วันจันทร์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2560

ตอนที่ 28 : ซ่างกวนซิว

Posted By: wuxiathai - 22:26
เวลาไม่อนุญาตให้เมิ่งฮ่าวใช้มันขบคิดมากมายนัก ประตูของอาคารหลังนั้นเหวี่ยงเปิดออกมาอย่างไร้เสียง ด้านในเป็นความมืดและบรรยากาศอันน่ากลัวก็ฟุ้งกระจายออกมา
“เจ้ายังไม่ได้เข้ามานะ” ซ่างกวนซิวเอ่ยขึ้นด้วยเสียงเย็นชา เมิ่งฮ่าวลังเลสักพัก จากนั้นดวงตาก็สาดประกายเลือนลาง ตระหนักดีว่าเขาไม่ควรล่าถอยหรือหลบหนี หลังจากที่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ชั่วครู่ ความวิตกกังวลก็เพิ่มมากขึ้น เขาก้าวไปข้างหน้าเข้าไปในอาคาร
ภายด้านใน แสงสว่างก็ค่อยๆ ปรากฎขึ้น แม้ว่าจะเป็นแสงสลัว แต่ก็ทำให้มองเห็นสิ่งของที่อยู่รอบๆ ตัวได้ ซ่างกวนซิวนั่งอยู่ที่นั่นในชุดยาวสีทอง สีหน้าไร้ความรู้สึก สายตาเย็นชาเมื่อมันมองเมิ่งฮ่าวเดินเข้ามา
เกือบทันทีที่เขาก้าวเท้าเข้าไปด้านใน ทันใดนั้น สายตาของซ่างกวนซิวก็สายประกายออกมา และมันก็ยกแขนขวาขึ้น เข็มเล่มเล็กๆ ก็พุ่งออกมา แทงเข้าไปในนิ้วของเมิ่งฮ่าว จากนั้นก็ลอยกลับไปในทันที ถุงเก็บสมบัติทั้งหมดของเขาก็ลอยออกไปด้วย เขาไม่สามารถควบคุมได้โดยสิ้นเชิง ลอยไปอยู่ที่เบื้องหน้าของซ่างกวนซิว
ซ่างกวนซิวเลียโลหิตที่ติดอยู่บนเข็มบินเล่มนั้น
“ไม่มีร่องรอยเบาะแสของสิ่งของจากสวรรค์ หรือ ของวิเศษบนโลกมนุษย์…” ซ่างกวนซิวขมวดคิ้ว มันจ้องกวาดผ่านไปทั่วร่างของเมิ่งฮ่าว ราวกับว่ามันสามารถมองเห็นความลับทั้งหมดที่เขาได้ซ่อนมันไว้ แกนอสูรภายในร่างของเมิ่งฮ่าวลอยกระเพื่อมไปมา และเขาก็พยายามที่ปกปิดมันจากซ่างกวนซิว
สีหน้าเมิ่งฮ่าวสลดลง แสดงให้เห็นความหวาดกลัวในใจ เขาอ้าปากแต่ดูเหมือนว่าไม่ทราบว่าจะพูดอะไรดี
ซ่างกวนซิวขมวดคิ้วอีกครั้ง เปืดถุงเก็บสมบัติของเมิ่งฮ่าวออกมา มันรื้อหาไปมาชั่วครู่ ไม่แม้แต่จะมองไปที่กระบี่บินจำนวนมากมายที่อยู่ในนั้น ดูเหมือนว่ามันไม่ได้สังเกตเห็นกระจกทองแดง หลังจากที่ค้นหาไม่เจออะไรที่ผิดปกติ มันก็ขมวดคิ้วเป็นรอยย่นลึกมากขึ้น
“ท่านอาจารย์ลุงซ่างกวน, อะไร…อะไรที่ท่านมองหาอยู่?” สีหน้าของเขาปกคลุมด้วยความหวาดกลัว แต่ในใจของเขาหัวเราะอย่างเย็นชา เขาได้จัดเตรียมสำหรับเหตุการณ์ในวันนี้มาเป็นเวลานาน กระบี่ไม้ รวมไปถึงหินลมปราณเกือบทั้งหมด และเม็ดยา เขาให้เจ้าอ้วนเอาไปเก็บซ่อนไว้ในที่ปลอดภัยเรียบร้อยแล้ว
“ข้าขอถามเจ้า” ซ่างกวนซิวเอ่ยขึ้น ประกายตาที่จ้องมองมาที่เมิ่งฮ่าวราวกับสายฟ้าแลบ “ทำไมพลังการฝึกตนของเจ้าถึงได้ก้าวหน้าไปด้วยความรวดเร็วเช่นนี้?”
