วันจันทร์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2560

ตอนที่ 3 : เลื่อนขั้นเป็นศิษย์สายนอก

Posted By: wuxiathai - 19:07

“พวกเจ้านอนมากพอแล้ว ลุกขึ้นให้เหยียเยี่ยหู่ (ท่านปู่เสือ) เดี๋ยวนี้!” ประตูเปิดออกด้วยแรงกระแทก บุรุษร่างสูงใหญ่ กำยำแข็งแรง เดินเข้ามา ใส่ชุดยาวผ้าป่านแบบข้ารับใช้ จ้องมองเมิ่งฮ่าว และเจ้าอ้วนด้วยสายตาลุกวาว
“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป” มันพูดด้วยความโกรธ “เจ้าทั้งสอง จะต้องตัดไม้สิบต้นให้ข้า มิฉะนั้นเหยียเยี่ยหู่คนนี้ จะถลกหนังพวกเจ้าทั้งเป็น”
“เหยียเยี่ยหู่” เมิ่งฮ่าวกล่าว ตะเกียกตะกายลงจากเตียง ลุกขึ้นยืนด้วยความหงุดหงิด “ท่านควรจะเบาเสียงลงหน่อย เจ้า…” ก่อนที่จะพูดจบ บุรุษร่างสูงใหญ่ จ้องมองมาพร้อมตะคอกว่า
“เหลวไหล! เจ้าคิดว่าข้าพูดเสียงดัง?”
เมื่อมองไปที่บุรุษร่างสูงใหญ่ที่ดุร้ายเหมือนหมี เมิ่งฮ่าวลังเล ก่อนที่จะพูดว่า “แต่…พี่ใหญ่ที่ดูแลข้ารับใช้ได้มอบหมายงานให้พวกข้า ตัดต้นไม้สิบต้นต่อวัน”
“เช่นนั้นก็ตัดเพิ่มขึ้นอีกสิบต้นสำหรับข้า” มันพูดด้วยเสียงเย็นเยียบ
เมิ่งฮ่าวนิ่งเงียบ รู้สึกสมองพองโต เพิ่งจะมาถึงสำนักเซียน ก็ถูกกลั่นแกล้ง ตนไม่อยากจะยอมจำนน แต่บุรุษผู้นี้ทั้งสูงใหญ่และแข็งแรง ในขณะที่ตนมีร่างกายที่อ่อนแอ ไม่สามารถที่จะต่อสู้ด้วยได้ เมื่อมองไปที่โต๊ะ ก็สังเกตเห็นรอยกัด จึงนึกขึ้นได้ถึงความแข็งแรงของเจ้าอ้วนเมื่อนอนละเมอ
“เจ้าอ้วน! มีคนแอบมาขโมยหม่านโถว และผู้หญิงของเจ้า!”
เมิ่งฮ่าวตะโกนเสียงดัง เจ้าอ้วนลุกขึ้นนั่ง โดยที่ดวงตายังปิดอยู่ ใบหน้าบิดเบี้ยวไปด้วยความโกรธ ร้องตะโกนว่า
“ใครบังอาจมาขโมยหม่านโถวของข้า? ขโมยภรรยาข้า?” กระโดดลงจากเตียง “ข้าจะตีเจ้าให้ตาย! ข้าจะกัดเจ้าให้ตาย!” เจ้าอ้วนเริ่มควานหาไปทั่วห้อง บุรุษร่างสูงใหญ่จ้องมองด้วยความตกตะลึง จากนั้นก็เดินเข้าไปหา ตะโกนว่า
“เจ้ากล้าตะโกนต่อหน้าเหยียเยี่ยหู่?” มันตบเข้าไปที่ใบหน้าเจ้าอ้วน จากนั้นก็ต้องร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เจ้าอ้วนทั้งที่ดวงตาปิดอยู่ ได้กัดไปที่แขนของมัน ไม่ว่าจะสะบัดอย่างไร เจ้าอ้วนก็ยังกัดไม่ปล่อย
“ปล่อยข้า เจ้าบ้า หยุดกัดได้แล้ว” บุรุษผู้นี้เป็นแค่ข้ารับใช้ ไม่ใช่ผู้ฝึกตน มันทำงานรับใช้มาเป็นเวลานาน ถึงร่างกายจะแข็งแรง แต่รอยแผลที่โดนกัดนี้ ก็ทำให้เจ็บปวดจนต้องหลั่งเหงื่อโทรมกาย
มันพยายามต่อยและเตะ แต่ก็ไม่ได้ทำให้เจ้าอ้วนอ้าปากหยุดกัดได้แม้แต่น้อย ยิ่งต่อยเตะแรงมากขึ้นเท่าใด เจ้าอ้วนก็ยิ่งกัดลึกลงไปยิ่งขึ้น เนื้อที่ถูกกัดเริ่มแหลกเหลวราวกับว่าจะถูกฉีกออกมาเป็นชิ้นๆ
มันส่งเสียงร้องโหยหวน ดังลั่นออกไปยังด้านนอกห้อง บุคคลอื่นๆ เริ่มได้ยิน เสียงเย็นชาเสียงหนึ่งก็ตะโกนมาว่า
“วุ่นวายอะไรกัน?”
