หลินไห่หลงมองไปยังเม็ดยา “เจ้าคนนอกคอก! เจ้าคนชั้นต่ำ, เจ้าไม่ควรแม้แต่จะมาที่นี่ด้วยซ้ำ!” มันใช้นิ้วออกแรงที่มองไม่เห็น พยายามที่จะบดขยี้เม็ดยานั้น แต่ก็ไม่อาจทำได้ มันอยู่ในขั้นกลางวิญญาณแรกก่อตั้ง และได้บรรลุถึงจุดที่สามารถทำลายอาวุธเวทได้โดยไม่ต้องใช้อาคมใดๆ แต่มันก็ยังไม่อาจจะทำความเสียหายให้แก่เม็ดยานี้ได้แม้แต่น้อยนิด
“วิถีทางของเต๋าแห่งการปรุงยา มุ่งเน้นไปที่การสร้างเม็ดยาใหม่ๆ ขึ้นมา” มันกล่าวเสียงราบเรียบ “ใครก็ตามในแผนกเม็ดยาบูรพาก็สามารถฝึกฝนวิชานอกคอกเช่นนี้ได้ แต่ก็ไม่มีใครยอมลดตัวลงมาทำเรื่องเช่นนี้! นี่ไม่สมควรแม้แต่จะถูกเรียกว่า เม็ดยา!” มันโบกมือขวา ส่งเม็ดยานั้นลอยกลับไปยังซานจิ่ว
“ยาเม็ดนี้ไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาจากทองคำหรือเหล็กกล้า” ซานจิ่วพูดเสียงเยือกเย็น คว้าจับเม็ดยาไว้ “ไม่ได้หลอมรวมเข้ากับแก้วผลึกหรือศิลา มันถูกปรุงขึ้นมาจากต้นสมุนไพรรวม 37,924 ชนิด ด้วยการเปลี่ยนแปลงที่มากมายนับไม่ถ้วน และสมบูรณ์แบบทุกประการ มันประกอบไปด้วยความแข็งแกร่งอย่างสมบูรณ์ของธาตุทั้งห้า (ไม้, ไฟ, ดิน, โลหะ, น้ำ) และมีเพียงหนึ่งเดียวในสวรรค์และปฐพีนี้ นี่เป็นตัวแทนของความยิ่งใหญ่ในเต๋าแห่งการปรุงยาอย่างแท้จริง และไม่นับว่าเป็นการกลั่นสกัดเพียงเท่านั้น หลายปีมาแล้ว ที่ข้าสังเกตเห็นว่าสวรรค์เป็นวงกลม ขณะที่ปฐพีเป็นสี่เหลี่ยม ด้วยการรู้แจ้งเช่นนี้ จึงทำให้ข้าจัดตั้งแผนกเม็ดยาพสุธาขึ้นมา และบ่มเพาะเมล็ดความตั้งใจของข้า ในการปรุงเม็ดยาอันยิ่งใหญ่ของสวรรค์และปฐพี เม็ดยานี้ประกอบไปด้วยสวรรค์และปฐพีในตัวของมันเอง!” มันโยนเม็ดยานั้นไปให้เจ้าอ้วน
“หลี่ฟูกุ้ย คือศิษย์สำนักจินซวงที่ฝึกฝนวิถีเซียนด้วยการกินหินลมปราณ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่ลึกล้ำ ดวงตาส่องประกาย “มันถือกำเนิดขึ้นมาพร้อมกับฟันที่มีความแข็งแกร่งเหนือมนุษย์ธรรมดา ศิษย์พี่หลิน, ท่านเรียกเม็ดยานี้ว่านอกคอก และบอกว่าใครก็ตามในแผนกเม็ดยาบูรพา ต่างก็สามารถปรุงมันขึ้นมาได้ ก็ดี ถ้ามีใครสามารถปรุงเม็ดยาที่เจ้าเด็กผู้นี้ไม่อาจกัดทำลายด้วยฟันของมันได้ ข้าจะก็มอบสูตรยานี้ให้กับท่าน แต่ถ้าแผนกเม็ดยาบูรพา ไม่อาจทำเช่นนี้ ก็ขอให้ท่านอาจารย์ช่วยปรากฎตัว และช่วยประเมินผลเม็ดยานี้ของข้าด้วย”
