วันจันทร์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2560

ตอนที่ 27 : สายลมแห่งโชคชะตาโชยพัดมาอีกครั้ง

Posted By: wuxiathai - 22:26
เจ้าอ้วนจ้องมาที่เมิ่งฮ่าว กระแสธารน้ำตาไหลลงมาจากใบหน้าของมัน มันรีบวิ่งไปข้างหน้า ตะโกนออกมาว่า
“เจ้ายังไม่ตาย เมิ่งฮ่าว เจ้ายังไม่ตาย!” เจ้าอ้วนกอดเมิ่งฮ่าวไปก็ร้องไห้ไปด้วย “ข้ากลัวมากไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ ทุกคนบอกว่าเจ้าได้ตายไปแล้ว และข้าก็เสียใจมาก เจ้าเป็นสหายเพียงหนึ่งเดียวของข้า จะให้ข้าทำยังไงถ้าเจ้าตายไป?”
“ข้าคิดว่าจะหลบหนีออกจากสำนัก ข้ายังได้หมดความสนใจในการถูตะไบฟันของข้า แต่ถ้าข้าหลบหนีจากไป ข้าจะล้างแค้นให้เจ้าได้ยังไง? ดังนั้นข้าจึงไม่จากไป ข้าสาบานว่าข้าจะหาวิธีที่จะช่วยเจ้าล้างแค้น…”
เจ้าอ้วนมองมาที่เมิ่งฮ่าวด้วยความอบอุ่นจริงใจ และหลังจากที่พูดไปได้ชั่วครู่ น้ำตาของมันก็เริ่มแห้งเหือดหายไป ทั้งสองนั่งอยู่ด้วยกันข้างลำธาร และเมิ่งฮ่าวก็เล่าเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในภูเขาสีดำให้เจ้าอ้วนฟัง แน่นอนว่า ยกเว้นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับมังกรปีกวารีและหวังเถิงเฟย เจ้าอ้วนนั่งฟังอย่างใจจดใจจ่อ และเมื่อมันได้ยินว่าเมิ่งฮ่าวได้บรรลุถึงระดับขั้นหกของการรวบรวมลมปราณ มันก็อ้าปากค้างด้วยความตะลึง
“ระดับขั้นหกของการรวบรวมลมปราณ…” เจ้าอ้วนดูจะรู้สึกตื่นเต้นมาก “ท่านย่ามันเถอะ, เจ้าได้, เจ้าได้…เจ้าได้บรรลุถึงระดับขั้นหกของการรวบรวมลมปราณ! ปีที่ศิษย์พี่หญิงฉื่อนำพวกเรามาที่นี่ นางได้อยู่ที่ระดับขั้นเจ็ด เมิ่งฮ่าว เจ้าได้กลายเป็นเซียนจริงๆ แล้ว! เจ้าเหาะได้หรือไม่?”
