิ้งไปมา และกรีดร้องเสียงโหยหวนชวนน่าเวทนา ไม่นานคุณชายจ้าวก็ชักกระตุกกลายเป็นศพย่างเกรียมไป
“ข้าขอวิงวอนต่อศิษย์พี่เมิ่งช่วยไว้ชีวิตข้าด้วย” จ้าวไห่กล่าว ไม่สนใจพี่ชายของมัน คุกเข่าอยู่ต่อหน้าเมิ่งฮ่าว และโขกศีรษะครั้งแล้วครั้งเล่า
“ดูเหมือนว่า เจ้าไม่เต็มใจที่จะละทิ้งโลกมนุษย์แห่งนี้ไป” เมิ่งฮ่าวพูดเสียงเย็นชา “ดังนั้น, นับจากวันนี้เป็นต้นไป เจ้าสามารถสบายใจได้ และจงอยู่เยี่ยงมนุษย์ธรรมดาไปเถอะ” เขายกนิ้วขึ้นมา และในทันใดนั้น สีหน้าของจ้าวไห่ก็ซีดขาว และกระอักโลหิตออกมา จุดตันเถียนของมันแตกออกเป็นเสี่ยงๆ และพลังการฝึกตนระดับขั้นสองของมันก็ถูกทำลายลง มันไม่ใช่ผู้ฝึกตนอีกต่อไป แต่เป็นมนุษย์ธรรมดา
มันลุกขึ้นคารวะเมิ่งฮ่าวด้วยการประสานมือ เดินโซเซจากไปด้วยความปวดร้าว คนของมันรีบมาพยุงพามันเดินจนหายลับตาไป
“ข้าไม่ได้อบรมสั่งสอนมันมาดีพอ” เมิ่งฮ่าวกล่าว ไม่ได้มองดูเมื่อจ้าวไห่จากไป “มันเป็นเด็กรับใช้ของข้า ซึ่งหนีออกมาจากสำนัก มันเป็นผู้ที่สร้างความลำบากให้กับท่าน ท่านลุงหลี่” เขาโน้มตัวให้กับหลี่ต้าฟู่ ด้วยการประสานมือคารวะ
“ไม่มีอะไรเสียหายร้ายแรง ก็ดีมากแล้ว” หลี่ต้าฟู่กล่าว ส่ายศีรษะ “ขอบคุณมาก, ท่านเซียน” ท่านโค้งตัวลงต่ำเป็นรูปคันธนู หัวของท่านยังคงหมุนติ้ว เมื่อคิดไปถึงเซียนที่มาจากบ้านสกุลจ้าว แต่กลายมาเป็นเด็กรับใช้ของเมิ่งฮ่าว
“ไม่จำเป็นที่จะทำเช่นนี้, ท่านลุงหลี่” เมิ่งฮ่าวยิ้ม “พ่างจื่อ (เจ้าอ้วน)…หลี่ฟูกุ้ย เป็นสหายสนิทในสำนัก ข้ามาที่นี่เพื่อจะมาเยี่ยมเยือน ดังนั้นแน่นอนว่าข้าไม่สามารถที่ปิดตาทำเป็นมองไม่เห็นกับเหตุการณ์เช่นนี้” เขาถอยหลังออกไป ประสานมือคารวะอีกครั้ง “ข้าต้องไปแล้ว”
เมิ่งฮ่าวจากไปราวแสงฟ้าแล่บ ไม่กี่ก้าว เขาก็หายไป ทิ้งให้หลี่ต้าฟู่มองดูด้วยความโศกเศร้าเสียใจเล็กน้อย ท่านกำลังคิดถึงบุตรชาย หลังจากนั้น ท่านก็เผยรอยยิ้มออกมา สายตาเต็มไปด้วยความภูมิใจและความมุ่งหวัง
“บุตรชายของข้าทำได้ดี มันเป็นเซียนแล้ว! ข้าจะไปจุดธูปในห้องโถงของบรรพบุรุษ เรื่องนี้ต้องนำชื่อเสียงมาให้กับตระกูลและบรรพบุรุษของพวกเราอย่างแน่นอน”
เมิ่งฮ่าวออกจากเมืองหยุนไค ในช่วงยามบ่าย และชุดยาวของเขาก็พลิ้วสะบัดอยู่ในสายลมของฤดูใบไม้ร่วง ลมแห่งขุนเขาพัดแรงขึ้น และแรงขึ้น เมื่อเขาเดินทางไปถึงภูเขาต้าชิง
