จริงๆ แล้ว หลี่ฟูกุ้ยอยู่คนละข้างกับหวังเถิงเฟย และมักจะกัดหวังเถิงเฟยแน่นไม่ยอมปล่อย ปกติแล้ว ไม่ว่ามันจะอยู่ภายใน หรือด้านนอกสำนัก มันก็มักจะพูดเหน็บแหนมแดกดันเรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับหวังเถิงเฟยอยู่เป็นประจำ
นี่แน่นอนว่า ทำให้หวังเถิงเฟยมีโทสะ แต่มันก็ไม่อาจจะทำอะไรได้ การไปตอแยหลี่ฟูกุ้ยไม่ใช่ทางเลือกที่ดี ความอาฆาตแค้นของพวกมันเป็นเรื่องเล็กน้อยของผู้เยาว์รุ่นหลัง ยิ่งไปกว่านั้น หลี่ฟูกุ้ย ก็มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งกับสำนักจินซวง ความแตกต่างระหว่างความสำคัญของหลี่ฟูกุ้ยกับสำนักจินซวง และความสำคัญของหวังเถิงเฟยกับตระกูลหวัง เป็นสิ่งที่ไม่อาจเปรียบเทียบกันได้
เจ้าอ้วน ทันใดนั้น ก็กระโดดขึ้นไปบนโต๊ะ สร้างความกระดากใจให้กับศิษย์สำนักจินซวงเป็นอย่างยิ่ง พวกมันทำได้แต่เพียงส่งเสียงไอแห้งๆ ออกมาเล็กน้อย และมองไปขณะที่มันแผดร้องออกมา “อา, รักแท้ สหายเต๋าทั้งหลาย ข้าจะมองไม่เห็นสิ่งนั้นได้จริงๆ? มันเป็นความรักที่แท้จริงอย่างแน่นอน ข้า, หลี่ฟูกุ้ย จะทำสิ่งใดๆ เพื่อแยกคู่รักเช่นนั้นได้? ข้าจะทำเช่นนั้นจริงๆ เพียงเพื่อสหายสนิทของข้าหวังเถิงเฟย? ข้าจะไปรบกวนฉากของความรักที่แท้จริง? ไม่มีทาง! ข้าไม่มีทางที่จะทำสิ่งเช่นนั้นได้!”
“มักมีคำกล่าวที่ว่า คำพูดของความรัก สามารถอยู่เหนือบางสิ่งหรืออย่างอื่น ข้าลืมไปแล้ว แต่ครั้งหนึ่งก็มีบางคนได้บอกข้าเกี่ยวกับบางอย่าง จริงๆ แล้ว ก็เป็นสหายที่ดีที่สุดที่ข้าเคยมีได้บอกไว้ เป็นบุคคลที่ข้ายอมรับมากที่สุดในโลกนี้ มันได้บอกข้าว่า ความรักเป็นสิ่งที่มีค่ามากที่สุดในโลกนี้ มีค่ามากกว่าแม้แต่หินลมปราณหลายล้านก้อน!” ขณะที่มันพูด ฟันขนาดใหญ่เป็นพิเศษของมันก็มองเห็นได้ชัดเจน ในตอนจบ มันก็เริ่มสำลักและเริ่มร้องเสียงดังออกมา
เมื่อเห็นเช่นนั้น ก็ทำให้สมาชิกของตระกูลซ่งยิ้มอย่างแห้งแล้งออกมา ผู้ฝึกตนสำนักเซี่ยเยาก็มองไปยังเจ้าอ้วนด้วยสีหน้าแปลกๆ
หลี่ชือฉีขมวดคิ้ว แต่ก็ไม่พูดอะไรออกมา หวังโหย่วฉายยังคงนั่งเงียบอยู่เช่นเดิม ถึงแม้จะมีรอยยิ้มน้อยๆ ปรากฎขึ้นบนใบหน้าของมันก็ตาม