แม้ในขณะที่เสียงของมันดังก้องอยู่ในความเงียบ หลินไห่หลงก็แค่นเสียงอย่างเย็นชาออกมากล่าวว่า “แผนกเม็ดยาบูรพาไม่ต้องการสูตรยาของเจ้า”
ก่อนที่หลินไห่หลงจะพูดจบ ถังซื่อชางแห่งสำนักจินซวงก็กระแอมไอ หยิบขวดยาจากในแขนเสื้อออกมา เป็นขวดยาสีเทาและมีเครื่องหมายสีดำประทับอยู่ ให้ความรู้สึกที่เก่าแก่โบราณออกมา ราวกับว่ามันถูกเก็บซ่อนไว้นานหลายปีจนนับไม่ถ้วน
ถังซื่อชางกล่าวแค่เพียงประโยคเดียว “นี่เป็นผลผลิตของเต๋าแห่งการปรุงยาตั้งแต่ครั้งสมัยโบราณ เม็ดยาทางเข้า ของระดับสิบขั้นรวบรวมลมปราณ”
คำพูดของมัน ทำให้นักปรุงยาทุกคน ของแผนกเม็ดยาบูรพาจ้องไปยังขวดยานั้นในทันที ดวงตาอันจ้ายไห่หดเล็กลง
แม้แต่หลินไห่หลงก็ดูเหมือนจะตกตะลึง
ระดับสิบขั้นรวบรวมลมปราณ เป็นเพียงแค่อาณาจักรในตำนาน หลังจากที่มีการเปลี่ยนแปลงของสวรรค์ วิถีทางของขั้นรวบรวมลมปราณก็ไม่สมบูรณ์ และเมื่อเม็ดยาทางเข้าปรากฎขึ้น มันเป็นคำตอบของเต๋าแห่งการปรุงยาโบราณ ที่จะเปลี่ยนแปลงสวรรค์และปฐพี เป็นหนทางที่จะเดินไปในเส้นทางโบราณได้ต่อไป ด้วยเม็ดยาเช่นนี้ ผู้ฝึกตนก็จะมีโอกาสเข้าไปสู่ระดับสิบของการรวบรวมลมปราณ
โชคร้ายที่เม็ดยาเช่นนี้เป็นของที่หายาก แม้แต่จะอยู่ในสมัยโบราณก็ตามที และไม่รับประกันว่าจะมีประสิทธิภาพอย่างสมบูรณ์ แต่ไม่ว่าอย่างไร การที่มีโอกาสได้ศึกษาเม็ดยาทางเข้า ก็เป็นผลดีที่ยากจะคาดคิดคำนวนออกมาได้
กลายเป็นว่า สำนักจินซวงได้เตรียมตัวมาเป็นอย่างดีด้วยเม็ดยาเช่นนี้!
ซานจิ่วพูดขึ้น ด้วยเสียงที่ไม่เร็วและไม่ช้า “นี่เป็นเม็ดยาทางเข้าที่สมบูรณ์ ศิษย์พี่หลิน ข้าขอวางเม็ดยานี้เป็นเดิมพัน…ท่านจะยอมรับหรือไม่?” คำพูดของมัน ทันใดนั้น ก็สร้างแรงกดดันอันยิ่งใหญ่ลงไปบนร่างหลินไห่หลง
ยอมรับหรือไม่? มันเป็นคำถามที่ดีมาก ถ้ามันยอมรับ แต่ไม่สามารถปรุงเม็ดยาที่เจ้าอ้วนกัดไม่ได้ มันก็จะกลายเป็นตัวตลกน่าหัวเราะขึ้นในทันที ถ้ามันไม่ยอมรับ ก็จะกลายเป็นว่ามันกำลังหลีกหนีคำท้าทาย ถ้านี่เป็นการต่อสู้ด้วยเวทอาคม มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอันใด แต่การต่อสู้ด้วยการปรุงยา แตกต่างกัน…ยิ่งไปกว่านั้น การแข่งขันครั้งนี้ก็เป็นเรื่องของผู้เยาว์ขั้นพื้นฐานลมปราณเท่านั้น…
หลินไห่หลงไม่มีทางเลือกจริงๆ นอกจากต้องยอมรับ!