มันเป็นเสียงของบุรุษหน้ายาวเหมือนม้า เมื่อบุรุษร่างสูงใหญ่ได้ยิน ก็เริ่มตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว แม้จะโดนกัดจนเป็นแผลเหวอะหวะ เจ็บปวดจนใบหน้าบิดเบี้ยว มันก็พยายามหยุดกรีดร้อง
“มิใช่เรื่องดีที่จะให้พี่ใหญ่หัวหน้าข้ารับใช้อารมณ์เสีย” บุรุษร่างสูงใหญ่รีบพูด “ไร้ประโยชน์ที่จะทำแบบนี้ เร็วเข้า หยุดกัดข้า! ข้าไม่ต้องการไม้สิบต้นอีกแล้ว”
เมิ่งฮ่าวนึกไม่ออกว่า เจ้าอ้วนจะฝันเข้มข้นไปถึงขั้นไหน แต่ต้องการที่จะหยุดเหตุการณ์นี้ จึงเดินไปตบเบาๆ ที่หน้าเจ้าอ้วน แล้วก็กระซิบไปที่ข้างหู
“หม่านโถวกลับมาแล้ว พร้อมภรรยาเจ้าด้วย”
ในที่สุดเจ้าอ้วนก็ผ่อนคลาย อ้าปากปล่อยแขนบุรุษร่างสูงใหญ่ แต่ยังคงกำหมัดต่อยอากาศ ในขณะเดินไปที่เตียง หน้าเปรอะไปด้วยเลือด จากนั้นก็นอนหลับต่อไป
บุรุษร่างสูงใหญ่มองไปที่เจ้าอ้วนอย่างกลัวเกรง ก่อนที่จะเดินออกจากห้องไปโดยไม่พูดจา
เมิ่งฮ่าวยืนอึ้งไปพักใหญ่ รู้สึกเลื่อมใสเจ้าอ้วนนัก จากนั้นก็เดินกลับไปนอนที่เตียง
รุ่งอรุณ ดวงตะวันเริ่มเบิกฟ้า เสียงระฆังดังกังวาลลอยมาตามสายลม ราวกับนำพาพลังอันแปลกประหลาดมาสู่ผู้ที่ได้ยิน เมื่อทุกคนได้ยินเสียงระฆัง ก็ตื่นขึ้นเพื่อเริ่มทำงานของแต่ละคน เจ้าอ้วนตื่นขึ้นมา มองไปที่รอยแผลตามร่างกายของตัวเองด้วยความมึนงง ยกมือชึ้นลูบใบหน้า
“เมื่อคืนเกิดเรื่องอันใดขึ้น? ทำไมทั่วร่างของข้าถึงรู้สึกเจ็บปวด? มีใครมาตีข้า?”
เมิ่งฮ่าวเงียบไปชั่วครู่ ก่อนที่จะพูดว่า
“ไม่มีอันใด ทุกอย่างปกติ”
“ทำไมใบหน้าของข้าถึงได้บวมปูด?”
