ดินแดนด้านใต้ตกอยู่ในความโกลาหลวุ่นวาย เสาโลหิตแปดต้นพุ่งตรงขึ้นไปถึงสวรรค์ ส่งผลให้เกิดระลอกคลื่นกระจายไปทั่วท้องฟ้าด้านบน ภาพของภูติผีสงครามรถม้าที่ก่อตัวโดยวัดโบราณไท่เอ้อ ทำให้คนที่เห็นมันต้องตื่นตกใจไปตามๆ กัน
ในเวลาเดียวกันนั้น เมิ่งฮ่าวก้าวเท้าเข้าไปในเขตล่าขุมทรัพย์เซียนโลหิต เมื่อเท้าของเขาสัมผัสไปบนลานกว้างด้านนอกของด่านที่หก โลกแห่งนั้นก็สั่นสะเทือนไปทั่ว และเสียงกึกก้องอย่างน่าตกใจก็ดังอยู่ในอากาศ
ลานกว้างแห่งนั้นสั่นสะเทือนอย่างต่อเนื่อง ทุกด่านเวทเริ่มส่องแสงเจิดจ้าออกมา และกลุ่มหมอกก็เริ่มม้วนตัวปกคลุมไปทั่วพื้นที่รอบๆ บริเวณนั้น ลำแสงสีเขียวมากมายนับไม่ถ้วน พุ่งออกมาจากแท่นบูชา หมุนวนไปรอบๆ จากนั้นก็พุ่งตรงมายังเมิ่งฮ่าว ลำแสงเหล่านั้นดูเหมือนจะเต็มไปด้วยความตื่นเต้น และความหวัง ขณะที่พวกมันรอคอยเมิ่งฮ่าว เลือกหนึ่งในพวกมันให้เป็นโลหิตศักดิ์สิทธิ์ของเขา
ลำแสงสีเขียวบางสาย ก็ส่องประกายที่ดูเหมือนจะมีความแข็งแกร่งมากกว่ามังกรโลหิต หรือเทพธิดาโลหิตออกมา
ยากที่จะอธิบายถึงลมปราณของสถานที่นี้ พรั่งพรูตรงไปยังเมิ่งฮ่าวได้อย่างไร ขณะที่เขาสูดมันเข้าไป มันผ่านเข้าไปในร่างเขา ทำให้พื้นฐานฝึกตนเริ่มหมุนวนไปมา ด้วยทุกๆ ลมหายใจที่เขาสูดเข้าไป ร่างกายของเขาก็แข็งแกร่งมากขึ้น
สายลมและเมฆาพลุ่งพล่านไปมา ทั่วทั้งเขตขุมทรัพย์สั่นสะเทือน เสียงกึกก้องดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วทุกที่
ความรู้สึกแปลกๆ พุ่งขึ้นมาจากภายในเมิ่งฮ่าว ดูเหมือนว่าขุมทรัพย์เซียนโลหิตกำลังเรียกหาเขา ด่านอาคม, ลานกว้าง, กลิ่นอาย ทุกสิ่งทุกอย่างดูเหมือนจะแตกต่างไปจากเดิม!
