ไม่มีใครรู้ว่าเมิ่งฮ่าว ผู้ซึ่งก่อให้เกิดคลื่นมรสุมปั่นป่วนวุ่นวายไปทั่วในโลกด้านนอก ตอนนี้กำลังมองหาพืชสมุนไพรอย่างระมัดระวังอยู่ในแดนสวรรค์ของสำนักจื่อยิ่น เป็นเด็กฝึกปรุงยาที่บริสุทธิ์ไร้เดียงสา กำลังยืนยันความถูกต้องจากการศึกษาเล่าเรียนของตัวเองอยู่
เวลาผ่านไป และเมิ่งฮ่าวก็ไม่รู้ว่าได้เก็บเกี่ยวสมุนไพรไปแล้วเท่าไหร่ ตราบเท่าที่เขาจดจำต้นสมุนไพรได้ เขาก็เก็บมันเข้าไปในถุงสมบัติ
ในตอนแรก เมิ่งฮ่าวพบว่าตัวเองอยู่ห่างจากหนึ่งในมนุษย์ยักษ์นั้นหนึ่งร้อยจ้าง ในบางครั้ง เขาก็สังเกตว่ามันได้ปลูกต้นกล้าอย่างไร มันเพาะต้นกล้าไปรอบๆ ด้วยความระมัดระวัง ขณะปลูกลงไปในดิน
หลังจากนั้น เขาก็ยืนอยู่ใต้ต้นตาเดียว ที่มีดวงตาขนาดใหญ่กวาดมองไปรอบๆ เขาปีนขึ้นไปบนต้นตาเดียว เพื่อเก็บเกี่ยวหญ้าสีแดงซึ่งขึ้นอยู่ที่ลำต้นของมัน
ในที่สุด เขาก็อยู่ห่างออกไป ห่างไกลออกไปจากจุดเริ่มต้น สนามเพาะปลูกต้นสมุนไพรดูเหมือนจะไม่มีจุดสิ้นสุด ในความคาดคะเนของเมิ่งฮ่าว ยิ่งเป็นพื้นที่ซึ่งอยู่ห่างไกลออกไป ก็ยิ่งมีต้นสมุนไพรที่หายากมากขึ้น บางทีอาจจะมีต้นที่เคยสูญพันธุ์ไปแล้วตามตำนานก็เป็นได้
แต่อย่างไรก็ตาม ดินแดนในโลกแห่งนี้ช่างกว้างใหญ่ไพศาลนัก พื้นที่รอบข้างเขาเป็นสนามเพาะพืชสมุนไพรที่ยืดยาวออกไปจนไร้จุดสิ้นสุด ขณะที่เขาดำเนินการต่อไป เขาก็เริ่มตระหนักว่า จริงๆ แล้ว เขาแค่จำต้นสมุนไพรได้เพียงหนึ่งในร้อยส่วนเท่านั้น
“เต๋าแห่งการปรุงยาช่างไร้จุดสิ้นสุดจริงๆ” เขาคิดไป ถอนหายใจไป “มันช่างยากเหมือนกับการฝึกตน เป็นถนนที่ไม่มีวันสิ้นสุด เป็นด้านที่ทรงอำนาจของสวรรค์และปฐพี ตอนแรกข้าคิดว่าการจำได้มากกว่าห้าหมื่นต้นสมุนไพรก็น่าจะเพียงพอแล้ว แต่ตอนนี้ ข้ารู้แล้วว่าสมุนไพรหนึ่งแสนต้น เป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น” แต่อย่างไรก็ตาม ความดื้อรั้นก็ส่องประกายอยู่ในดวงตา การฝึกตนเช่นนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเสาแห่งเต๋า ทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นมากขึ้นกว่าเดิม
“ข้ามีจิตใจของนักศึกษา” เขากล่าว ย้ำเตือนตัวเองให้รู้สึกอุ่นใจขึ้น “ถึงแม้ว่าข้าไม่เคยตระหนักถึงแรงบันดาลใจของตัวเอง เมื่อข้าเริ่มศีกษาเรียนรู้ ข้าก็ก้าวหน้ามากไปกว่าเด็กฝึกปรุงยาคนอื่นๆ ทั้งหมดอย่างแท้จริง” เขาต้องเพ่งสมาธิ พยายามจดจำทุกสิ่งทุกอย่างที่เห็นให้มากที่สุด จากนั้นก็กลับไปวิเคราะห์ค้นคว้าข้อมูลจากบันทึกโบราณ
