“พวกที่เหลือเป็นอย่างไรบ้าง?” รูปปั้นถามเสียงเย็นชา การที่ถูกเรียกว่าปรมาจารย์โดยหลี่เต้าอี และเมื่อพิจารณาถึงการที่มันได้พูดเกี่ยวกับการได้ครอบครอง ก็ดูเหมือนว่าตัวตนที่แท้จริงของมันในตอนนี้ก็ปรากฎออกมาแล้ว
นี่คือผู้ถูกเลือกของตระกูลหลี่ ซึ่งได้ผ่านเข้าไปยังด่านที่แปดเมื่อสี่พันปีมาแล้ว แต่ไม่ได้ไปต่อยังด่านที่เก้า นี่เป็นเรื่องที่น่าสนใจ หรือเป็นสิ่งที่น่าแปลกประหลาด สำหรับใครที่รู้จักมัน
หลังจากที่มันกลับไปยังตระกูลหลี่ มันได้พูดหรือทำน้อยมาก หนึ่งพันปีหลังจากนั้น มันก็เสียชีวิตไปในการเข้าฌาณ ตอนนี้ ถ้าไม่พูดถึงขุมทรัพย์เซียนโลหิต ก็ไม่มีใครจดจำมันได้อีกต่อไป
อย่างไรก็ตาม หนึ่งในความลับสุดยอดของตระกูลหลี่ ก็คือคำพูดสุดท้ายที่มีการพูดถึงโดยทุกคน คำพูดนั้นได้ถูกส่งต่อลงมาจากรุ่นสู่รุ่นของตระกูลหลี่ว่า จริงๆ แล้ว ปรมาจารย์…ยังไม่ตาย
คำพูดสุดท้ายนั้นเน้นย้ำว่า หลังจากจบการแข่งขันล่าขุมทรัพย์ครั้งที่แปด สายเลือดของชนเผ่าโบราณไท่เอ้อ จะตกเป็นของตระกูลหลี่!
บุคคลที่โผล่ออกมาจากการแข่งขันล่าขุมทรัพย์เมื่อสี่พันปีก่อนก็คือมัน แต่ก็ไม่ใช่มันทั้งหมด บุคคลผู้นั้นประกอบขึ้นจากจิตวิญญาณเพียงบางส่วนของมัน ส่วนที่เหลือของมันได้ถูกบังคับให้อยู่ในร่างที่หลับไหลของทาสโลหิตในด่านที่หก จากวันนั้นจนถึงตอนนี้ มีเพียงสมาชิกของตระกูลหลี่เท่านั้นที่รู้เรื่องนี้
มันเป็นสถานการณ์ที่พิสดารจนยากที่จะคาดคิดได้ ทาสโลหิตเป็นผู้ที่แข็งแกร่งจนน่าเหลือเชื่อ และปรมาจารย์ตระกูลหลี่ เริ่มจากขั้นพื้นฐานลมปราณ ไม่ควรจะสามารถครอบครองมันได้สำเร็จ ใครก็ตามที่ต่ำกว่าขั้นวิญญาณแรกก่อตั้ง ก็ไม่ควรที่จะทำได้ แต่ด้วยเหตุใดก็แล้วแต่…มันทำได้แล้ว!