แน่นอนว่าบุคคลที่โลกภายนอกในดินแดนด้านใต้ ไม่อาจเห็นทั้งหมดนี้ อะไรที่เกิดขึ้นด้านในตอนนี้ได้ตัดขาดจากพวกมันไป ไม่มีภาพที่พอจะมองเห็นได้แม้แต่น้อย มีเพียงบุคคลเดียวที่สามารถมองเห็นได้ทุกอย่าง ก็คือ…หลี่เต้าอี มันพุ่งผ่านด่านที่เจ็ดไป ตอนนี้มันกำลังยืนอยู่บนลานกว้างของด่านที่เจ็ด ใบหน้าของมันดุร้าย และดวงตาก็สาดประกายด้วยแสงอันเข้มข้น มันจ้องกลับไปที่เมิ่งฮ่าว ซึ่งกำลังยืนอยู่บนลานกว้างด้านนอกของด่านที่หก
ด้านข้างของมันเป็นมังกรโลหิตยาวหนึ่งพันจ้าง ซึ่งถูกครอบครองโดยปรมาจารย์ตระกูลหลี่ มันกำลังมองไปที่เมิ่งฮ่าวด้วยเช่นกัน ดวงตาของมันเปล่งประกายทั้งความอิจฉา และความสับสนจนยากที่จะอธิบายออกมา
“ขุมทรัพย์เป็นของมันนั่นเอง…” หลี่เต้าอีเงยหน้าขึ้น และส่งเสียงหัวเราะดังลั่นออกมา “ไม่มีสิ่งใดที่ข้ารักมากไปกว่าการได้ขโมยสมบัติของคนอื่นอีกแล้ว ช่างเป็นความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมอะไรเช่นนี้” เสียงหัวเราะของมันดังออกมา ขณะที่ก้าวเท้าตรงเข้าไปในด่านที่แปด
เมื่อเสียงหัวเราะของมันดังถึงหูเมิ่งฮ่าว เขาก็มองขึ้นไป และความเข้าใจอย่างลึกซึ้งก็ส่องประกายออกมาจากภายในดวงตา เขามองไปยังหลี่เต้าอีด้วยความต้องการสังหารอันเข้มข้น
เขาไม่ได้วิ่งไล่ติดตามไป แต่โบกสะบัดมือขวาแทน ทำให้ลำแสงสีเขียวทั้งหมดที่เบื้องหน้าเขาพุ่งกลับไป เขาไม่ได้เลือกใครในพวกมันให้เป็นโลหิตศักดิ์สิทธิ์ของเขาเลย
“ข้ามีโลหิตศักดิ์สิทธิ์เพียงตัวเดียว!” เขาพูดกับตัวเอง ดวงตาเปล่งแสงแห่งความดื้อรั้นออกมา
เขาไม่เข้าไปในด่านที่เจ็ด เขาทำในสิ่งที่ไม่มีผู้แข่งขันคนใดเคยทำมาก่อน ตั้งแต่ประวัติศาสตร์โบราณของการแข่งขันล่าขุมทรัพย์เซียนโลหิต เขา…หมุนตัว และเดินกลับเข้าไปยังด่านที่หก!
“ข้าสัญญาว่าข้าจะค้นหาเจ้า และนำเจ้าออกไปจากที่นี่พร้อมกับข้า” เขากล่าวอย่างเงียบๆ จากนั้นก็หายเข้าไป เมื่อเขาปรากฎตัวขึ้นอีกครั้ง สายฟ้าก็มีอยู่เต็มท้องฟ้า แขนมากมายนับไม่ถ้วนยื่นออกมาจากบึงโคลนซึ่งปกคลุมพื้นดินบริเวณนั้นไปทั่ว ที่ห่างไกลออกไป รูปปั้นยักษ์ที่ไร้ความรู้สึก ยังคงยืนอยู่ด้านข้างวัดโบราณไท่เอ้อที่มีสีดำทั้งหลัง
มันเป็นโลกเดียวกัน แต่เมิ่งฮ่าวไม่ใช่คนเดิมอีกแล้ว
เขาไม่ได้มีพื้นฐานไร้ตำหนิอีกต่อไป การประสานรอยร้าวของเสาแห่งเต๋าอย่างรวดเร็ว ได้ผลักดันให้เขาเข้าไปสู่ดินแดนของพื้นฐานสมบูรณ์ในตำนานอย่างแท้จริง!
ทันทีที่เขาก้าวเท้าตรงเข้าไปในด่านที่หก เขาก็บินขึ้นไปในท้องฟ้า สูดลมหายใจเข้า กระจายพลังจากพื้นฐานฝึกตนออกมา ทุกสิ่งทุกอย่างสั่นสะเทือน ฟ้าร้องและฟ้าผ่าระเบิดออกมา พื้นดินสั่นสะเทือน เนื่องจากพื้นฐานสมบูรณ์ของเขา เมิ่งฮ่าวไม่สามารถดูดซับลมปราณในโลกด้านนอกได้เลยแม้แต่น้อย แต่ในสถานที่นี้ก็เต็มไปด้วยลมปราณมากมายมหาศาล ซึ่งพุ่งตรงเข้ามาหาเขา เมื่อเขาสูดลมหายใจ ก็รู้สึกว่าเขาเหมือนกับเป็น…ราชันย์แห่งโลกนี้!