เวลาเลื่อนผ่านไปด้วยการกระทำเช่นนั้น ในที่สุด เสียงของระฆังก็ดังก้องไปทั่วแดนสวรรค์ ช่วงเวลาหนึ่งเดือนผ่านไปอย่างรวดเร็ว หมดเวลาแล้ว แต่เมิ่งฮ่าวก็รู้สึกยังไม่จุใจพอ ราวกับว่าเขาเพิ่งจะเริ่มต้น แต่เส้นใยแห่งแสงก็ปรากฎขึ้นในอากาศ เขาถอนหายใจออกมา มองไปยังแดนสวรรค์เป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่เส้นใยแห่งแสงจะพาเขาจากไป
เมื่อเด็กฝึกปรุงยาทั้งหมดปรากฎขึ้นอีกครั้งในหุบเขาต่างๆ แต่ละคนก็มีสีหน้าแตกต่างกัน ไม่ใช่เมิ่งฮ่าวเพียงคนเดียวที่ได้รับความรู้มากขึ้น ช่วงเวลาหนึ่งเดือนในแดนสวรรค์ เด็กฝึกปรุงยาทั้งหมดก็เช่นกัน
ในที่สุด ก็มีคนมารวบรวมพืชสมุนไพร ที่คนทั้งหมดเก็บเกี่ยวมา พร้อมด้วยแผ่นหยกซึ่งมีข้อมูลการเก็บเกี่ยวอยู่ด้วย เมิ่งฮ่าวเลือกที่จะไม่แอบทำสำเนาแผ่นหยกใดๆ ไว้ เขาได้อุทิศตนเป็นศิษย์สำนักจื่อยิ่นอย่างเต็มตัว และจะไม่ยอมเสี่ยงทำสิ่งใดๆ แม้แต่น้อยนิด ที่อาจทำให้ต้องถูกออกจากสำนักแห่งนี้ไป เขาส่งมอบพืชสมุนไพรที่เก็บเกี่ยวได้ทั้งหมดออกไป จากนั้นก็มุ่งหน้ากลับไปยังหุบเขาซึ่งเป็นที่ตั้งของบ้านตัวเองอย่างช้าๆ
เมื่อกลับมาถึงลานบ้าน เขาก็หยิบเอาม้วนตำราออกมา และเริ่มศึกษาในทันที เมื่อพบบางเรื่องที่เคยมองข้ามไป ใบหน้าเขาก็ส่องประกายด้วยความตื่นเต้น และพยายามจดจำข้อมูลเหล่านั้นไว้ในความทรงจำ
อีกสองเดือนผ่านไป เขาได้อยู่ในสำนักจื่อยิ่นมาครึ่งปี การค้นหาเมิ่งฮ่าวในโลกด้านนอกเริ่มลดน้อยลง สำนักและตระกูลต่างๆ ได้ค้นหาไปทั่วทั้งดินแดนด้านใต้ และยังคงไม่อาจพบเบาะแสใดๆ ของเมิ่งฮ่าวแม้แต่น้อย เริ่มมีการคาดเดาไปต่างๆ นาๆ แต่ก็ยังไม่อาจสรุปอะไรออกมาได้
เมิ่งฮ่าวได้ยินเรื่องราวต่างๆ ทั้งหมดนี้จากไป๋หยุนหลาย ซึ่งมีชื่อเสียงในเรื่องของการรอบรู้ทุกอย่าง มันไม่เพียงแต่จะรู้ข่าวสารล่าสุดเกี่ยวกับสำนักจื่อยิ่นเท่านั้น มันยังรู้เหตุการณ์ต่างๆ ของโลกด้านนอกดีอีกด้วย
เช้าวันหนึ่ง เมิ่งฮ่าวเดินออกมาจากบ้าน ไปนั่งอยู่ตรงลานบ้าน ยกมือขวาซึ่งมีต้นกล้าเล็กๆ อยู่ขึ้นมา สวนสมุนไพรของเขาเต็มไปด้วยต้นไม้มากมาย ทั้งหมดต่างก็ออกดอกบานเต็มที่ กลิ่นหอมของสมุนไพรกระจายเต็มอยู่ในอากาศ ทันใดนั้น สีหน้าเมิ่งฮ่าวก็ส่องประกาย และมองขึ้นไป
ไป๋หยุนหลายกำลังวิ่งมาตามทางที่คดเคี้ยวของลำธาร ก่อนที่มันจะมาถึง มันก็ตะโกนว่า “ศิษย์น้องฟาง, โอกาสดีมาแล้ว! ศิษย์พี่มีโอกาสอันยิ่งใหญ่มาให้เจ้า!”