“ศิษย์พี่หญิงฉื่อ และผู้อาวุโสโอวหยาง ได้ดูแลข้าเป็นอย่างดี” เขาตอบพร้อมกับร่างกายที่เริ่มสั่น “พวกเขาให้เม็ดยาข้าบางส่วน…” เขาแสร้งทำเป็นควบคุมตัวเองให้ใจเย็นๆ แต่ในใจเขาไม่ได้กังวลแม้แต่น้อย ดูเหมือนว่าการสอบถามในครั้งนี้ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับหวังเถิงเฟย แต่เนื่องจากความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วในการฝึกตนของเขามากกว่า
ซ่างกวนซิวขมวดคิ้วอีกครั้ง มันเคยรู้มาก่อนว่าผู้อาวุโสโอวหยาง มีความพึงพอใจในตัวของเมิ่งฮ่าว มิเช่นนั้นมันก็คงไม่สอบถามเมิ่งฮ่าวแบบผ่อนปรนเช่นนี้
ทันใดนั้น เสียงของหานจงก็ลอยเข้ามาจากด้านนอก
“ขอรายงานต่อท่านอาจารย์ลุงซ่างกวน ถ้ำแห่งเซียนของเมิ่งฮ่าวไม่มีอะไรเลย”
“เจ้าไปได้แล้ว” ซ่างกวนซิวตอบไป มันนั่งใคร่ครวญอยู่เป็นนานเมื่อหานจงจากไป จ้องมองมาที่เมิ่งฮ่าวโดยไม่พูดจา
เวลาค่อยๆ ผ่านไป และไม่ช้าก็ถึงเวลาตอนเย็น สีหน้าของเมิ่งฮ่าวก็ยิ่งดูกังวล และเต็มไปด้วยความกลัวมากยิ่งขึ้น ในที่สุด เขาก็พูดด้วยเสียงอันสั่นเครือ “ท่านอาจารย์ลุง…”
“อืม เจ้าไปได้แล้ว” ซ่างกวนซิวพูดด้วยความขุ่นเคืองพร้อมกับโบกมือ
เมิ่งฮ่าวยืนขึ้น ทำความเคารพด้วยการประสานมือ และจากไปด้วยความรู้สึกโล่งใจ หลังจากที่มาถึงเชิงเขา เขาก็รีบเร่งความเร็วตรงไปที่ภูเขาทิศใต้
เมื่อเมิ่งฮ่าวจากไป สีหน้าของซ่างกวนซิวก็เปลี่ยนไป มันยกเข็มสีเงินขึ้นมาและตรวจสอบอย่างระมัดระวัง เลียโลหิตที่ยังติดอยู่บนเข็ม สองตามันส่องประกายเจิดจ้า
“มีบางอย่างไม่ถูกต้อง โลหิตนี้มีกลิ่นของสัตว์อสูรระดับต่ำเป็นจำนวนมาก ข้าตรวจไม่พบในตอนแรก เพราะข้าให้ความสำคัญกับผลกระทบของผู้อาวุโสโอวหยางมากเกินไป แต่ตอนนี้โลหิตแห้งไปแล้ว เห็นได้ชัดว่า มันได้กินแกนอสูรเข้าไปไม่ต่ำกว่าร้อยก้อน มันไปหาแกนอสูรมากมายขนาดนี้มาได้จากที่ไหน? เจ้าเมิ่งฮ่าวผู้นี้ต้องแอบซ่อนความลับอะไรไว้เป็นแน่” ความต้องการสังหารเต็มอยู่ในดวงตาของซ่างกวนซิว และร่างของมันก็พุ่งขึ้นไปในอากาศ ไล่ติดตามเมิ่งฮ่าวไป