“เหาะ…” เมิ่งฮ่าวปิดตาลง เขาจินตนาการไปถึงคำอิบายของวิชาเดินบนสายลมจากตำรารวบรวมลมปราณ มันเป็นเรื่องธรรมดาที่จะใช้วิชานี้ที่ระดับขั้นหกได้ง่ายกว่าใช้ด้วยระดับขั้นห้า แต่หลังจากที่พยายามไปหลายครั้ง สิ่งที่เขาทำได้ดีที่สุดก็คือ ลอยไปในอากาศได้สักพัก ก่อนที่จะตกลงมา เขาพยายามต่อไปได้อีกชั่วครู่ จากนั้นก็กินเม็ดยาลงไป ในที่สุด เขาก็สามารถลอยตัวในอากาศได้ประมาณครึ่งฉื่อเหนือจากพื้นดิน เจ้าอ้วนมองมาด้วยตาที่เบิกกว้าง
ทันใดนั้นเมิ่งฮ่าวก็ลืมตาขึ้นมา เป็นดวงตาที่สาดส่องประกายอันสดใส เขายืนขึ้น จากนั้นก็พยายามควบคุมบังคับตัวเองไปรอบๆ บริเวณนั้น เคลื่อนไหวคล้ายสายลม เจ้าอ้วนมองมาโดยไม่กระพริบตา หายใจเข้าออกอย่างหนักหน่วง
หลังจากที่เคลื่อนไหวไปรอบๆ เช่นนี้ไปได้สักพัก เมิ่งฮ่าวก็เริ่มคุ้นเคยกับวิธีการลอยตัวแบบนี้ เขาตบถุงเก็บสมบัติและด้วยแสงที่แลบออกมา กระบี่บินก็ปรากฎขึ้น มันลอยไปใต้เท้าของเขา จากนั้นเขาก็พุ่งออกไปในท้องฟ้า เจ้าอ้วนมองดูด้วยความตกใจ ราวกับว่ามันไม่เชื่อในสิ่งที่ได้เห็น
“เมิ่งฮ่าวกำลังเหาะอยู่…” มันพึมพำ
เมิ่งฮ่าวรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง สายลมพัดมาปะทะใบหน้าของเขา เมื่อเขาใช้วิชาเดินบนสายลมเพื่อที่จะเหาะไปพร้อมกับกระบี่บิน หลังจากช่วงเวลาหายใจเข้าออกสามสิบครั้ง เขาก็รู้สึกว่าร่างกายเริ่มส่ายไปมา จากนั้นก็เริ่มที่จะเสียหลักการทรงตัว เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น ทันใดนั้น จิตใจของเมิ่งฮ่าวก็สั่นสะท้าน และความรู้สึกบางอย่างก็ได้ปรากฎขึ้นมาในหัวของเขา
ความรู้สึกนี้ไม่ได้ประกอบขึ้นมาจากคำพูด และเป็นความรู้สึกที่ลี้ลับจนน่าขนลุก มันปรากฎขึ้นภายในจิตของเขาเหมือนกับสัญชาตญาณ และเมื่อมันเกิดขึ้นมา ทันใดนั้น พลังลมปราณในร่างของเขาก็เริ่มหมุนวน เขาโบกสะบัดแขนขวาโดยไม่รู้ตัว จนดูคล้ายกำลังกระพือปีกอยู่ ฉับพลันนั้นเอง มีดสายลม ก็ปรากฎขึ้นตรงหน้าของเขา
เมื่อมีดสายลมปรากฎขึ้น กระบี่บินที่อยู่ใต้เท้าของเขาก็เริ่มสั่น มีดสายลมพุ่งตรงเข้าไปในป่า และต้นไม้สามต้นก็ถูกตัดขาดจนเหลือครึ่งต้นไปในทันที เสียงกึกก้องดังออกมาสร้างความสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งแนวป่า และเมิ่งฮ่าวก็ร่วงลงมาที่พื้น
เจ้าอ้วนประหลาดใจเป็นอย่างมาก และมองไปที่เขาชั่วครู่ก่อนที่จะเรียกสติกลับคืนมา ใบหน้าของมันแดงก่ำ มองไปที่เมิ่งฮ่าวด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความนับถือ
“เจ้าทำได้จริงๆ ถ้าข้าอยู่กับเจ้า ใครจะกล้ามาข่มเหงข้า? และใครกล้าจะมาสร้างความวุ่นวายให้กับการค้าของพวกเรา!” เมื่อคิดได้เช่นนี้ ทันใดนั้นเจ้าอ้วนก็ส่งเสียงหัวเราะออกมาเสียงดัง
เมิ่งฮ่าวปิดตาลงและคิดด้วยความตื่นเต้นเกี่ยวกับมีดสายลม เขาเป็นคนฉลาด และตระหนักดีว่า มันต้องมีบางสิ่งที่เกี่ยวข้องกับแกนอสูรและความฝันที่แปลกนั้นอย่างแน่นอน ความรู้สึกประหลาดที่ได้ปรากฎขึ้นมาในหัวของเขาก็คงจะมีการเชื่อมต่อกับแกนอสูร
ทันใดนั้น เงาของมังกรปีกวารีก็ปรากฎขึ้นในทะเลสาบลมปราณ เมิ่งฮ่าวเกือบจะส่งเสียงร้องอุทานออกมา เมื่อเกิดความรู้สึกถึงมังกรและการเป็นราชันแห่งท้องนภาออกมา แต่หยุดได้ทัน เขาจะร้องออกมาไม่ได้
“โอ ใช่แล้ว” เจ้าอ้วนเอ่ยขึ้น ทันใดนั้นมันก็นึกขึ้นได้ถึงบางสิ่ง “วันคัดเลือกการเลื่อนขั้นพิเศษกำลังจะเริ่มขึ้นในอีกเร็วๆ นี้แล้ว ข้าได้ข่าวมาว่ามีช่วงเวลาอีกหนึ่งเดือนที่เจ้าจะไปสมัครได้ เจ้าควรจะเข้าร่วมด้วยนะ เจ้าต้องได้รับเลือกอย่างแน่นอน จากนั้นเจ้าก็จะกลายเป็นศิษย์สายในคนที่สามของสำนักเอกะเทวะ! เจ้าจะต้องมีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่ว!”
