เถาวัลย์สีแดงคล้ำดูเหมือนจะถูกเพลิงโทสะของเมิ่งฮ่าวระบาดใส่ มันส่ายไปมาอย่างรุนแรง เกิดเป็นเสียงหึ่งๆ ขึ้นมา ฝุ่นทรายฟุ้งขึ้นมาจากพื้นดินราวกับกลุ่มหมอก ปกคลุมร่างของเมิ่งฮ่าวไว้
ชุดยาวนักศึกษาสีดำของเขาตอนนี้ดูจางๆ ลง เส้นผมที่ยาวสยายปลิวไสวไปรอบๆ ตัว และความต้องการสังหาร ก็ถูกเติมเชื้อพลังด้วยโทสะอันรุนแรง พุ่งขึ้นไปจนถึงสวรรค์ รังสีสังหารนี้แตกต่างจากนิสัยปกติของเมิ่งฮ่าวโดยสิ้นเชิง
เส้นเลือดฝอยเต็มอยู่ในดวงตา เขาเห็นฉื่อชิงไร้หนทางที่จะต่อต้าน, ความขมขื่นของนาง, ความซีดขาวที่สวยงาม และรอยยิ้มอันเรียบง่ายที่ปรากฎขึ้นบนใบหน้าของนาง รอยยิ้มนี้เป็นทุกสิ่งทุกอย่างของเมิ่งฮ่าว
เมิ่งฮ่าวรักนาง มันเป็นความรักของหนุ่มสาว ที่มาจากการได้มองไปยังหญิงสาวที่ตัวเองรัก เป็นความรักที่เรียบง่าย หลังจากการล่มสลายของสำนักเอกะเทวะ พวกเขาก็ถูกแยกออกจากกัน ตอนนี้สามารถได้เห็นกันและกันอีกครั้ง หลายปีที่ผ่านไปดูเหมือนจะไม่ได้นานมากนัก แทบจะคล้ายกับความฝัน
เจ็ดแปดปีก่อน ท่านเย็นชา หญิงสาวที่ยืนอยู่ใต้แสงจันทร์ และรับเม็ดยาคงโฉมไป ตอนนี้ เจ็ดแปดปีหลังจากนั้น ท่านก็อยู่ที่นี่แล้ว ถึงใบหน้าจะซีดขาว แต่ก็มีรอยยิ้ม
เจ็ดแปดปีก่อน ข้าเป็นนักศึกษาที่ยืนอยู่บนภูเขาต้าชิง โยนขวดน้ำเต้าลงไปจากภูเขา ท่านไม่เคยรู้ถึงคำสัญญาที่ข้าได้ใส่เข้าไปในขวดน้ำเต้านั้น
เจ็ดแปดปีต่อมา ข้ายืนอยู่ที่นี่แล้ว ความต้องการสังหารของข้าพุ่งขึ้นไปถึงสวรรค์ เส้นทางที่ด้านหลังของข้าไม่ได้ยาวมากเท่าใด แต่มันก็เต็มไปด้วยโครงกระดูกของผู้ฝึกตน
เจ็ดแปดปี…
สำหรับมนุษย์ธรรมดา, หลายสิ่งหลายอย่างได้เปลี่ยนไปในเวลาเจ็ดแปดปี สำหรับผู้ฝึกตน เจ็ดแปดปีไม่ใช่เวลาที่นานนัก แต่ผู้ฝึกตนทั้งหมดก็เริ่มชีวิตมาจากการเป็นมนุษย์ธรรมดามาก่อน ถึงเมิ่งฮ่าวจะไม่ใช่นักศึกษาเมื่อเจ็ดแปดปีก่อนอีกต่อไป แต่ความทรงจำในเวลานั้นก็ยังคงอยู่ เขาไม่มีวันลืมปีที่ผ่านมาเหล่านั้น
เขามองไปยังฉื่อชิง และยิ้มออกมา รอยยิ้มของเขาเต็มไปด้วยความอบอุ่น และความสุขที่ได้เห็นใครบางคนอีกครั้งเป็นครั้งแรกหลังจากที่เวลาผ่านไปนาน มันคงอยู่จนกระทั่งเขามองไปยังบุรุษที่ร่างสั่นสะท้านแซ่จ้าว ซึ่งยืนอยู่ที่นั้นด้วยใบหน้าซีดขาว เสื้อผ้าของมันสวมอย่างหลวมๆ อยู่บนร่าง