เห็นได้ชัดว่า สำนักจินซวง ได้คาดการณ์ไว้แล้ว ซึ่งก็เป็นเหตุผลหลักที่พวกมันได้มาในวันนี้ มันเป็นเรื่องที่สำคัญเป็นอย่างยิ่ง เห็นได้ชัดเจนว่า พวกมันต้องการจะบีบบังคับ และทำให้แผนกเม็ดยาบูรพายอมรับคำท้าทาย
สีหน้าอันจ้ายไห่ดูท่าทางน่าเกลียด มันและหลินไห่หลงสบตากัน ทั้งคู่ต่างก็รู้สึกว่าอยู่ในสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก คู่ต่อสู้ของพวกมันได้เลือกผู้เยาว์ขั้นพื้นฐานลมปราณออกมา และกำหนดข้อตกลงในการแข่งขันครั้งนี้ว่า ต้องปรุงเม็ดยาที่มันไม่อาจกัดให้ละเอียดได้เพียงเท่านั้น ถ้าเทพกระถางม่วงแห่งแผนกเม็ดยาบูรพาปรุงเม็ดยาเช่นนั้นได้ ถึงจะไม่นับว่าแพ้ แต่ก็ไม่อาจถือว่าชนะได้อย่างแท้จริง
แม้จะเป็นเจ้าแห่งเตาเข้าร่วมการแข่งขัน ก็จะถือว่าไม่ยุติธรรมเช่นเดียวกัน เป็นตำแหน่งที่ไม่อาจเปรียบเทียบกันได้ ชนะก็ยังคงถือว่าแพ้, และถ้าพ่ายแพ้…ก็จะอับอายขายหน้าอย่างแน่นอน
อู๋ติงชิว ขมวดคิ้ว ขณะที่ทุกคนนั่งอยู่ที่นั่นในความเงียบ เจ้าอ้วนเดินตรงไปยืนอยู่ด้านข้างซานจิ่ว เห็นได้ชัดว่ามีท่าทางภาคภูมิใจ มันหยิบเอาหินลมปราณออกมา ใส่เข้าไปในปาก และเคี้ยว, เคี้ยว, เคี้ยวจนหินลมปราณแหลกละเอียด มันมองไปรอบๆ ยังนักปรุงยาของแผนกเม็ดยาบูรพา ทำหน้าเป็น จากนั้นก็หยิบเอากระบี่บินออกมา และเริ่มถูตะไบฟันของมัน เห็นได้ชัดว่า มันตั้งใจจะถูให้แหลมคม
ทั้งหมดนี้ ทำให้ผู้คนจากแผนกเม็ดยาบูรพาอ้าปากค้าง และเบิกตาโพลงจ้องไปด้วยความตกตะลึง
“นั่นเป็นฟันอะไรกัน…?”
“ข้าเคยได้ยินเกี่ยวกับเจ้าอ้วนผู้นี้ พวกมันบอกว่า ฟันของมันสามารถบดขยี้กระบี่บินได้…”
ขณะที่เสียงพูดคุยดังกระจายออกไป สีหน้าแปลกๆ ก็ปรากฎขึ้นบนใบหน้าเมิ่งฮ่าว มองไปยังเจ้าอ้วนที่ดูท่าทางเหมือนกำลังได้รับชัยชนะ ฟันของมันส่องประกาย ทำให้เมิ่งฮ่าวต้องถอนหายใจออกมา เขายังจำได้ถึงเหตุการณ์เมื่อหลายปีทั้งหมดที่ผ่านมา ในสำนักเอกะเทวะ ที่เขาได้กระตุ้นส่งเสริมให้เจ้าอ้วนเน้นการฝึกตนของมันไปที่ฟัน
หลินไห่หลง และอันจ้ายไห่มีท่าทางกังวลมากยิ่งขึ้น หลังจากที่เห็นเจ้าอ้วนเคี้ยวหินลมปราณ พวกมันขมวดคิ้ว รู้ดีว่าต้องยอมรับคำท้า แต่ถ้าพวกมันยอมรับ ก็ต้องหาผู้ที่เหมาะสมจากอาจารย์ปรุงยาหนึ่งพันคนเพื่อเข้าร่วมแข่งขัน ถ้าหนึ่งในนั้นชนะ ก็เป็นผลลัพธ์ที่ยอมรับได้ แต่ถ้าเจ้าแห่งเตาเข้าร่วมแข่งขัน ก็คงเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง
นอกจากนี้ ถ้าเจ้าแห่งเตาพ่ายแพ้ ก็จะเป็นเรื่องน่าอับอายสำหรับแผนกเม็ดยาบูรพา แต่ถ้าอาจารย์ปรุงยาพ่ายแพ้ อย่างน้อยก็ไม่ต้องอับอายมากนัก
