วันอังคารที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2560

ตอนที่ 182 : หนึ่งคน หนึ่งนก

Posted By: wuxiathai - 22:33
รุ่งอรุณเมิ่งฮ่าวลืมตาขึ้น จากนั้นก็รีบหลับตาลงอีกครั้งในทันที
“ช่างเป็นสหายที่ดีอะไรเช่นนี้! ในหลายชีวิตของข้าที่ผ่านมา ข้ามีเพียงตัวเองให้พูดคุยด้วย ข้าไม่เคยรู้เลยว่าการพูดกับตัวเองมันน่าเบื่อมากแค่ไหน…และข้าก็ไม่เคยรู้เลยว่าทำไมทุกคนถึงได้เกลียดข้ามากมายนัก พวกมันยังได้เรียกข้าว่าสุดยอดความรำคาญอีกด้วย…”
“ใช่แล้ว! ข้าไม่เคยได้พูดคุยเช่นนี้มาตลอดเวลาที่ข้าอยู่ในสำนักกูตู๋เจี้ยนเลย”
“มา มา, ตอนนี้พวกเราก็จบการพูดถึงดวงตะวันในยามเที่ยงแล้ว พวกเรามาพูดเกี่ยวกับตอนบ่ายกันเถอะ…”
ตอนสายยามเช้า…แสงอาทิตย์สาดส่องเข้าไปในบ้าน เมิ่งฮ่าวลืมตาขึ้น และจ้องไปด้วยความงุนงงยังเฉินฟ่าน และผีโต้ง เขาถอนหายใจออกมา และเข้าฌาณต่อไป
“ข้าขอบอกเจ้าว่า ข้าเคยป่วยในตอนบ่าย ข้ายังจำได้ถึงตอนบ่ายในปีหนึ่งเมื่อข้า…”
“เจ้าพูดถูก! ข้าก็เหมือนกัน แต่มีเพียงสิ่งเดียวที่ข้าทำได้ในช่วงนั้นก็คือกัดฟันของข้า…”
หลายชั่วยามผ่านไป ในไม่ช้าก็เป็นตอนบ่าย เมิ่งฮ่าวลืมตาขึ้นมาสองสามครั้ง แต่สิ่งที่เขาสามารถทำได้ก็คือหัวเราะอย่างขมขื่น และหลับตาลงอีกครั้ง
เฉินฟ่านและผีโต้ง ได้พูดคุยกันตลอดทั้งคืน จนผ่านมาถึงตอนเช้า หนึ่งคน หนึ่งนก ดูเหมือนจะไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย และจริงๆ แล้ว พวกมันก็ดูมีชีวิตชีวาเป็นอย่างยิ่ง
เมิ่งฮ่าวต้องยอมรับศิษ์พี่เฉินอย่างช่วยไม่ได้ ดูเหมือนมันจะเป็นคู่แข่งของผีโต้งได้อย่างแท้จริง
เมิ่งฮ่าวนั่งอย่างเงียบๆ เขาต้องการจะลุกขึ้นยืน แต่ก็เกรงว่าเฉินฟ่านและผีโต้ง จะลากเขาเข้าไปในการพูดคุยกับพวกมันด้วย เขาสูดลมหายใจ จากนั้นก็หลับตาลง แสร้งเป็นไม่ได้ยินสิ่งที่พวกมันกำลังพูดคุยกัน
ในที่สุด ดวงตะวันก็เริ่มตกลงมา…
“ข้าชอบดวงอาทิตย์ตกมากที่สุด ทุกครั้งที่ข้ามองไปยังดวงตะวันที่เส้นขอบฟ้า ข้าก็คิดไปถึงเวลานั้นในปีหนึ่ง เมื่อข้ายังเป็นผีโต้งตัวน้อยๆ ข้า…”
“ตะวันตกดินช่างยอดเยี่ยมเป็นอย่างยิ่ง ท่านรู้หรือไม่ ท่านคงไม่รู้ว่าการฝึกวิถีเซียนมันช่างยากเย็นมากมายเพียงใด โอ, นั่นทำให้ข้านึกขึ้นได้ ตลอดหลายปีที่ผ่านมา จริงๆ แล้ว ข้าได้รวบรวมเรื่องราวต่างๆ มากกว่าพันเรื่องเกี่ยวกับช่วงอาทิตย์ตก ข้าอยากจะเล่าให้ท่านฟังทั้งหมดจริงๆ มา มา ข้าจะเริ่มด้วยเรื่องแรกก่อน…”
ดวงตะวันตกลงไปแล้ว และยามพลบค่ำก็ผ่านไป ในที่สุดก็เป็นยามราตรีอีกครั้ง หนึ่งคน หนึ่งนก พูดคุยกันตลอดเวลาอย่างไม่จบไม่สิ้น ผ่านมาหนึ่งวันและหนึ่งคืน พวกมันคุยกันต่อไป ดูเหมือนจะไม่มีความเหนื่อยล้าเลยแม้แต่น้อย เมื่อถึงยามเที่ยงคืน ในที่สุด ก็ดูเหมือนเฉินฟ่านจะไม่อาจคุยต่อไปได้อีก
“อืม, ทำไมพวกเราไม่พักกันสักครู่?”