ฟ้าร้องและฟ้าผ่าส่งเสียงกึกก้องอยู่ในท้องฟ้า เส้นผมที่ยาวสยายของเมิ่งฮ่าวลอยพริ้วขึ้นไป เขายกมือขวาขึ้น และโบกสะบัดลงไปที่พื้นดิน
เมื่อฝ่ามือของเขาตกลงไป บึงโคลนก็เริ่มสั่นไปมา มือที่ขยับอยู่ในบึงโคลนทันใดนั้นก็หยุดการเคลื่อนไหว และใบหน้านับไม่ถ้วนทั้งหมด ก็มองตรงมายังเมิ่งฮ่าว สีหน้าของพวกมันไม่ได้ไม่เป็นมิตรอีกต่อไป แต่เต็มไปด้วยความนับถือเลื่อมใส และตื่นเต้น
ทันใดนั้น รอยแยกขนาดใหญ่ก็เกิดขึ้นบนพื้นดิน และบึงโคลนนั้น มันขยายกว้างขึ้น และลึกลงไปมากขึ้น แยกส่วนของมือ และใบหน้าออกไป เมิ่งฮ่าวลอยลงไปในรอยแยกนั้น
เมื่อเขาพุ่งเข้าไปใกล้มัน ดินโคลนก็แยกออกไป ไม่กล้าที่จะเข้ามาใกล้เขา ราวกับว่าเกิดความกลัวในตัวเขาเป็นอย่างมาก
เมิ่งฮ่าวพุ่งเข้าไปด้านใน ร่างขยับอย่างรวดเร็วราวสายฟ้า และเปล่งประกายความมุ่งมั่นออกมา รอยแยกกว้างขึ้น และกว้างออกไปเรื่อยๆ แค่หายใจเข้าออกไม่กี่ครั้ง เมิ่งฮ่าวก็หยุดลง ขณะที่รอยแยกขยายใหญ่มากขึ้น เขามองเห็นมัน ที่นั่น ลึกลงไปด้านใน…ร่างๆ หนึ่ง
มันไม่ได้ยาวสิบจ้าง มันคืออ๋าวเฉี่ยน แต่มีขนาดเท่าฝ่ามือ ดวงตาของมันปิดอยู่ ขนที่ยาวของมันเต็มไปด้วยดินโคลนปกคลุมไปทั่วร่าง ไม่ได้มีสีแดง แต่เป็นสีเทาเหมือนคนตาย มันไม่ได้โหดเหี้ยมและดุร้ายอีกต่อไป ความน่ารัก ลูกสุนัขขนยาวที่มันเคยเป็น เพียงมีอยู่ในความทรงจำของเมิ่งฮ่าวตราบชั่วนิรันดร์
เขาคิดเกี่ยวกับการเติบโตของมัน มันจะวิ่งเป็นวงกลมไปรอบๆ เท้าของเขา ส่งเสียงเห่าเล็กๆ ออกมา เส้นขนกระเพื่อมเป็นระลอกคลื่น
ภาพมากมายผุดขึ้นมาในจิตใจของเมิ่งฮ่าว เขาคิดไปถึงตอนที่เขาและอ๋าวเฉี่ยนวิ่งไปด้วยกัน มุ่งหน้าไปต่อสู้ในด่านที่สาม คิดถึงตอนที่มันวิ่งไปมารอบๆ ตัวเขาในทะเลทรายของด่านที่สี่
เขาคิดเกี่ยวกับตอนที่พิษกำเริบขึ้น ทำให้เขาสู้ไม่ได้แม้แต่มนุษย์ธรรมดาในด่านที่ห้า และอ๋าวเฉี่ยนได้ปกป้องเขาจากทุกสิ่งทุกอย่าง คิดไปถึงหลังจากต่อสู้ทุกครั้ง มันก็จะพยายามคลานกลับมาหาเขา เลียมือของเขาและนอนอยู่ข้างกายเขา มองไปรอบๆ ตัวเขาด้วยความระมัดระวัง
เขาพยายามที่จะให้มันจากไป แต่มันก็เลือกที่จะอยู่ต่อ
ในตอนสุดท้าย ในด่านที่หก มันเลือกที่จะช่วยเจ้านายของมันให้หนีจากไป แม้จะต้องจ่ายค่าตอบแทนด้วยชีวิตของมันเอง สิ่งสุดท้ายที่เมิ่งฮ่าวจำได้ก็คือ มองไปขณะที่มือจำนวนมากมายนับไม่ถ้วนดึงมันไปจากเขา โดยไม่เปิดโอกาสให้มันเลียมือเขาได้แม้แต่น้อย
“ข้าไม่ยอมให้เจ้าตายอยู่ที่นี่ เจ้าไม่มีสิทธิ์ปิดตาลง!” ดวงตาของเมิ่งฮ่าวเต็มไปด้วยเส้นเลือด ยื่นมือไปวางไว้บนร่างเล็กๆ ของอ๋าวเฉี่ยน มืออีกข้างชูขึ้นไปบนท้องฟ้า พลังฝึกตนของเขาดังกระหึ่มราวกับมีชีวิต ทุกสิ่งทุกอย่างสั่นสะเทือน ขณะที่รอยร้าวในเสาแห่งเต๋าของเมิ่งฮ่าว ได้ถูกประสานจนปิดสนิทโดยสมบูรณ์!
