ไป๋หยุนหลายนิ่งเงียบตลอดทางที่กลับไป ในที่สุด เมื่อพวกเขามาถึงประตูถ้ำแห่งเซียน มันก็ไม่อาจปิดปากเงียบได้อีกต่อไป “ฟางมู่, แผนของเจ้า…”
“ข้าต้องการหินลมปราณ” เขากล่าวพร้อมหัวเราะ “ข้าขอต้นสมุนไพรไปหกชุดก็เพราะข้าวางแผนจะมอบเม็ดยาทำลายอุปสรรคให้แก่ท่าน ข้าเห็นว่าท่านติดอยู่ที่จุดตีบตันของระดับแปดขั้นรวบรวมลมปราณมาหลายปีแล้วในตอนนี้” เขาตบไปที่ไหล่ของไป๋หยุนหลาย หมุนตัวกลับเข้าไปในถ้ำ
ขณะที่ประตูปิดลง ไป๋หยุนหลายยืนอยู่ที่นั่นอย่างโดดเดี่ยวสักพัก ในที่สุด มันก็ประสานมือ โค้งตัวลงต่ำ จากนั้นก็จากไป คำขอบคุณของมันไม่จำเป็นต้องพูดเป็นเสียงดังออกมา แค่จารึกอยู่ในจิตใจก็พอ
ในไม่ช้าเวลาเจ็ดวันก็ผ่านไป เมิ่งฮ่าวนั่งขัดสมาธิอยู่ในถ้ำแห่งเซียน มองไปยังเม็ดยาทำลายอุปสรรคสามเม็ดที่อยู่ตรงหน้า เขาหยิบขึ้นมาหนึ่งเม็ด และมองดูอย่างละเอียด
“ความแตกต่างระหว่างเม็ดยาและยาพิษ ก็คือเรื่องของความตั้งใจ ถ้ามีจิตใจชั่วร้าย ข้าก็สามารถปรับองค์ประกอบที่เป็นพิษของเม็ดยาทำลายอุปสรรคได้อย่างง่ายดาย ใครก็ตามที่กลืนมันลงไป ก็ต้องตายอย่างแน่นอน แม้คนผู้นั้นจะมีความรอบคอบเป็นอย่างยิ่ง และให้คนอื่นทดลองกินเม็ดยานี้ลงไปก่อน ข้าก็ยังสามารถหาวิธีทำให้เม็ดยาเกิดการเปลี่ยนแปลงด้วยตัวมันเองได้ สังหารโดยไร้ร่องรอย…”
เมิ่งฮ่าวนั่งอยู่ที่นั่นอย่างเงียบๆ คิดเกี่ยวกับเม็ดยาทั้งหมดที่เขากลืนเข้าไปในหลายปีที่ผ่านมา ในตอนนั้น เขาไม่เข้าใจถึงเต๋าแห่งการปรุงยา เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ก็ทำให้ขนบนร่างของเขาตั้งชันขึ้น ตอนนี้เขารู้เรื่องยามากขึ้น ทำให้เกิดความรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาอย่างช้าๆ
“นับจากนี้ไป ข้าต้องกินเม็ดยาที่ปรุงด้วยตัวเองเพียงเท่านั้น” เขาพึมพำ “สำหรับเม็ดยาจากคนนอก ข้าต้องศึกษาความรู้ของเต๋าแห่งการปรุงยาให้เต็มที่ เพื่อแยกแยะให้ได้ก่อนจะกลืนมันลงไป ความแตกต่างระหว่างเต๋าแห่งการปรุงยา และเต๋าแห่งยาพิษ เป็นเรื่องของความตั้งใจ เม็ดยาสามารถช่วยชีวิต, ยาพิษสามารถทำลายมัน ตานชือที่แท้จริง ของเต๋าแห่งการปรุงยา จริงๆ แล้วก็เป็นตานชือของเต๋าแห่งยาพิษด้วยเช่นกัน” เมิ่งฮ่าวหลับตาลง และภายในจิตใจก็ปรากฎภาพของต้นสมุนไพร มีสมุนไพรมากมายจนนับไม่ถ้วน ที่มีองค์ประกอบของยาพิษอยู่ ด้วยการผสมเข้าด้วยกันตามสัดส่วนที่เหมาะสม ก็จะสร้างเป็นยาพิษที่ร้ายแรงออกมาได้
