แผนกลมปราณม่วง และแผนกเม็ดยาบูรพา ของสำนักจื่อยิ่น ต่างก็ตกใจ ศิษย์ที่ทิ้งสำนักไป และกลายมาเป็นผู้อาวุโสของเต๋าแห่งการปรุงยาในสำนักจินซวง, ซานจิ่ว (ภูผานิรันดร์) ได้ก้าวเท้าเข้ามาในสำนักจื่อยิ่นเป็นครั้งแรกในรอบสี่ร้อยปีที่ผ่านมา!
ที่ติดตามมาด้วยเป็นหนึ่งในสองผู้พิทักษ์ธรรมของสำนักจินซวง, ถังซื่อชาง อีกผู้หนึ่งเป็นผู้อาวุโสขั้นวิญญาณแรกก่อตั้ง แต่ละคนต่างก็ฝึกฝนวิถีเซียนมามากกว่าเจ็ดร้อยปี ถึงแม้ว่าจะอยู่เพียงขั้นวิญญาณแรกก่อตั้ง แต่พวกมันก็เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเวทอาคม แค่สองคนนี้ก็สามารถทำลายศัตรูได้นับหมื่น
นอกจากนี้ ยังมีศิษย์กลุ่มใหญ่ของสำนักจินซวงติดตามมาด้วย รวมถึงเจ้าอ้วน ที่ดูท่าทางอิ่มเอมใจ กำลังยืนอยู่ที่ด้านหน้าของกลุ่มศิษย์สำนักจินซวง ด้านขวาของถังซื่อชาง
เมื่อสำนักจินซวงมาถึง โดยการเฉพาะอย่างยิ่งการมาของเจ้าโอสถภูผานิรันดร์ ก็กระตุ้นให้อู๋ติงชิว ผู้พิทักษ์เต๋าของแผนกลมปราณม่วงปรากฎตัวขึ้น รวมถึงผู้ฝึกตนขั้นวิญญาณแรกก่อตั้งคนอื่นๆ บนยอดสูงสุดของหนึ่งในภูเขา ที่ตั้งอยู่บนเขตแดนระหว่างแผนกลมปราณม่วง และแผนกเม็ดยาบูรพา มีพื้นที่สี่เหลียมจัตุรัสขนาดใหญ่ ซึ่งพิธีการต่างๆ มักจะถูกจัดขึ้นในที่แห่งนี้
เทพกระถางม่วงสองคนจากแผนกเม็ดยาบูรพาก็มาด้วยเช่นกัน หนึ่งคืออันจ้ายไห่ อีกคนก็เห็นได้ชัดว่าเป็นผู้อาวุโสของอันจ้ายไห่ ทั้งในเรื่องของตำแหน่งและอายุ อันที่จริง มันเป็นเทพกระถางม่วงที่มีอาวุโสมากที่สุดในแผนกเม็ดยาบูรพา ทักษะในเต๋าแห่งการปรุงยาของมัน อยู่ในระดับสูงสุด และสามารถกล่าวได้ว่ามันเป็นกึ่งเจ้าโอสถ นี่คือ หลินไห่หลง
ในตอนนี้ ศิษย์สายนอกของแผนกลมปราณม่วง รวมถึงเด็กฝึกปรุงยาของแผนกเม็ดยาบูรพา ต่างก็มาชุมนุมอยู่ที่ด้านล่างตรงเชิงเขา พวกมันควบคุมลมปราณ และสำรวมจิตใจ มองขึ้นไปยังลานจัตุรัสบนยอดเขา จิตใจพวกมันคาดเดากันไปต่างๆ นาๆ ถึงจุดประสงค์การมาของเจ้าโอสถภูผานิรันดร์ในครั้งนี้