เมื่อมันเกิดขึ้น ร่างของเมิ่งฮ่าวสั่นสะท้าน รู้สึกถึงพลังอันน่าเหลือเชื่ออยู่ภายในตัว ไม่ใช่พลังที่ไหลเวียนระหว่างสวรรค์และปฐพี นี่เป็นพลังการไหลเวียนที่เขาได้สร้างสรรค์และปฐพีของตัวเองขึ้นมา!
ในตอนนี้เองที่เขาไม่ได้ดูดซับลมปราณที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้น แต่เขากำลังปล้นมัน!
จากนี้เป็นต้นไป ลมปราณของสวรรค์และปฐพี เพียงเข้าไปในร่างของเขาเท่านั้น มันไม่สามารถไหลเวียนกลับออกมา เขาเหมือนกับรอยแผลของสวรรค์และปฐพีที่ไม่สามารถรักษาให้หายได้ตลอดไป ลมปราณหายเข้าไปในตัวเขา และจะไม่กลับออกมาตลอดกาล
ดวงตาของเขาส่องประกายด้วยแสงแปลกๆ และเส้นผมก็ลอยพริ้วไปมารอบๆ ศีรษะ ส่องประกายความแข็งแกร่งออกมามากขึ้นเรื่อยๆ และแสงสีทองก็แผ่กระจายออกมาจากทั่วทั้งร่าง เขากัดไปที่ปลายลิ้น และพ่นโลหิตออกมา ตกลงไปบนซากศพของอ๋าวเฉี่ยน แต่มันก็ไม่สามารถดูดซับโลหิตนี้เข้าไปได้
“ชีวิตของเจ้าเกิดขึ้นมาจากโลหิตของข้า เจ้าเติบโตจากความไม่รู้เข้ามาสู่จิตสำนึกของจิตวิญญาณ…” เมิ่งฮ่าวยื่นมือออกไป และโลหิตก็เริ่มรวมตัวขึ้นบนฝ่ามือของเขา ก่อตัวเป็นโลหิตรูปทรงกลม ซึ่งจากนั้นเขาก็วางลงไปบนอ๋าวเฉี่ยน บังคับให้โลหิตรูปทรงกลมนั้นซึมเข้าไปในร่างของมัน
ในเวลาเดียวกันนั้น พลังฝึกตนของเขาก็พุ่งออกมา และเขาก็เริ่มดูดซับลมปราณทั้งหมดภายในด่านที่หกนี้เข้าไป เมิ่งฮ่าวคล้ายกับหลุมดำ ที่ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างกลายเป็นวังน้ำวน พุ่งตรงเข้ามาที่เขาด้วยความเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ
ลมปราณอันไร้ขอบเขตไหลเข้าไปในตัวเขา จากนั้นเขาก็ส่งต่อเข้าไปในร่างของอ๋าวเฉี่ยน เวลาผ่านไป บึงโคลนที่ปกคลุมอยู่บนพื้นก็เริ่มแห้งลง แขนและศีรษะจำนวนมากมายนับไม่ถ้วนก็เริ่มแตกสลายไป แม้แต่พลังของสายฟ้าก็กระจัดกระจายไป เมื่อเมิ่งฮ่าวดูดซับลมปราณอยู่
ท้องฟ้าเริ่มสลัวเลือนลาง และรอยแตกก็กระจายออกไปทั่ว…
ในที่ห่างไกลออกไป รูปปั้นก็เริ่มแตกออกเป็นชิ้นๆ…
วัดโบราณไท่เอ้อเริ่มเลือนลางลง และในที่สุดก็จางหายไป ทั่วทั้งโลกแห่งนี้ตกอยู่ในความเงียบราวความตาย มีเพียงเมิ่งฮ่าวและอ๋าวเฉี่ยนที่ยังคงอยู่…
ร่างของมันกระตุก ดูเหมือนมันกำลังพยายามดิ้นรนที่จะลืมตาขึ้นมา มันสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของเจ้านายมัน อย่างช้าๆ มันเปิดตาขึ้น และมองมายังเมิ่งฮ่าว
ตูม!