ไม่มีใครรู้ว่ามันทำได้สำเร็จอย่างไร แต่หลังจากที่บางส่วนของมันได้กลับไปยังตระกูลหลี่ วิญญาณส่วนใหญ่ของมันก็หายไป ร่างของมันจึงจางหายไป ทิ้งไว้แต่เจตจำนงสุดท้าย และคำอธิบายไว้
“ท่านปรมาจารย์ไม่ต้องสนใจศิษย์จากตระกูลซ่ง และสำนักเซี่ยเยา” หลี่เต้าอีพูดด้วยรอยยิ้มที่นับถือ “และคนที่เพิ่งจากไปก็ไม่มีอะไร แต่หวังลี่ไห่จากตระกูลหวังต้องตาย!” มังกรโลหิตที่อยู่ด้านข้างมัน ยกศีรษะขึ้น
ทันใดนั้น โลหิตศักดิ์สิทธิ์สองตัวก็ปรากฎขึ้นในพื้นที่รอบๆ ตัวหลี่เต้าอี หนึ่งในนั้นเป็นเต่าเฉียนอู่ของหวังลี่ไห่, รวมถึงเทพธิดาโลหิตที่เป็นของบุรุษหนุ่มที่ดูเหมือนหวังโหย่วฉาย โลหิตศักดิ์สิทธิ์ตัวสั่นทันทีที่พวกมันปรากฎขึ้น และทันใดนั้น มังกรโลหิตก็พุ่งตรงเข้ามา และกลืนพวกมันลงไป พวกมันไม่ได้ต่อต้านแม้แต่น้อย
“สมาชิกรุ่นเยาว์ของตระกูลหวัง…” รูปปั้นพูดเสียงเย็นชา มองไปที่มังกรโลหิต “การกำจัดผู้ถูกเลือกของตระกูลหวังเป็นที่สิ่งที่ข้าทำได้ ข้าช่วยเจ้าได้แค่ในด้านที่หกนี้เท่านั้น สำหรับอีกสามด่านที่เหลือ ข้าไม่อาจช่วยเจ้าได้โดยตรง แต่ในอดีตเมื่อสี่พันปีก่อน ข้าได้เข้าใจเกี่ยวกับเขตแข่งขันล่าขุมทรัพย์เซียนโลหิตนี้มากขึ้น จริงๆ แล้ว ในโลกนี้ไม่มีใครเข้าใจมากไปกว่าข้าอีกแล้ว”
“หลังจากได้ครอบครองมังกรโลหิตของเจ้า ข้าก็เชื่อมั่นว่าในช่วงเวลาธูปไหม้หมดหนึ่งดอก พวกเราก็จะผ่านด่านที่เจ็ด, แปด และเก้าได้อย่างแน่นอน เจ้าก็จะได้ขุมทรัพย์นี้”
“ขอบคุณมากสำหรับการช่วยเหลือ, ท่านปรมาจารย์” หลี่เต้าอีตอบกลับด้วยความเคารพ “ผู้เยาว์ไม่ได้สนใจมากเท่าไหร่กับขุมทรัพย์นี้ ข้ามาที่นี่ตามคำสั่งของผู้นำตระกูล เพื่อรับและนำท่านออกไปจากที่นี่”
“เมื่อการแข่งขันล่าขุมทรัพย์เซียนโลหิตครั้งที่แปดนี้จบลง สายโลหิตของชนเผ่าโบราณไท่เอ้อจะตกเป็นของตระกูลหลี่” รูปปั้นพูด เสียงของมันทุ้มลึกและฟังดูโบราณ “คำพูดเหล่านี้ถูกพูดโดยข้า และเป็นความจริงอย่างแน่นอน ขุมทรัพย์เซียนโลหิตก็จะเป็นของเจ้า ข้าติดอยู่ในนี้นานสี่พันปี และไม่รู้ว่าโลกภายนอกเป็นอย่างไรแล้ว…ข้าอยากรู้นักว่ายังมีสหายจากวันเก่าๆ ที่ยังมีชีวิตเหลืออยู่อีกกี่คน”
เมื่อมันพูดจบ ช่องว่างระหว่างคิ้วก็แยกออก และแสงริบหรี่ก็ปรากฎขึ้น ขณะที่เกิดรอยร้าวเปิดเป็นช่องแตก ร่างของรูปปั้นก็มืดสลัวลง มีแสงเปล่งออกมา กลายเป็นลำแสงอันเจิดจ้าบาดตา พุ่งตรงไปที่มังกรโลหิต
