การปรุงเม็ดยานี้ใช้เวลาตลอดทั้งหนึ่งเดือนล่าสุด จากช่วงเวลาที่เมิ่งฮ่าวได้เรียนรู้การปรุงยาจนกระทั่งถึงตอนนี้ นี่เป็นเวลานานที่สุดที่เขาเคยทำมา ตลอดทั้งหนึ่งเดือน เขาไม่ได้หยุดพักเลย พลังงานทั้งหมดของเขาได้ทุ่มลงไปในการปรุงยาเม็ดนี้
ต้นสมุนไพรมากกว่าหมื่นชนิดที่แตกต่างกัน ทั้งหมดต่างก็ถูกปรับโดยเจตจำนงของเมิ่งฮ่าว ด้วยการใช้ตัวแปรปรับปรุงเปลี่ยนแปลงอย่างไม่รู้จบ มันค่อยๆ กลายเป็นเม็ดยาหนึ่งเดียวในโลกที่เป็นของเมิ่งฮ่าวเพียงผู้เดียวเท่านั้น
ในวันสุดท้ายของการปรุงยาตลอดทั้งเดือน ตอนดึกในยามราตรีที่มีแสงจันทร์กระจ่างฟ้า กระถางกระเรียนโลหิตสั่นสะท้าน มันไม่ได้เป็นสีแดงเจิดจ้าอีกต่อไป ค่อยๆ เปลี่ยนกับเป็นสีดั้งเดิมของมันอย่างช้าๆ ขั้นตอนนี้ใช้เวลาสองถึงสามชั่วยาม เมื่อแสงจันทร์เริ่มสลัวเลือนลางลงที่ด้านนอก กระถางปรุงยา ในที่สุด ก็กลับไปอยู่ในสถานะเดิมของมัน เส้นผมเมิ่งฮ่าวยุ่งเหยิง และดวงตาก็เต็มไปด้วยเส้นเลือด ใบหน้าซีดขาว พื้นฐานฝึกตนโคจรหมุนเวียน และกระจายพลังลมปราณออกมาตลอดทั้งหนึ่งเดือนเต็ม
โชคดีที่ตอนนี้เขามีเสาแห่งเต๋าหกต้น ถ้ามีเพียงแค่ห้าเหมือนเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา ถึงแม้จะใช้เม็ดยาเติมพลังของตัวเอง เขาก็คงถูกบังคับให้หยุดการปรุงยาในกลางคันเป็นแน่
ถ้าขั้นตอนการปรุงยานี้จบลงก่อนที่จะทำให้เสร็จสมบูรณ์ ก็คงไม่อาจจะเริ่มต้นใหม่ได้อีก
เมื่อได้เห็นกระถางปรุงยาที่อยู่ตรงหน้าฟื้นคืนกลับมาเป็นเหมือนเดิมโดยสมบูรณ์ เมิ่งฮ่าวสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ เขารู้สึกเหน็ดเหนื่อยจากการทำงานมาตลอดทั้งเดือน ตลอดช่วงวิกฤติที่สุดในการปรุงยา เขาได้เผชิญกับความรู้สึกที่ต้องดิ้นรนอย่างขมขื่นระหว่างชีวิตและความตาย เขาหลับตาลง และรู้สึกว่ามันแสบตาเป็นอย่างยิ่ง
เวลานานผ่านไปก่อนที่เขาจะลืมตาขึ้นอีกครั้ง โดยไม่ลังเล เขายกมือขวาขึ้นมาและกดลงไปบนกระถางปรุงยา มันสั่นสะท้าน และเม็ดยาสีดำสองเม็ดก็ลอยออกมา ทันทีที่เป็นเช่นนั้น กลุ่มเมฆสีดำ ทันใดนั้น ก็เริ่มก่อตัวลอยอยู่เหนือกระถาง
กลุ่มเมฆสีดำไม่ได้ลอยอยู่ด้านนอกของถ้ำแห่งเซียน ไม่ใช่, มันลอยอยู่ด้านใน ภาพที่แปลกประหลาดเช่นนี้ทำให้เมิ่งฮ่าวจ้องมองไปด้วยความงุนงง ดวงตาเต็มไปด้วยความสับสน ใช้เวลาสักพักก่อนที่กลุ่มเมฆจะก่อตัวเสร็จ ทันใดนั้น สายฟ้าก็พุ่งออกมาจากเมฆกลุ่มนั้น ตรงไปยังเม็ดยา