“คัดเลือกการเลื่อนขั้นพิเศษ?” เมิ่งฮ่าวดูแปลกใจ เขาเคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้มาก่อน แต่ ณ ตอนนั้น พลังฝึกตนของเขายังอยู่ในระดับต่ำมาก ดังนั้นเขาจึงไม่ได้คิดเกี่ยวกับมัน แต่ตอนนี้ทุกสิ่งเปลี่ยนไปแล้ว ทั่วทั้งสำนักเอกะเทวะ มีเพียงสามคนที่อยู่ในระดับขั้นหกของการรวบรวมลมปราณ รวมถึงตัวเขาเองด้วย บุคคลอื่นก็มี หวังเถิงเฟย และ หานจง สำหรับหานจงนั้น มันได้ติดอยู่ที่ระดับขั้นห้าของการรวบรวมลมปราณมาเป็นเวลานาน แต่เพิ่งจะบรรลุถึงระดับหกเมื่อเร็วๆ นี้
“ข้าได้ข่าวมาว่า จะมีการรับเพียงศิษย์แค่คนเดียวเท่านั้น และทุกคนก็กล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่า การคัดเลือกครั้งนี้ จัดขึ้นเป็นพิเศษสำหรับหวังเถิงเฟย แต่ตอนนี้เจ้าอยู่ที่ระดับขั้นหกแล้ว เจ้ามีโอกาสที่จะได้รับเลือกนะ” เจ้าอ้วนต้องการให้เมิ่งฮ่าวเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง ถ้าเขากลายเป็นศิษย์สายใน เขาก็จะกลายเป็นพี่ใหญ่ในสำนักเอกะเทวะได้อย่างง่ายดาย
เมิ่งฮ่าวลังเล ไม่แน่ใจว่าจริงๆ แล้วเขาต้องการที่จะทำอะไรกันแน่ เขาตื่นเต้นกับโอกาสนี้ รู้ดีว่าการเป็นศิษย์สายใน ต้องแตกต่างกว่าการเป็นศิษย์สายนอกมากนัก หลังจากเป็นศิษย์สายใน ก็จะไม่มีใครมาตอแยเขาได้อีก แม้แต่ผู้อาวุโสของสำนัก ยิ่งไปกว่านั้น ก็จะมีโอกาสได้รับหินลมปราณและเม็ดยาเพิ่มขึ้นอีกมาก แต่นี่เป็นเรื่องสำคัญ และพลังการฝึกตนของเมิ่งฮ่าวก็ได้ก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว เขาจำเป็นต้องพิจารณาถึงสิ่งอื่นๆ ที่เขาต้องคำนึงถึง หรือคาดคะเนถึง ถ้าเขาไปดึงดูดความสนใจของคนอื่นๆ มากไป ความสูญเสียที่เข้าได้รับอาจะจะไม่คุ้มค่ากับการได้มา
ตอนนี้เขาเป็นศิษย์สำนักเอกะเทวะมาได้เกือบสองปีแล้ว และได้พัฒนาความเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงคำว่า “กฎแห่งป่า” เขายังทราบดีว่า เขาต้องไม่ประกาศให้ใครรู้ว่าเขามีของวิเศษมากมายแค่ไหน ในที่สุดเขาก็ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าควรจะเข้าร่วมหรือไม่ บางทีเขาอาจจะเข้าร่วม แม้ว่าหลังจากทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในภูเขาสีดำ ทำให้ของวิเศษและเม็ดยาของเขาได้ถูกใช้จนเกือบหมดไป เขาจำเป็นต้องใช้เวลาในการรวบรวมขึ้นมาใหม่