“อาจเป็นเพราะโดนยุงกัด”
“ถ้าอย่างนั้น มีเลือดติดที่ปากข้าได้ยังไง?”
“อันที่จริงเมื่อคืน เจ้านอนตกเตียงหลายครั้ง” เมิ่งฮ่าวเปิดประตู พร้อมก้าวออกไป จากนั้นก็หยุดแล้วมองกลับไป พูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “ฟังนะ พ่างจื่อ (เจ้าอ้วน) เจ้าต้องถูฟันของเจ้าให้บ่อยมากขึ้น เพื่อให้มันแหลมคมมากกว่านี้”
“โอ? ท่านพ่อข้าก็เคยพูดแบบนี้” เจ้าอ้วนพูดด้วยความประหลาดใจ พร้อมกับสวมใส่ชุดยาวผ้าป่านไปด้วย
เมิ่งฮ่าว และเจ้าอ้วน เดินออกไปภายใต้แสงอาทิตย์ เพื่อเริ่มชีวิตการเป็นข้ารับใช้ของสำนักเอกะเทวะ ตัดโค่นต้นไม้
ทุกคนต้องตัดให้ได้สิบต้นต่อวัน รอบๆ เขตข้ารับใช้ทิศเหนือ บนเนินเขาเต็มไปด้วยต้นไม้ ถึงแม้ลำต้นไม่ได้ใหญ่โตมากนัก แต่ก็ขึ้นหนาแน่น แผ่กระจายราวกับมหาสมุทร ไกลสุดลูกหูลูกตา
เมิ่งฮ่าว และเจ้าอ้วนแบกขวานที่ใหญ่โตและหนักมาก จนแขนด้านชาและเจ็บปวด เดินขึ้นเนินเขาไป จนในที่สุดก็เจอสถานที่เหมาะ ทั้งสองเริ่มตัดต้นไม้ จนได้ยินเสียงขวานกระทบต้นไม้เป็นระยะ
เจ้าอ้วนตัดต้นไม้ไปก็บ่นไปพลาง “ท่านพ่อของข้ารวยมาก ข้าก็จะเป็นเศรษฐีด้วย ข้าไม่ต้องการเป็นข้ารับใช้… ดินแดนแห่งเซียนนี้ช่างแปลกแท้ พวกเขามีอาถาอาคม แล้วจะต้องการไฟไปทำอะไร? ทำไมถึงต้องให้พวกเราตัดต้นไม้ให้?”
ไม่เหมือนกับเจ้าอ้วนปากมาก เมิ่งฮ่าวเหนื่อยเกินไปที่จะพูด เหงื่อโทรมท่วมตัวเหมือนเปียกฝน เพราะความยากจนในเมืองหยุนเจี๋ย เขาไม่มีโอกาสได้กินเนื้อมากนัก ทำให้ร่างกายอ่อนแอ ไม่มีแรง ตัดไม้ไปได้แค่ชั่วธูปไหม้ครึ่งดอก ก็ต้องเอนกายพิงต้นไม้ หายใจด้วยความเหนื่อยหอบ
เมิ่งฮ่าวมองไปที่เจ้าอ้วน ที่ยังคงด่าไปตัดไม้ไปตลอดเวลา เจ้าอ้วนอายุน้อยกว่าเขา แต่แข็งแรงกว่ามากนัก
เมิ่งฮ่าวส่ายศีรษะด้วยความขมขื่น และยืนพักต่อไป ดึงตำรารวบรวมลมปราณออกมาพิจารณาอีกครั้ง ปฏิบัติตามคำอธิบายในตำรา พยายามที่จะรับรู้พลังลมปราณจากแผ่นฟ้าและผืนดิน
เวลาผ่านไปจนกระทั่งพลบค่ำ ตลอดทั้งวันเมิ่งฮ่าวตัดต้นไม้ได้แค่สองต้น เจ้าอ้วนตัดได้แปดต้น เมื่อรวมเข้าด้วยกัน ก็เพียงพอสำหรับอาหารสำหรับหนึ่งคน พวกเขาจึงปรึกษากันชั่วครู่ เจ้าอ้วนก็ไปรับอาหาร แล้วก็เอามาแบ่งกินด้วยกันในห้อง จากนั้นเจ้าอ้วนก็นอนหลับด้วยความอ่อนเพลีย