“สำนักจื่อยิ่นว่าอย่างไร?” ผู้พิทักษ์ธรรมสำนักจินซวง ถังซื่อชาง พูดขึ้นพร้อมรอยยิ้ม
อันจ้ายไห่ขมวดคิ้ว ชำเลืองมองไปยังอาจารย์ปรุงยา ทันใดนั้น สายตาก็ตกกระทบไปบนร่างเมิ่งฮ่าว เพียงมองแค่แวบเดียว แต่มันก็จดจำเขาได้ในทันที
“ปกติเจ้าแห่งเตามักจะปรุงเม็ดยานอกคอกเช่นนั้น” อันจ้ายไห่กล่าวตอบอย่างรวดเร็ว “แต่จริงๆ แล้ว ก็ยังมีอีกหนึ่งคน ท่ามกลางอาจารย์ปรุงยานับพัน ของแผนกเม็ดยาบูรพาที่สามารถปรุงเม็ดยาเช่นนั้นได้”
หลินไห่หลงกำลังคิดว่าจะหลีกเลี่ยงสถานการณ์นี้ได้อย่างไร แต่เมื่อได้ยินคำพูดของอันจ้ายไห่ มันก็พยักหน้าเล็กน้อย แต่จิตใจก็รู้สึกหนักอึ้ง มันมองไปยังลี่เทา ซึ่งยืนอยู่ข้างเมิ่งฮ่าว “ลี่เทา, ช่วยก้าวมาข้างหน้า และปรุงเม็ดยา” มันกล่าว ไม่สนใจเมิ่งฮ่าวโดยสิ้นเชิง
ดวงตาลี่เทาเต็มไปด้วยความตั้งอกตั้งใจ มันสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ขณะที่ประสานมือ และโค้งตัวให้กับหลินและอัน เมื่อพิจารณาว่ามันเป็นอาจารย์ปรุงยาของแผนกเม็ดยาบูรพา มันจึงไม่จำเป็นต้องคารวะอู๋ติงชิว และคนอื่นๆจากแผนกลมปราณม่วง
หลินไห่หลงมองมายังลี่เทาด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ มันเคยให้ความสนใจลี่เทามาบ้าง ถึงแม้ลี่เทาอาจจะโดนกลบรัศมีโดยตานติ่ง (โอสถกระถาง) ในงานประมูลเม็ดยา เท่าที่หลินไห่หลงรู้มา ตานติ่งเป็นผู้ลึกลับ แต่ลี่เทาก็มีศักยภาพที่จะเติบโตต่อไปได้อีกมาก “นำไฟปฐพีนี้ไป” มันกล่าว “เร่งปรุงยาให้เสร็จเร็วๆ!” มันโบกสะบัดแขนเสื้อ และแก้วผลึกสีม่วงก็ลอยออกไปวางอยู่บนพื้น หินปูนดูเหมือนกำลังจะหลอมละลาย จากความร้อนอันรุนแรงของไฟปฐพี
ลี่เทาทำท่าครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ จากนั้นก็หยิบกระถางปรุงยา และต้นสมุนไพรบางอย่างออกมา และเริ่มปรุงเม็ดยา
ไฟปฐพีที่หลินไห่หลงให้มา ทำให้ขั้นตอนการปรุงยาดำเนินไปด้วยความรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ลี่เทาทำการเร่งปฏิกิริยา และปรุงเม็ดยาด้วยความระมัดระวัง หลังจากเวลาชั่วธูปไหม้หมดไปสองดอก กระถางปรุงยาก็ส่งเสียงกระหึ่ม และเม็ดยาสีขาวก็ลอยออกมา
ลี่เทาได้รวบรวมพืชสมุนไพรที่แตกต่างกันนับร้อยให้กลายเป็นเม็ดยา เวลาในการปรุงก็ใช้ค่อนข้างน้อย แต่มันก็ใช้ทักษะที่มีทั้งหมดไปกับการปรุงยาในครั้งนี้ มันเชื่อมั่นว่าแม้แต่พยัคฆ์ที่ดุร้ายถ้าได้มากัดเม็ดยานี้ ก็คงทำให้ฟันของพยัคฆ์ตัวนั้นต้องหักไปอย่างแน่นอน!