จ้าวซานเหอรู้สึกราวกับว่า ดวงตาของเมิ่งฮ่าวคล้ายกระบี่อันคมกริบสองเล่ม แทงเข้าไปในดวงตา ผ่านเข้าไปในศีรษะของมัน ทำให้จิตใจมันสั่นสะท้าน แทงเข้าไปในเลือดเนื้อของมัน บดขยี้กระดูก และแทงเข้าไปในเส้นลมปราณ แทงเข้าไปในเสาแห่งเต๋าทั้งหมดของมัน
เสาแห่งเต๋าของมันเต็มไปด้วยรอยร้าว เห็นได้ชัดว่ามันมีเพียงพื้นฐานแตกร้าว เสาแห่งเต๋าของมันสั่นสะท้านอย่างรุนแรง ราวกับว่าการจ้องมาของเมิ่งฮ่าว อาจจะทำให้มันแตกกระจายออกเป็นชิ้นๆ จ้าวซานเหอตกใจกลัวจนหัวใจของมันแทบกระดอนออกมาจากร่าง
“สหาย…สหายเต๋า, ผู้อาวุโส, ข้าคือจ้าวซานเหอ ศิษย์แกนหลักของสำนักชิงหลัว สหายเต๋า…” ลิ้นของมันพันกันขณะที่พูด มันอาจจะเป็นเหมือนเด็กที่ถูกตามใจ แต่มันก็ไม่ได้โง่เขลา เกราะสีชมพูเมื่อครู่นี้ เป็นของวิเศษที่จะถูกทำลายลงได้ โดยขั้นสุดท้ายของพื้นฐานลมปราณขึ้นไปเพียงเท่านั้น และเมิ่งฮ่าว ที่ดูเหมือนจะอยู่เพียงแค่ขั้นต้นของพื้นฐานลมปราณ ก็ได้ทำลายมันไป
มันยังได้เห็นรังสีสังหารอันเย็นเยียบของเมิ่งฮ่าว ซึ่งมีความแข็งแกร่งอย่างรุนแรง เป็นสิ่งที่มันไม่เคยเห็นมาก่อนในตลอดชีวิตของมัน
“เจ้าแซ่จ้าว?” เมิ่งฮ่าวพูดเสียงเย็นชา เริ่มก้าวเท้าไปข้างหน้า “ข้าเคยสังหารคนที่แซ่จ้าวมาก่อน มันมีนามว่าจ้าวปินอู่” เมิ่งฮ่าวอ้างชื่อของจ้าวปินอู่จากเหรียญกษาปณ์แสดงตัวตนในถุงสมบัติของมัน
ขณะที่เขาก้าวเท้าไปก้าวแรก จ้าวซานเหอก็รู้สึกเหมือนกับ เมิ่งฮ่าวได้เหยียบลงไปบนจิตใจของมันตรงๆ จิตใจมันหนักอึ้ง รู้สึกถึงความเจ็บปวดที่ลึกลงไปข้างในจนยากจะอธิบายออกมาได้
คำพูดของเมิ่งฮ่าวเมื่อครู่นี้ได้ประทับลงไปในจิตใจของจ้าวซานเหอ เสียงกระหึ่มกึกก้องราวฟ้าผ่าก็เต็มอยู่ในจิตใจของมัน และร่างกายก็สั่นสะท้าน มันก้าวถอยหลังไปโดยไม่รู้ตัว สายตาของเมิ่งฮ่าวที่กวาดผ่านไปทั่วร่างของมัน เต็มไปด้วยแรงกดดันอย่างไม่น่าเชื่อ
จิตใจของจ้าวซานเหอหมุนเคว้งคว้างขึ้นอีกครั้ง และร่างที่สั่นสะท้านของมันก็ไม่อาจจะขยับได้ เมื่อเผชิญหน้ากับเมิ่งฮ่าว พื้นฐานฝึกตนของมันก็ดูเหมือนจะไม่อาจสร้างพลังใดๆ ออกมาได้เลยแม้แต่น้อยนิด
นี่คือแรงกดดันบดขยี้!