ในไม่ช้าเสียงกรนก็ดังไปทั่วห้อง เมิ่งฮ่าวพยายามที่จะลุกขึ้นนั่ง ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น ไม่สนใจความหิวและความอ่อนเพลีย หยิบตำรารวบรวมลมปราณขึ้นมาอ่านอีกครั้ง
“เมื่อก่อนข้าอ่านตำราเพื่อเตรียมสอบ บ่อยครั้งที่นั่งอ่านจนฟ้าสาง ข้าคุ้นเคยกับความหิวโหย เทียบกับตอนนี้แล้ว ข้าอาจจะเหน็ดเหนื่อย แต่อย่างน้อยตอนนี้ก็มีจุดหมาย ข้าไม่เชื่อว่าหลังจากล้มเหลวในการสอบเป็นขุนนาง ข้าจะล้มเหลวในการฝึกตนเพื่อเป็นเซียน” ความยืนกรานดื้อรั้นฉายในดวงตาเมิ่งฮ่าว เขาก้มหน้าและเริ่มอ่านตำราต่อไป
เมิ่งฮ่าวอ่านต่อไปจนกระทั่งดึก ในที่สุดก็เผลอนอนหลับไป ในความฝันเขาได้สัมผัสถึงพลังลมปราณของแผ่นฟ้าและผืนดิน จนเสียงระฆังได้ปลุกเขาในตอนเช้า เมิ่งฮ่าวลืมตาที่แดงกร่ำ อ้าปากหาวพร้อมกับลุกลงจากเตียง จากนั้นก็ไปตัดต้นไม้พร้อมกับเจ้าอ้วน
หนึ่งวัน, สองวัน, สามวัน … เวลาดำเนินไปจนกระทั่งสองเดือนผ่านไป ความสามารถในการตัดต้นไม้ของเมิ่งฮ่าวเพิ่มขึ้น จนกระทั่งเขาสามารถตัดได้สี่ต้นในหนึ่งวัน แต่เขาใช้เวลาส่วนใหญ่ ในการทำความเข้าใจในความหมายของพลังลมปราณ ดวงตาของเขาแดงกร่ำขึ้นเรื่อยๆ
จนกระทั่งในเย็นวันหนึ่งช่วงพลบค่ำ เมื่อเขานั่งสมาธิ ร่างกายก็สั่นขึ้นมาในฉับพลัน รู้สึกแขนขาเริ่มตึง เหมือนมีกลุ่มพลังจางๆ เริ่มก่อตัวขึ้นมาภายในกล้ามเนื้อและเส้นเลือด ต่อมาก็กระจายไปทั่วร่าง
หลังจากนั้น เมิ่งฮ่าวก็รู้สึกถึงเส้นใยของพลังลมปราณเริ่มปรากฎภายในร่างกายของตน แล้วก็หายไปในทันที แต่เมิ่งฮ่าวก็ตาลุกโชนด้วยความตื่นเต้น ความอ่อนเพลียหายไป ดวงตาที่แดงกร่ำก็เปลี่ยนเป็นสีขาวมากขึ้น ร่างสั่นน้อยๆ มือกำตำรารวบรวมลมปราณไว้แน่น
เมิ่งฮ่าวไม่ได้กินหรือนอนมากนักในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา นอกจากตัดต้นไม้แล้ว เขาใช้เวลาส่วนใหญ่ฝึกรวบรวมพลังลมปราณ และบัดนี้ก็ได้ผลตอบแทน เขารับรู้ได้ถึงร่างกายที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว จากสองเดือน กลายเป็นสี่เดือน เข้าสู่หน้าร้อน แสงแดดแผดจ้า ส่องกระจายทั่วผืนฟ้า