ในช่วงวิกฤตนี้ เมิ่งฮ่าวตบไปที่ถุงสมบัติ และผีโต้งก็ลอยออกมา ทันทีที่มันเห็นกลุ่มเมฆสีดำ มันก็จ้องมองไปด้วยความตกตะลึง จากนั้นดวงตาก็สาดประกาย และมันก็ลอยไปยังสายฟ้าที่กำลังฟาดลงมานั้น อ้าปากขึ้นและกลืนสายฟ้าทั้งหมดลงไป มันลูบไปที่ริมฝีปากราวกับว่า เพิ่งจะได้กินของบางอย่างที่อร่อยมากลงไป
“ทัณฑ์สายฟ้าโอสถ” ผีโต้งกล่าว เลียริมฝีปาก “อืม, มันอร่อยมาก…” ทันใดนั้น ดวงตาของมันก็ตกกระทบไปบนเม็ดยาสองเม็ดที่เมิ่งฮ่าวถืออยู่ในมือ ดูเหมือนมันกระตือรือร้นที่จะลองกินเม็ดยาเหล่านั้น
“สามคนชั่ว!” เมิ่งฮ่าวกล่าวอย่างเฉียบขาด ผีโต้งลังเลอยู่สักพัก ราวกับว่ามีบางอย่างถูกฉีกกระชากไป ในที่สุด มันก็กลับเข้าไปในหน้ากากสีโลหิต พึมพำกับตัวเอง เตรียมตัวไประบายความผิดหวังของมันกับปรมาจารย์ตระกูลหลี่ต่อไป
หลังจากที่ไล่ผีโต้งกลับไปได้ เมิ่งฮ่าวก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ และมองลงไปที่ฝ่ามือ เม็ดยาสีดำสองเม็ดดูเหมือนกำลังดิ้นรนกระเสือกกระสนอยู่ ราวกับว่าพวกมันต้องการจะบินหนีไป นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ปรุงยาที่ดูเหมือนจะมีชีวิตเช่นนี้ เป็นเม็ดยาที่ไปกระตุ้นทัณฑ์สายฟ้า
ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกาย เขาอาจจะเหน็ดเหนื่อย แต่ก็ไม่อาจจะหยุดการจ้องมองไปยังเม็ดยาทั้งสองนี้ได้
พวกมันมีขนาดเท่ากัน แต่เม็ดหนึ่งเป็นสีดำสนิท ในขณะที่อีกเม็ดเป็นสีม่วง เมิ่งฮ่าวต้องใช้เวลานานกว่าที่จะสามารถปรุงเม็ดยาสีม่วงดำทั้งสองเม็ดนี้ได้ จนทำให้เมฆลงทัณฑ์พยายามที่จะฟาดลงมาที่พวกมัน
ถึงแม้เม็ดยาทั้งสองจะพยายามดิ้นรน แต่พวกมันก็ไม่อาจจะหลุดรอดออกไปจากมือของเมิ่งฮ่าวได้ เม็ดยานี้ไม่ได้กระจายกลิ่นหอมของตัวยาออกมา และดูเหมือนจะดูดกลืนแสงสว่างทั้งหมดที่ตกกระทบไปที่มัน ถ้ามีใครมองไปที่พวกมันนานๆ ก็ดูเหมือนว่าจิตวิญญาณจะถูกดูดเข้าไปที่ด้านในของเม็ดยานั้น
“ข้าปรุงเม็ดยานี้ด้วยเจตจำนงอันแท้จริง…” เมิ่งฮ่าวพึมพำ ในที่สุด ดวงตาก็สาดประกาย เขาโบกมือซ้าย และกระบี่บินก็ปรากฎขึ้น อย่างเชื่องช้า เขาค่อยๆ แกะสลักเครื่องหมายลงไปบนด้านข้างของเม็ดยาทั้งสอง มันเป็นเครื่องหมายที่เรียบง่ายเป็นรูปของ…กระถาง!