เมิ่งฮ่าวปลดปล่อยพลังทั้งหมดของเสาแห่งเต๋าที่สมบูรณ์ออกมา สร้างแรงกดดันที่สามารถบดขยี้เสาแห่งเต๋าของพื้นฐานลมปราณใดๆ ก็ตาม!
นึ่คือความสามารถอันแท้จริงของพื้นฐานสมบูรณ์ เพราะพื้นฐานสมบูรณ์ได้พยายามอยู่เหนือลมปราณจากสวรรค์และปฐพี มันจึงความสามารถปลดปล่อยแรงกดดันที่บดขยี้ พื้นฐานฝึกตนขั้นพื้นฐานลมปราณได้ทั้งหมด!
ท่ามกลางการสั่นสะท้าน สีหน้าของจ้าวซานเหอเปลี่ยนไป เมิ่งฮ่าวเดินไปก้าวที่สอง และขณะที่เท้านั้นเหยียบลงไป ใบหน้าของจ้าวซานเหอก็ซีดขาวราวคนตาย โลหิตไหลซึมออกมาจากปากของมัน และความหวาดกลัวอย่างรุนแรงก็พุ่งขึ้นมาในดวงตาของมัน
“สหายเต๋า…ถ้า…ถ้าท่านต้องการพูด…” มันสั่นไปทั่วทั้งร่าง แต่แม้มันพยายามที่จะพูดออกมา เมิ่งฮ่าวก็เดินไปเป็นก้าวที่สาม เมื่อเขาเหยียบลงไป วิญญาณของจ้าวซานเหอก็สั่นสะท้าน และมันก็กระอักโลหิตออกมา เสาแห่งเต๋าภายในร่างมันไม่อาจทนต่อแรงกดดัน ที่แผ่กระจายออกมาจากเมิ่งฮ่าวได้ รอยแตกขนาดใหญ่เกิดขึ้นเต็มไปหมด!
รอยแตกเกิดมากขึ้น กระจายออกไปทั่วทั้งเสาแห่งเต๋า ใบหน้าจ้าวซานเหอซีดขาวจนไร้สีเลือด และดวงตาของมันก็เต็มไปด้วยความปวดร้าว สั่นสะท้าน เมื่อมันกำลังจะใช้พลังทั้งหมดที่มันสามารถรวบรวมได้เพื่อจะต่อสู้กลับไป เมิ่งฮ่าวที่มีสีหน้าเรียบเฉย ก็เดินไปก้าวที่สี่ ซึ่งเต็มไปด้วยความต้องการสังหารอันทรงพลัง
ทันทีที่ก้าวที่สี่เหยียบลงไป เสียงกึกก้องภายในร่างของจ้าวซานเหอก็พุ่งขึ้นไปถึงสวรรค์ หัวใจของมัน ทันใดนั้น ก็หยุดเต้นชั่วคราว อวัยวะทั้งหมดของมันดูเหมือนจะเริ่มทำงานช้าลง ขณะที่รอยแตกกระจายออกไปทั่วเสาแห่งเต๋า จนกระทั่ง ทันใดนั้น…มันก็แตกออกเป็นชิ้นๆ!!
เสาแห่งเต๋าแตกกระจายออกเป็นเสี่ยงๆ!
เมื่อมันเกิดขึ้น จ้าวซานเหอก็ส่งเสียงแผดร้องอันน่ากลัวออกมา อย่างที่มันไม่เคยจะเปล่งออกจากปากของมันมาก่อน มันกระอักโลหิตออกมาเจ็ดถึงแปดครั้ง จากนั้นก็เริ่มแห้งเหี่ยว และหดตัวลง เหงื่อเย็นเยียบไหลลงมา และใบหน้าของมันก็ขาวซีดราวคนตาย ร่างของมัน ทันใดนั้น ก็สามารถขยับได้อีกครั้ง แต่สิ่งที่มันทำได้ก็คือถอยหนีไปด้านหลัง
ก่อนที่มันจะเคลื่อนไปด้านหลังไกลกว่านั้น เมิ่งฮ่าวก็เดินเป็นก้าวที่ห้า และตอนนี้เขาก็กำลังยืนอยู่ที่เบื้องหน้าจ้าวซานเหอ เข่าของเขาลอยขึ้นมา ไม่ได้ตรงไปที่ลำคอของจ้าวซานเหอ แต่ตรงไปที่ระหว่างขาทั้งสองข้างของมัน!