“รวบรวมลมปราณ ภายในร่างกาย หลอมรวมและกระจายไปตามเส้นโลหิต เพื่อเป็นทางผ่านของลมปราณ ให้ดังก้องกังวาลไปทั้งท้องฟ้าและผืนดิน” เป็นช่วงเที่ยงวันในภูเขาลึก ใกล้กับสำนักเทวะเอกะ เมิ่งฮ่าวใช้มือข้างหนึ่งคุ้ยเขี่ยกองไฟ มืออีกข้างก็ถือตำรารวบรวมลมปราณ มุ่งมั่นศึกษาด้วยความตั้งใจ
เขาหลับตาลงชั่วเวลาธูปไหม้หมดดอก รับรู้ถึงเส้นใยอันละเอียดอ่อนของลมปราณภายในร่าง นี่เป็นลมปราณซึ่งปรากฎขึ้นเมื่อสองเดือนที่แล้ว และเมิ่งฮ่าวเทอดทูนมันเสมือนดั่งเป็นขุมทรัพย์ เส้นใยนี้เห็นได้ชัดว่าหนามากขึ้นในขณะนี้ เขานั่งสมาธิ ปล่อยให้เส้นใยลมปราณ ไหลเวียนในร่างตามวิธีการที่อธิบายในตำรา
จากนั้นไม่นาน เมิ่งฮ่าวก็ลืมตาขึ้น มองไปที่เจ้าอ้วนที่แบกขวาน วิ่งมาอย่างรวดเร็ว
“อืม เป็นอย่างไรบ้าง?” เจ้าอ้วนถามขึ้น ถึงจะอ้วน แต่ร่างกายก็แข็งแรง
“ข้ายังไม่อาจกระจายมันไปทั่วร่างได้” เมิ่งฮ่าวพูดพร้อมหัวเราะ “แต่ข้ามั่นใจว่าภายในหนึ่งเดือน ข้าจะก้าวไปถึงการรวบรวมลมปราณในขั้นแรก” ท่าทางเต็มไปด้วยความเชื่อมั่น
“ความหมายของข้า คือ ไก่เป็นอย่างไรบ้าง?” เจ้าอ้วนเลียริมฝีปาก เมื่อมองไปที่กองไฟ
“โอ สุกพอดี” เมิ่งฮ่าวตอบ เลียริมฝีปากตามไปด้วย พร้อมกับดึงกิ่งไม้ที่ใช้ก่อไฟออก เจ้าอ้วนก็ใช้ขวานขุดลงไปที่พื้นดินดึงไก่ที่สุกได้ที่ออกมา
กลิ่นหอมโชยไปทั่ว พวกเขาแบ่งไก่เป็นสองส่วน เริ่มกินอย่างหิวโหย
“ตั้งแต่ที่เจ้าฝึกพลังลมปราณ” เจ้าอ้วนกล่าว ริมฝีปากเต็มไปด้วยคราบมันเยิ้ม “เจ้าก็สามารถจับไก่ป่าได้ เทียบกับตอนนี้ สองเดือนแรกที่นี่เหมือนฝันร้าย…” นี่เป็นความสามารถใหม่ของเจ้าอ้วน คือการประจบสอพลอเมิ่งฮ่าว
“ผู้คนมากมายหาอาหารได้จากในป่า เจ้าไม่เคยรู้ ก็แค่นั้น” เมิ่งฮ่าวพูด พร้อมกับกัดไปที่ขาของไก่ ทำให้เสียงพูดไม่ชัดเล็กน้อย
“เฮ้อ! ถ้าเจ้าฝึกรวบรวมลมปราณได้ถึงขั้นหนึ่ง ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า แล้วก็กลายเป็นศิษย์สายนอก” เจ้าอ้วนพูดด้วยใบหน้าที่ขมขื่น “ข้าจะทำอย่างไรดี? ข้าไม่เข้าใจตำราพวกนี้เลย” พูดไปก็มองดูเมิ่งฮ่าวไป ด้วยความหวัง
“ฟังนะ พ่างจื่อ(เจ้าอ้วน) วิธีเดียวที่เจ้าจะกลับไปบ้านได้ คือเจ้าต้องเป็นศิษย์สายนอกให้ได้เท่านั้น” เมิ่งฮ่าวพูด ลดขาไก่ในมือลง มองไปที่ดวงตาเจ้าอ้วน
เจ้าอ้วนนั่งเงียบไปครู่นึง ก่อนที่จะผงกศีรษะด้วยความมุ่งมั่น