“ไม่มีทาง! ข้าไม่ค่อยมีโอกาสได้พูดคุยเช่นนี้มากนัก พวกเรายังไม่ได้พูดเกี่ยวกับความหมายของชีวิตเลย อา, ความหมายของชีวิต ช่างเป็นดอกไม้ที่สวยงามอะไรเช่นนี้ โอ, ใช่แล้ว ข้าลืมไป ก่อนที่พวกเราจะคุยเกี่ยวกับความหมายของชีวิต พวกเราจำเป็นต้องคุยเกี่ยวกับแสงจันทร์ก่อน…”
“อืม…ถูกต้อง จริงๆ แล้ว ข้าก็มีเรื่องราวมากกว่าสามพันเรื่องเกี่ยวกับแสงจันทร์…”
“อี๋? ข้าก็มีเรื่องเล่าเช่นกัน จริงๆ แล้ว ข้ามีถึงหนึ่งหมื่นเรื่อง เจ้าพูดก่อน แล้วข้าค่อยพูดทีหลัง”
เมิ่งฮ่าวเกือบจะพังทะลายลงไปแล้วในตอนนี้ ดวงตาของเขามีแต่เส้นเลือดฝอย และหอบหายใจ ขณะที่บังคับตัวเองให้ใจเย็นๆ และนั่งเข้าฌาณต่อไป
ยามราตรีผ่านไปอย่างช้าๆ ด้านนอก ทุกสิ่งทุกอย่างเงียบสงบ แต่ภายในห้อง หนึ่งคน และหนึ่งนกได้มาถึงจุดสุดท้ายของการพูดคุย แสงอาทิตย์ยามเช้าตรู่ สาดส่องเข้ามาในบ้านอีกครั้ง ใบหน้าเฉินฟ่านซีดขาวเล็กน้อย และดวงตาก็แดงก่ำ
“พวกเราหยุดพักกันสักครู่…ข้า…ข้ามีงานต้องทำในวันนี้…”
“ไม่มีทาง! ข้ายังพูดไม่จบเลย พวกเรายังไม่ได้พูดถึงความหมายของชีวิตเลย ตอนนี้ข้าได้จบเรื่องราวหมื่นเรื่องเกี่ยวกับแสงจันทร์แล้ว พวกเรามาคุยกันต่อ”
ยามเช้าผ่านไป และในไม่ช้าก็เป็นยามบ่าย จากนั้นดวงอาทิตย์ก็ตกอีกครั้ง เฉินฟ่านมีท่าทางซึมเซา ขณะที่มันจ้องไปยังนกแก้วที่กำลังพูดพล่ามอยู่ตลอดเวลา ความยอมรับก็เริ่มปรากฎขึ้นอย่างช้าๆ ในดวงตาของมัน
“ตอนนี้ พวกเราก็ได้สร้างบรรยากาศการพูดคุยเป็นอย่างดีแล้ว ในที่สุดพวกเราก็ได้คุยกันถึงความหมายแห่งชีวิตซะที อี๋…? ด้านนอกมืดแล้ว ข้าเพิ่งจะคิดว่า เมื่อพวกเราพูดเกี่ยวกับอาทิตย์ตกดิน ข้าก็ลืมไปว่ายังมีสามหมื่นเรื่องที่ต้องพูดถึง มันต้องไม่เป็นเช่นนั้น ข้าไม่มีโอกาสเช่นนี้บ่อยนัก ข้าจำเป็นต้องเล่าให้เจ้าฟังถึงเรื่องพวกนั้น…” ผีโต้งกระแอมไอสองสามครั้ง จากนั้นก็เริ่มพูดขึ้นอีกครั้ง
หนึ่งชั่วยามผ่านไป จนกระทั่งในที่สุดความอดทน และการพูดคุยที่ยืดยาวของเฉินฟ่าน ก็สิ้นสุดลง “ข้า…ข้าต้องไปทำงานบางอย่างจริงๆ…” เฉินฟ่านกล่าว ลุกขึ้นยืนในทันที
ร่างของมันส่ายไปมาเล็กน้อย จากนั้นก็ถอยหลังไปสองสามก้าว สีหน้าซีดขาวราวไร้สีเลือด เมิ่งฮ่าวลืมตาขึ้น และมองอย่างชื่นชมไปยังเฉินฟ่าน มันเพิ่งจะคุยแบบไม่หยุดเลยตลอดสองวันและสองคืนที่ผ่านมา…
มันมักจะคิดกับตัวเองว่า มันเป็นคนที่สามารถพูดได้ตลอดเวลา แต่ตอนนี้มันรู้แล้วว่า นั่นเป็นความคิดที่ผิดมาก เจ้านกนั่นสามารถพูดได้มากกว่ามัน! โดยไม่รอให้เมิ่งฮ่าวพูดจา เฉินฟ่านเปิดประตูและรีบหนีออกไป