ด้วยระดับของพื้นฐานฝึกตน ผงพิษของเม็ดยาก็สามารถสร้างขึ้นมาด้วยความเข้มข้นที่แตกต่างกัน หลังจากที่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่นาน เมิ่งฮ่าวก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้น ส่องประกายด้วยความรู้แจ้งออกมา สำหรับเมิ่งฮ่าว การปรุงเม็ดยาทำลายอุปสรรค ก็เหมือนกับการชำระล้างบาป ตอนนี้เขามีความเข้าใจเรื่องของเต๋าแห่งการปรุงยาลึกซึ้งขึ้นกว่าเดิมมาก
“บางทีในวันหนึ่งข้างหน้า เมื่อทักษะของเต๋าแห่งการปรุงยาของข้า บรรลุถึงระดับเจ้าโอสถจอมปีศาจ ข้าก็สามารถขจัดพิษของดอกปี่อ้านด้วยตัวเองได้!” ดวงตาเขาสาดประกายเจิดจ้า
ค่อยๆ จางหายไปอย่างช้าๆ ระดับจิตใจเมิ่งฮ่าวค่อยๆ สงบเยือกเย็นลง เขารู้สึกว่าแม้เขาจะยังคงอยู่ในขั้นพื้นฐานลมปราณ ด้วยเสาแห่งเต๋าห้าต้น เมื่อเขารวมความเข้าใจของเต๋าแห่งการปรุงยาเข้าไปด้วย พลังการต่อสู้ของเขาในตอนนี้ ก็ไกลเกินกว่าสิ่งที่เขาเคยเป็นมาก่อน
อันที่จริง ถ้าเขาสร้างเม็ดยาพิษขึ้นมาในตอนนี้ ครั้งหน้าถ้าเขาเผชิญหน้ากับโจวเจี๋ยอีกครั้ง เขาก็สามารถสังหารมันได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่ามันจะมีวิชามากมายอย่างไรก็ตาม
หลังจากครุ่นคิดต่อไป เมิ่งฮ่าวก็หยิบเอาชิ้นส่วนของผิวหนังผีโต้งออกมา เขาศึกษามันอย่างละเอียดสักพัก เวลาของเขาในตอนนี้ ไม่เพียงแค่ใช้ในการปรุงยาเพียงเท่านั้น เขายังได้คิดถึงวิธีการมากมายที่จะนำผิวหนังของผีโต้งมาใช้ด้วย
มันเป็นผิวหนังที่เหนียวแน่นเป็นอย่างยิ่ง เขาได้ใช้วิธีการต่างๆ มากมาย พยายามที่จะทำลายมัน แต่ก็ไม่สามารถทำได้เลยแม้แต่วิธีเดียว เขายังได้ลองนำมันไปกลั่นสกัดในกระถางปรุงยา ก็ไม่มีประโยชน์ใดๆ โชคดีที่แม้ผิวหนังของมันส่วนใหญ่จะแตกกระจายออกเป็นชิ้นๆ แต่บางส่วนได้ถูกระเบิดออกเป็นเถ้าธุลี ซึ่งเขาก็เก็บรวบรวมไว้ด้วยเช่นเดียวกัน