หกวันผ่านไป ในตอนกลางคืน เจ้าอ้วนหลับไปแล้ว เมิ่งฮ่าวนั่งขัดสมาธิอยู่ภายในห้อง คิดถึงสี่เดือนที่ผ่านมา นอกจากตัดต้นไม้แล้ว เขาใช้เวลาทั้งหมดในการรวบรวมพลังลมปราณ นึกย้อนกลับไปเมื่อสองเดือนที่แล้ว เมื่อสายใยแห่งลมปราณได้เริ่มก่อตัวขี้นในร่างของตน
เมิ่งฮ่าวสูดลมหายใจเข้าลึกๆ หลับตาลง รวบรวมพลังลมปราณเป็นเส้นสาย ให้โคจรหมุนเวียนอยู่ภายในร่าง จากนั้นก็มีเสียงดังกึกก้องอยู่ในหัว ก่อนหน้านี้เขายังไม่สามารถบังคับลมปราณให้กระจายไปทั่วร่างได้ แต่ตอนนี้เขาก็ทำได้สำเร็จ ลมปราณกระจายไปทั่วทุกมุมของร่างกาย ให้ความรู้สึกเหมือนร่างเบาหวิว พร้อมจะลอยขึ้นได้
ในช่วงเวลาเดียวกับที่เมิ่งฮ่าวสำเร็จ ในการรวบรวมลมปราณขั้นที่หนึ่งนั้น บุรุษหน้ายาวเหมือนม้า ที่นั่งอยู่บนก้อนหินใหญ่ด้านนอก ก็ลืมตาขึ้นช้าๆ มองมายังบ้านของเมิ่งฮ่าว จากนั้นก็ปิดตาลงอีกครั้ง
รุ่งอรุณ ภายใต้สายตาอิจฉาของทุกคนที่เป็นข้ารับใช้ในอาณาเขตทิศเหนือ เมิ่งฮ่าวเดินก้าวออกจากห้องที่เคยเป็นบ้านของเขาในสี่เดือนที่ผ่านมา มายืนตรงหน้าบุรุษหน้ายาวเหมือนม้า
เจ้าอ้วนไม่ได้เดินมาด้วย มันยังอยู่ที่ประตูบ้าน มองดูเมิ่งฺฮ่าวด้วยสายตามุ่งมั่น
“เจ้าบรรลุระดับแรกของการรวบรวมลมปราณในเวลาสี่เดือน ไม่ถือว่าโดดเด่น แต่ก็ไม่ถือว่าโง่ด้วยเช่นกัน” บุรุษหน้ายาวเหมือนม้ามองดูเมิ่งฮ่าว ท่าทางไม่เย็นชาเหมือนอดีต พูดอย่างใจเย็น
“ขณะนี้เจ้ากำลังจะไปที่อาณาเขตศิษย์สายนอกของสำนัก ข้าจะอธิบายกฎข้อบังคับที่นั่นให้รับรู้ ทุกๆ เดือน หินลมปราณและเม็ดยา จะถูกแจกให้ศิษย์สายนอกทุกคน แต่ไม่มีข้อห้ามในการใช้กำลัง แย่งชิงเอาสิ่งของจากคนอื่น หรือการตั้งกลุ่ม ที่นั่นมีสถานที่ส่วนรวม ซึ่งบางคนเรียกว่าเขตสังหาร เจ้า … เจ้าต้องระมัดระวังตัวให้มาก”
เมื่อมันพูดจบ ก็ยกมือขวาขึ้น ครั้นแล้วแผ่นหยกก็พุ่งออกมา ลอยอยู่ตรงหน้าเมิ่งฮ่าว เขาจับมันไว้
“พุ่งพลังลมปราณไปที่แผ่นหยก มันจะนำเจ้าไปที่หอเก็บของวิเศษของสำนักสายนอก ซึ่งเป็นที่ที่เจ้าต้องไปรายงานตัวเพื่อเลื่อนขั้น” กล่าวจบบุรุษหน้ายาวเหมือนม้าก็หลับตาลง
เมิ่งฮ่าวไม่พูดจา ประสานมือคารวะ หันหลังมองกลับไปที่เจ้าอ้วน ทั้งสองประสานตากันชั่วขณะ เมิ่งฮ่าวรู้สึกตื้นตันอยู่ในจิตใจ จากนั้นก็ตัดใจจากไป เขาแผ่พลังลมปราณไปที่แผ่นหยก มีแสงสีเขียวเปล่งออกมาจากแผ่นหยก และลอยไปข้างหน้าช้าๆ ในอากาศ