มันเป็นกระถางแบบเดียวกับที่เขาเคยเห็นในดินแดนสงบสุขของสำนักชิงหลัว เป็นกระถางที่ต้องการจะเอาชนะสวรรค์
มันไม่ใช่ภาพที่ถูกต้องสมบูรณ์ แต่ก็ใกล้เคียงมาก น่าแปลกใจ หลังจากที่แกะสลักเครื่องหมายไปบนเม็ดยา พวกมันก็หยุดการดิ้นรน เครื่องหมายกระถางส่องแสงริบหรี่ ราวกับว่ามันได้ประทับตัวเองลงไปบนจิตใจของเม็ดยา ตอนนี้ เครื่องหมายกระถาง ทันใดนั้น ก็ดูราวกับว่ามันมีชีวิตขึ้นมา เป็นของจริง
เมิ่งฮ่าวสูดลมหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็ยิ้มออกมา ในเวลาเดียวกัน คลื่นแห่งความเหน็ดเหนื่อยก็กวาดผ่านเขาไป เขาไม่ได้พักผ่อนมาตลอดทั้งเดือน เขาเป็นผู้ฝึกตนขั้นพื้นฐานลมปราณ แต่นี่ก็เป็นเรื่องที่หนักหนาสาหัสเกินไป เขาไม่มีพลังเหลืออยู่อีกแล้วในตอนนี้
“นี่เป็นเม็ดยาของปีศาจ เป็นปีศาจขั้นสูงสุด รอยประทับของกระถางเป็นตัวแทนของพื้นปฐพี และได้สะกดข่มมันไว้ กลบฝังปีศาจอยู่ใต้พื้นปฐพี ตามชื่อของเม็ดยานี้” เมิ่งฮ่าวหยิบขวดยาขึ้นมา และใส่เม็ดยาแปลงปีศาจสีดำไว้ เขาปิดผนึกมันด้วยขี้ผึ้ง จากนั้นก็ใส่เม็ดยาแปลงปีศาจสีม่วงลงในขวดอื่น
หลังจากทำเช่นนี้ เขาก็หยิบเอาแผ่นหยกที่ใช้เรียกไป๋หยุนหลายออกมา ในไม่ช้า ไป๋หยุนหลายก็ปรากฎตัวขึ้นที่ด้านนอกถ้ำแห่งเซียน มันรออยู่ไม่นานก่อนที่ขวดยาจะลอยออกมา และตกลงไปบนมือของมัน
เสียงที่เหน็ดเหนื่อยของเมิ่งฮ่าวดังออกมาจากถ้ำแห่งเซียน “เอาขวดยานี้ไปร่วมงานประมูลเม็ดยาในส่วนของผู้ปรุงยาไร้นาม มันเรียกว่าเม็ดยาแปลงปีศาจ เรียกข้าด้วยเมื่องานประมูลกำลังจะเริ่มขึ้น” เขานั่งขัดสมาธิ หลับตาลง ดูเหมือนกำลังครึ่งหลับครึ่งตื่น จมอยู่ในช่วงการฟื้นฟูพลัง
ไป๋หยุนหลายประสานมือคารวะ จากนั้นก็จากไปพร้อมกับขวดยา
สามวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในช่วงเวลานั้น ตลอดทั้งแคว้นตงหลายก็เนืองแน่นไปด้วย สำนักต่างๆ ที่เดินทางมายังเมืองจื่อเยี่ย ไม่เพียงแค่สำนักที่อยู่ในแคว้นตงหลายเท่านั้นที่มา แต่สำนักจากแคว้นอื่นๆ ก็มาด้วยเช่นกัน