เมิ่งฮ่าวยิ้ม เขาโบกสะบัดมือขวา และต้นสมุนไพรในมือก็หายไป ในเวลาเดียวกันนั้น ประตูลานบ้านก็เหวี่ยงเปิดออก ไป๋หยุนหลายวิ่งเข้ามา
“โอกาสอะไร?” เมิ่งฮ่าวถามพร้อมยิ้มให้ พื้นฐานฝึกตนของไป๋หยุนหลายธรรมดายิ่ง อยู่แค่ระดับเจ็ดหรือแปดของขั้นรวบรวมลมปราณ แต่มันถูกมองว่า เป็นคนที่ขาดไม่ได้ภายในสำนัก มันมักจะมาเยี่ยมเยียนเมิ่งฮ่าว และคนทั้งสองก็ใช้เวลาอยู่ร่วมกันพอสมควร
“มีศิษย์สายในจากแผนกลมปราณม่วง ขอร้องให้อาจารย์ปรุงยาลี่เทา ปรุงเม็ดยาบางอย่างให้มัน” ไป๋หยุนหลายพรั่งพรูออกมา “ลี่ตานชือ (อาจารย์ปรุงยาลี่) ขอให้ข้าช่วยจัดหาเด็กฝึกปรุงยาสองคนเป็นผู้ช่วยท่าน แน่นอนว่า สำหรับผู้ช่วยทั้งสองนี้ เจ้าเป็นคนแรกที่ข้าคิดไว้”
“รีบรวบรวมสิ่งของและไปกับข้า นี่เป็นโอกาสดีที่จะขยายความรู้การปรุงยาของเจ้า เด็กฝึกปรุงยามากมายต้องการจะไปเป็นผู้ช่วย แต่ลี่ตานชือมีบุคลิกที่แปลกประหลาด ไม่ต้องพูดอะไรอีกแล้ว ตามข้าไปเถอะ”
ดวงตาเมิ่งฮ่าวส่องประกาย เขารู้มานานแล้วว่า ศิษย์สายในของแผนกลมปราณม่วง มักจะร้องขอให้อาจารย์ปรุงยา ช่วยปรุงเม็ดยาให้กับพวกมัน ภายใต้เงื่อนไขที่ว่า ศิษย์แผนกลมปราณม่วงต้องรวบรวมสมุนไพร และหินลมปราณด้วยตัวเอง ถ้าอาจารย์ปรุงยาพึงพอใจก็จะช่วยปรุงยาให้
สำหรับเจ้าแห่งเตา ซึ่งมีตำแหน่งสูงกว่าอาจารย์ปรุงยา พวกมันเป็นผู้เชี่ยวชาญในเต๋าแห่งการปรุงยาเป็นอย่างดี และบรรลุขั้นพื้นฐานลมปราณ มีเพียงหนึ่งร้อยคนเท่านั้นทั้งสำนักจื่อยิ่นแห่งนี้ และแต่ละคนต่างก็อยู่ในตำแหน่งที่สำคัญเป็นอย่างมาก กล่าวโดยทั่วไป ศิษย์สายในไม่มีคุณสมบัติเพียงพอ ที่จะไปร้องขอความช่วยเหลือจากพวกมัน มีเพียงศิษย์แกนหลัก และผู้อาวุโสสำนักเท่านั้นที่จะร้องขอการปรุงยาจากเจ้าแห่งเตาได้
สำหรับเทพกระถางม่วง สามารถเทียบได้กับระดับต้าชือ (อาจารย์ใหญ่) แต่ละคนเป็นเหมือนของวิเศษอันล้ำค่าของสำนัก และทั้งหมดต่างก็เป็นศิษย์ของเจ้าโอสถจอมปีศาจ มีเพียงบุคคลที่ทรงอิทธิพลอย่างสูงในสำนักเท่านั้น ถึงจะร้องขอให้พวกมันช่วยปรุงยาให้ได้
ลี่ตานชือ ผู้ซึ่งไป๋หยุนหลายพูดถึง ไม่ใช่เจ้าแห่งเตา แต่เป็นหนึ่งในพันของอาจารย์ปรุงยา เมื่อมันพิจารณาถึงการจัดเตรียมสิ่งของ และจำนวนอาจารย์ปรุงยาที่มีอยู่น้อยในสำนัก มันจึงจำเป็นต้องหาเด็กฝึกปรุงยามาเป็นลูกมือ เมื่อต้องปรุงยาให้กับศิษย์แผนกลมปราณม่วง
