เวลาแวบไปอย่างรวดเร็ว ในที่สุดสองเดือนก็ผ่านไป ตอนนี้เมิ่งฮ่าวคุ้นเคยกับชีวิตในสำนักจื่อยิ่นอย่างสมบูรณ์ เนื่องจากผลการทดสอบออกมาว่าเขามีพรสวรรค์เป็นอันดับหนึ่ง ทำให้เขาได้รับสิทธิพิเศษบางอย่าง ถึงแม้จะไม่เทียบเท่ากับบุคคลสำคัญบางคนก็ตาม
อันที่จริง ตลอดช่วงสองเดือนที่ผ่านมานี้ เขาไม่ได้เห็นชายชราผมหงอกขาวมากเท่าไหร่นัก มีแต่ไป๋หยุนหลายที่มักจะแวะเวียนมาเยี่ยมเขา ด้วยความช่วยเหลือของมัน ทำให้เมิ่งฮ่าวเริ่มเข้าใจสำนักจื่อยิ่นอย่างรวดเร็ว
มีการบรรยายเกี่ยวกับวิชาการปรุงยาอยู่ทุกวัน ซึ่งเมิ่งฮ่าวก็มักจะไปเข้าฟังอยู่เป็นประจำ ท่ามกลางผู้เข้าฟังนับร้อย เมิ่งฮ่าวจึงไม่เป็นที่สะดุดตาแต่อย่างใด
ผู้อาวุโสของสำนักหลายคน หมุนเวียนสับเปลี่ยนมาบรรยายเกือบทุกวัน ดูเหมือนความเข้าใจต่อเรื่องต่างๆ ของแต่ละคน ก็จะแตกต่างกันบ้างเล็กน้อย ด้วยการรับฟังทุกคน เมิ่งฮ่าวก็เริ่มเข้าใจอย่างลึกซึ้งต่อวิธีการเร่งปฏิกิริยา
นอกจากนั้น เมื่อต้องปลูกต้นสมุนไพร ทางสำนักก็จะมีพื้นที่พิเศษ เพื่อแจกจ่ายเมล็ดสมุนไพร เช่นเดียวกับที่สำนักเอกะเทวะแจกจ่ายหินลมปราณ แน่นอนว่า จุดประสงค์ก็คือให้เด็กฝึกปรุงยาได้มีโอกาสฝึกฝนการปลูกต้นสมุนไพร
การบรรยายที่หลากหลายโดยผู้อาวุโสของสำนัก ทำให้สถานที่แห่งนี้ทั้งหมดมีแต่ความเงียบสงบสุข ไม่มีการต่อสู้จนถึงแก่ความตาย เมิ่งฮ่าวคิดไปถึงสำนักเอกะเทวะอย่างช่วยไม่ได้ มันแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง สำหรับเขา สถานที่แห่งนี้เหมือนกับแหล่งเรียนรู้ชั้นสูง มากกว่าการเป็นสำนักของผู้ฝึกตน
ทุกเดือน จะมีการบรรยายพิเศษเกี่ยวกับคัมภีร์ยา โดยอาจารย์ปรุงยาผู้มากประสบการณ์ ซึ่งทุกคนก็ถูกเลื่อนขั้นมาจากเด็กฝึกปรุงยา เมื่อมีการสอนวิธีการปรุงยา ทักษะของพวกมันจึงลึกล้ำยิ่ง การบรรยายวิชาปรุงยาของพวกมัน ก็ไม่มีการจำกัดที่หัวข้อของพืชสมุนไพรเพียงอย่างเดียว บางครั้งก็มีการพูดถึงวิธีการผสมตัวยาด้วย เมิ่งฮ่าวได้เรียนรู้มากมาย หลังจากที่นั่งฟังการบรรยายนี้ไม่กี่ครั้ง
นอกเหนือจากการเรียนรู้ปลูกต้นสมุนไพรทั้งหมดแล้ว เด็กฝึกปรุงยาก็มียอดจำนวนการเร่งปฏิกิริยาประจำเดือนที่ต้องทำให้ได้ ในทุกๆ เดือน ต้องทำการเร่งปฏิกิริยาต้นสมุนไพร ตามจำนวนที่กำหนดมาเพื่อส่งขึ้นไปให้กับสำนัก