ศิษย์สายใน และอาจารย์ปรุงยาบางคน ได้ตรงขึ้นไปบนยอดเขา แต่ไม่มากนักที่จะมีคุณสมบัติในการทำเช่นนั้นได้ ภูเขาทั้งลูกถูกปิดผนึกไว้อย่างแน่นหนา และผู้คนอีกมากมายที่พยายามจะเข้าไปใกล้ก็ต้องหันหลังกลับมา
เมิ่งฮ่าวมาถึงภูเขาพร้อมกับกลุ่มคนที่เหลือ เขายืนมองอยู่ในจุดที่ห่างไกลออกไป สำหรับเจ้าโอสถภูผานิรันดร์ เขาเคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับคนผู้นี้มาหลายปีแล้วในสำนักจื่อยิ่น
ขณะที่เขามองขึ้นไป ทันใดนั้น ก็เห็นลำแสงมากมายพุ่งผ่านอากาศมา ดวงตาเขาส่องประกาย ลำแสงนั้นพุ่งตรงไปยังลานสี่เหลี่ยมจัตุรัสบนยอดเขา ภายในเป็นผู้ฝึกตนของแผนกเม็ดยาบูรพา คนทั้งหมดเป็นเจ้าแห่งเตา
หนึ่งในพวกมันก็คือ ฉู่อวี้เยียน
หลังจากที่ขบคิดอยู่ชั่วครู่ ร่างของเมิ่งฮ่าวก็แวบขึ้น และเขาก็พุ่งตรงไป ขณะที่เข้าไปใกล้ภูเขา เขาก็มองเห็นลี่เทา คนทั้งสองสบสายตากัน และพุ่งตรงไปยังยอดเขาด้วยกัน
มีบางคนพยายามที่จะกันไม่ให้พวกเขาเข้าไป แต่ลี่เทาก็นำแผ่นหยกแสดงตัวตนออกมา พวกมันจึงยอมให้ทาง ด้วยสีหน้าแสดงถึงความนับถือ หลังจากการประมูลเม็ดยาจู้จีเทียนในงานประมูลเม็ดยา นามของลี่เทาก็โด่งดังไปทั่ว ถ้าไม่ใช่เพราะการปรากฎขึ้นของเจ้าโอสถจอมกระถาง นามของมันก็คงจะเป็นที่รู้จักมากกว่านี้
ลี่เทามองเมิ่งฮ่าวอย่างลึกซึ้ง จากนั้นก็กล่าวด้วยเสียงแผ่วเบา “เจ้าโอสถภูผานิรันดร์ทิ้งอาจารย์และสำนักไป กล่าวกันว่า มันไม่เคยย่างเท้ากลับเข้ามาถึงสี่ร้อยปี ข้าอยากรู้นักว่ามันกลับมาทำไม…น้องฟาง, เจ้าคิดว่าจะมีบางอย่างเกี่ยวข้องกับเจ้าโอสถจอมกระถางหรือไม่?”
เมิ่งฮ่าวยิ้มเล็กน้อย ส่ายหน้า และไม่พูดอะไรออกมา ในไม่ช้า พวกเขาก็มาถึงยอดเขา ไปยืนอยู่ที่ด้านข้าง เมิ่งฮ่าวมองไปยังเจ้าอ้วน จากนั้นก็ฉู่อวี้เยียน
เจ้าแห่งเตาทุกคน รวมถึงฉู่อวี้เยียน ยืนด้วยท่าทางเคารพอยู่ด้านหลังเทพกระถางม่วง มองตรงไปยังผู้ฝึกตนจากสำนักจินซวง
ฉู่อวี้เยียนชำเลืองมองไปยังผู้ฝึกตนสำนักจินซวง จากนั้นสายตาของนางก็ตกกระทบไปบนร่างเจ้าอ้วน และดูราวกับว่านางอยากจะเข้าไปตบมันสักครั้ง ความเย็นเยียบปรากฎขึ้นในดวงตาของนาง เจ้าอ้วน หลี่ฟูกุ้ยผู้นี้ เป็นสาเหตุของเรื่องอื้อฉาวระหว่างนางและเมิ่งฮ่าว