เขาคิดด้วยความหดหู่ใจเกี่ยวกับหินลมปราณสองพันก้อนอย่างช่วยไม่ได้
ยี่สิบวันผ่านไปอย่างรวดเร็วราวกระพริบตา และการสมัครสำหรับคัดเลือกเพื่อเลื่อนขั้นพิเศษเกือบจะหมดเวลาแล้ว มีคนไม่มากนักที่ได้สมัครเข้าร่วม เนื่องจากกฎของสำนัก เมื่อผู้ใดลงสมัครแล้ว จะไม่อนุญาตให้ผู้นั้นออกไปจากลานสี่เหลี่ยมจัตุรัสหลัก แต่ต้องนั่งขัดสมาธิด้านล่างของเสาลวดลายมังกร ห้ามผู้ใดรบกวนผู้สมัครโดยเด็ดขาด
จริงๆ แล้ว คำว่า คัดเลือก ก็คือการแข่งขันในการต่อสู้ด้วยเวทอาคม ซึ่งมันได้ถูกเล่าว่าเมื่อปีแรกๆ ที่จัดการแข่งขันนี้ ผู้ที่เข้าร่วมแข่งขันต้องเข้าไปในป่าเพื่อค้นหาของวิเศษ แต่เนื่องจากสำนักเอกะเทวะได้เสื่อมโทรมลง จึงมีเพียงวิธีเดียวที่จะคัดเลือกเพื่อเลื่อนขั้นเป็นศิษย์สายใน ก็คือ ดูว่าใครจะเป็นผู้ชนะในการต่อสู้ด้วยเวทอาคม
ตลอดเวลายี่สิบวันที่ผ่านมานี้ เมิ่งฮ่าวได้ไปที่พื้นที่ส่วนรวมของศิษย์ระดับสูง แต่มันก็ว่างเปล่าไร้ผู้คน เมื่อคิดไปถึงความตกต่ำของสำนักเอกะเทวะ เมิ่งฮ่าวก็เข้าใจได้ว่าเป็นเพราะเหตุใด และเป็นอีกครั้ง ที่เขาได้ไปเปิดร้านด้านนอกของพื้นที่ส่วนรวมของศิษย์ระดับต่ำ
การกลับมาของเขา ทำให้เกิดความวุ่นวายมากมาย และไม่มีใครกล้าที่จะมาแทรกแซงการค้าของเขา ในความเป็นจริง ตลอดเวลายี่สิบวัน การค้าของเขาดีมาก และเขาก็ได้รับหินลมปราณค่อนข้างมาก เกือบจะทุกวันเขาสามารถผลิตอาวุธเวทและเม็ดยาได้เพิ่มขึ้น ทำให้เขาค่อยๆ รวบรวมสิ่งที่เสียไปขึ้นมาใหม่ได้
ถึงแม้ว่าอาวุธเวททั้งหมด และกระบี่บินในถุงเก็บสมบัติของเขาจะดูธรรมดาไม่มีอะไรพิเศษ แต่เขาก็รวบรวมได้เกือบถึงร้อยเล่ม เมื่อคิดกลับไปถึงการต่อสู้ของเขากับหลู่หง และเหตุการณ์ในภูเขาสีดำ ทำให้เขาตอนนี้เข้าใจถึงวิธีการที่จะต่อสู้ด้วยอาวุธเวทได้อย่างถ่องแท้ หลังจากขบคิดเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ไปได้สักพัก สองตาเขาก็สาดประกาย เขาได้เกิดความคิดที่จะเพิ่มความสามารถของกระบี่บินทั้งหมดของเขาให้ได้ผลดียิ่งขึ้น
นอกเหนือจากเวลาทำการค้า เวลาที่เหลือส่วนใหญ่ของเมิ่งฮ่าว ก็หมดไปกับการค้นคว้าหาวิธีการเพิ่มพลังให้กับกระบี่บินของเขา เขาได้ดำเนินการทดสอบที่หลากหลาย และในที่สุดก็ได้วิธีการใหม่ๆ มาเล็กน้อย เป็นวิธีการที่จะควบคุมกระบี่หลายเล่มในเวลาเดียวกัน