“ดังนั้น” เจ้าอ้วนพูดต่อ เริ่มตื่นเต้นมากขึ้นเรื่อยๆ “ข้าจึงแสร้งทำเป็นไม่เห็นพวกมัน แต่มันก็ทำให้ข้ารู้สึกว่า หวังเถิงเฟย จริงๆ แล้ว ช่างใช้การไม่ได้นัก ยิ่งไปกว่านั้น มันช่างไร้ยางอายอย่างสิ้นเชิง ทุกคนต่างก็มองเห็นว่ามันเป็นความรักที่แท้จริง ถ้าข้าเป็นหวังเถิงเฟย ข้าก็จะส่งมอบสาวงามออกไปพร้อมรอยยิ้ม”
“ผู้ฝึกตนลึกลับผู้นั้น ในแง่ของรูปร่างหน้าตา, พลังฝึกตน, ทุกสิ่งทุกอย่าง เห็นได้ชัดว่าเหนือกว่า และดีกว่าหวังเถิงเฟยมากมายนัก น่าเศร้าจริงๆ…”
ทันใดนั้น เสียงตะโกนอย่างมีโทสะก็ได้ยินออกมาจากกลางอากาศ
“หลี่ ฟู กุ้ย!!!” รังสีสังหารกระจายออกมาจากร่างหวังเถิงเฟย ขณะที่มันพุ่งออกมาจากกลุ่มคนที่ลอยอยู่กลางอากาศ ตลอดร่างของมันราวกับกระบี่อันแหลมคม ที่กำลังจะแทงตรงไปยังหลี่ฟูกุ้ย
ก่อนที่มันจะเข้าไปใกล้กว่านั้น ศิษย์สำนักจินซวงที่อยู่ด้านหลังหลี่ฟูกุ้ย ทะยานขึ้นไปด้วยความเร็วอย่างน่าตกใจ เพียงชั่วพริบตา พวกมันก็พุ่งตรงไป หนึ่งในพวกมัน บุรุษร่างสูง สวมใส่ชุดรัดกุม ส่งเสียงเย็นชาอยู่ในลำคอ และกำมือเป็นหมัด กระแทกขึ้นไปในอากาศ ระลอกคลื่นแห่งพลังกระจายออกมาจากมันไปทั่วทุกทิศทาง และเสียงกระหึ่มกึกก้องดังเต็มอยู่ในอากาศ สีหน้าหวังเถิงเฟยเปลี่ยนไป
หวังซีฟ่านระเบิดพลังออกมาด้วยความเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ มันอยู่ที่เบื้องหน้าหวังเถิงเฟยในทันที โบกสะบัดสองมือออกไปข้างหน้า
เสียงระเบิดดังก้องออกมา ใบหน้าหวังซีฟ่านซีดขาวไร้สีเลือด ขณะที่มันคว้าจับหวังเถิงเฟย และล่าถอยไปยังด้านหลัง มันชำเลืองกลับไปอย่างอาฆาตยังบุรุษร่างสูงใหญ่จากสำนักจินซวง
“สมาชิกจากตระกูลหวัง, โปรดให้เกียรติกันด้วย” บุรุษร่างสูงใหญ่พูดเสียงราบเรียบ พลังขั้นสร้างแกนลมปราณของมันพุ่งพล่านปั่นป่วนออกมา
กลุ่มของเมิ่งฮ่าวแยกออกมาร่อนลงไปบนพื้น เมิ่งฮ่าวมีสีหน้าแปลกๆ และส่งเสียงไอออกมาเบาๆ เขามองไปยังเจ้าอ้วนที่กำลังซ่อนตัวอยู่ด้านหลังบุรุษร่างสูงใหญ่ สิ่งที่เจ้าอ้วนเพิ่งจะพูดไปค่อนข้างน่าอายเป็นอย่างยิ่ง และทำให้เมิ่งฮ่าวรู้สึกผิดอยู่เล็กน้อย