เมื่อเม็ดยาปรากฎขึ้น ลี่เทาไม่แม้แต่จะมองไปที่เม็ดยานั้น มันโยนไปให้เจ้าอ้วน ซึ่งคว้าจับไว้ได้ในทันที เจ้าอ้วนกระแอมไอเบาๆ จากนั้น ขณะที่ทุกคนมองมา มันก็เอายาหย่อนใส่เข้าไปในปาก ด้วยการกัดลงไปหนึ่งคำ เม็ดยาก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆ
“ข้าไม่อาจแม้แต่จะถูตะไบฟันด้วยของเส็งเคร็งเช่นนี้ได้” เจ้าอ้วนกล่าว สีหน้าเต็มไปด้วยการดูแคลน มันคายเศษชิ้นส่วนของยานั้นออกมา ดูท่าทางมีความภาคภูมิใจในตัวเอง
ใบหน้าหลินไห่หลงเต็มไปด้วยความลำบากใจ มันสั่งให้อาจารย์ปรุงยาคนแล้วคนเล่าออกมาปรุงเม็ดยา แต่เม็ดยาที่พวกมันปรุงออกมาเหล่านั้น ก็ถูกเจ้าอ้วนเคี้ยวจนแหลกละเอียด และถ่มคายออกมาบนพื้นได้อย่างง่ายดาย คำพูดของเจ้าอ้วนยิ่งหยิ่งผยองมากขึ้นไปเรื่อยๆ
“อ้ายยย, ดูเหมือนยากที่จะหาเม็ดยาซึ่งฟันของข้าไม่อาจทำลายได้อย่างแท้จริง ช่างเป็นชีวิตที่โดดเดี่ยวอะไรเช่นนี้…พวกท่านไม่มีทักษะในการปรุงเม็ดยาที่ข้าไม่อาจเคี้ยวได้กันเลยหรืออย่างไร?” เจ้าอ้วนดูท่าทีมีความอิ่มอกอิ่มใจมากขึ้นไปเรื่อยๆ เป็นท่าทางเดียวกับที่มันได้แสดงออกมาในงานประมูลเม็ดยา ซึ่งตอนนี้ก็ได้แสดงออกมาอย่างเต็มที่ ดูเหมือนนี่จะเป็นธาตุแท้ของมัน
ใบหน้าหลินไห่หลงดูน่าเกลียดมากขึ้นไปเรื่อยๆ มันตบฝ่ามือลงไปบนโต๊ะ เมื่อมองไปยังสีหน้าที่ไร้ความรู้สึกของซานจิ่ว จิตใจของมันก็เต็มไปด้วยโทสะ ทันใดนั้น มันก็กล่าวว่า “อาจารย์ปรุงยาของแผนกเม็ดยาบูรพา! ใครก็ตามที่สามารถปรุงเม็ดยาที่เจ้าเด็กผู้นี้ ไม่อาจขบเคี้ยวได้ ก็จะถูกเลื่อนขั้นเป็นเจ้าแห่งเตาในทันที!” คำพูดของมันดังก้องออกไปทั่วทั้งภูเขา ตลอดเส้นทางที่ลงไปยังอาจารย์ปรุงยาซึ่งร่วมชุนนุมกันอยู่ที่เชิงเขา ใบหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยความตกตะลึง และดวงตาของพวกมันก็เริ่มส่องประกาย
ม่านตาเมิ่งฮ่าวหดแคบลง เข้าจ้องไปยังหลินไห่หลงด้วยจิตใจที่หนักอึ้ง
การได้เลื่อนขั้นเป็นเจ้าแห่งเตาเป็นเรื่องที่สำคัญเป็นอย่างมาก นอกจากสถานการณ์ที่ไม่ธรรมดาแล้ว ก่อนที่จะถูกพิจารณาให้เลื่อนขั้น คนทั่วไปต้องเป็นอาจารย์ปรุงยาจนครบหกสิบปี อยู่ในขั้นพื้นฐานลมปราณ และปรุงเม็ดยาที่แตกต่างกันมากกว่าหนึ่งพันชนิด พร้อมกับมีความเข้มข้นของตัวยาห้าในสิบส่วน ที่สำคัญมากไปกว่านั้น ทางสำนักได้เรียกร้องให้อาจารย์ปรุงยาที่ลงสมัครการเลื่อนขั้น ต้องปรุงเม็ดยาถึงสิบล้านเม็ดให้แก่สำนักอีกด้วย