เมิ่งฮ่าวลุกขึ้นยืนในทันที นี่เป็นโอกาสที่หายากอย่างแท้จริง เขาเข้าสังกัดสำนักกว่าครึ่งปีมาแล้ว และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ได้เผชิญกับโอกาสเช่นนี้ หลังจากประสานมือขอบคุณไป๋หยุนหลาย คนทั้งสองก็ไปพร้อมกัน ในไม่ช้า ก็มาถึงหุบเขาที่เชื่อมต่อระหว่างแผนกเม็ดยาบูรพา และแผนกลมปราณม่วง บุรุษอายุประมาณสามสิบปี ในชุดสีฟ้า ไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก ลี่ตานชือ กำลังรอคอยอยู่ที่นั่นอย่างค่อนข้างหงุดหงิด
ที่ยืนอยู่ข้างกายมันเป็นผู้ฝึกตนที่มีพื้นฐานฝึกตน อยู่ในขั้นต้นของพื้นฐานลมปราณ มันกำลังพูดคุยอยู่กับลี่ตานชือพร้อมรอยยิ้ม ท่าทางสุภาพเรียบร้อย
เมื่อเมิ่งฮ่าว และไป๋หยุนหลายเข้าไปใกล้ ดวงตาเมิ่งฮ่าวก็เจิดจ้าขึ้นเล็กน้อย เขาจำผู้ฝึกตนที่อยู่ข้างลี่ตานชือได้ มันไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก หลู่ซ่ง
สีหน้าเมิ่งฮ่าวสงบนิ่ง ขณะที่เขาและไป๋หยุนหลายเดินเข้าไป “อืม” เขาคิด “มันนั่นเองที่ต้องการให้ช่วยปรุงยา”
ลี่ตานชือขมวดคิ้ว ขณะที่มองมายังคนทั้งสอง “ในที่สุดพวกเจ้าก็มาแล้ว”
ไป๋หยุนหลายรีบเคลื่อนตัวไปข้างหน้าเพื่อพูดอธิบาย พร้อมกล่าวเยินยอเล็กน้อย ทำให้ลี่ตานชือมีสีหน้าอ่อนลง และมันโบกสะบัดชายแขนเสื้อ คนทั้งสามก็ติดตามหลู่ซ่งผู้สุภาพเรียบร้อยออกไปจากหุบเขา ขณะที่พวกเขาผ่านหุบเขาต่างๆ ภายในแผนกลมปราณม่วง เมิ่งฮ่าวก็สำรวจดูบริเวณรอบๆ อย่างเงียบๆ มีศิษยสำนักจื่อยิ่นให้เห็นค่อนข้างน้อยมาก
คนเหล่านี้ไม่ใช่ศิษย์ที่ฝึกฝนเต๋าแห่งการปรุงยา เมื่อพวกมันเห็นเมิ่งฮ่าวและคนอื่นๆ รอยยิ้มที่แสดงถึงความนับถือก็เต็มอยู่บนใบหน้า และพวกมันก็ประสานมือคารวะ
ในที่สุด หลู่ซ่งก็นำพวกเขามายังถ้ำแห่งเซียนของมัน ซึ่งตั้งอยู่ตรงครึ่งทางของเส้นทางขึ้นเขา มีทิวทัศน์ที่สวยงาม และด้านในก็ค่อนข้างกว้างขวาง รวมถึงมีการตกแต่งที่ยอดเยี่ยม เมื่ออยู่ในถ้ำ หลู่ซ่งก็ประสานมือ และโค้งตัวให้กับลี่ตานชือ
“ท่านพี่ลี่, ขอบคุณมากสำหรับความช่วยเหลือ” มันกล่าว “ชุดเม็ดยาเหล่านี้น่าจะมีประโยชน์เป็นอย่างมาก” จากนั้น มันก็หยิบถุงสมบัติยื่นส่งให้กับลี่ตานชือ