มังกรโลหิตไม่ได้ต่อต้าน ลำแสงนั้นเข้าไปในตัวมัน และร่างของมันก็กระตุกไปชั่วครู่ จากนั้นดวงตาของมันก็เริ่มเปล่งแสงที่มีกลิ่นอายโบราณออกมา มันทำท่ากำลังกลืนบางอย่างลงไป ราวกับว่ามันยังกลืนโลหิตศักดิ์สิทธิ์ก่อนหน้านี้ยังไม่เสร็จ
ร่างของมันแวบแสงขึ้นมา ทันใดนั้น ก็ขยายตัวจนกระทั่งมีความยาวหนึ่งพันจ้าง ทำให้โลกแห่งนี้สั่นสะเทือนไปทั่ว เวลาผ่านไป
ในที่สุด มันก็หดตัวกลับจนกระทั่งมีความยาวเพียงยี่สิบจ้าง มันวนอยู่รอบๆ หลี่เต้าอี จากนั้นก็ลอยตรงเข้าไปในประตูศิลาที่เรืองแสง ออกจากด่านที่หก มีเพียงสิ่งเดียวที่เหลืออยู่ด้านหลังก็คือ รูปปั้นที่ไร้ชีวิต ซึ่งยืนอยู่ที่นั่นอย่างเงียบๆ ไม่ไหวติง
ทันทีที่หลี่เต้าอีโผล่ออกมาจากด่านที่หก ความโกลาหลก็ดังอึกทึกไปทั่ว ท่ามกลางผู้ชมเกือบหมื่นคนที่ด้านนอกในดินแดนด้านใต้
หลี่เต้าอีเป็นคนสุดท้ายที่ออกมา คนแรกก็คือเมิ่งฮ่าว ซึ่งลอยออกมา กระอักโลหิตไปสี่หรือห้าครั้ง เขาตระเกียกตระกายขึ้นมานั่งขัดสมาธิเพื่อเข้าฌาณ การปรากฎตัวของเขาทำให้เกิดความวุ่นวายไปทั่วขณะที่เขานั่งอยู่ที่นั่น ดูดซับลมปราณให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้อย่างบ้าคลั่ง เพื่อรักษาเยียวยาบาดแผลตัวเอง ถึงดวงตาของเขาจะปิดลง แต่รังสีสังหารที่เปล่งออกมาจากร่างก็เข้มข้นรุนแรงมาก
ที่โผล่ออกมาหลังจากเขาเป็นบุรุษหนุ่มจากสำนักเซี่ยเยา ซึ่งดูคล้ายหวังโหย่วฉาย และจากนั้นก็เป็นซ่งเจีย บุคคลทั้งสองดูเหมือนจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้าย ร่างของพวกมันเต็มไปด้วยบาดแผล และกระดูกของทั้งคู่ก็เหมือนจะหักด้วย พวกมันหายใจอย่างเหนื่อยหอบ ร่างกายมอมแมม และไม่เห็นโลหิตศักดิ์สิทธิ์ของพวกมัน
พวกมันกัดฟันจนแน่น นั่งขัดสมาธิเหมือนเมิ่งฮ่าว ใช้ลมปราณที่มีอยู่หนาแน่นในบริเวณนั้น สูดหายใจเข้าไปเพื่อรักษาเยียวยาบาดแผล อาการบาดเจ็บของพวกมันเริ่มหายไปอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อพวกมันต่างก็ชำเลืองมาเห็นว่าโลหิตศักดิ์สิทธิ์ของแต่ละคนก็หายไป ความสับสน, คิดมาก ก็ปรากฎขึ้นบนใบหน้าของพวกมัน เห็นได้ชัดว่าพวกมันกำลังคิดเรื่องอะไรอยู่