นี่คือวิถีชีวิตของเด็กฝึกปรุงยาในแผนกเม็ดยาบูรพา เป็นวงจรชีวิตที่หมุนเวียนไปอย่างไม่รู้จบ
ตอนนี้ เมิ่งฮ่าวนั่งอยู่ท่ามกลางกลุ่มเด็กฝึกปรุงยา กำลังฟังบุรุษวัยกลางคนพูดถึงวิธีการแยกความแตกต่าง ระหว่างสมุนไพรที่ไม่อาจระบุได้ง่ายโดยทั่วไป “เด็กฝึกปรุงยาต้องปลูก, เร่งปฏิกิริยา และเก็บเกี่ยวต้นสมุนไพร รวมถึงงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง จุดประสงค์หลักก็คือ เพื่อเกื้อหนุนระบบหลักของแผนกปรุงยาในสำนัก จริงๆ แล้ว การเกื้อหนุนสำนักโดยตรงที่สุดก็คือ การช่วยเหลืออาจารย์ปรุงยาเกือบหนึ่งพันคนนี้”
เมิ่งฮ่าวถอนหายใจ “ข้าคิดว่าการเข้าสังกัดสำนักจื่อยิ่น เป็นความคิดที่ถูกต้องจริงๆ ในดินแดนด้านใต้ทั้งหมด ที่นี่เป็นเพียงสถานที่แห่งเดียว ซึ่งข้าจะเรียนรู้การปรุงยาได้อย่างแท้จริง สำนักจื่อยิ่นเท่านั้นที่จะสามารถสร้างปรมาจารย์เต๋าแห่งการปรุงยาขึ้นมาได้! เต๋าแห่งการปรุงยาของสำนักจื่อยิ่น จริงๆ แล้วก็ทำให้แผนกปรุงยามีชื่อเสียงมากกว่าแผนกอื่นๆ ทุกสำนักและตระกูลต่างๆ ในดินแดนด้านใต้ต่างก็ตระหนักถึงเรื่องนี้เป็นอย่างดี” เมิ่งฮ่านั่งอยู่ที่นั่นจมอยู่ในความครุ่นคิด ดวงตาส่องประกายด้วยความมุ่งหวัง
“ถ้าข้าต้องการติดต่อกับเจ้าโอสถจอมปีศาจ และขอร้องท่านช่วยขจัดพิษให้ ข้าก็ต้องเป็นศิษย์สำนักนี้เท่านั้น!” ดวงตาเมิ่งฮ่าวส่องประกายด้วยความปรารถนา
เป้าหมายหลักที่เข้าสังกัดสำนักจื่อยิ่น จริงๆ แล้วก็คือ เขาต้องการกลายเป็นศิษย์ของเจ้าโอสถจอมปีศาจ และเรียนรู้สุดยอดเต๋าแห่งการปรุงยาในทั่วทั้งดินแดนด้านใต้ จากนั้นเขาก็จะสร้างวิธีการปรุงยาของเขาขึ้นมาเอง ถ้าทำได้เช่นนี้ ไม่ว่าต้องใช้เม็ดยาแบบไหน เขาก็สามารถสร้างขึ้นมาด้วยตัวเองได้ โดยไม่ต้องลำบากในการเสาะหาเม็ดยาเหมือนในอดีตที่ผ่านมา
เขาจมอยู่ในห้วงความนึกคิด จนกระทั่งเสียงระฆังดังก้องอยู่ในอากาศ เสียงระฆังนี้ดังไปทั่วทุกหุบเขาของแผนกเม็ดยาบูรพา ทำให้ทุกคนต้องเงยหน้าขึ้นในทันที แม้แต่อาจารย์ปรุงยาที่กำลังบรรยายอยู่ ก็หยุดในทันใด และมองขึ้นไป
เด็กฝึกปรุงยาทุกคนในแผนกเม็ดยาบูรพาเงยหน้าขึ้น ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
“ระฆังกระถาง! วันแดนสวรรค์จื่อยิ่นมาถึงแล้ว!”
“ครั้งล่าสุดก็คือเมื่อปีก่อน ข้าไม่อยากเชื่อเลยว่าได้ผ่านไปหนึ่งปีแล้ว ในที่สุด พวกเราก็ได้กลับเข้าไปในแดนสวรรค์!”