เมิ่งฮ่าวเดินตามไป ค่อยๆ จากไปจากเขตข้ารับใช้อย่างช้าๆ
เขาก้าวย่างไปในทางแคบๆ ซึ่งนำไปสู่ประตูหลัก เดินไกลออกไปเรื่อยๆ ตรงไปที่ตีนเขา ในที่สุดก็ถึงเขตที่เขาไม่เคยย่างเท้าเข้ามาก่อน ในช่วงเวลาสี่เดือนที่ผ่านมา
สำนักเอกะเทวะประกอบด้วยสี่ยอดเขาหลัก คือ ตะวันออก, ตะวันตก, ทิศเหนือ และทิศใต้ รอบๆ ยอดเขาทั้งสี่ มีภูเขามากมายต่อเนื่องกันเป็นลูกโซ่ ซึ่งเหมือนจะหาจุดสิ้นสุดมิได้ กึ่งกลางของยอดเขาทั้งสี่ เป็นเขตข้ารับใช้ ซึ่งเมิ่งฮ่าวถูกจัดให้ไปเป็นข้ารับใช้ทิศเหนือ ของยอดเขาทิศเหนือ
อีกครึ่งทางทีทอดสู่ยอดเขาถูกปกป้องไว้ด้วยคาถา ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของศิษย์ฝ่ายในและผู้อาวุโสของสำนัก
แต่ละยอดเขาทั้งสี่ ก็เป็นเช่นนี้ สำหรับพื้นที่ราบที่เชื่อมระหว่างภูเขาทั้งสี่ทั้งหมด มีบ้านมากมายนับไม่ถ้วน ศิษย์สายนอกของสำนักเอกะเทวะอาศัยอยู่ที่บ้านเหล่านั้น
สำนักเอกะเทวะค่อนข้างจะแตกต่างจากสำนักอื่นๆ ตรงที่ศิษย์สายนอก อาศัยอยู่ที่ตีนเขา ขณะที่ข้ารับใช้อยู่ที่กลางภูเขา นี่เป็นกฎของสำนัก ที่ปรมาจารย์เอกะเทวะ กำหนดขึ้นโดยไม่ระบุเหตุผล
มองจากระยะไกล พื้นที่ราบทั้งหมด ดูเหมือนจะเต็มไปด้วยหมอกลอยไปมา แต่เมื่อเดินเข้าไปใกล้ๆ หมอกก็หายไป เบื้องหน้าเมิ่งฮ่าว เป็นอาคารโอ่โถงดูเด่นเป็นสง่า ล้อมด้วยรั้วแกะสลักลวดลายสวยงามด้วยหินอ่อน และถนนที่ปูด้วยหินสีเขียว เนืองแน่นไปด้วยศิษย์สายนอก ในชุดเสื้อยาวสีเขียว บางคนก็สังเกตเห็นเมิ่งฮ่าว เมื่อเขาเดินผ่านไป
บางคนก็จ้องมองด้วยสายตาเหยียดหยาม ไร้ความรู้สึกที่ดี ทำให้เมิ่งฮ่าวรู้สึกเหมือนกับโดนจ้องด้วยสายตาของสัตว์ป่า ซึ่งทำให้เขาคิดถึงคำพูดของพี่ใหญ่หน้ายาวเหมือนม้า ที่ได้พูดไว้เกี่ยวกับศิษย์สายนอก
จากนั้นไม่นาน เขาก็มาถึงอาคารสีดำ ในเขตทิศใต้ของสำนักฝ่ายนอก เป็นอาคารสูงสามชั้น ถึงจะมีสีดำ แต่ก็เหมือนจะสร้างมาจากหยก และแลดูเกือบจะโปร่งใส
เมื่อเมิ่งฮ่าวมาถึง ประตูหลักของอาคารก็เปิดออก บุรุษวัยกลางคนหน้าตกกระเดินออกมา สวมใส่ชุดยาวสีเขียวเข้ม หน้าตาบ่งบอกถึงความฉลาด ยกมือขวาขึ้นทำท่าคว้าจับ แผ่นหยกก็ลอยเข้าไปในมือของมัน หลังจากมองดูแผ่นหยก มันก็พูดช้าๆ เนิบนาบ