เขาไปยืนอยู่ยังสถานที่เดิมบนยอดเขา ที่ซึ่งเขาได้ยืนอยู่ในความสับสนมึนงงเมื่อสามปีก่อน อารมณ์ความรู้สึกแสดงออกอยู่บนใบหน้าของเขา สามปีผ่านไปอย่างรวดเร็ว ใบหน้าของเขาไม่ได้ดูอ่อนเยาว์และไร้เดียงสาอีกแล้ว เขาได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่อย่างสมบูรณ์ แต่ภูเขาต้าชิงก็ยังคงเป็นเช่นเดิมตลอดไป มันไม่เคยเปลี่ยนไปเลย เช่นเดียวกับแม่น้ำสายใหญ่ซึ่งไหลอย่างไร้ที่สิ้นสุดอยู่เบื้องล่างของมัน
เมื่อมองลงไปที่แม่น้ำ เมิ่งฮ่าวก็คิดไปถึงขวดน้ำเต้าที่เขาได้โยนลงไปในปีนั้น เขายังได้คิดเกี่ยวกับการที่เขาได้เผชิญหน้ากับศิษย์พี่หญิงฉื่อ, เจ้าอ้วน, หวังโหย่วฉาย และ เสียวหู่ อย่างไรด้วย
ในความเงียบงัน เขากระโดดขึ้นไปในอากาศและยืนบนกระบี่บิน ลอยลงจากภูเขาไปที่รอยแยกตรงหน้าผานั้น และเขาก็เข้าไป
รอยแยกก็ยังคงเหมือนเช่นเดิมกับที่มันเคยเป็นมาก่อน เมิ่งฮ่าวยืนอยู่ข้างใน มองไปรอบๆ ในปีนั้น ศิษย์พี่หญิงฉื่อ ได้อยู่ในระดับขั้นเจ็ดของการรวบรวมลมปราณ และตอนนี้ เขาก็เป็นผู้ฝึกตนที่อยู่ในระดับขั้นเจ็ดเช่นเดียวกัน ราวกับว่าเวลาสามปีได้กลายเป็นวงกลมวงใหญ่ สถานที่นี้คือจุดเริ่มต้น และก็เป็นจุดสิ้นสุดด้วยเช่นเดียวกัน
“แต่ถ้าเวลาสามปีเป็นวงกลมจริงๆ บางทีการที่ข้ากลับมาที่นี่ ก็อาจจะหมายถึงข้าได้มาถึงจุดเริ่มต้นใหม่…เช่นเดียวกับที่ท่านนักปราชญ์ได้กล่าวไว้ว่า เจ้าไม่อาจรู้ได้ว่าหนทางใดนำเจ้าไปสู่ทิศทางไหน” เขาหลับตาลงชั่วครู่ จากนั้นก็ลืมตาขึ้นใหม่
“ข้าได้ย่างเข้าสู่ก้าวใหม่เรียบร้อยแล้ว ในปีนั้น ข้าไม่มีเงิน และตอนนี้ข้าก็ขาดแคลนหินลมปราณ มันดูเหมือนว่าไม่ได้แตกต่างกันมากสักเท่าไหร่” เมิ่งฮ่าวสั่นศีรษะ คิดไปถึงจำนวนหินลมปราณอันน้อยนิดในถุงเก็บสมบัติ เขาก็รู้สึกเจ็บปวดใจอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อเขาออกจากรอยแยกที่หน้าผาไป ก็ยืนอยู่บนกระบี่บิน พุ่งลงไปยังทิศทางของแม่น้ำ
ทันใดนั้น ดวงตาของเขาก็หดเล็กลง และเงยหน้าขึ้น บนภูเขาต้าชิง ณ จุดเดียวกับที่เขาได้ยืนอยู่ก่อนหน้านี้ ก็ได้มีบุรุษสวมใส่ชุดยาวสีทองยืนแทนที่ มันจ้องลงมาที่เมิ่งฮ่าวด้วยสายตาที่เย็นชา
“เจ้าไม่กลับขึ้นมาบนนี้” มันกล่าวด้วยเสียงอันน่ากลัว ซึ่งดูเหมือนว่าจะทำให้ท้องฟ้าที่ดวงตะวันกำลังตกจากขอบฟ้าได้เปลี่ยนเป็นมืดลงยิ่งขึ้นกว่าเดิม มองเห็นแต่ดวงตาที่เต็มไปด้วยความอาฆาตและความโลภ
มันก็คือ ซ่างกวนซิว!