ขณะที่เสียงตื่นเต้นดังออกมา เสียงระฆังก็ยังคงดังกังวานอย่างต่อเนื่อง ดวงตาเมิ่งฮ่าวแวบขึ้น ขณะที่เขามองขึ้นไปในอากาศ ซึ่งปรากฎเป็นภาพลวงตาขึ้นมาในทันใด
เป็นภาพของกระถางปรุงยาสีม่วงขนาดใหญ่มหึมาลอยอยู่กลางอากาศ โอ่อ่าสง่างามเป็นอย่างยิ่ง มีเส้นผ่าศูนย์กลางถึงหนึ่งหมื่นจ้าง ด้านข้างกระถาง มีลำแสงหลายสิบลำพุ่งออกมาจากหุบเขาบริเวณใกล้เคียง มานั่งขัดสมาธิอยู่รอบๆ ราวกับกำลังคุ้มครองกระถางใบนี้อยู่
ในเวลาเดียวกันนั้น แสงของเวทอาคมก็ประสานไขว้ไปมาอยู่ในอากาศ ราวกับว่าทั่วทั้งบริเวณนี้กำลังถูกผนึกไว้ ส่องแสงสว่างสุกใสไปทั่วทั้งพื้นที่ ทำให้เกิดเป็นแสงอันเจิดจ้าอยู่ด้านบนของกระถางปรุงยาขนาดใหญ่ยักษ์ และผู้ฝึกตนที่ลอยอยู่ใกล้ๆ กระถางนั้น
เสียงเก่าแก่โบราณดังกระจายออกมาจากที่ไหนสักแห่ง “เด็กฝึกปรุงยา เข้าไปในแดนสวรรค์ เก็บเกี่ยวต้นสมุนไพรที่โตเต็มที่มาเก้าต้น” กระถางปรุงยาใหญ่ยักษ์เริ่มเปล่งแสง และทันใดนั้น หนึ่งแสนเส้นใยแห่งแสงก็ปรากฎขึ้นเลื้อยออกไป และพุ่งลงมา เหรียญกษาปณ์ที่แสดงตัวตนเด็กฝึกปรุงยาของเมิ่งฮ่าวก็เริ่มเรืองแสง เช่นเดียวกับเด็กฝึกปรุงยาทั้งหมด
เส้นใยแห่งแสง และเหรียญกษาปณ์ ดุเหมือนจะมีการเชื่อมต่อกันบางอย่าง หนึ่งในเส้นใยแห่งแสงนั้นเข้ามาใกล้เมิ่งฮ่าว และหลอมรวมเข้าไปในเหรียญกษาปณ์ พลังที่อ่อนโยนห่อหุ่มเมิ่งฮ่าวไว้ และดึงเขาขึ้นไปในอากาศ
จากหนึ่งร้อยหุบเขาที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้น เด็กฝึกปรุงยาทั้งหมดหนึ่งแสนคน ถูกดึงขึ้นไปในอากาศ ด้วยพลังของเส้นใยแห่งแสง ทั้งหมดกลายเป็นลำแสงพุ่งตรงไปยังกระถางปรุงยาขนาดยักษ์นั้น
กระถางปรุงยาขนาดยักษ์ เหมือนจะเป็นหลุมที่ไร้ก้น ซึ่งกลืนพวกเขาทั้งหมดเข้าไปในทันที
ภาพเบื้องหน้าเมิ่งฮ่าวสลัวเลือนลางชั่วขณะ เมื่อมันชัดเจนขึ้น เขาก็เห็นสิ่งที่ปรากฎอยู่ตรงหน้า ซึ่งทำให้เขาต้องอ้าปากค้าง เป็นภาพที่ยากต่อการเข้าใจ สีหน้าที่ปรากฎขึ้นบนใบหน้าเมิ่งฮ่าว เป็นสีหน้าของความตกตะลึงอย่างที่สุด
เบื้องหน้าเขาเป็นสนามเพาะต้นสมุนไพรที่ยืดยาวออกไปอย่างไร้จุดสิ้นสุด สถานที่แห่งนี้เป็นโลกที่แตกต่างออกไป ไม่มีกลุ่มเมฆในท้องฟ้า แต่มองเห็นดวงอาทิตย์อยู่เก้าดวง ถัดจากดวงอาทิตย์แต่ละดวงก็เป็นดวงจันทร์ สถานที่แห่งนี้มีเก้าดวงตะวัน เก้าจันทรา