อันที่จริง สำนักใหญ่อีกสี่แห่งทั้งหมด รวมถึงสามตระกูลดัง ต่างก็ส่งศิษย์มายังสำนักจื่อยิ่น เพื่อเข้าร่วมงานประมูลเม็ดยาประจำปี จริงๆ แล้ว สำหรับการจัดงานทุกปีก็ค่อนข้างจะถี่ไป แต่กระนั้น งานนี้ก็ยังคงดึงดูดความสนใจให้กับผู้ฝึกตนทั่วทั้งดินแดนด้านใต้ นั่นเป็นเพราะว่า เม็ดยาทั้งหมดในงานประมูลนี้ ถูกปรุงขึ้นมาจากอาจารย์ปรุงยาของแผนกเม็ดยาบูรพา
ยิ่งไปกว่านั้น เจ้าแห่งเตาก็มักจะเข้าร่วมงานนี้ด้วยเช่นกัน และนำเม็ดยาที่แตกต่างไม่เหมือนกับเม็ดยาอื่นๆ มาขาย ความเข้มข้นของตัวยาในเม็ดยาของพวกมัน ก็เป็นส่วนที่สร้างความสนใจให้กับทั่วทั้งดินแดนด้านใต้ บางครั้งก็อาจจะมีเม็ดยาแปลกใหม่สร้างสรรค์ ที่สร้างความตื่นตะลึงให้กับคนทั้งหมดปรากฎขึ้นเป็นครั้งคราว
ทุกๆ ปี นามของอาจารย์ปรุงยาที่ไม่ซ้ำกัน จะเป็นที่รู้จัก และกระจายไปทั่วในโลกด้านนอก สามารถกล่าวได้ว่า งานประมูลเม็ดยา เป็นเวทีสำหรับอาจารย์ปรุงยาในการสร้างชื่อเสียง แน่นอนว่า แผนกเม็ดยาบูรพาเป็นผู้สนับสนุนในเรื่องนี้ และกระตุ้นให้อาจารย์ปรุงยา ผลิตเม็ดยาขึ้นมาเพื่อนำมาขายในงานประมูลครั้งนี้
อาจารย์ปรุงยาไม่เพียงแต่จะช่วยส่งเสริมงานนี้โดยการนำเม็ดยามาขายแล้ว ชื่อเสียงของพวกมันก็จะโด่งดังไปทั่วในดินแดนด้านใต้อีกด้วย หลังจากหักค่าวัตถุดิบที่ใช้ปรุงยา อาจารย์ปรุงยาก็จะได้กำไรจากการขายเม็ดยาทั้งหมด
นี่เป็นกฎที่ถูกตั้งขึ้นมา เพื่อให้อาจารย์ปรุงยาทั้งหมดมีส่วนร่วม
ยิ่งไปกว่านั้น สำนักจื่อยิ่นยังได้ควบคุมเม็ดยาของพวกมันอย่างเคร่งครัด มีทางเดียวที่บุคคลภายนอกจะได้ครอบครองเม็ดยาของพวกมัน ก็คือการเข้าร่วมในงานประมูลเม็ดยาเท่านั้น มักจะมีเม็ดยาบางชนิดที่ก่อให้เกิดการสู้ราคากันอย่างบ้าคลั่ง ซึ่งปกติแล้ว ก็ไม่ใช่เพราะความเข้มข้นของตัวยาในเม็ดยาเพียงอย่างเดียว แต่ยังเป็นวิธีที่ใช้ในการปรุงยาอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะไม่มีสูตรยาให้ แต่ถ้านำเม็ดยาที่ประมูลได้ไปทำการค้นคว้า ก็จะเผยให้เห็นถึงวิธีที่ใช้ในการปรุงมันขึ้นมาได้ อาจารย์ปรุงยาของสำนักจื่อยิ่น ไม่มีทางที่จะป้องกันเรื่องเช่นนี้ได้ ใครก็ตามที่มีทักษะที่เพียงพอ ก็จะสามารถทำการค้นคว้าหาสูตรยาได้จากเม็ดยาที่ซื้อไปนี้