“ท่านช่างมีน้ำใจนัก” ลี่ตานชือกล่าว พยักหน้า ยิ้มน้อยๆ “โชคร้ายที่ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ข้าปรุงยาให้กับคนอื่น ข้าเกรงว่าข้าอาจจะไม่ใช่ตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับท่าน แต่เมื่อท่านเรียกร้อง ข้าก็ไม่อาจจะปฏิเสธได้” มันตรวจสอบถุงสมบัติด้วยจิตสัมผัสอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็โยนให้กับไป๋หยุนหลาย
หลู่ซ่งดูท่าทางอึดอัดใจเล็กน้อย แต่ภายในใจ มันกำลังด่าทอสาปแช่งอาจารย์ปรุงยาที่มักจะหากินด้วยการลักขโมยเช่นนี้ ถ้าพวกมันไม่ได้ถูกเชิญออกไปปรุงยา ในสถานที่ ที่สามารถสังเกตเห็นได้ พวกมันก็มักจะแอบขโมยเอาเม็ดยาไปบางส่วน ถ้าพวกมันปรุงยาสำเร็จก็จะคืนกลับมาให้แค่บางส่วน แต่ถ้าพวกมันล้มเหลว ก็ไม่มีทางที่พวกมันจะพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น นี่เป็นลักษณะของอาจารย์ปรุงยาที่มักจะพบเห็นในสำนัก
“ถ้าไม่ใช่ว่า ข้าไม่อาจปรุงยาด้วยตัวเองได้” หลู่ซ่งคิดอยู่ในใจ “และทางสำนักก็ไม่ยอมให้ทำเช่นนี้ ข้าก็คงไม่ต้องติดต่อขอความช่วยเหลือจากอาจารย์ปรุงยาเหล่านี้…” แต่อย่างไรก็ตาม ใบหน้าของมันก็ยังปกคลุมด้วยรอยยิ้ม มันโค้งตัวลงอีกครั้ง จากนั้นก็ชำเลืองมองมายังเมิ่งฮ่าว และไป๋หยุนหลาย คนทั้งสองไม่ได้อยู่ในขั้นพื้นฐานลมปราณ แต่มันก็รู้ว่าท่ามกลางเด็กฝึกปรุงยา ต้องมีคนที่ถูกเลื่อนขั้นเป็นอาจารย์ปรุงยาไม่วันใดก็วันหนึ่ง
ใบหน้าเมิ่งฮ่าวสงบนิ่ง แต่ภายในใจเขากำลังหัวเราะ ถ้าเขาแสดงใบหน้าที่แท้จริงออกมา หลู่ซ่งต้องคลุ้มคลั่งอย่างแน่นอน แต่ตอนนี้ มันกำลังยืนอยู่พร้อมรอยยิ้มที่สุภาพเรียบร้อย
ลี่ตานชือหัวเราะ มันรู้ดีว่าหลู่ซ่งกำลังคิดอะไรอยู่ มันกระแอมไอออกมา จากนั้นเตาปรุงยาก็ปรากฎขึ้น ในเวลาเดียวกันนั้น หินลมปราณสีแดงเข้ม ก็ลอยออกมาและไปหยุดนิ่งอยู่บนพื้น เตาปรุงยาลอยอยู่ในอากาศเหนือหินลมปราณ ใบหน้าลี่ตานชือเริ่มเศร้าหมองในทันที
“ข้าตรวจสอบสูตรปรุงยานี้แล้ว ด้วยความสามารถในเต๋าแห่งการปรุงยาของข้า มีโอกาสเพียงสี่ในสิบส่วนที่ข้าจะปรุงเม็ดยาหกประสานได้สำเร็จ ตั้งใจดูอย่างละเอียดทุกขั้นตอน ท่านจะได้ไม่ต้องสงสัยว่าข้าซุกซ่อนอะไรเอาไว้ ถ้าข้าทำผิดพลาด” เมื่อพูดจบ มันกดมือซ้ายลงไปบนเตาปรุงยา ผ่านไปสักพัก เตาปรุงยาก็เปลี่ยนเป็นสีแดง และเริ่มกระจายคลื่นความร้อนออกมา