ด้วยท้องฟ้าอันน่าเหลือเชื่อนี้ ทำให้สถานที่แห่งนี้เป็นที่ปลุกต้นสมุนไพรได้อย่างดีเยี่ยม ตลอดทั้งโลกแห่งนี้ดูเหมือนจะอยู่ภายใต้การผนึกบางชนิด ทันทีที่เมิ่งฮ่าวปรากฎกายขึ้นด้านใน กลิ่นต้นสมุนไพรอันน่าเหลือเชื่อก็ปกคลุมเขาไปทั่ว จนน่ามึนเมา
เด็กฝึกปรุงยาเกือบทั้งหมดเคยมายังที่แห่งนี้มาก่อน พวกมันทั้งหมดต่างก็ตื่นเต้นกันทุกคน แต่มีบางคนที่ตกตะลึงเช่นเดียวกับเมิ่งฮ่าว
สิ่งที่ทำให้เมิ่งฮ่าวตกตะลึงมากไปกว่านั้นก็คือ ภายในสนามเพาะปลูกต้นสมุนไพรที่ยาวเหยียดไร้จุดสิ้นสุดนั้น มีต้นไม้ขนาดใหญ่สูงนับร้อยจ้างเป็นพันต้น และมียักษ์อยู่หลายตน ยักษ์เหล่านี้ดูเหมือนจะเป็นสิ่งมีชีวิตที่ตกค้างมาจากอดีตสมัยโบราณ พวกมันเดินผ่านสนามเพาะสมุนไพรด้วยความระมัดระวัง ก้มลงมาเพาะปลูกต้นกล้าเป็นครั้งคราว
สูงขึ้นไปในท้องฟ้า มีรถม้าศึกอยู่นับร้อย กระจายกลิ่นอายเก่าแก่โบราณออกมา รถม้าศึกเหล่านี้มีขนาดใหญ่มหึมา ซ้อนทับกันไปมา จนดูเหมือนก้อนเมฆ ทำให้เกิดเป็นเงาทาบลงมายังพื้นที่ภายในโลกแห่งนี้
ที่ห่างไกลออกไป เมิ่งฮ่าวมองเห็นต้นไม้บางชนิด ที่สูงถึงหนึ่งพันจ้าง มีลำต้นเป็นสีม่วง และด้านบนสุดก็ไม่ได้แน่นหนาเต็มไปด้วยใบไม้ แต่มีดวงตาหนึ่งดวงซึ่งมีขนาดใหญ่มหึมาอยู่แทน ดวงตากว้างมากกว่าสิบจ้าง และมองไปรอบๆ บริเวณด้วยความตั้งอกตั้งใจ ขณะที่เมิ่งฮ่าวมองไปรอบๆ ด้วยความระมัดระวัง เขาก็เห็นมีต้นไม้นับร้อย ที่เหมือนกับต้นไม้นี้ อยู่ท่ามกลางสนามเพาะต้นสมุนไพร
เมิ่งฮ่าวไม่แน่ใจว่าไป๋หยุนหลายมาถึงข้างกายเขาเมื่อไหร่ พร้อมเสียงถอนหายใจ มันกล่าวว่า “แดนสวรรค์จื่อยิ่น เป็นดินแดนสงบสุข ของแผนกเม็ดยาบูรพาสำนักจื่อยิ่น! จากตำนานที่เล่าสืบต่อกันมา สถานที่แห่งนี้ ครั้งหนึ่งเคยเป็นแดนสวรรค์ของเซียนอมตะ แต่ท่านจื่อตงเจินเหรินได้มาสร้างสวนสมุนไพรอันไร้จุดสิ้นสุดอยู่ที่นี่ มีต้นไม้บางชนิดได้สูญพันธุ์ไปแล้วในโลกด้านนอก แต่ก็มาเติบโตอยู่ในโลกแห่งนี้แทน พวกเราเด็กฝึกปรุงยาทุกคน ถูกเคลื่อนย้ายทางไกลมายังที่แห่งนี้เพื่อเก็บเกี่ยวต้นสมุนไพร ซึ่งช่วยให้พวกเรามีโอกาสฝึกทักษะแยกแยะชนิดของสมุนไพร นี่เป็นสถานที่แห่งเดียวในดินแดนด้านใต้ ที่เจ้าจะได้เห็นสมุนไพรที่แตกต่างชนิดกันอย่างมากมาย! พวกมันแทบจะไม่มีที่สิ้นสุด!”