เมิ่งฮ่าวจากไปด้วยความเร็วสูงสุด รู้สึกผ่อนคลาย แต่ก็ยังรู้สึกตระหนกอยู่เล็กน้อย เขามาถึงด้านนอกของถ้ำแห่งเซียนที่เชิงเขาด้านทิศใต้ เมื่อเขาเดินเข้าไปใกล้ ก็เห็นเจ้าอ้วนโผล่ศีรษะออกมาจากต้นไม้ในที่ห่างไกลออกไป เมื่อมันมองเห็นเมิ่งฮ่าว ก็วิ่งเข้ามาหา
“ข้ากลัวแทบตาย” เจ้าอ้วนกล่าว ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก “เมิ่งฮ่าว เจ้าหายไปทั้งบ่าย…” มันส่งถุงเก็บสมบัติคืนให้เมิ่งฮ่าว “ขอบคุณที่ไม่มีใครสังเกตเห็นว่าข้าได้เก็บซ่อนถุงนี่ไว้”
เมิ่งฮ่าวพยักหน้าด้วยสีหน้าที่ผ่าเผย และรับถุงเก็บสมบัติไป และขณะที่เขากำลังยื่นมือออกไปนั้น เสียงร้องหวีดหวิวก็ได้ยินมาจากที่ห่างไกล ลำแสงสีรุ้งก็พุ่งใกล้เข้ามา ทำให้มองเห็นชายชราที่อยู่ในชุดยาวสีทอง ไม่ใช่ใครอื่นที่ไหนนอกจาก ซ่างกวนซิว
มันกำลังเหาะมา! มีแต่ผู้ฝึกตนที่บรรลุถึงระดับพื้นฐานลมปราณเท่านั้นที่จะเหาะได้ ด้วยการใช้อาวุธเวท บางคนก็อาจจะเหินบินได้ เช่นเดียวกับศิษย์พี่หญิงฉื่อ แต่มันไม่ใช่การเหาะที่แท้จริง
เมื่อเห็นดังนี้ หัวใจเมิ่งฮ่าวเต้นรัว เขาเห็นซ่างกวนซิวเหาะลงมาจากเบื้องบนภูเขา ด้วยความเร็วที่เทียบเท่ากับเมิ่งฮ่าว ตอนที่เขายืมพลังจากกระบี่บินเหินไปในท้องฟ้า
ซ่างกวนซิวมองเห็นเจ้าอ้วนกำลังส่งถุงเก็บสมบัติให้เมิ่งฮ่าวในทันทีที่มาถึง และสายตาก็มันก็ส่องประกายแลบขึ้น โดยไม่มีการพูดจา มันพุ่งตรงไปที่เมิ่งฮ่าว มั่นใจว่ามันต้องสามารถจับเขาไว้ได้ วันนี้ มันต้องรู้ความลับของเมิ่งฮ่าวให้ได้ บางทีนี่อาจจะเป็นความลับที่สามารถช่วยมันได้อย่างใหญ่หลวง
สีหน้าเมิ่งฮ่าวเปลี่ยนไป และเกิดความรู้สึกปั่นป่วน แต่เนื่องจากสถานการณ์ฉุกเฉิน และเขาก็ไม่มีเวลาให้ขบคิด เขารีบคว้าถุงเก็บสมบัติและเจ้าอ้วนไว้ จากนั้นก็พุ่งทะยานออกไป และกระบี่บินก็หมุนวนอยู่รอบตัวเขาก่อนที่จะลอยมาอยู่ใต้เท้า เขาเหยียบมันพุ่งไปยังที่ห่างไกล
มันเกิดขึ้นรวดเร็วมากจนม่านตาซ่างกวนซิวหดลง มันส่งเสียงเย็นชาออกมาจากลำคอ และเหาะไล่ตามไป