กล่าวโดยสรุป มันเป็นเรื่องง่ายมากที่งานประมูลเม็ดยาประจำปี จะสร้างความคึกคักไปทั่วทั้งดินแดนด้านใต้
สถานที่จัดงานประมูลเม็ดยา ก็แน่นอนว่าเป็นเมืองจื่อเยี่ย ในมุมทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเมือง มีสิ่งปลูกสร้างวงกลมขนาดใหญ่ เป็นสนามกีฬาที่สามารถรองรับผู้ฝึกตนได้ถึงหนึ่งแสนคน
กล่าวโดยทั่วไป ในช่วงของงานประมูลเม็ดยาทุกครั้ง เนื่องจากการไหลทะลักเข้ามาของผู้ฝึกตนจากทุกๆ อาณาเขต ทำให้ที่นั่งในสนามเต็มหมดทุกที่
งานประมูลเม็ดยานี้ มักจะจัดขึ้นเจ็ดวัน และสามารถถือเป็นโอกาสอันยิ่งใหญ่ที่ถูกจัดขึ้นโดยสำนักจื่อยิ่น
วันนี้เป็นวันแรกของการประมูล สนามการประมูลเต็มหมดเรียบร้อยแล้ว สายตาทุกคู่ของผู้ฝึกตนจากสำนักและตระกูลต่างๆ ทั้งหมด เพ่งมองไปบนเวทีในจุดกึ่งกลางของสนาม
ที่ยืนอยู่ที่นั่นเป็นบุรุษวัยกลางคน ซึ่งยิ้มและประสานมือคารวะมายังผู้ชมทั้งหมด
“สหายเต๋าของดินแดนด้านใต้ ท่านทั้งหมดต่างก็รู้ดีถึงกฎของการประมูลเม็ดยาสำนักจื่อยิ่น ดังนั้นข้าจะไม่พูดถึงรายละเอียดทั้งหมด พวกเรามีเม็ดยามาประมูลขายทั้งหมด 789 ชนิด รวมถึงเม็ดยาที่เหมาะสำหรับขั้นรวบรวมลมปราณ, พื้นฐานลมปราณ, สร้างแกนลมปราณ และแม้แต่สำหรับผู้ฝึกตนขั้นวิญญาณแรกก่อตั้ง! ยิ่งไปกว่านั้น เม็ดยาพิษ และเม็ดยาเวท ก็มีให้ประมูลด้วยเช่นกัน”
“จากกฎของการประมูลเม็ดยาสำนักจื่อยิ่น ก่อนที่จะประมูลเม็ดยา จะมีเนื้อยาเล็กน้อยให้ทดลองชิมถึงความเข้มข้นของตัวยาในเม็ดยานั้น รวมถึงการแสดงประสิทธิภาพของมันให้ดูอย่างชัดเจน” เมื่อพูดจบ มันก็โบกสะบัดมือ ทำให้ประตูโค้งขนาดยักษ์ที่อยู่ด้านหลังเปิดออก
ระลอกคลื่นเจิดจ้ากระจายออก จากนั้น ทุกคนก็มองเห็นกลุ่มผู้ฝึกตนเจ็ดร้อยคนยืนอยู่ ด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก
ผู้ฝึกตนกลุ่มนี้ มีพื้นฐานฝึกตนในระดับที่แตกต่างกัน และมีอายุที่ต่างกันไป แต่มีสิ่งหนึ่งที่คล้ายคลึงกัน ดวงตาพวกมันทั้งหมดต่างก็เปล่งแสงสีม่วงออกมา บุคคลภายนอกอาจจะไม่รู้ว่านี่หมายถึงอะไร แต่เมิ่งฮ่าวรู้ เพียงมองแค่แวบเดียว เขาก็รู้ว่าบุคคลกลุ่มนี้ทั้งหมด…ได้ฝึกฝนวิชาลมปราณม่วงแห่งประจิม! นี่เป็นศิษย์หุ่นเชิดของสำนัก!