ทันใดนั้น เสียงกระหึ่มกึกก้องก็ดังเต็มอยู่ในอากาศ ตามมาด้วยเสียงเก่าแก่โบราณ เสียงพูดคุยของเด็กฝึกปรุงยาทั้งหลายก็หยุดลง
“พวกเจ้ามีเวลาหนึ่งเดือน ในการเก็บเกี่ยวต้นสมุนไพรที่โตเต็มที่เก้าต้น เจ้าต้องเก็บเกี่ยวสมุนไพรต้นที่เจ้ารู้จักเท่านั้น และเจ้าต้องคุ้นเคยกับลักษณะและคุณสมบัติของมัน เมื่อครบหนึ่งเดือน เจ้าต้องส่งต้นสมุนไพรที่เก็บเกี่ยวไปพร้อมกับแผ่นหยก ที่อธิบายถึงการค้นพบของเจ้า นี่เป็นหนึ่งในเกณฑ์การประเมิน เพื่อเลื่อนขั้นขึ้นเป็นอาจารย์ปรุงยา ตอนนี้ ก็เริ่มกันได้แล้ว” ทันทีที่เสียงนั้นพูดจบ เด็กฝึกปรุงยานับแสนก็สูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ และกระจายกันออกไป
ไป๋หยุนหลายไม่ได้ติดตามเมิ่งฮ่าวไป แต่เดินไปตามเส้นทางที่คดเคี้ยว ตรงไปยังตำแหน่งอื่นของมันเอง ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายด้วยความตื่นเต้น เวลาที่ผ่านมา เขาได้อุทิศตนให้กับการอ่านม้วนตำราพืชสมุนไพร เขาอ่านผ่านตาไปหลายรอบ เกี่ยวกับพืชสมุนไพรนับแสนชนิดที่แตกต่างกัน และถึงแม้จะยังจำไม่ได้ทั้งหมด แต่ในตอนนี้ก็จำได้บ้างบางส่วน เขาต้องทดสอบความรู้ของเขา ร่างแวบขึ้น ขณะที่พุ่งจนหายลับตาไป
ขณะที่เด็กฝึกปรุงยานับแสนกระจัดกระจายออกไปทั่วทุกทิศทาง ด้านบนท้องฟ้าของพวกมัน ในหนึ่งของดวงจันทร์ที่โคจรอยู่ ปรากฎเป็นเงาร่างแปดเงา
“เห็นเจ้าเด็กผู้นั้นหรือไม่? นั่นคือ ฟางมู่ เป็นคนที่ข้าได้ทำการทดสอบเมื่อสองเดือนที่แล้ว และพบว่ามันมีพรสวรรค์อยู่ในอันดับหนึ่ง”
“พรสวรรค์อันดับหนึ่ง ค่อนข้างหายาก พวกเราทำการตรวจสอบต้นเหี่ยวแห้งที่ท่านนำมา และเห็นได้ชัดว่ามันเป็นของจริงอย่างแน่นอน เนื่องจากพรสวรรค์ของมัน ทำให้พลังลมปราณของมันเหมาะกับการปลูกต้นสมุนไพรเป็นอย่างยิ่ง”
“มันเป็นเพียงแค่เมล็ดพันธุ์ในตอนนี้ ลองมาดูกันว่า มันจะเก็บเกี่ยวสมุนไพรมาได้เท่าไหร่ ถ้ามันมีพรสวรรค์ในการแยกแยะพืชสมุนไพร บางทีพวกเราก็น่าจะพิจารณา รวมมันเข้าไปในการทดสอบเลื่อนขั้นครั้งต่อไป”
ขณะที่เงาร่างภายในดวงจันทร์กำลังพูดคุยกัน เมิ่งฮ่าวก็เดินออกไปจากกลุ่มของเด็กฝึกปรุงยาคนอื่นๆ เข้าไปในสนามเพาะต้นสมุนไพร เขาเดินแต่ละก้าวด้วยความระมัดระวัง ไม่ให้ไปเหยียบบนต้นกล้าใดๆ เขาก้มศีรษะต่ำ มองไปรอบๆ ทั่วทุกทิศทาง