สำนักจินซวงนำผู้ฝึกตนมาไม่น้อยในครั้งนี้ แต่จริงๆ แล้ว ก็มีไม่ถึงสิบคนที่จะมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะนั่งคุย คนที่เหลือเป็นศิษย์สายใน เช่นเจ้าอ้วน ได้แต่ยืนอยู่ด้านหลัง
ที่กำลังนั่งอยู่ในตำแหน่งสำคัญมีอยู่สองคน หนึ่งคือผู้พิทักษ์ธรรม ถังซื่อชาง ซึ่งอยู่ในวัยกลางคน แต่พื้นฐานฝึกตนของมันอยู่ในขั้นกลางของวิญญาณแรกก่อตั้ง และน้อยคนมากในดินแดนด้านใต้จะกล้าดูถูกมัน ถ้ามันมีความสำเร็จมากกว่านี้อีกเล็กน้อย มันก็จะบรรลุถึงขั้นสุดท้ายของวิญญาณแรกก่อตั้ง ด้วยอายุในตอนนี้ ก็จะกลายเป็นผู้ฝึกตนขั้นตัดวิญญาณเพียงไม่กี่คน ในโลกแห่งการฝึกตนของดินแดนด้านใต้ ซึ่งทำให้มันอยู่ในจุดสูงสุดของรุ่น
ในตอนนี้ มันกำลังหัวเราะ และพูดคุยกับอู๋ติงชิวเกี่ยวกับเรื่องสัพเพเหระ
ที่กำลังนั่งอยู่ด้านข้างมันเป็นชายชราผมหงอกขาว มันนั่งอยู่ที่นั่นตลอดเวลา หลับตาลง ดูราวกับว่ามันไม่ได้เป็นของสวรรค์หรือปฐพี อันที่จริง ใครก็ตามที่มองไปยังมันเป็นเวลานานก็จะเริ่มรู้สึกว่า ดวงตาของมันกำลังลุกไหม้อยู่ ราวกับว่าทั่วร่างของมันเป็นกระถางที่แปลกประหลาดบางอย่าง
ยิ่งน่าตกใจมากขึ้น ขณะที่มันนั่งอยู่ที่นั่นพร้อมกับหลับตาลง ต้นหญ้าสีเขียวก็ค่อยๆ แตกใบอ่อนออกมาอย่างช้าๆ จากภายในหินปูนที่อยู่รอบๆ ตัวมัน ดูเหมือนกลิ่นอายของชายชราผู้นี้ จะทำให้สิ่งมีชีวิตเติบโตขึ้นตามธรรมชาติ
นี่ไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก หนึ่งในสามเจ้าโอสถของเต๋าแห่งการปรุงยา ในดินแดนด้านใต้, ซานจิ่ว (ภูผานิรันดร์)
เมื่อเปรียบเทียบกับมัน ผู้ฝึกตนสำนักจินซวงที่เหลือ ดูเหมือนจะอยู่ที่นั่นอย่างไม่มีอะไรนอกจากเป็นตัวประกอบ แม้แต่ผู้ฝึกตนขั้นวิญญาณแรกก่อตั้งก็เห็นได้ชัดว่ามีความสำคัญลดลงด้วยการคงอยู่ของมัน
เมิ่งฮ่าว และลี่เทายืนห่างออกไปที่ด้านข้าง ตามด้วยศิษย์คนอื่นๆ อีกกลุ่มใหญ่ ซึ่งยืนล้อมพื้นที่สี่เหลี่ยมจัตุรัสเป็นรูปวงกลม เมิ่งฮ่าวมองไปยังเจ้าโอสถภูผานิรันดร์ และต้นหญ้าที่ค่อยๆ เติบโตขึ้นรอบๆ ตัวมัน ดวงตาเขาหดแคบลง