เมิ่งฮ่าวหลับตาลงครุ่นคิด “ข้าต้องคิดหาวิธีเพื่อใช้ของสิ่งนี้ในอนาคต ข้าต้องไม่เพียงแค่พัฒนาทักษะของเต๋าแห่งการปรุงยาเท่านั้น ข้าต้องพัฒนาเสาแห่งเต๋าของข้าด้วยเช่นกัน ข้าจำเป็นต้องค่อยๆ เพิ่มระดับพื้นฐานฝึกตนของข้าให้ปรากฎขึ้น เมื่อข้าอยู่ในสำนักจื่อยิ่น” เขาขมวดคิ้ว “ข้าต้องหาสูตรปรุงเม็ดยาที่ใช้สำหรับขั้นกลางพื้นฐานลมปราณ”
ด้วยเช่นนั้น เขายืนขึ้น และออกจากถ้ำแห่งเซียนเพื่อไปเยี่ยมลู่เทา เมื่อเขากลับมาก็เป็นเวลาพลบค่ำ เขาได้แลกเปลี่ยนสูตรยาเม็ดทำลายอุปสรรค กับสูตรยาเม็ดฐานวิญญาณ ซึ่งเหมาะสมกับขั้นกลางของพื้นฐานลมปราณ
ตอนนี้เมื่อเขามีสูตรปรุงยา เมิ่งฮ่าวก็เริ่มคิดถึงการปรุงเม็ดยาเพื่อตัวเอง เขาต้องการเพียงหนึ่งเม็ด ไม่จำเป็นต้องปรุงให้มากกว่านั้น สำหรับต้นสมุนไพรที่ต้องใช้ เขาเป็นอาจารย์ปรุงยา แห่งแผนกเม็ดยาบูรพา ดังนั้นจึงเป็นเรื่องง่ายที่จะได้ต้นสมุนไพรเหล่านั้นมาใช่ก่อนล่วงหน้า
เวลาเจ็ดวันแวบผ่านไป ในวันนี้ ดวงตาเมิ่งฮ่าวทันใดนั้นก็เปิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เขาเพิ่งจะเสร็จสิ้นการดูดซับเม็ดยาฐานวิญญาณ ที่เขาปรุงได้เมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้ โชคร้าย ที่การกลั่นสกัดเม็ดยาซึ่งใช้ส่วนผสมหลายอย่าง ในท้ายที่สุด ก็ไม่ได้ตัวยาเข้มข้นตามที่ต้องการ
“ข้าคงไม่มีทางเลือกอีกในตอนนี้ เว้นแต่ว่ายังมีสูตรอื่นอีกสำหรับเม็ดยาฐานวิญญาณ” เขาพึมพำ “ต้นสมุนไพรที่หายากสำหรับสูตรนี้ ไม่อาจขอมาใช้ก่อนได้ ข้าต้องซื้อมันมาเอง ทางเลือกเดียวของข้าในตอนนี้ก็คือ ต้องมีชื่อเสียงมากขึ้น ด้วยวิธีนี้ ก็จะมีศิษยสายในมาขอให้ข้าปรุงยาเพิ่มมากขึ้น ข้าก็จะได้กำไรมากขึ้น และแน่นอนว่า ทักษะการปรุงยาก็ต้องเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน จากนั้นข้าค่อยขอต้นสมุนไพรมาใช้ในการปรุงเม็ดยาให้ตัวเอง” ด้วยเช่นนั้น เขาโบกสะบัดมือขวาเพื่อรวบรวมเม็ดยาที่ตรงหน้าเขาเข้าด้วยกัน จากนั้นก็เดินออกไปจากถ้ำแห่งเซียน ตอนนี้เป็นเวลาพลบค่ำพอดี
ทันทีที่เขาออกจากเขตหนึ่ง หุบเขาแรก เขาก็ไปหาไป๋หยุนหลาย วันนี้เป็นวันที่นัดพบกับติงหย่ง คนทั้งสองพูดคุยกัน ขณะที่เดินตรงไปยังจุดนัดพบ