“เห็นหรือไม่?” เฉินฟ่านพูดขึ้นอย่างเงียบๆ “หลี่ฟูกุ้ยไม่ใช่คนตัวเล็กๆ ในสำนักจินซวงอีกแล้ว ตอนนี้เมื่อข้าคิดดูแล้ว สถานการณ์ในปัจจุบันนี้ของหวังเถิงเฟย ช่างน่าเห็นใจเป็นอย่างยิ่ง ศิษย์น้อง เจ้าเคยเห็นฉู่อวี้เยียนหรือไม่? อ้าย, ข้าอยากรู้จริงๆ ว่าผู้ฝึกตนที่มีความสัมพันธ์กับสหายเต๋าฉู่อวี้เยียนจะมาจากสำนักไหนกันแน่…”
“อืม…ใช่แล้ว ข้าเคยเห็นนางมาก่อน…” เมิ่งฮ่าวพูดด้วยความลังเล ไม่มั่นใจว่าต้องพูดอะไรดี
เฉินฟ่านถอนหายใจ “ข้าหวังจริงๆ เลยว่า จะมีโอกาสได้พบกับคนผู้นั้นในวันใดวันหนึ่ง มันต้องเป็นคนที่ยอดเยี่ยมเป็นอย่างยิ่ง ที่สามารถคว้าฉู่อวี้เยียนไปจากหวังเถิงเฟยได้ อา, ด้วยความสามารถเช่นนั้น มันต้องเป็นบุรุษอย่างแท้จริง”
“ความสามารถเช่นนั้น, ความสามารถเช่นนั้น…” เมิ่งฮ่าวรู้สึกผิดมากยิ่งขึ้น ก้มหน้าลง เขาค่อยๆ ถอยหลังไปยังรอบนอกอย่างช้าๆ ในเวลาเดียวกันนั้น เขาก็มองไปยังกลุ่มฝูงชน ทันใดนั้น เขาก็สังเกตเห็นหวังโหย่วฉาย และเขาก็จ้องไปด้วยความตกใจ หวังโหย่วฉายนั่งอยู่ที่นั่นด้วยความเงียบขรึม หลบเลี่ยงจากสายตาของเมิ่งฮ่าว
“หวังเถิงเฟย, เจ้ากล้าโจมตีข้าจริงๆ?” เจ้าอ้วนกล่าว ยื่นหน้าออกมาจากด้านหลังของบุรุษร่างสูงใหญ่ และชี้ไปยังหวังเถิงเฟย “ท่านย่ามันเถอะ!” มันคำรามออกมา “เจ้ากล้าโจมตีข้าจริงๆ? จากกฎของลำดับรุ่นแห่งห้าสำนักใหญ่ และสามตระกูลดัง ข้าเป็นอาจารย์ลุงของเจ้า เจ้าบังอาจมาระรานผู้อาวุโสของเจ้าจริงๆ?!” เจ้าอ้วนตบไปยังถุงสมบัติ หยิบเอาหินลมปราณออกมา ใส่เข้าไปในปากขบเคี้ยว เสียงกร้วม…กร้วม ดังออกมา ขณะที่มันขบฟันลงไป มันช่างเป็นภาพที่ดุร้ายนัก
หลังจากขบเคี้ยวหินลมปราณจนแหลกเป็นชิ้นๆ เจ้าอ้วนก็ยื่นมือออกไป บุรุษร่างสูงใหญ่พร้อมรอยยิ้มอันแห้งแล้ง หยิบขวดหยกยื่นส่งไปให้ เจ้าอ้วนหย่อนมันเข้าไปในปาก
“หลี่ฟูกุ้ย, เจ้ามันมากเกินไป!” หวังเถิงเฟยขบฟันจนแน่น แม้ขณะที่คำพูดหลุดออกมาจากปากมัน เจ้าอ้วนก็หลับตาลง
“สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างพวกมันคือรักแท้” เจ้าอ้วนกล่าว “เจ้าเข้าใจหรือไม่ว่ารักแท้คืออะไร? รักแท้ที่เกิดขึ้นระหว่างคู่หมั้นของเจ้าฉู่อวี้เยียนและบุรุษผู้นั้น ข้าได้เห็นมันด้วยสองตาของข้าเอง ทำไมเจ้าถึงต้องสอดแทรกเข้าไปด้วย?!” กลุ่มคนรอบๆ บริเวณนั้นเริ่มส่งเสียงหัวเราะออกมา ทำให้ใบหน้าของหวังเถิงเฟยเพิ่มความกราดเกรี้ยวมากยิ่งขึ้น
“ถ้าเจ้าเพียงแต่เข้าใจ อา, รักแท้ มันช่างหาค่ามิได้! ข้านับถือสหายเต๋าผู้นั้นจริงๆ มันช่างมีความสามารถนัก มันช่างจัดการเรื่องราวได้เชียวชาญอย่างแท้จริง…” ขณะที่เจ้าอ้วนปราศัยของมันต่อไป เมิ่งฮ่าวก็ถอยออกไปด้านหลังอย่างต่อเนื่อง แต่เขาก็ยังไม่เร็วพอ ทันใดนั้น โจวต้าหยาก็จ้องตรงมาที่เขา สีหน้าไม่อยากจะเชื่อและประหลาดใจ ปกคลุมไปทั่วใบหน้าของมัน
จิตใจเมิ่งฮ่าวเริ่มเต้นรัว ถึงแม้ว่า เขาจะพยายามทำสิ่งใดๆ ด้วยความระมัดระวัง แต่เขาก็ไม่เคยคาดคิดว่า จะได้เห็นภาพเช่นนี้เกิดขึ้นในวันนี้ เขาต้องการจะซ่อนตัว แต่ทันใดนั้น เสียงของโจวต้าหยาก็ดังขึ้น
“นั่นคือมัน!!” มันตะโกน ชี้นิ้วตรงมายังเมิ่งฮ่าว ดูเหมือนมันจะกลัวว่าผู้คนจะจำเขาไม่ได้ “นั่นคือมัน! นั่นคือผู้ฝึกตนที่ข้าเห็นพร้อมกับฉู่อวี้เยียน!!”
โจ้วต้าหยา ช่างสมกับชื่อของมันจริงๆ ซึ่งก็หมายถึง ‘ปากใหญ่’ มันไม่เพียงแต่จะชอบซุบซิบนินทา มันยังมีเสียงที่ดังมากอีกด้วย เสียงของมันดังฟังชัด ทำให้ความสนใจของทุกคน มุ่งตรงไปยังนิ้วที่มันชี้ ซึ่งตกกระทบมายังเมิ่งฮ่าวในทันที
ใบหน้าเมิ่งฮ่าวเปลี่ยนไป ศิษย์สำนักกูตู๋เจี้ยนที่ยืนอยู่รอบๆ นั้น ต่างก็จ้องมาที่เขาด้วยความตกใจ และขยับตัวห่างออกไปโดยไม่รู้ตัวในทันที ไม่ช้า เขาและเฉินฟ่านก็ยืนอยู่ที่นั่นอย่างโดดเดี่ยว
เฉินฟานอ้าปากค้างมองไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยความงุนงงเช่นกัน มันมีสติกลับคืนมาอย่างรวดเร็ว แต่สุดท้าย ก็รีบเดินไปยังด้านข้างด้วยความเร่งรีบ มันไม่ต้องการให้เกิดการเข้าใจผิดใดๆ จากการยืนอยู่ข้างเมิ่งฮ่าว ถ้ามีใครต้องการจะข่มเหงเมิ่งฮ่าว มันต้องทะยานออกไปช่วยในทันที แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้เป็นเรื่องอื้อฉาวของความรักอันน่าซาบซึ้ง…