“นี่เป็นอาณาจักรของเต๋าแห่งการปรุงยาอะไรกัน?” เขาคิด “มันสามารถทำให้ต้นไม้เติบโตขึ้นมาจากหินปูน นั่นเป็นการสร้างชีวิตขึ้นมาจากความว่างเปล่า…”
จากนั้น เขาก็มองเห็นอันจ้ายไห่ และจิตใจก็มีโทสะพุ่งขึ้น เมื่อทันใดนั้นก็คิดไปถึงหินลมปราณสองร้อยล้านก้อนของเขา
ด้านของสำนักจื่อยิ่น อันจ้ายไห่ยิ้ม ขณะที่มันและอู๋ติงชิวพูดคุยอย่างสุภาพกับถังซื่อชาง และผู้เชี่ยวชาญด้านเวทขั้นวิญญาณแรกก่อตั้งอีกสามคน
เทพกระถางม่วงที่มีอาวุโสสูงสุด หลินไห่หลง นั่งอยู่ที่นั่นด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก จ้องอย่างเย็นชาไปยังซานจิ่ว
พื้นที่สี่เหลี่ยมจัตุรัสดูเหมือนจะเต็มไปด้วยไฟและน้ำแข็ง ที่ด้านหนึ่ง การพูดคุยด้วยความกลมเกลียวได้ยินออกมา แต่อีกด้าน สายลมอันเยือกเย็นก็ดูเหมือนกำลังพัดมาอยู่
“ฮาฮาฮา!” ถังซื่อชางหัวเราะขึ้นมา มองไปยังอู๋ติงชิว “สหายเต๋าอู๋, โปรดหยุดพูดเถอะ ข้าแค่มายังที่นี่อย่างไร้มารยาท เพื่อเป็นสหายร่วมทางให้กับซานจิ่วต้าชือเท่านั้น สำหรับรายละเอียดที่มาครั้งนี้ ข้าเกรงว่าคงไม่อาจจะบอกได้จริงๆ”
ในเวลานี้เองที่เจ้าโอสถภูผานิรันดร์ ทันใดนั้น ก็ลืมตาขึ้น เมื่อเป็นเช่นนั้น สายตาก็จ้องตรงเข้าไปในดวงตาที่เย็นชาของหลินไห่หลง
มันเงียบอยู่ชั่วครู่ จากนั้นก็กล่าวขึ้น “ไม่ได้พบกันนาน ศิษย์พี่หลิน” เสียงของมันคร่ำครึโบราณ และเต็มไปด้วยพลังแปลกๆ เมื่อคำพูดของมันดังออกไป ต้นหญ้าสีเขียวที่อยู่รอบๆ มันพริ้วไหวไปมา ทั่วทั้งลานสี่เหลี่ยมจัตุรัสเงียบสงบลงในทันที แม้แต่คนที่กำลังพูดอยู่, ถังซื่อชาง, อู๋ติงชิว หรือ อันจ้ายไห่ พวกมันทั้งหมดปิดปากในทันใด สายตาทุกคู่ตกกระทบไปบนร่างของเจ้าโอสถภูผานิรันดร์
“เจ้าประจบข้าด้วยคำว่า ‘ศิษย์พี่’” หลินไห่หลงพูดเสียงราบเรียบ “เคารพตัวเองบ้าง, ซานจิ่วต้าชือ”
ซานจิ่วนิ่งเงียบอยู่นาน ในที่สุด มันก็พูดว่า “จุดประสงค์การมาครั้งนี้ของข้าก็คือ มาคารวะตานกุ่ยต้าชือ สหายเต๋าหลิน ท่านโปรดช่วยพูดให้ข้าได้หรือไม่?”