ติงหย่งมาถึงก่อนล่วงหน้า มันรู้สึกกังวล แต่ก็ไม่แสดงออกทางสีหน้า มันยืนรออยู่ เมื่อเห็นเมิ่งฮ่าวเข้ามาใกล้ ดวงตาของมันก็สาดประกาย
เมิ่งฮ่าวสงบนิ่งเหมือนเช่นเคย ขณะที่เขาเข้าไปใกล้ เขาตบไปที่ถุงสมบัติ ขวดยาลอยตรงไปยังติงหย่ง
“ท่านต้องไม่กลืนเม็ดยานี้ภายใต้แสงจันทร์” เมิ่งฮ่าวกล่าวเสียงราบเรียบ “ควรจะกินมันในตอนเที่ยงวัน เมื่อดวงอาทิตย์ส่องแสงเจิดจ้า นั่นเป็นเวลาที่ตัวยาจะมีความเข้มข้นสูงสุด” จากนั้นเขาก็หันหลัง และเดินจากไป ไม่สนใจติงหย่งมากไปกว่านี้อีก
ติงหย่งมองไปยังขวดยา และจ้องไปยังเมิ่งฮ่าวอย่างลึกซึ้งสักพัก โดยไม่พูดจา มันก็หมุนตัวและจากไปเช่นกัน
วันต่อมาตอนเที่ยง เมื่อความร้อนของดวงอาทิตย์มีอยู่เต็มท้องฟ้า ติงหย่งนั่งขัดสมาธิบนลานหินกว้างในถ้ำแห่งเซียนของมัน เวทป้องกันมากมายถูกสร้างขึ้นรอบๆ ตัว มันสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ ขณะที่ถือเม็ดยาซึ่งเมิ่งฮ่าวปรุงขึ้นด้วยราคาที่แพงเกินจริงอยู่ในมือ ติงหย่งมองไปที่เม็ดยา และความลังเลเล็กน้อยปรากฎขึ้นในดวงตา แต่ความลังเลนั้น ก็เปลี่ยนเป็นความมุ่งมั่นอย่างรวดเร็ว
“ฟางมู่, ถ้าเจ้าหลอกลวงข้า เรื่องระหว่างเราก็คงไม่จบอย่างแน่นอน!” มันขบฟันจนแน่น จากนั้นก็ใส่เม็ดยาเข้าไปในปากอย่างรวดเร็ว เสียงกระหึ่มดังเต็มอยู่ในจิตใจ และร่างของมันก็เริ่มสั่นสะท้านขึ้นในทันที คลื่นระห่ำแห่งพลังลมปราณระเบิดขึ้นภายในตัวมัน
เวลาเลื่อนผ่าน ในไม่ช้าสามวันก็ผ่านไป ร่างติงหย่งสั่นสะท้านต่อไป ในตอนเย็นของวันที่สาม มันลืมตาขึ่น และขณะที่มันทำเช่นนั้น พลังขั้นสุดท้ายของพื้นฐานลมปราณก็กระจายออกมาจากพื้นฐานฝึกตนของมัน กระจายไปปกคลุมทั่วพื้นที่รอบๆ บริเวณนั้น ดวงตาของมันสาดประกายด้วยความตื่นเต้น และมันก็สั่นสะท้านขณะที่ลุกขึ้นยืน เมื่อมันตรวจสอบพื้นฐานฝึกตนของมัน จิตใจก็เริ่มพลุ่งพล่าน มันเงยหน้าขึ้น และเริ่มหัวเราะอย่างมีความสุขออกมา
เสียงหัวเราะดังกระจายออกไป กระตุ้นความสนใจของศิษย์สายในที่อยู่บริเวณใกล้เคียงนั้นไปทั่ว ในไม่ช้า สีหน้าตกใจก็ปรากฎขึ้นบนใบหน้าของพวกมัน
“ในที่สุด ติงหย่ง ก็ทะลวงผ่านแล้ว!”
“มันติดอยู่ในขั้นกลางพื้นฐานลมปราณมาหลายปี ในที่สุด มันก็ทำได้สำเร็จ!”