เจ้าอ้วนรู้สึกกลัวจนสีหน้าซีดขาว แต่มันก็ไม่ได้ขยับตัว ด้วยเกรงว่าจะไปรบกวนสมาธิของเมิ่งฮ่าว มันเชื่อมั่นว่าเมิ่งฮ่าวต้องไม่ละทิ้งมันหนีไปคนเดียวแน่นอน
จริงๆ แล้ว นี่ก็เป็นความจริง เมิ่งฮ่าวมิใช่คนแบบนั้น เขารู้ดีว่าถ้าเขาปล่อยให้เจ้าอ้วนลงไป เขาก็อาจจะเคลื่อนที่ได้เร็วขึ้น แต่เขาก็รู้ด้วยเช่นกันว่าซ่างกวนซิวก็จะระบายความโกรธไปที่เจ้าอ้วนอย่างแน่นอน ถ้าเขาหนีไปได้
“บัดซบ สำหรับเจ้าผู้นี้มันก็คิดว่า ศิษย์สายนอกก็เหมือนพวกมดแมลง มีแต่ศิษย์สายในเท่านั้นถึงจะเป็นศิษย์ที่แท้จริงของสำนักเอกะเทวะ”
เมิ่งฮ่าวขบฟันมองกลับไปที่ซ่างกวนซิว ซึ่งไล่ตามเข้ามาใกล้มากยิ่งขึ้น ในเวลาเดียวกันนั้น เมิ่งฮ่าวก็ลอยต่ำลงใกล้พื้นดินไปมากยิ่งขึ้นเช่นเดียว เขาไม่สามารถที่จะหนีไปต่อได้นานนัก เขาพยายามพุ่งต่อไปด้วยความเร็วเท่าที่จะเร็วได้ เหงื่อไหลลงมาจากหน้าผาก จิตใจเต้นรัว เขามองเห็นอาณาเขตของสำนักสายนอกอยู่เบื้องหน้า และในทันใดนั้น เขาก็มีความคิดแวบขึ้นมา เขารู้แล้วว่าต้องทำอะไร
สองตาเขาส่องประกายลุกโชน เขาพุ่งลงไปที่พื้น โผเข้าไปในพื้นที่ของสำนักสายนอก จากนั้นโดยไม่คำนึงถึงผลกระทบของพลังการฝึกตนของเขา เขากัดฟันและทะยานขึ้นไปบนกระบี่บินอีกครั้ง เสียงร้องหวีดหวิวดังไปทั่วบริเวณ ทำให้ศิษย์สายนอกคนอื่นๆ ที่อยู่บริเวณนั้นต้องแหงนหน้ามองขึ้นไปด้านบนด้วยสีหน้าเหวอหวา
สีหน้าซ่างกวนซิวเริ่มเครียดขึ้ง ด้วยการโบกสะบัดชายแขนเสื้อ มันก็เร่งความเร็วพุ่งตรงไปที่เมิ่งฮ่าว ระยะห่างระหว่างทั้งสองก็เริ่มใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เมื่อมันใกล้จะถึงระยะเก้าสิบฉื่อ สีหน้าซ่างกวนซิวก็เปลี่ยนไป เมื่อมันคิดได้ว่าเมิ่งฮ่าวกำลังจะตรงไปที่ไหน ถึงตอนนั้นก็คงสายไปที่จะหยุดเมิ่งฮ่าวได้
เมิ่งฮ่าวเข้ามาใกล้เขตสี่เหลี่ยมจัตุรัสของสำนักสายนอก ซึ่งมีเสาสลักลวดลายมังกรตั้งเรียงรายกันอยู่ บนเวทีที่สูงขึ้นไป ผู้อาวุโสโอวหยางนั่งสมาธิอยู่บนนั้น ในเขตสี่เหลี่มจัตุรัสเบื้องล่าง หวังเถิงเฟย ก็นั่งสมาธิอยู่ที่นั่นด้วย
นี่เป็นสถานที่ ที่รับสมัครคัดเลือกการเลื่อนขั้นพิเศษ!