“ดึงเส้นใบทั้งหกของต้นหญ้าเจ็ดกระชอนออกมา ต้องไม่ทำให้มันขาดเสียหาย ตามด้วยกลีบดอกเสียงเพลงเจ็ดกลีบ ต้องมีเกสรตัวผู้ติดมาด้วย เร่งปฏิกิริยามัน ใบซิ่ง (แอปริคอท) สีแดง ต้องเอามาจากต้นที่โตเต็มที่เจ็ดปี, เจ็ดเดือน, เจ็ดวัน ผิดแผกจากนี้มากกว่าสิบวันก็ไม่อาจใช้ได้” คำพูดลี่ตานชือเริ่มเร็วขึ้นเรื่อยๆ ชั่วอึดใจเดียว ก็พูดชื่อสมุนไพรออกมาแตกต่างกันสิบชนิด
ไป๋หยุนหลายเปิดถุงสมบัติออกในทันที ซึ่งด้านในก็เต็มไปด้วยพืชสมุนไพรนานาชนิด และเริ่มหยิบเอาต้นที่ต้องการออกมา ในตอนที่มันจัดเตรียมดอกเสียงเพลงเรียบร้อย เมิ่งฮ่าวก็เร่งปฏิกิริยาใบซิ่งแดงด้วยมือซ้าย และดึงเส้นใยจากต้นหญ้าเจ็ดกระชอนด้วยมือขวา ยื่นส่งให้ลี่ตานชือ
ลี่ตานชือเงยหน้าขึ้นมองเมิ่งฮ่าวชั่วครู่ จากนั้นก็พยักหน้าเล็กน้อย และเริ่มทำการปรุงยา มันพูดชื่อของสมุนไพรที่ต้องการเป็นระยะ ไป๋หยุนหลายนั่งเป็นใบ้อยู่ที่นั่นสักพัก พร้อมรอยยิ้มที่บอกบุญไม่รับ เมื่อมันตระหนักว่าฟางมู่เป็นผู้ช่วยของลี่ตานชือ ในขณะที่มันกลายเป็นผู้ช่วยของฟางมู่อีกที
อะไรก็ตามที่เขาต้องทำ เมิ่งฮ่าวก็จะทำได้เกือบจะในทันที ไม่เพียงแต่รวดเร็วเท่านั้น เขายังไม่เคยทำผิดพลาดอีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อถึงตอนเร่งปฏิกิริยา ก็ดูเหมือนเขาแทบจะไม่ต้องคิดเลย เขาทำได้อย่างสมบูรณ์แบบพร้อมความถูกต้องอย่างสูงสุด
ลี่ตานชือ ชำเลืองมองไปยังเมิ่งฮ่าวอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งในที่สุดก็เปลี่ยนเป็นดูด้วยความตกตะลึง อย่างรวดเร็ว, ดูเหมือนมันไม่ได้ดูถูกเมิ่งฮ่าวอีกต่อไป แต่มองเขาเหมือนกับอยู่ในระดับเดียวกัน
แม้แต่หลู่ซ่งจะสังเกตในสิ่งที่ลี่ตานชือพูดไว้ เมิ่งฮ่าวก็ทำงานได้เสร็จเกือบจะในทันที ที่คำพูดหลุดออกมาจากปากของมัน ลี่ตานชือสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ “ผู้ช่วยปรุงยาผู้นี้ คงไม่ใช่มนุษย์…”
ในตอนนี้เองที่ทันใดนั้น เสียงของหญิงสาวจากด้านนอกก็ดังเข้ามาในถ้ำแห่งเซียน
“หลู่ซ่ง, ท่านมีข่าวเกี่ยวกับเรื่องที่ข้าขอให้ช่วยสืบหาหรือไม่?”
ทันทีที่เมิ่งฮ่าวได้ยินเสียงนี้ ต้นสมุนไพรที่เขากำลังเร่งปฏิกิริยาอยู่ในตอนนี้ก็สั่นสะท้านขึ้นในทันใด