ข่าวที่ติงหย่งทะลวงผ่านจุดตีบตัน ทำให้เกิดความโกลาหลเล็กน้อย ในสำนักสายในของแผนกลมปราณม่วง ตอนนี้มันได้บรรลุขั้นสุดท้ายพื้นฐานลมปราณ ทำให้มีโอกาสได้เลื่อนขั้นเป็นศิษย์แกนหลัก เมื่อพิจารณาว่า มันได้ติดอยู่ในขั้นกลางพื้นฐานลมปราณอยู่หลายปี การทะลวงผ่านครั้งนี้ ทำให้มัน ทันใดนั้น ก็ถูกมองว่าเป็นคู่แข่งของศิษย์คนอื่นๆ อีกหลายคน
ถ้าเรื่องนี้ถูกจำกัดอยู่แค่การทะลวงผ่านจุดตีบตันเท่านั้น สายตาทุกคู่ก็คงจ้องไปยังติงหย่งเพียงคนเดียว ยิ่งไปกว่านั้น ถึงจะเป็นการทะลวงผ่านช้าไปบ้าง แต่ก็ยังคงเป็นการทะลวงผ่าน อย่างไรก็ตาม ไป๋หยุนหลายได้จับตาดูถ้ำแห่งเซียนของติงหย่งอยู่ตลอดเวลา ทันทีที่มันรู้ว่ามีการทะลวงผ่านเกิดขึ้น มันก็ใช้ทักษะทำทุกอย่างเพื่อกระจายข่าวออกไปในทันที เป็นข่าวที่ว่า ฟางมู่ เป็นผู้ปรุงเม็ดยานั้น
ด้วยวิธีนี้ มันจึงใช้โอกาสที่ติงหย่งทะลวงผ่านจุดตีบตัน เพื่อกระจายข่าวเกี่ยวกับทักษะในการปรุงยาของฟางมู่ให้แพร่ออกไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อศิษย์สายในไปหาอาจารย์ปรุงยา เพื่อให้ช่วยปรุงเม็ดยา บางครั้งสิ่งที่สำคัญมากกว่าทักษะการปรุงยาก็คือ ชื่อเสียง ยิ่งอาจารย์ปรุงยามีชื่อเสียงมาก ก็ยิ่งมีผู้คนมาหามากขึ้น ต้องขอบคุณสำหรับการกระจายข่าวของไป๋หยุนหลาย รวมถึงการทะลวงผ่านของติงหย่ง ผลของการประกาศอย่างครึกโครมเช่นนั้น ทำให้ทันใดนั้นนามของฟางมู่ ก็กระจายออกไปทั่วทั้งสำนักสายในทันที
ติงหย่งก็ไม่ได้ห้ามเกี่ยวกับเรื่องนี้ อันที่จริง มันไม่เพียงแต่จะยินดีที่จะให้ฟางมู่ ใช้ชื่อของมันในการส่งเสริมชื่อเสียงของตัวเอง แต่เมื่อไหร่ที่มีคนถามมัน เกี่ยวกับการทะลวงผ่านของมัน มันก็จะอธิบายอย่างตรงไปตรงมาว่าเป็นเพราะเม็ดยาของฟางมู่ จึงทำให้มันสามารถทะลวงผ่านพื้นฐานฝึกตนได้
เหตุผลที่เป็นเช่นนี้ก็ง่ายมาก แค่คำพูดไม่กี่คำของมัน ก็สามารถยืนยันถึงความน่าอัศจรรย์ของเม็ดยาของฟางมู่ได้ นี่เป็นการป้องกันการเกิดปัญหาใดๆ กับฟางมู่ และสร้างความรู้สึกที่ดีสำหรับครั้งหน้า ถ้ามันจำเป็นต้องขอให้เขาช่วยปรุงยาอีก
ด้วยเหตุนี้ ชื่อเสียงของฟางมู่ จึงเริ่มเป็นที่รู้จักในหมู่ศิษย์สายในอย่างช้าๆ ในที่สุด ทุกคนก็รู้จักฟางตานชือ หนึ่งในพันของอาจารย์ปรุงยา แห่งแผนกเม็ดยาบูรพา แต่อย่างไรก็ตาม ศิษย์สายในทั้งหมด ต่างก็มีอาจารย์ปรุงยาที่พวกมันพิสูจน์ด้วยตัวเองแล้ว ด้วยข่าวลือเพียงอย่างเดียว ก็ไม่อาจทำให้พวกมันเปลี่ยนอาจารย์ปรุงยาคนใหม่ได้ ถึงแม้จะรวมกับข่าวของติงหย่ง หลายคนก็ยังคงลังเล