หนึ่งในสิ่งที่เขาทำก็คือ เขาได้เปลี่ยนรูปลักษณ์ภายนอกของกระบี่มากมายเพื่อที่จะพรางตาพวกมัน บางเล่มเขาก็สร้างรอยขีดข่วนและทำเครื่องหมายไว้ บางเล่มเขาก็ทำลายผนึกที่ปิดมันไป และบางเล่มเขาก็ทามันให้มีสีสันมากมาย
เวลาที่เหลือหลังจากนั้นก็ใช้ในการพยายามที่จะเชื่อมต่อความคิดของเขากับราชันแห่งท้องนภา, มังกรปีกวารี ถึงแม้ว่าเขาไม่เคยจะทำสำเร็จ แต่ก็พบว่าวิชาเดินบนสายลมของเขาได้ก้าวหน้าขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทำให้เขาค่อยๆ ใกล้ชิดกับท้องฟ้ามากขึ้น
เวลาแล่นผ่านไป และตอนนี้ก็เหลือแค่สองวันเพื่อสมัครเข้าร่วม การคัดเลือกการเลื่อนขั้นพิเศษ เมิ่งฮ่าวกำลังนั่งอยู่ที่ร้านของเขาที่พื้นที่ส่วนรวมของศิษย์ระดับต่ำ มองดูเจ้าอ้วนที่อยู่ด้านใน เร่ขายของด้วยความรู้สึกหลงใหลอยู่ลึกๆ ภายในใจ
ทันใดนั้น เขาก็หันหน้า และมองไปในที่ห่างไกลออกไป ด้านล่างที่ห่างไกลจากภูเขา เขามองเห็นใครบางคนเดินตรงมาที่เขา ทุกย่างก้าวพาให้มันตรงไปเบื้องหน้าหลายฉื่อ ดังนั้นมันจึงมาถึงเนินที่ราบสูงอย่างรวดเร็ว มันอายุประมาณยี่สิบเจ็ด ถึงยี่สิบแปดปี ท่าทางมีความภาคภูมิใจในตัวเองและดูสูงส่ง ตรงหน้าของมัน มีกระดาษสีเหลืองแผ่นยาวพลิ้วไปมาในอากาศ บนกระดาษแผ่นนั้นเขียนไว้ด้วยตัวเลขอาคมมากมาย กลุ่มควันสีดำกระจายออกมาจากพื้นผิวกระดาษ บิดตัวไปมาอยู่รอบๆ บุรุษหนุ่มผู้นั้น
“ยันต์อาคม…” สองตาของเมิ่งฮ่าวส่องประกาย เมื่อเขาพินิจดูมัน เขาเคยได้อ่านเกี่ยวกับกระดาษสีเหลืองชนิดนี้ในตำราการรวบรวมลมปราณ มันเป็นอาวุธเวทที่ทรงพลัง ซึ่งสามารถใช้ได้ในช่วงเวลาอันจำกัด
บุรุษหนุ่มที่มาถึงไม่ใช่ใครที่ไหน นอกไปจากบุคคลที่แข็งแกร่งมากที่สุดเป็นอันดับสองในศิษย์สายนอก หานจง ผู้ซึ่งอยู่ในระดับขั้นหกของการรวบรวมลมปราณ เมื่อมันปรากฎตัวขึ้น ก็ทำให้เกิดความปั่นป่วนบนเนินที่ราบสูงนั้น เมื่อทุกคนน้อมพบมันด้วยการประสานมือ
“เมิ่งฮ่าว” มันพูดเสียงเย็นชา ไม่สนใจคนอื่นและจ้องมองไปที่เมิ่งฮ่าว “ท่านอาจารย์ลุงซ่างกวน มีเรื่องต้องการสนทนากับเจ้า โปรดตามข้าไปพบท่าน”