“นั่นคือ…ต้นหญ้าสลายวิญญาณ ข้าจำได้ถึงรายละเอียดของมันจากม้วนตำรา แต่ทำไมมันถึงได้มีใบที่ด้านขวามากกว่า…? โอ, ใช่แล้ว มันเป็นต้นที่กลายพันธุ์ ด้านขวาจริงๆ แล้วก็เป็นที่อยู่ของต้นอ่อน…นี่คือใบสายฟ้างดงาม รูปร่างของมันเหมือนกับหญิงสาว และมักจะส่ายไปมาอย่างร่าเริง…เมื่อใช้ทำตัวยา ก็สามารถนำไปปรุงเป็นเม็ดยาที่เหมาะสมกับขั้นต้นพื้นฐานลมปราณ”
เมิ่งฮ่าวเดินไปเรื่อยๆ ค่อยๆ แยกแยะพืชสมุนไพรที่แตกต่างกัน และพยายามระลึกถึงข้อมูลทั้งหมด เกี่ยวกับพวกมันที่เขาได้อ่านมาจากม้วนตำรา ยิ่งเขาพยายามมากเท่าไหร่ เขาก็รู้สึกง่ายมากขึ้นเท่านั้น ความรู้สึกยินดีมีความสุขค่อยๆ เติมเต็มอยู่ในจิตใจ
ความรู้สึกเช่นนี้ แตกต่างจากตอนที่ทะลวงผ่านพื้นฐานฝึกตน แต่การที่สามารถเข้าใจมีความรู้ในสิ่งที่ไม่เคยรู้มาก่อน ทำให้เขาเต็มไปด้วยความรู้สึกเชื่อมั่นอย่างลึกซึ้ง
นี่คือการฝึกตนของตัวเอง!
จากสิ่งที่เมิ่งฮ่าวบอกได้ ความสามารถในการแยกแยะพืชสมุนไพรที่แตกต่างกันทั้งหมดนี้ของเขา เป็นพรสวรรค์ที่ติดตัวมาตั้งแต่กำเนิด…
เมิ่งฮ่าวเดินไกลออกไป ไกลออกไปเรื่อยๆ แต่ละครั้งที่เขามองเห็นต้นสมุนไพรที่เหมาะสำหรับการเก็บเกี่ยว เขาก็จะเก็บมันไปในทันที ในเวลาเดียวกัน เขาก็จะบันทึกรายละเอียด และข้อมูลอื่นๆ ไว้บนแผ่นหยกที่ได้รับมา
เขาทำการพิสูจน์ยืนยันในสิ่งที่ได้เรียนรู้มาเมื่อเร็วๆ นี้อย่างต่อเนื่อง ราวกับมัจฉาแหวกว่ายอยู่ในสายธาร เขาลืมทุกสิ่งทุกอย่าง ยกเว้นพืชสมุนไพรที่อยู่ตรงหน้า วิชาปรุงยาของเขาก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็วดุจติดปีกบิน ในขอบเขตของแดนสวรรค์แห่งนี้
ในเวลาเดียวกันนั้น ที่ด้านนอกในดินแดนด้านใต้ นามเมิ่งฮ่าว ทำให้เกิดการค้นหาอย่างใหญ่โต ท่ามกลางสำนักใหญ่และตระกูลดัง ในวันเวลาที่ผ่านมา ทุกคนกำลังค้นหาเขา ในที่สุด ชื่อเสียงของเมิ่งฮ่าวก็เป็นที่รู้จักกันไปทั่วในหมู่ผู้ฝึกตน
แน่นอนว่า สำนักจื่อยิ่นก็เป็นหนึ่งในสำนักที่ร่วมกันค้นหาอย่างวุ่นวายนี้ แต่ก็ไม่มีใครสามารถหาพบแม้เบาะแสเพียงเล็กน้อยของเมิ่งฮ่าว ราวกับว่าเขาได้หายตัวไปโดยสิ้นเชิง