ขณะที่มันถอยออกไปยังรอบนอก ดวงตาเฉินฟ่านก็เริ่มส่องแสงเจิดจ้า ท่าทางไม่อยากจะเชื่อและความยอมรับนับถือ ก็เต็มอยู่ในดวงตา
ขณะที่โจวต้าหยาชี้ไปยังเมิ่งฮ่าว ศิษย์สำนักกูตู๋เจี้ยนทั้งหมดก็จ้องไปที่เขา เช่นเดียวกับผู้ฝึกตนจากตระกูลหวัง, ตระกูลซ่ง และสำนักเซี่ยเยา ทุกคนต่างก็มองไปยังเมิ่งฮ่าว
หลี่ชือฉี แห่งสำนักเซี่ยเยา มีสีหน้าแปลกๆ นางได้สังเกตเห็นเมิ่งฮ่าวก่อนหน้านี้ ในตอนนี้ นางแค่นเสียงออกมา หันหน้าไปไม่สนใจเขาอีก หวังเถิงเฟยจ้องไปที่เมิ่งฮ่าวด้วยความตกใจ
ขณะที่หวังเถิงเฟย ยืนนิ่งราวเป็นใบ้ จ้องมายังเมิ่งฮ่าวอยู่ที่นั่น เส้นเลือดเริ่มกระจายไปบนใบหน้าของมัน และดวงตาก็เต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอย มันคิดกลับไปยังทายาทของมังกรปีกวารี, การคัดเลือกศิษย์สายในของสำนักเอกะเทวะ มันคิดไปถึงความรู้สึกของมัน ตอนที่อยู่ในถ้ำของมังกรปีกวารี ความอัปยศอดสู และโทสะของมัน พุ่งขึ้นไปถึงสวรรค์ชั้นฟ้า
ทุกสิ่งทุกอย่างเงียบสงบโดยสิ้นเชิง ดวงตาทุกคู่ต่างก็มองมายังเมิ่งฮ่าว แน่นอนว่า ในวันก่อนหน้านี้ ข่าวลือเกี่ยวกับฉู่อวี้เยียน ที่ถูกพบเห็นว่าได้อยู่กับบุรุษแปลกหน้า ได้กระจายไปทั่วทั้งห้าสำนักใหญ่ และสามตระกูลดัง
มันเริ่มมาจากในสำนักจินซวง ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวกับข่าวลือนั้น สมเหตุสมผล และค่อนข้างชัดแจ้ง ไม่มีใครรู้ และทุกคนก็สงสัยว่า บุรุษแปลกหน้าผู้นั้นจะเป็นใคร แต่ตอนนี้ ในที่นี้ เบื้องหน้าของสายตาทุกคู่ ได้มุ่งชี้ไปยังเมิ่งฮ่าว
เจ้าอ้วนจ้องไปด้วยความตกใจ มันยืนอย่างงุนงงสักพัก จากนั้นก็ลูบตาของมันอย่างจริงจัง ทันใดนั้น มันก็เริ่มมีท่าทางตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง
ขณะที่มันกำลังจะวิ่งออกไป ลำแสงสิบสองลำหรือมากกว่านั้น ก็ใกล้เข้ามาจากที่ห่างไกล ขณะที่พวกมันส่งเสียงแหลมเล็กแหวกฝ่าอากาศลงมา ก็เห็นได้ชัดว่านี่คือสำนักจื่อยิ่น!