หลังจากมีคุณสมบัติครบตามที่ต้องการ ก็ต้องให้เจ้าแห่งเตาคนอื่นๆ ทั้งหมดเห็นชอบด้วย ถ้ามีผู้สมัครมากกว่าหนึ่งคน ก็ต้องมีการแข่งขันการปรุงยาอย่างดุเดือด ในขณะที่มีเพียงคนเดียวเท่านั้น ที่จะถูกเลือกให้เลื่อนขั้นได้
ก่อนหน้านี้เมิ่งฮ่าวเคยคิดเกี่ยวกับการกลายเป็นเจ้าแห่งเตา และคิดว่าจะใช้ตัวตนของเจ้าโอสถจอมกระถางในการทำเช่นนั้น แต่เขาก็ยังคงลังเล และวิเคราะห์ถึงสถานการณ์ทั้งหมด เมื่อได้ยินคำพูดของหลินไห่หลง ก็ทำให้เขาต้องสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ ดวงตาเริ่มส่องประกายขึ้นมา
สำหรับเขา นี่เป็นโอกาสที่อาจจะมีเพียงแค่ครั้งเดียวในรอบหนึ่งร้อยปี!
แน่นอนว่า อาจารย์ปรุงยาคนอื่นๆ อีกมากมายก็กำลังคิดในเรื่องนี้ด้วยเหมือนกัน พวกมันทั้งหมดเริ่มหอบหายใจแรงขึ้น ถ้าพวกมันสามารถไขว่คว้าโอกาสที่จะเลื่อนขั้นเป็นเจ้าแห่งเตานี้ได้ ก็เหมือนกับว่าประตูของเต๋าแห่งการปรุงยาของพวกมันถูกเปิดออก จริงอยู่ที่ว่า การเลื่อนขั้นในวิถีทางเช่นนี้อาจจะสร้างความไม่พอใจให้กับเจ้าแห่งเตาคนอื่นๆ และอาจจะนำไปสู่การถูกรังเกียจจากบุคคลอื่นๆ แต่มันก็ยังคงเป็นโอกาสที่หาได้ยากยิ่ง
ไม่ว่าคนผู้นั้นจะมีคุณสมบัติเพียงพอหรือไม่ หลังจากที่กลายเป็นเจ้าแห่งเตา คนผู้นั้นก็สามารถเข้าถึงวิชาพิเศษเฉพาะมากมาย รวมถึงสูตรยาลับที่เกี่ยวข้องกับส่วนผสมอันหลากหลายของพืชสมุนไพร ด้วยเช่นนี้ก็เพียงพอที่จะทำให้อาจารย์ปรุงยา มีความก้าวหน้าขึ้นอย่างรวดเร็วดุจติดปีกบิน พวกมันสามารถเข้าถึงส่วนผสมของต้นสมุนไพร ซึ่งไม่เคยเข้าใจมาก่อนได้ในทันที ศักดิ์ฐานะที่น่าเคารพนับถือของเจ้าแห่งเตา ก็เพียงพอที่จะทำให้อาจารย์ปรุงยาทั้งหมดเกือบจะบ้าคลั่ง
ยิ่งไปกว่านั้น คำพูดที่ออกมาจากปากของหลินไห่หลงเอง ซึ่งเป็นผู้อาวุโสมากที่สุดของเทพกระถางม่วง และเป็นกึ่งเจ้าโอสถ ก็ไม่มีใครที่จะไม่เชื่อถือ
เมิ่งฮ่าวสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ และมองไปยังเจ้าอ้วนที่มีท่าทางอิ่มอกอิ่มใจ เขารู้สึกผิดอยู่เล็กน้อย คิดว่า “เจ้าอ้วนน้องชาย ข้าไม่ต้องการจะสร้างปัญหาให้เจ้า แต่นี่เป็นโอกาสเดียวของข้า…ข้ามุ่งมั่นที่จะต้องชนะให้ได้!”