“ข้าต้องการสมัคร!” เมิ่งฮ่าวตะโกนออกมา ขณะที่เขาเข้าไปในเขตสี่เหลี่ยมจัตุรัส
“ข้าสมัครด้วย!” เจ้าอ้วนตะโกน ใบหน้าแดงก่ำเต็มไปด้วยเลือดฝาด
ซ่างกวนซิวหยุดลงที่เบื้องนอกของเขตสี่เหลี่ยมจัตุรัส ความต้องการสังหารเต็มอยู่ในดวงตา แต่มันก็หายไปอย่างรวดเร็ว แทนที่ด้วยรอยยิ้มที่ร่าเริง ผู้อาวุโสโอวหยางลืมตาขึ้น มองไปที่เมิ่งฮ่าว รู้สึกประหลาดใจกับพลังการฝึกตนของเขา มองเมิ่งฮ่าวด้วยสายตาที่ชื่นชม
หวังเถิงเฟย ก็ลืมตาขึ้นด้วยเช่นกัน ดูเหมือนว่าไร้ความสนใจในตัวเมิ่งฮ่าวโดยสิ้นเชิง
“ตอนนี้ เจ้าได้สมัครเรียบร้อยแล้ว” ผู้อาวุโสโอวหยางพูดเสียงเย็นชา “เจ้าต้องถูกกักตัวอยู่ในบริเวณนี้ การคัดเลือกจะเริ่มในอีกสองวันข้างหน้า” ผู้อาวุโสโอวหยางกวาดตามองไปที่ซ่างกวนซิว ผู้ซึ่งกำลังมีจิตใจที่ขุ่นมัว ก็ยิ่งทำให้จิตใจของมันขุ่นมัวลงไปอีก แต่มันก็ยิ่งแสร้งยิ้มอย่างมีอัธยาศัยมากยิ่งขึ้น มองไปที่เมิ่งฮ่าว แสร้งแสดงความนิยมชมชื่นในตัวเขาออกมาทางสายตา
เมิ่งฮ่าวมองกลับไปที่มัน และเมื่อทั้งสองสบตาประสานกัน ความโกรธของซ่างกวนซิวก็เดือดพล่าน แต่มันก็ไม่สามารถทำอะไรได้ ดังนั้นหลังจากที่ผ่านไปชั่วครู่ มันก็หัวเราะขึ้นมาและเดินจากไป
เมื่อมันเดินผ่านเมิ่งฮ่าว มันก็กระซิบว่า “เจ้าล่วงเกินข้า ซ่างกวนซิว ข้าจะปล่อยให้เจ้าอยู่ที่นี่ การคัดเลือกศิษย์สายในจะเป็นที่ตายของเจ้า”
สายตาเมิ่งฮ่าวส่องประกาย เมื่อเขาจ้องอย่างเย็นชาไปยังซ่างกวนซิว
หลังจากนั้น เส้นตายสำหรับการรับสมัครก็มาถึง ก่อนที่เมิ่งฮ่าวจะมา มีเพียงหวังเถิงเฟยคนเดียวที่มาสมัคร จากนั้นหานจงก็มาถึง ตอนนี้มีเพิ่มขึ้นมาอีกสี่คน ที่เข้ามาในเขตสี่เหลี่ยมจัตุรัสแห่งนี้
พวกมันไม่มีใครเป็นคนแปลกหน้าสำหรับเมิ่งฮ่าว หยิ่นเทียนหลงและโจวข่ายก็มาด้วย อีกสองคนที่เหลือดูมีอายุประมาณสามสิบปี หนึ่งในนั้นรูปร่างสูงใหญ่และกำยำ อีกคนรูปร่างผ่ายผอมและอ่อนแอ มีรอยแผลเป็นที่น่าเกลียดบนใบหน้าของมัน ทั้งสองคนนี้มีรังสีอำมหิตแผ่ออกมาจากร่างอย่างน่ากลัว นี่เป็นศิษย์คนอื่นๆ ของสำนัก ซึ่งอยู่ในระดับขั้นห้าของการรวบรวมลมปราณ
ทั้งสี่เข้ามาในเขตสี่เหลี่ยมจัตุรัส มองมาที่เมิ่งฮ่าวและเจ้าอ้วนด้วยสีหน้าน่ากลัว ความต้องการสังหารอยู่ในดวงตา ที่เต็มไปด้วยความก้าวร้าวของพวกมันซึ่งยากที่จะปกปิดไว้ได้
เจ้าอ้วนมองไปด้วยความกังวล และเมิ่งฮ่าวก็หรี่ดวงตาลง ตอนนี้เขาได้รับรู้ถึงพลังอำนาจอิทธิพลของซ่างกวนซิวแล้ว
เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า และในที่สุดสองวันก็ผ่านไป ตอนนี้เหลือแค่ครึ่งชั่วยามก่อนที่ช่วงวเลาของการรับสมัครจะจบลง รอบๆ ของเขตสี่เหลี่ยมจัตุรัสก็ล้อมรอบไปด้วยศิษย์สายนอกเต็มไปหมด พวกมันไม่ได้มาเพื่อสมัครเข้าคัดเลือก แต่มาเพื่อดูการคัดเลือกการเลื่อนขั้นศิษย์สายในกรณีพิเศษ และหวังว่าอาจจะได้เรียนรู้บางสิ่งบางอย่าง รวมไปถึงมาดูความสง่าราศรีทั้งหมดของหวังเถิงเฟย
แน่นอนว่า มีทั้งหมดแปดคนในเขตสี่เหลี่ยมจัตุรัส รวมทั้งเจ้าอ้วน ซึ่งมีพลังการฝึกตนที่ต่ำจนน่าเวทนาด้วย
ขณะที่เสียงพูดคุยดังกระหึ่มไปทั่ว เวลาก็มาถึง เสียงระฆังดังก้องไปทั่วสำนักเอกะเทวะ มันดังต่อเนื่องกันเก้าครั้ง หลังจากที่ผู้อาวุโสโอวหยางลืมตาขึ้น และมองไปที่คนทั้งแปดตรงเบื้องหน้า ผู้อาวุโสโอวหยางก็โบกสะบัดชายแขนเสื้อ และเวทีขนาดใหญ่ที่เรืองแสงออกมาหลากสี ก็เริ่มขยายตัวออกไปจนกระทั่งมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณเกือบหนึ่งหลี่ (500 เมตร)
อาวุโสโอวหยางโบกสะบัดมือขวาอีกครั้ง และแผ่นหยกแปดแผ่นก็ลอยออกมา ตรงไปที่คนทั้งแปด เมื่อแผ่นหยกลอยลงไปอยู่ที่เบื้องหน้าของแต่ละคน พวกมันก็มองเห็นตัวเลขที่จารึกบนผิวของแผ่นหยกนั้น จากหนึ่งไปจนถึงแปด
“การแย่งชิงสิ่งของก่อนที่จะต่อสู้เป็นข้อห้าม” อาวุโสโอวหยางพูดเสียงเย็นชา “ในการต่อสู้เพื่อเลื่อนขั้นเป็นศิษย์สายใน การมีชีวิตอยู่หรือตกตายไปเป็นเรื่องที่คาดคิดได้ หลังจากที่ก้าวเท้าขึ้นไปบนเวทีประลอง ถ้าเจ้าคิดว่าไม่มีทางชนะ ก็อนุญาตให้ยอมแพ้ได้ การต่อสู้รอบแรก หมายเลขหนึ่งและแปด”
หวังเถิงเฟยลืมตาขึ้น และยกแผ่นหยกของมันขึ้นมา บนแผ่นนั้นสลักเป็นหมายเลข ‘หนึ่ง’ มันยืนขึ้นและลอยขึ้นไปยืนบนเวทีประลอง สายลมพัดพาเส้นผมที่ยาวสยายของมัน พริ้วไปมาอย่างอ่อนโยน ปกคลุมไปบนชุดยาวสีขาวราวหิมะของมัน มันดูสมบูรณ์พร้อมไร้ที่ติ สุภาพ สง่างาม และปราณีตในทุกท่วงท่า มันยิ้มออกมา ทำให้ศิษย์สายนอกทั้งหมดที่ยืนดูอยู่รอบๆ เขตสี่เหลี่ยมจัตุรัส ส่งเสียงร้อง ให้กำลังใจมันออกมาเสียงดังกระหึ่ม ไม่มีใครสักคนที่จะมองเห็น ภายใต้รอยยิ้มของหวังเถิงนั้น ได้ปกปิดความเจ็บปวดอย่างขมขื่นของการสูญเสียและความพ่ายแพ้ไว้
ในเวลานั้นเอง ซ่างกวนซิวก็ปรากฎกายขึ้นท่ามกลางกลุ่มคน จ้องมองมาอย่างน่ากลัวไปที่เมิ่งฮ่าว

About wuxiathai

Organic Theme is officially developed by Templatezy Team. We published High quality Blogger Templates with Awesome Design for blogspot lovers.The very first Blogger Templates Company where you will find Responsive Design Templates.

Copyright © 2015 ผนึกสวรรค์ สยบมาร สะท้านเทพ

Designed by Templatezy | Distributed By Gooyaabi Templates