“ศิษย์พี่” เมิ่งฮ่าวเรียกมัน “ข้าคิดว่าท่านมีความสัมพันธ์อันดีกับเจ้านกแก้วพูดมากนี้ ทำไมท่านถึงไม่นำมันไปด้วย…”
เฉินฟ่าน ทันใดนั้น ก็เดินโซเซ และใบหน้าก็บิดเบี้ยว โดยไม่ยอมลังเลแม้แต่น้อย ร่างของมันกลายเป็นลำแสงหายลับตาไปในทันที
“ช่างเป็นสหายที่ดีอะไรเช่นนี้” ผีโต้งนกแก้วกล่าว พร้อมกับถอนหายใจออกมา “ข้าชักชอบศิษย์พี่เฉินของเจ้าแล้วจริงๆ ข้าไม่เคยพบใครมาหลายปีแล้ว ที่สามารถพูดคุยกับข้าได้อย่างยาวนานเช่นนี้ อี๋? พวกเรายังไม่ได้พูดถึงความหมายของชีวิตเลย!”
หนังศีรษะของเมิ่งฮ่าว ทันใดนั้น ก็เริ่มด้านชา การที่สามารถกระตุ้นปฏิกิริยาของศิษย์พี่เฉินได้เช่นนี้ ก็แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของผีโต้งได้อย่างแท้จริง ช่างเป็นพลังที่ยากจะพบเห็นได้ในโลกนี้จริงๆ
“มันแย่มากที่ข้าไม่สามารถพูดได้จนจบ” ผีโต้งพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “มันเพิ่งจะเริ่มตื่นเต้นเอง ตอนนี้มันก็จบลงแล้ว?” มันพูดต่อไป บินไปเกาะอยู่บนไหล่เมิ่งฮ่าว “ทำไมเจ้าถึงไม่พูดกับข้าบ้าง ข้ารู้สึกเหงาเล็กน้อย…”
ใบหน้าเมิ่งฮ่าวซีดขาว และเขาสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ เขายิ้มแห้งๆ ออกมา และในจิตใจก็หมุนคว้างไปมา พยายามคิดหาวิธีอยู่
“ข้าคิดว่า บางทีเจ้าได้ลืมใครบางคนไป” เขากล่าว
“ใคร? ใคร? ใคร? ใครที่ข้าลืมไป? ข้าจะลืมใครไปได้อย่างไร?” เมื่อมีโอกาสได้พูดคุย ผีโต้งก็รีบไขว่คว้าไว้ในทันทีอย่างแน่นอน
“เจ้าลืมชายชราที่อยู่ในหน้ากาก!” เมิ่งฮ่าวรีบกล่าวอย่างรวดเร็ว “เจ้ายังไม่ได้เปลี่ยนให้มันละทิ้งเส้นทางแห่งความชั่วร้าย”
“อี๋? ใช่แล้ว! เจ้าเฒ่าชรานั่นช่างเลวมากจริงๆ เจ้าพูดถูก ข้าต้องไปพูดคุยกับมัน” ด้วยใบหน้าส่องประกายแห่งความมุ่งหวัง ผีโต้งนกแก้วก็แวบขึ้น หายเข้าไปในถุงจักรวาลทันที
เมิ่งฮ่าวได้ยินเสียงอันโศกเศร้าของปรมาจารย์ตระกูลหลี่ แผดร้องอย่างโหยหวนออกมาอย่างเลือนราง เมื่อผีโต้งเข้าไปในหน้ากาก เขาไม่เคยได้ยินเสียงเช่นนั้น ดังออกมาจากปากของคนผู้นี้มาก่อน
เมิ่งฮ่าวถอนหายใจยาวออกมา และนั่งลงไปบนพื้น หัวเราะอย่างขมขื่นออกมา เขามองไปยังแสงจันทร์ที่ด้านนอก และถอนหายใจอีกครั้ง สงสัยเกี่ยวกับชีวิตของตัวเองว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป การมีผีโต้งอยู่กับตัวตลอดไปเช่นนี้ ช่างน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง
“ต้องมีวิธีในการควบคุมมัน เจ้าผีโต้งบัดซบ…” เมิ่งฮ่าวกัดฟันแน่น และดวงตาก็สาดประกายเจิดจ้าออกมา “ศัตรูเก่าของมัน…กระจกทองแดง…นกแก้ว…” ดวงตาของเขาส่องประกายเจิดจ้ามากยิ่งขึ้น เมื่อคิดไปถึงการบรรลุขั้นสร้างแกนลมปราณ ความมุ่งหวังของเขาพุ่งขึ้นไปสูงกว่าเดิม
สามวันแวบผ่านไป ตลอดช่วงเวลานั้น เฉินฟ่านไม่เคยกลับมาอีกเลย เห็นได้ชัดว่า มันตกใจกลัวกับผีโต้งของเมิ่งฮ่าวเป็นอย่างมาก ทำให้มันไม่กล้าจะกลับมา ถ้ามันมา ผีโต้งนกแก้วก็อาจจะลากมันมาคุยเรื่องอื่นๆ ต่อไป
วันที่สี่ มันได้กลับมาอย่างระมัดระวัง เปิดประตูในห้อง จากนั้นก็ถอยหลังไปสองสามก้าวในทันที เมื่อมันเห็นบนไหล่ของเมิ่งฮ่าวไม่มีนกแก้วเกาะอยู่ ก็ชำเลืองมองไปรอบๆ ห้อง จากนั้นก็ถอนหายใจออกมา
เมิ่งฮ่าวได้แต่ส่งยิ้มอันแห้งแล้งให้ เขาจะพูดอะไรได้อีก?
เฉินฟ่านยืนอย่างกังวลอยู่ด้านนอกห้อง “นั่น…ศิษย์น้อง, มัน…มันไปแล้ว?” มันดูท่าทางกังวลใจเป็นอย่างมาก
“ไปแล้ว…” เมิ่งฮ่าวตอบ ลุกขึ้นยืน และเดินออกไป
เฉินฟ่านถอนหายใจยาวออกมา และมองไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยรอยยิ้มที่เต็มฝืน
“ศิษย์น้อง, นกแก้วของเจ้าเป็น…วาว, ช่างเป็นนกอะไรเช่นนี้ ข้ายอมรับนับถือมันจริงๆ อืม, จริงๆ แล้ว ก็อย่าไปพูดถึงมันเลย อีกไม่กี่วันก็จะถึงงานเลี้ยงของตระกูลซ่งแล้ว ข้าได้จัดเตรียมทุกอย่างไว้แล้ว เมื่อถึงเวลา พวกเราก็จะเคลื่อนย้ายทางไกลตรงไปที่นั่น วันนี้ ให้ข้าพาเจ้าไปเดินดูรอบๆ สำนักกูตู๋เจี้ยนดีกว่า? หลังจากที่พวกเรากลับมาจากตระกูลซ่ง ที่นี่ก็จะเป็นสำนักของเจ้า ดังนั้น เจ้าควรจะไปทำความรู้จักมัน” มันจับชายแขนเสื้อเมิ่งฮ่าว และลากเขาออกไปยังลานบ้าน
ใบหน้าเมิ่งฮ่าวสงบเรียบเหมือนเช่นเคย แต่ในจิตใจปรากฎเป็นภาพแผนที่ของดินแดนด้านใต้ ตระกูลซ่งตั้งอยู่ในเขตแดนที่ค่อนข้างจะใกล้กับสำนักจื่อยิ่น สำหรับสำนักกูตู๋เจี้ยน เมิ่งฮ่าวได้คิดเกี่ยวกับมันมามากมาย ในตลอดเวลาหลายวันที่ผ่านมา และในที่สุดก็ได้ข้อสรุป เขาตั้งใจจะไม่รับข้อเสนอของเฉินฟ่านที่ให้เข้าสังกัดสำนักกูตู๋เจี้ยน
เขายังคงต้องการค้นหาวิธีในการปลอมตัว และเข้าสังกัดสำนักจื่อยิ่น เขาต้องเรียนรู้ลมปราณม่วงบูรพา และวิธีการปรุงยา และเขาต้องหาวิธีเพื่อให้เจ้าโอสถจอมปีศาจ ยอมช่วยเขาขจัดพิษออกไปจากร่างอีกด้วย
สำหรับสำนักกูตู๋เจี้ยน เมิ่งฮ่าวไม่เชื่อว่าอาจารย์ของเฉินฟ่านจะสามารถช่วยขจัดพิษให้เขาได้ เขาจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากใครบางคน ที่ไม่ใช่ขั้นวิญญาณแรกก่อตั้ง แต่เป็นขั้นตัดวิญญาณ!