พับ พับ!
จ้าวซานเหอแผดร้องออกมาเพิ่มเป็นสองเท่า เมื่อรู้สึกเจ็บปวดอย่างรุนแรง แม้ในขณะที่มันแผดร้องอยู่ มือขวาของเมิ่งฮ่าวก็ยื่นออกไป และคว้าจับไปที่คอของมัน เสียงแผดร้องในตอนนี้ มีอยู่แต่ภายในลำคอของจ้าวซานเหอ ไม่มีทางที่จะดังออกมา
มันทำได้เพียงส่งเสียงครวญคราง ขณะที่ใบหน้าของมันเริ่มกลายเป็นสีม่วงคล้ำ ไม่อาจพูดได้ ไม่อาจแผดร้อง ความเจ็บปวดนี้ดูเหมือนจะเลวร้ายเพิ่มขึ้นเป็นสิบเท่า
ดวงตาของมันเหลือกขึ้น เต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง และร่างของมันก็กระตุกไปมา ทันใดนั้น มันต้องการจะต่อสู้กลับไป
แต่…มันไม่อาจต่อต้านได้ มันไร้พลังแม้แต่จะตระเกียกตระกาย ไม่อาจแม้แต่จะส่งเสียงขู่ ร่างของมันสั่นสะท้าน เต็มไปด้วยความเจ็บปวด ตอนนี้มันเหมือนกับมนุษย์ธรรมดา เสาแห่งเต๋าของมันถูกทำลาย พื้นฐานฝึกตนของมันสลายหายไป
“หยุด!” เสียงสั่นสะท้านร้องออกมา ก็คือเซียหยุนซุ่ย ซึ่งยังคงอยู่ด้านข้างฉื่อชิง ร่างของนางสั่นสะท้าน และมีใบหน้าซีดขาว แต่ยังคงถือกระบี่จ่อไปที่ลำคอของฉื่อชิง ดูเหมือนพร้อมที่จะแทงเข้าไปได้ทุกเมื่อ
สำหรับนาง การปรากฎตัวของเมิ่งฮ่าว เหมือนกับเป็นจอมอสูรที่โหดร้ายไร้ความปราณี ทำให้ใบหน้าของนางซีดขาวจนไร้สีเลือด และไม่กล้าแม้แต่จะมองไปที่ดวงตาของเขา ความเสียใจพุ่งขึ้นมาจากภายในจิตใจของนาง แต่มันก็สายไปแล้ว นางทำได้เพียงขอร้องให้เขาปล่อยนางไป
“ท่านคือเมิ่งฮ่าว, ใช่หรือไม่? ข้าเคยได้ยินฉื่อชิงพูดเกี่ยวกับท่าน และสำนักเอกะเทวะ…ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องเข้าใจผิด ข้าเพียงแค่ต้องการจากไป…” เสียงของนางสั่นสะท้าน ขณะที่มองมายังเมิ่งฮ่าว ถึงแม้นางจะถือกระบี่อยู่มือ แต่จริงๆ แล้ว นางก็กำลังกลัวเป็นอย่างมาก
“ข้าเคยเป็นนักศึกษา” เขาพูดเสียงราบเรียบ ยังคงคว้าจับที่ลำคอของจ้าวซานเหอต่อไป แต่หันหน้าไปมองเซียหยุนซุ่ย เสียงของเขาอ่อนโยนขณะที่พูดต่อไป
“ครั้งหนึ้งข้าได้อ่านบันทึกโบราณ ซึ่งกล่าวกันว่ามาจากอาณาจักรต้าถังในดินแดนตะวันออก มันอธิบายถึงวิธีการลงทัณฑ์อันโหดร้ายถึงพันแบบ มีอยู่แบบหนึ่ง หลังจากที่ข้าอ่านแล้ว ก็ทำให้ข้าต้องฝันร้ายไปหลายคืน”
ดวงตาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง เขายื่นมือซ้ายไป และคว้านิ้วของจ้าวซานเหอขึ้นมา ทีละนิ้ว ทีละนิ้ว เขาบดขยี้กระดูกนิ้วของมันไปทั้งสองมือ จากนั้นก็แขนของมัน จากนั้นก็ไหล่ จากนั้นก็ร่างกายส่วนที่เหลือ
จ้าวซานเหอต้องการจะตายไปจากความเจ็บปวดอันรุนแรงนี้ แต่ก็ไม่สามารถทำได้ ไม่มีทางถ้ามีเมิ่งฮ่าวอยู่ที่นั่น เวลาผ่านไปชั่วธูปไหม้หมดไปหนึ่งดอก ในที่สุด เมิ่งฮ่าวก็บิดมือขวาของเขา เสียงประทุก็ดังออกมาจากลำคอของจ้าวซานเหอที่ถูกคว้าจับอยู่
ตลอดเวลาทั้งหมดนี้ มันไม่อาจจะส่งเสียงร้องออกมาแม้แต่นิดเดียว นี่คือความตายของมัน…
เมิ่งฮ่าวปล่อยร่างที่ไร้วิญญาณของจ้าวซานเหอลงไปบนพื้น จากนั้นก็มองไปที่เซียหยุนซุ่ย “เจ้าต้องการจะตายอย่างไร? ข้าให้เจ้าเลือก”
ใบหน้าของนางซีดขาวโดยสิ้นเชิง ราวกับซากศพ ร่างกายสั่นสะท้าน ขณะที่ถือกระบี่อยู่ในมือ นางมองไปยังเมิ่งฮ่าว และความหวาดกลัวก็พุ่งขึ้นมาจากภายใน นี่ราวกับความฝันอันเลวร้ายที่สุด เท่าที่นางเคยสัมผัสมา
“ท่าน…อย่าได้บังคับข้า!!” นางร้องออกมา ขณะที่คำพูดหลุดออกมาจากปาก พื้นดินที่ใต้เท้าของนางก็ระเบิดออก เถาวัลย์สีแดงเข้มเลื้อยออกมา พันไปรอบๆ ร่างของนาง และส่งกระบี่ให้ลอยหมุนคว้างออกไปในอากาศ เมิ่งฮ่าวโบกสะบัดแขนเสื้อ กระแทกมันออกไปไกลเกือบสิบจ้าง
เถาวัลย์พันไปรอบตัวเซียหยุนซุ่ย ปากที่กว้างใหญ่ของมันดูเหมือนจะมีน้ำลายหยดลงมา เพียงรอแค่คำสั่งของเมิ่งฮ่าว ว่าเมื่อไหร่ที่มันจะได้กลืนกินนาง
“อย่าได้สังหารนาง…” ฉื่อชิงพูดขึ้นอย่างเงียบๆ พยายามลุกขึ้นมายืน นางมองมาที่เมิ่งฮ่าว “ข้าต้องจัดการด้วยตัวเอง ข้าต้องการจะตัดลิ้นของนางออกมานานหลายปีแล้ว” กัดฟันแน่น นางคว้ากระบี่ของเซียหยุนซุ่ยไว้ในมือ เถาวัลย์บังคับร่างของเซียหยุนซุ่ยไปอยู่ตรงหน้านาง
“ศิษย์น้องฉื่อ…ข้า…” นางเผชิญหน้ากับฉื่อชิงด้วยสีหน้าวิงวอน ร่างสั่นสะท้าน
ฉื่อชิง สีหน้าเย็นชา ยกกระบี่ขึ้น และค่อยๆ แทงเข้าไปในปากของนางช้าๆ เสียงแผดร้องของเซียหยุนซุ่ยดังออกมา
ฉื่อชิงแนบไปที่ร่างนาง และกระซิบที่ข้างหูของนาง “เจ้าไม่อาจต่อสู้กลับ ดังนั้นก็แค่หลับตาลง และ เพลิดเพลินกับมัน ข้าต้องการจะบอกเจ้ามาเสมอ เจ้ามันเจี้ยนเหริน!” นางบิดกระบี่ในมือ หลังจากสูดลมหายใจเข้าออกสิบครั้งผ่านไป เซียหยุนซุ่ยก็แน่นิ่งไป ฉื่อชิงแทงกระบี่ลึกเข้าไปอีก