ในไม่ช้า ข่าวนี้ก็ไปถึงศิษย์สายนอก ของแผนกลมปราณม่วง และศิษย์ที่มีหน้าที่ตรวจสอบเม็ดยา, ซูจงหลุน ดวงตาของมันเริ่มเจิดจ้า หนึ่งเดือนที่ผ่านมานี้ มันกำลังสงสัยเกี่ยวกับอาจารย์ปรุงยาแซ่ฟาง มันไปยังศาลากิจการยาในเขตสำนักสายใน เพื่อหาข้อมูล แต่ก็กลับออกมาอย่างมือเปล่า หลังจากนั้น ทุกครั้งที่เม็ดยามาถึงเขตศิษย์สายนอก มันก็จะตรวจสอบอย่างระมัดระวัง แต่ก็ไม่เคยเห็นขวดเม็ดยาใดๆ ที่มีคำว่าฟางเขียนอยู่ ทำให้มันต้องถอนหายใจอยู่ตลอดเวลา
มันได้เก็บขวดเม็ดยาดั้งเดิมนั้นไว้ และมักจะเอามันออกมาศึกษาเป็นประจำ ยิ่งมันทำเช่นนั้นมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งรู้สึกยอมรับมากขึ้นเท่านั้น และมีความอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับตัวตนของฟางตานชือมากขึ้นไปเรื่อยๆ เมื่อข่าวเกี่ยวกับฟางมู่ และติงหย่งมาถึงมัน มันก็ค่อนข้างมั่นใจถึงแปดในสิบส่วนว่าฟางมู่ ก็คือบุคคลที่มันกำลังค้นหาในทันที
มันวิ่งออกไปจากเขตศิษย์สายนอกในทันที และมุ่งหน้าตรงไปยังแผนกเม็ดยาบูรพา มันไปหาไป๋หยุนหลาย และขอร้องให้ไป๋หยุนหลายช่วยแนะนำมันต่อฟางมู่
ตลอดช่วงเวลาหลายวันมานี้ เมิ่งฮ่าวรู้เรื่องทั้งหมดที่ไป๋หยุนหลายทำเพื่อกระจายชื่อเสียงของเขา เขานั่งรอคำร้องขอให้ช่วยปรุงยาที่จะมาถึงอย่างอดทน แต่ก็ไม่มีเลย ทำให้เขาต้องขมวดคิ้ว
ในตอนนี้เองที่คำร้องขอสำหรับเม็ดยาของซูจงหลุนได้มาถึง เมิ่งฮ่าวร่าเริงขึ้นมาในทันที และส่งคำตอบเขาออกไป
ไม่กี่วันหลังจากนั้น ซูจงหลุนก็ได้รับเม็ดยาที่มันต้องการ มันกลับไปที่ห้องของมันในทันที หลังจากสูดลมหายใจเข้าออกสักพัก มันก็ตรวจสอบเม็ดยาอย่างถี่ถ้วน ขณะที่ทำเช่นนั้น ดวงตาของมันก็เริ่มสาดประกายเจิดจ้ามากขึ้นเรื่อยๆ จนสุดท้าย มันก็หอบหายใจออกมา
“ข้าให้ต้นสมุนไพรที่มีความเข้มข้นห้าในสิบส่วนไป และเม็ดยานี้ก็มีความเข้มข้นห้าในสิบส่วนเช่นกัน มีเพียงเจ้าแห่งเตาเท่านั้น ที่จะสามารถผสมต้นสมุนไพรต่างๆ เข้าด้วยกัน และสร้างเป็นเม็ดยาเช่นนี้ออกมาได้ อาจารย์ปรุงยาธรรมดาทั่วไปไม่มีทางทำได้อย่างแน่นอน อย่างมากสุด พวกมันก็ปรุงเม็ดยาที่มีความเข้มข้นของตัวยาสามในสิบส่วนเท่านั้น นี่เป็นเรื่องแปลกประหลาดเป็นอย่างยิ่ง ฟางมู่ผู้นี้…มันเป็นเพียงอาจารย์ปรุงยา แต่มันก็สามารถปรุงเม็ดยาเช่นเดียวกับเจ้าแห่งเตาออกมาได้!” โดยไม่อาจรักษาความตื่นเต้นไว้ได้ มันยกเม็ดยาที่มีความเข้มข้นห้าในสิบส่วนขึ้น จากนั้นก็ใส่เข้าไปในปาก ไม่กี่ชั่วยามผ่านไป มันก็ลืมตาขึ้น