เมิ่งฮ่าวตั้งใจแน่วแน่ในเรื่องเหล่านี้ แต่เฉินฟ่านก็ช่างอบอุ่นให้การต้อนรับดีมาก เขารู้สึกว่ายังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมในการที่บอกมันไปตรงๆ และเมิ่งฮ่าวก็ต้องการจะไปเห็นตระกูลซ่งเป็นอย่างมากด้วย แต่เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับสำนักชิงหลัว ทำให้เขายังคงลังเล
“ข้าจำเป็นต้องหาวิธีในการติดต่อกับหานเป้ย…” เขาคิด “นางน่าจะสามารถบอกข้าได้ว่า ได้เกิดอะไรขึ้นในสำนักชิงหลัวหลังจากเหตุการณ์นั้นจบลง” เขาลูบไปที่ถุงสมบัติ และรอยยิ้มอันเย็นชาก็ปรากฎขึ้น ด้านในเป็นชิ้นหยกซึ่งเขาจะต้องเอาไปให้หานเป้ย
เขาติดตามเฉินฟ่านเดินไปรอบๆ สำนักกูตู๋เจี้ยน อาคารบ้านช่องเรียงรายไปตามเส้นทางที่วกวนไปมา และมีธารน้ำไหลอยู่ที่นี่ และอยู่ที่นั่น สถานที่ทั้งหมดให้ความรู้สึกทั้งโอ่อ่าโอฬาร และมีรสนิยม
คนทั้งสองพูดคุยกันขณะที่เดินไป และในไม่ช้าก็เป็นเวลาเที่ยง ในที่สุด พวกเขาก็มาถึงอาคารรูปวงกลมขนาดใหญ่ ซึ่งเต็มไปด้วยศิษย์ที่คึกคักของสำนักกูตู๋เจี้ยนหลายร้อยคน
“ที่นี่คือสนามการประลอง” เฉินฟ่านอธิบาย “เป็นสถานที่ซึ่งศิษย์สำนักกูตู๋เจี้ยนสามารถต่อสู้กันได้ บาดเจ็บได้ แต่ห้ามสังหาร มีบทลงโทษอันเข้มงวดสำหรับใครก็ตามที่ละเมิดกฎ”
เมิ่งฮ่าวมองไปที่มัน และกำลังจะเดินจากไป แต่ทันใดนั้น เขาก็ขมวดคิ้วขึ้น เสียงที่มุ่งร้าย ทันใดนั้น ก็ดังออกมา
“แขกสามารถต่อสู้ในสนามประลอง เพื่อแลกเปลี่ยนวิชากับศิษย์ในสำนักของพวกเรา ข้า, หลี่ จะเข้าไปในสนามประลอง ข้าขอเชิญแขกจากภายนอก…มาต่อสู้ตัวต่อตัวกับข้า ถ้ามันกล้า!” ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากบุรุษวัยกลางคนแซ่หลี่ รอยยิ้มเสแสร้งปกคลุมไปทั่วทั้งใบหน้า ขณะที่มันเดินออกมาจากกลุ่มคน จ้องอย่างเย้ยหยันมายังเมิ่งฮ่าว
“เจ้ายังจะหลบซ่อนอยู่ด้านหลังศิษย์พี่อีกครั้ง? เจ้าไม่อาจจะถูกโจมตีได้แม้แต่ครั้งเดียว เจ้าขี้แพ้? ถ้าเจ้าไม่กล้าจะต่อสู้ เจ้าก็ไม่ควรจะมาพบหน้าข้าอีกต่อไปในวันข้างหน้า”
ดวงตาของทุกคนมาหยุดนิ่งที่เมิ่งฮ่าวและเฉินฟ่าน

About wuxiathai

Organic Theme is officially developed by Templatezy Team. We published High quality Blogger Templates with Awesome Design for blogspot lovers.The very first Blogger Templates Company where you will find Responsive Design Templates.

Copyright © 2015 ผนึกสวรรค์ สยบมาร สะท้านเทพ

Designed by Templatezy | Distributed By Gooyaabi Templates