“เมิ่งฮ่าวได้ถูกเลื่อนขั้นเป็นศิษย์สายนอก เจ้าจะได้รับบ้าน, ชุดยาวสีเขียว, แผ่นวิญญาณ และถุงเก็บสมบัติ สำหรับแผ่นวิญญาณใช้สำหรับผ่านเข้าไปที่หอเก็บของวิเศษเพื่อรับอาวุธเวท” มันโบกมือขวา ถุงสีเทาก็ปรากฎขึ้นที่มือของเมิ่งฮ่าว
เมิ่งฮ่าวมองไปที่ถุงสีเทาชั่วขณะ ก็คิดไปถึงศิษย์สายนอกบางคนที่เดินสวนทางกันบนถนน ศิษย์คนนั้นก็มีถุงเช่นนี้แขวนอยู่ที่หน้าอก
บุรุษหน้าตกกระ มองมาที่เมิ่งฮ่าว คิดได้ว่าเขาไม่เคยเป็นศิษย์สายนอก ทำให้เขาไม่คุ้นเคยกับถุงเก็บสมบัติ บุรุษหน้าตกกระรู้สึกไม่ค่อยดีกับเขา พูดเสียงเย็นชา “ด้วยการแผ่พุ่งพลังลมปราณไปที่ถุงนี้ เจ้าก็จะสามารถใส่สิ่งของมากมายลงไปได้”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เมิ่งฮ่าวก็อัดพลังลมปราณไปเต็มที่ ถุงเริ่มเปล่งประกาย เขาเหลือบเห็นพื้นที่ข้างในถุงใหญ่ประมาณครึ่งตัวคน และเห็นชุดยาวสีเขียว, แผ่นป้ายหยก และของอื่นๆ
เวลานี้ เมิ่งฮ่าวรู้สึกอิ่มเอิบใจยิ่งนัก ถุงเก็บสมบัตินี้ต้องมีค่าอย่างน้อยก็เท่ากับทองร้อยตำลึง แน่นอนว่ามันเป็นสิ่งของ ของเทพเซียน”
เมื่อเขาตั้งสมาธิ แผ่นป้ายหยกก็ปรากฎขึ้นในมือ เขาเน้นความสนใจมากขึ้น ก็พบว่าข้างในถุงมีแผนที่ของเขตแดนสำนักสายนอก และที่มุมหนึ่งบนแผนที่ ก็เป็นบ้านใหม่ของเขา
“เข้าไปได้แล้ว ค่อยดูทีหลัง” บุรุษหน้าตกกระ พูดเสียงเย็นชา “หอเก็บของวิเศษกำลังเปิดอยู่ และเจ้าก็ยังไม่ได้เข้าไปเลย”
เมิ่งฮ่าวเงยหน้าขึ้น หย่อนถุงเก็บสมบัติลงในเสื้อยาวของเขา มองไปที่ประตูของหอเก็บของวิเศษซึ่งเปิดอยู่ สูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ และเดินเข้าไปด้วยความมุ่งหวัง
เมื่อเขาเดินผ่านเข้าประตู ความรู้สึกก็เปลี่ยนไป

About wuxiathai

Organic Theme is officially developed by Templatezy Team. We published High quality Blogger Templates with Awesome Design for blogspot lovers.The very first Blogger Templates Company where you will find Responsive Design Templates.

Copyright © 2015 ผนึกสวรรค์ สยบมาร สะท้านเทพ

Designed by Templatezy | Distributed By Gooyaabi Templates