“ท่านอาจารย์ไม่ว่างในตอนนี้” หลินไห่หลงกล่าวตอบด้วยเสียงเย็นชา “ได้โปรดกลับไป” ถึงแม้ว่าอาจารย์ของหลินไห่หลงไม่ได้ถูกล่วงเกินโดยการกระทำในอดีตของซานจิ่ว หลินไห่หลงก็ไม่เคยลืมว่า ตัวมันเองเป็นผู้แนะนำให้ซานจิ่วมาเข้าสังกัดสำนัก ยิ่งไปกว่านั้น มันยังได้ช่วยเหลือซานจิ่วอย่างไม่เคยเห็นแก่ตัว มันไม่เคยคาดคิดว่า เนื่องจากพรสวรรค์ในเต๋าแห่งการปรุงยาของซานจิ่ว ทำให้ในที่สุดก็กลายเป็นเทพกระถางม่วง จากนั้นก็ทิ้งอาจารย์และสำนักจากไป ในวันนี้ มันก็ไม่อาจจะขจัดความรู้สีกที่ไม่ดีในจิตใจของมันออกไปได้
ซานจิ่ว นิ่งเงียบอยู่นานอีกครั้ง หลังจากหายใจเข้าออกสิบครั้งผ่านไป แสงริบหรี่ก็เต็มอยู่ในดวงตาของมันราวกับเป็นแสงที่กระจายออกมาจากกระถางปรุงยา
“ถ้าเจ้าโอสถจอมปีศาจไม่มีเวลา ข้าก็อยากจะพบกับบุคคลที่ทั้งดินแดนด้านใต้พูดถึงเป็นอย่างมาก เจ้าโอสถจอมกระถาง แห่งแผนกเม็ดยาบูรพา!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ก็ทำให้ดวงตาของฉู่อวี้เยียนสาดประกายเจิดจ้าขึ้น อันที่จริง ดวงตาของศิษย์สำนักจื่อยิ่นทั้งหมดที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้นต่างก็เริ่มส่องประกายขึ้นมา ชื่อเสียงของเจ้าโอสถจอมกระถางเป็นสิ่งที่ทุกคนได้พูดถึงเมื่อเร็วๆ นี้
สีหน้าเมิ่งฮ่าวราบเรียบไร้ความรู้สึก เขาคุ้นเคยกับตัวตนนี้มานานแล้ว เมื่อได้เห็นความเคารพนับถือในดวงตาของฉู่อวี้เยียน ก็ทำให้เขามีความคิดชั่วร้ายขึ้นมาในทันที
“เจ้าต้องการพบกับเจ้าโอสถจอมกระถาง?” หลินไห่หลงกล่าว รอยยิ้มอันเย็นชาผุดขึ้นมาที่มุมปาก “มันอยู่ในสำนักนี้ ถ้ามันต้องการพบเจ้า มันก็จะมาเอง แต่ข้าก็ไม่มีทางบังคับให้มันทำเช่นนั้นได้”
“เช่นนี้เป็นอย่างไร, ศิษย์พี่หลิน?” ซานจิ่วกล่าว “ท่านปฏิบัติต่อข้าด้วยดีอย่างเสมอมาเมื่อหลายปีมานั้น เช่นเดียวกับแผนกเม็ดยาบูรพาทั้งหมด เมื่อได้ดื่มน้ำ ก็ต้องจารึกไว้ในใจ ข้าไม่เคยลืมความเมตตาของท่าน”
“ความเมตตา?” หลินไห่หลงร้องออกมาด้วยเสียงแหบแห้ง ดวงตาสาดประกายความเย็นชา “ถ้ามีความเมตตา แล้วทำไมเจ้าถึงละทิ้งสำนักไป?! เจ้ารู้หรือไม่ หลังจากที่เจ้าทรยศสำนัก ท่านอาจารย์ก็นั่งอยู่บนภูเขาตะวันออกถึงสามวัน มองไปยังเม็ดยาที่เจ้าปรุงขึ้นนั้น?!”