ทั่วทั้งด่านที่หกเริ่มแตกออกเป็นชิ้นๆ! เมิ่งฮ่าวดึงมือกลับมา ร่างของอ๋าวเฉี่ยนสั่นสะท้าน แต่ดวงตาของมันเต็มไปด้วยเปลวไฟแห่งชีวิต ขณะที่โลกแห่งนี้เริ่มแตกสลายลงไปรอบๆ พวกเขา มันก็ค่อยๆ ลุกขึ้นยืนช้าๆ!
นี่ไม่ใช่ชีวิตจริงของมัน ดังนั้นมันจึงไม่ได้ตายไปจริงๆ มันเป็นวิญญาณโลหิต, เป็นโลหิตศักดิ์สิทธิ์ และดังนั้น…มันสามารถเกิดใหม่!
ตลอดทั้งประวัติศาสตร์ในสมัยโบราณ ของการแข่งขันล่าขุมทรัพย์เซียนโลหิต ไม่มีโลหิตศักดิ์สิทธิ์ตัวไหนที่เคยเกิดใหม่ มันเป็น…ตัวแรก สิ่งแรกที่มันเห็นเมื่อมันลืมตาขึ้นก็คือ…เจ้านายของมัน ผู้ซึ่งช่วยเหลือมันตั้งแต่ยังเป็นลูกสุนัขที่ไม่รู้ความ จนกระทั่งมีจิตสำนึกของจิตวิญญาณ
โฮ้ววววว!!!
อ๋าวเฉี่ยนยกศีรษะของมันขึ้น และส่งเสียงกู่ร้องดังสนั่น ร่างของมันขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว เพียงชั่วพริบตา มันก็ยาวถึงยี่สิบจ้าง ขนที่เงางามของมันไม่ได้เป็นสีแดงอีกต่อไป แต่เป็นสีม่วง!
ขนของมันเป็นสีม่วง และความสูงของมันราวกับภูเขาลูกเล็กๆ เดือยอันแหลมคมงอกออกมาจากขาทั้งสี่ข้าง และส่วนบนสุดของศีรษะมันมีเขายาวยื่นออกมา เขี้ยวของมันยาวและคมกริบ ทั้งหมดนี้ทำให้อ๋าวเฉี่ยนมองดูน่ากลัวและแข็งแกร่งมากกว่าก่อนหน้านี้!
ไกลเกินกว่าที่โลกนี้จะรับรู้ได้ มันโหดเหี้ยมดุร้ายและกระหายเลือดเป็นอย่างยิ่ง มันเป็นโลหิตศักดิ์สิทธิ์ที่ไร้ความรู้สึกและเย็นชา แต่ก็ยังมีอีกหนึ่งคนที่ทำให้มันต้องทำตัวเหมือนกับตอนที่มันยังเล็กอยู่ คนทีมันสามารถเลียมือได้ คนที่สามารถลูบคลำศีรษะมันได้
มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่เป็นเช่นนี้ในการคงอยู่ของมัน!