ฉู่อวี้เยียนไม่ได้มากับพวกมันด้วย แต่ก็มีสองคนที่เมิ่งฮ่าวจำได้ พวกมันไม่ใช่ใครอื่นนอกจาก เชียนสุ่ยเหิน และหลู่ซ่ง ซึ่งตอนนี้ต่างก็อยู่ในขั้นต้นของพื้นฐานลมปราณ
ที่บินอยู่ด้านข้างของพวกมันเป็นบุรุษหนุ่มที่มีสีหน้าเย็นชา ร่างของมันเปล่งประกายของพลังขั้นสุดท้ายพื้นฐานลมปราณออกมา และดูเหมือนจะมีตำแหน่งเป็นที่เคารพยิ่ง ท่ามกลางกลุ่มของศิษย์สำนักจื่อยิ่น
ในเวลาเดียวกันนั้น ลำแสงอีกสิบลำก็ปรากฎขึ้น นี่เป็นสำนักชิงหลัว หานเป้ยผู้งดงามอยู่ท่ามกลางพวกมัน นางสวมใส่ชุดของบุรุษ แต่มองเพียงแค่แวบเดียว ก็เพียงพอจะรู้ว่านางเป็นหญิงสาว นางกำลังพูดคุยและหัวเราะ กับสมาชิกของตระกูลซ่ง ขณะที่บินลงมายังพื้นที่สี่เหลี่ยมจัตุรัสนี้
การมาถึงของสำนักจื่อยิ่น และสำนักชิงหลัว เป็นธรรมดาที่ทำให้สมาชิกของสำนักต่างๆ ต้องมองหาสหายและเดินเข้าไปหา แต่ในตอนนี้เกิดบรรยากาศแปลกๆ ขึ้นกระจายไปทั่วในบริเวณนั้น ผู้คนเกือบทั้งหมดเพียงแค่เหลือบมองไปชั่วขณะ ยังกลุ่มคนที่มาใหม่ของสองสำนักนั้น
ทันทีที่โจวต้าหยา มองเห็นว่ามีผู้คนมาเพิ่มมากขึ้น มันก็ตะโกนออกมาอีกครั้ง เสียงของมันดังมากกว่าเดิม “นั่นคือมัน! นั่นเป็นผู้ฝึกตนที่ข้าเห็นอยู่กับฉู่อวี้เยียน นางกำลังห่มเสื้อผ้าของมัน…” จริงๆ แล้ว มีความแตกต่างเป็นอย่างมากระหว่าง ‘ใส่เสื้อผ้าของมัน’ และ ‘ห่มเสื้อผ้าของมัน’ ผู้ฝึกตนจากสำนักจื่อยิ่นทั้งหมดหยุดลง และจ้องมายังเมิ่งฮ่าว
สำหรับศิษย์ของสำนักจื่อยิ่น, พวกมันจะไม่รู้ข่าวลือที่เกี่ยวข้องกับฉู่อวี้เยียนได้อย่างไร? สำหรับเชียนสุ่ยเหินและหลู่ซ่ง ทันทีที่พวกมันมองเห็นเมิ่งฮ่าว ดวงตาก็เบิกกว้าง และจ้องมาด้วยความตกใจ จากนั้นดวงตาของพวกมันก็เริ่มแสดงความเกลียดชังออกมา
ผ่านมาหลายปีแล้ว ตั้งแต่ที่พวกมันได้พบกับเมิ่งฮ่าว แต่สิ่งที่พวกมันได้รับในปีนั้นช่างเลวร้ายนัก แม้จนกระทั่งถึงทุกวันนี้ ผู้คนก็ยังคงพูดถึงสิ่งที่ได้เกิดขึ้นนั้น เหตุการณ์ที่สร้างความเกลียดชังให้กับพวกมันลึกลงไปจนถึงกระดูก มันเป็นความอัปยศอันยิ่งใหญ่ ที่ได้รับมาตลอดชีวิตของพวกมัน
เชียนสุ่ยเหิน จ้องไปยังเมิ่งฮ่าว และมันก็เริ่มหายใจอย่างรุนแรง รังสีสังหารเริ่มกระจายออกมาภายในดวงตาของหลู่ซ่ง
“บัดซบ, มันคือเจ้า!!”
“มันก็คือเจ้า!!”
คนทั้งสองแผดร้องออกมา ทำให้พวกที่มุงดูอยู่ตกใจมากขึ้น รายละเอียดในเรื่องของฉู่อวี้เยียนยังคงไม่ชัดเจน แต่โทสะที่รุนแรงของสองศิษย์สำนักจื่อยิ่นนี้ ก็เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่เรื่องล้อเล่น เป็นที่ประจักษ์ว่าพวกมัน เกลียดชังเมิ่งฮ่าวลึกลงไปจนถึงไขกระดูก
———-
โจวต้าหยา … แซ่โจว, ต้า=ใหญ่, หยา=ฟัน … แต่ในที่นี้ผู้แต่งหมายถึงปากใหญ่ หรือ พูดมาก แทน