ในวันที่สำนักได้ล่มสลายลง มันเป็นบุคคลแรกที่หนีจากไป หลังจากผ่านไปไม่กี่วัน มันก็ปรากฎตัวขึ้นใหม่ เมื่อได้สอบถามศิษย์รอบๆ บริเวณนั้น มันก็ทราบเกี่ยวกับเรื่องการล้มเลิกสำนัก เช่นเดียวกับทราบว่าปรมาจารย์เอกะเทวะได้แสดงความน่ากลัวออกมาอย่างไร  และได้ฝังความทรงจำอันลึกล้ำนี้ลงไปภายในจิตใจของผู้ฝึกตนทุกคนที่อยู่ในแคว้นจ้าว ดังนั้นมันจึงจากไป ด้วยความตั้งใจว่าถึงเวลาแล้วที่จะไปเก็บเกี่ยวต้นไม้ยา ที่มันได้ปลูกอย่างลับๆ เมื่อนานมาแล้ว
ระหว่างการเดินทาง มันก็ได้ผ่านภูเขาต้าชิง ซึ่งทำให้คิดถึงเรื่องที่มันได้ตรวจสอบเมิ่งฮ่าวในตอนนั้น มันรู้ว่านี่เป็นสถานที่ซึ่งฉื่อชิงได้พบกับเมิ่งฮ่าว ดังนั้นมันจึงตัดสินใจที่จะอยู่รอรอบๆ บริเวณสักหลายวัน ด้วยความหวังว่าจะได้พบกับเมิ่งฮ่าว
รังสีสังหารส่องประกายออกมาจากดวงตาของเมิ่งฮ่าว ตอนนี้เขาอยู่ในระดับขั้นเจ็ดของการรวบรวมลมปราณ ดังนั้นเขาจึงมีความสามารถที่จะรับรู้ระดับขั้นของผู้ฝึกตนคนอื่นๆ ซ่างกวนซิวอยู่ที่ระดับเก้า ถึงแม้ว่าพลังการฝึกตนของมันยังไม่สมบูรณ์เท่าไหร่ แต่ก็ใกล้จะก้าวข้ามระดับนี้ไปอีกไม่นาน ถ้าโชคดี มันก็อาจจะก้าวถึงระดับพื้นฐานลมปราณในเร็วๆ นี้ ซึ่งทำให้มันกลายเป็นหนึ่งในผู้ที่มีความแข็งแกร่งที่สุดในแคว้นจ้าวแห่งนี้
เมิ่งฮ่าวรู้ดีว่า ถึงแม้ว่าเขาจะมีอาวุธเวทอยู่ในมือมากมาย แต่เขาก็ไม่มีความหมายอะไรทั้งสิ้นในสายตาของซ่างกวนซิว ขณะนี้ถุงเก็บสมบัติของเขาก็ว่างเปล่า และเขาก็มีหินลมปราณเพียงน้อยนิด มันไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมในการต่อสู้กับซ่างกวนซิว
โดยไม่พูดจา เขาก็พุ่งออกไปยังที่ห่างไกล ร่างของเขากลายเป็นเงาเลือนลาง เมื่อเร่งความเร็วขึ้น ซ่างกวนซิวเปล่งเสียงหัวเราะอันเย็นชาออกมา อยู่ในสำนักมันเกรงกลัวผู้อาวุโสโอวหยาง และไม่กล้าที่จะแตะต้องศิษย์สายใน แต่นั่นเป็นอดีตไปแล้ว มันตั้งใจจะสังหารเมิ่งฮ่าว และแย่งชิงของวิเศษที่สร้างความตื่นกลัวแก่สัตว์อสูรมาให้ได้ ร่างของมันขยับเคลื่อนอย่างรวดเร็ว ยันต์อาคมก็ปรากฎที่เบื้องหน้าของมัน รับมันขึ้นและพุ่งไล่ตามเมิ่งฮ่าวไป
“ตอนนี้ ไม่มีการคัดเลือกศิษย์สายในอีกแล้ว! เจ้าจะหลบนีจากเงื้อมมือข้าไปได้อย่างไร?!” รอยยิ้มอันน่ากลัวเผยขึ้นมาที่ใบหน้าของซ่างกวนซิว มันมั่นใจว่าต้องสำเร็จแน่นอน!

About wuxiathai

Organic Theme is officially developed by Templatezy Team. We published High quality Blogger Templates with Awesome Design for blogspot lovers.The very first Blogger Templates Company where you will find Responsive Design Templates.

Copyright © 2015 ผนึกสวรรค์ สยบมาร สะท้านเทพ

Designed by Templatezy | Distributed By Gooyaabi Templates