เมิ่งฮ่าวขมวดคิ้ว อาจารย์ลุงซ่างกวนไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับเขา การแสดงออกของมันในช่วงการแจกยาเฉพาะคน หรือการร่วมมือกับหวังเถิงเฟยในการต่อสู้กับงูเหลือมอสูร เห็นได้ชัดว่ามันเป็นบุคคลไม่ธรรมดา
“มันต้องการอะไรจากข้า?” เมิ่งฮ่าวคิดในใจ ลุกขึ้นยืนช้าๆ “มันได้รับรู้ถึงบางอย่างเกี่ยวกับตัวข้า?” เขารู้ว่าบุรุษหนุ่มผู้นี้เป็นหนึ่งในลูกหลานของผู้อาวุโสของสำนัก เมื่อเขาเป็นศิษย์สายนอก เขาไม่สามารถที่จะปฏิเสธคำสั่งนี่ได้ ถ้าเขาปฏิเสธ มันก็จะดูเป็นพิรุธ
ด้วยการพูดพึมพำ เมิ่งฮ่าวมองดูสีหน้าที่เย็นชาของหานจง เขาได้สันนิษฐานว่า ถ้าความจริงเกี่ยวกับเหตุการณ์ในวันนั้นได้ถูกเปิดเผยออกมาแล้ว หวังเถิงเฟย ต้องเป็นบุคคลแรกที่จะมาหาเขา การเรียกตัวครั้งนี้มีอะไรบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับเหตุณ์การนั้นหรือไม่?
สีหน้าของเมิ่งฮ่าวอยู่ในอาการสงบ แต่สมองของเขาหมุนไปอย่างรวดเร็ว และเขาก็ได้หัวเราะอย่างเย็นชากับตัวเอง ด้วยการส่งสายตาไปที่เจ้าอ้วน เขาเดินตรงไปข้างหน้า
ด้วยการเคลื่อนที่ไปพร้อมกับหานจง ไม่ช้าทั้งสองก็มาถึงภูเขาทิศตะวันตก บนยอดเขานี้ พลังลมปราณหนาแน่นมากเป็นพิเศษ เมิ่งฮ่าวมองเห็นที่อยู่ที่สร้างขึ้นอย่างประณีตวางอยู่เรียงราย ด้านในมีกลุ่มเด็กผู้ชายกำลังปลูกหญ้าลมปราณอยู่
ในที่สุดพวกเขาก็มาหยุดตรงหน้าของสิ่งปลูกสร้างที่สูงสามชั้น หานจงมองไปที่เมิ่งฮ่าว จากนั้นเสียงของซ่างกวนซิว ก็ดังออกมาจากภายใน
“เข้ามา เมิ่งฮ่าว, หานจง เจ้าตรงไปที่ภูเขาทิศใต้” ทันใดนั้น แผ่นหยกก็ลอยเข้าสู่มือของหานจง มันมองมาที่เมิ่งฮ่าวด้วยเสียงหัวเราะที่เย็นชา จากนั้นหันหลังกลับและจากไป
หัวใจเมิ่งฮ่าวเริ่มเต้นรัว นี่ดูไม่ถูกต้อง ซ่างกวนซิวให้แผ่นหยกแก่หานจง และส่งมันไปที่ภูเขาด้านศใต้…

About wuxiathai

Organic Theme is officially developed by Templatezy Team. We published High quality Blogger Templates with Awesome Design for blogspot lovers.The very first Blogger Templates Company where you will find Responsive Design Templates.

Copyright © 2015 ผนึกสวรรค์ สยบมาร สะท้านเทพ

Designed by Templatezy | Distributed By Gooyaabi Templates