ซานจิ่วไม่พูดอะไร หลังจากนานสักพัก มันถอนหายใจกล่าวว่า “เป็นเพราะว่าเต๋าแห่งการปรุงยาของข้าแตกต่างจากท่านอาจารย์ ถ้าข้ายังอยู่ในสำนัก ข้าก็จะไม่มีเต๋าแห่งการปรุงยาของข้าเอง ดังนั้น จึงไม่มีเส้นทางให้เดิน บางทีหลังจากผ่านไปหลายปี ข้าจะกลายเป็นตานกุ่ยอีกผู้หนึ่ง แต่…นั่นก็ไม่ใช่ข้า การตัดสินใจของศิษย์พี่หลิว ก็เป็นเช่นเดียวกับข้า การตัดสินใจของพวกเราผ่านมาแล้วสามร้อยปี แต่พวกเราทั้งสองก็เลือกที่จะออกไปจากสำนัก”
มันมองไปยังหลินไห่หลง “ศิษย์พี่หลิน ข้านับถือท่านอาจารย์ และนับถือสำนัก หลังจากหลายปีทั้งหมดนี้ ข้าก็ไม่ได้เปลี่ยนไป ข้าปรารถนาที่จะไล่ตามเต๋าแห่งการปรุงยา ไม่เพียงแค่ปรุงเม็ดยาเท่านั้น เต๋าของข้าไม่เหมือนกับของศิษย์พี่หลิวที่เป็นยาพิษ แต่เป็น…เม็ดยาเวท! เม็ดยาที่ข้าปรุงขึ้นไม่ได้ใช้สำหรับการกลืนกิน แต่เป็นการหลอมรวมเวทอาคมเข้ากับเต๋าแห่งการปรุงยา! เม็ดยาที่ถูกปรุงขึ้นมาโดยซานจิ่วเป็นเม็ดยาวิเศษ!”
มันโบกสะบัดมือ และทันใดนั้นเม็ดยาสีทองก็ลอยออกมา ทันทีที่มันปรากฎขึ้น รอบๆ บริเวณนั้นก็เต็มไปด้วยแรงกดดันอย่างน่าตกใจ กลิ่นหอมของตัวยาเต็มอยู่ในอากาศ แต่ก็ทำให้เกิดความรู้สึกอย่างเข้มข้นว่านี่เป็นอาวุทเวท!
กลิ่นหอมของตัวยาราวกับเป็นแสงของอาวุธเวท ความเงาวับของมันราวกับแสงเจิดจ้าของดวงตะวัน
จิตใจเมิ่งฮ่าวสั่นสะท้าน เมื่อได้ยินคำอธิบายของซานจิ่ว เขามองไปยังเม็ดยาวิเศษนั้น จิตใจหมุนเคว้งคว้าง การได้เห็นเม็ดยานี้ ได้เปิดประตูใหม่ในจิตใจเขา ที่เกี่ยวข้องกับเส้นทางแห่งการปรุงยา
เมิ่งฮ่าวพึมพำกับตัวเอง ดูเหมือนจะรู้แจ้งขึ้นอีกครั้ง “วิถีทางของเต๋าแห่งการปรุงยามีนับล้านเส้นทาง ซึ่งก็เหมือนกับต้นพืชสมุนไพรที่มีอยู่มากมายจนนับไม่ถ้วน…”
“ยาเม็ดนี้ไม่อาจกินลงไป” ซานจิ่วกล่าว “เพราะมันไม่อาจทำลายได้ มันคือเม็ดยาวิเศษ ซึ่งข้าปรุงขึ้นมาด้วยตัวเอง แสงของมันสามารถดูดซับลมปราณ ส่วนผสมของพืชสมุนไพรในเม็ดยานี้ กลายเป็นของสวรรค์และปฐพี สามารถกล่าวได้ว่านี่ไม่ใช่เม็ดยา แต่เป็นอาวุธเวท ซึ่งไม่มีทางทำลายได้! ศิษย์พี่หลิน, ได้โปรดประเมินค่าของยานี้ได้หรือไม่?” ด้วยการโบกสะบัดแขนเสื้อ มันส่งเม็ดยาพุ่งตรงไปยังหลินไห่หลง
หลินไห่หลงคว้าเม็ดยานั้นไว้