“ผู้ฝึกตนของแผนกเม็ดยาบูรพาเหล่านี้ ได้ถูกเลือกให้เป็นตัวทดลองเม็ดยาทั้งหมดซึ่งจะถูกประมูลในวันนี้ ท่านทั้งหลาย นี่คงไม่ใช่ครั้งแรกที่ท่านได้เข้าร่วมประมูลเม็ดยา ดังนั้นพวกท่านต้องรู้แล้วอย่างแน่นอนว่า งานประมูลเม็ดยาของสำนักจื่อยิ่น ไร้ที่เปรียบทั่วทั้งดินแดนด้านใต้!” เสียงของบุรุษวัยกลางคนดังก้องไปทั่วทั้งสนามประมูล ซึ่งต่อมาก็เต็มไปด้วยเสียงหัวเราะด้วยความเคารพนับถือ
“เริ่มการประมูล!” มันตะโกนออกมา “ชิ้นแรกเป็นขวดเม็ดยาทำลายหยาง ปรุงโดยเจ้าแห่งเตา หลิวหย่ง แห่งแผนกเม็ดยาบูรพา! เปลี่ยนพลังชีวิตให้กลายเป็นปราณแห่งความตาย ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง! ใช้เม็ดยานี้ในถ้ำแห่งเซียนของท่าน เพื่อรวบรวมพลังหยิน เมื่อกลืนมันลงไป ก็จะทำให้ปราณแห่งความตายพุ่งขึ้นมาในทันที เม็ดยานี้เหมาะสำหรับสหายเต๋าใดๆ ก็ตามที่ฝึกฝนวิชาหุ่นเชิดวิญญาณ” ในขณะที่เสียงของมันดังออกมา ไป๋หยุนหลายและเมิ่งฮ่าวกำลังรีบเร่งตรงไปยังสนามประมูล
ด้วยการเป็นอาจารย์ปรุงยา เมิ่งฮ่าวกลายเป็นจุดสนใจของเด็กฝึกปรุงยามากมาย ขณะที่เขาเดินเข้าไป เขานั่งลงในศาลาที่จัดไว้ให้สำหรับอาจารย์ปรุงยา จากนั้นก็มองลงไปยังงานประมูลที่กำลังดำเนินอยู่ด้านล่าง
เขาสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ ด้วยความมุ่งหวัง เขาคาดไว้ว่าผู้คนจะมีความสนใจในเม็ดยาแปลงปีศาจ และอยากรู้ว่ามันจะมีราคาสูงเท่าไหร่ นอกจากนั้น ตั้งแต่ที่กลายมาเป็นอาจารย์ปรุงยา เขาก็ไม่เคยยินดีกับเม็ดยามากมายนัก ถึงแม้เขาจะเชื่อมั่นในเม็ดยานั้น แต่ก็รู้สึกกังวลอยู่เล็กน้อยว่ามันจะสร้างกำไรให้เขาได้หรือไม่
เขาชำเลืองมองไปยังกลุ่มคน สีหน้าเต็มไปด้วยความครุ่นคิด ทันใดนั้น สีหน้าตกตะลึงก็ปรากฎขึ้น จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มน้อยๆ มองไปยังคนกลุ่มหนึ่ง ท่ามกลางคนกลุ่มนั้นเป็นบุรุษวัยเยาว์ร่างอ้วน กำลังถูตะไบฟันของมันด้วยท่าทางสบายๆ