หวังลี่ไห่ไม่ได้โผล่ออกมา ทำให้เกิดเสียงอึกทึกวุ่นวายอย่างไม่เคยมีมาก่อนที่ด้านนอก ทุกคนได้เห็นเงาร่างเลือนลางของหวังลี่ไห่หายไปภายในด่านที่หก เห็นได้ชัดว่านี่เป็นการบ่งชี้ว่ามันได้ตายไปแล้ว
จิตใจของสมาชิกตระกูลหวังหมุนเคว้งคว้างในทันที โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้พิทักษ์เต๋าของหวังลี่ไห่ และผู้อาวุโสตระกูลหวัง ความไม่อยากจะเชื่อเต็มอยู่บนใบหน้าของพวกมัน ดวงตาแดงก่ำขึ้นในทันที และดูเหมือนศีรษะของพวกมันเจ็บปวดจนแทบระเบิด
ทั่วทั้งดินแดนด้านใต้ตกอยู่ในความอึกทึกวุ่นวายขึ้นในทันที ไม่มีใครคาดคิดว่าหวังลี่ไห่จะตายไป ซึ่งก็ส่งผลให้ตระกูลหวังตกอยู่ในความโกรธแค้นจนยากจะจินตนาการ
หวังลี่ไห่เป็นผู้ที่มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ท่ามกลางกลุ่มคนรุ่นปัจจุบันนี้ของตระกูลหวัง มันเป็นเต้าจื่อขั้นพื้นฐานลมปราณ ผู้ถูกเลือกอาจจะผิดพลาดได้ แต่เต้าจื่อไม่สามารถ นี่เป็นกฎที่ได้รับการยอมรับทั่วไปของสำนักและตระกูลต่างๆ จึงเป็นความจริงที่ว่า ถึงแม้การแข่งขันล่าขุมทรัพย์เซียนโลหิตจะสำคัญมาก แต่ก็ไม่มีสำนักไหนในสำนักใหญ่ทั้งห้า ที่จะส่งเต้าจื่อมาเข้าร่วม เพียงส่งผู้ถูกเลือกมาเท่านั้น
มีเพียงตระกูลหวัง และตระกูลหลี่เท่านั้น ที่ส่งเต้าจื่อมา!
ผู้ที่มีความยินดีมากที่สุด ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากหวังเถิงเฟย ร่างของมันสั่นด้วยความตื่นเต้น และมันก็กำหมัดจนแน่น มันได้เฝ้ารอวันนี้มานาน, นานมากๆ ข้างกายมันหวังซีฟ่านก็ดูมีความตื่นเต้นเหมือนกัน บุคคลทั้งสองมองตากัน อนาคตของพวกมันในตอนนี้ ดูเหมือนจะเต็มไปด้วยความเป็นไปได้ที่ไร้ขีดจำกัด
ในที่สุดหลี่เต้าอีก็โผล่ออกมา มังกรโลหิตยาวยี่สิบจ้าง วนเป็นวงกลมรอบๆ ตัวมัน และโลกด้านนอกก็ระเบิดความตกใจออกมา
ซ่งเจียลุกขึ้นยืนช้าๆ และมุ่งหน้าตรงไปยังประตูทางออกที่เรืองแสงอยู่ ใบหน้าของนางซีดขาว เลือกที่จะยอมแพ้ หลังจากนั้น บุรุษหนุ่มจากสำนักเซี่ยเยา ซึ่งดูคล้ายหวังโหย่วฉายก็ยืนขึ้น ไม่สนใจหลี่เต้าอี มันมองไปยังเมิ่งฮ่าวสักครู่ และดูท่าทางลังเล แต่จากนั้น มันก็หันหลัง และผ่านเข้าไปยังประตูเรืองแสง เลือกที่จะไม่ไปต่อเช่นเดียวกัน
การจากไปของพวกมัน ทำให้เกิดเสียงอึกทึกอยู่ในโลกด้านนอกมากขึ้น
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่ในด่านที่หก? ดูเหมือนทุกคนจะไม่มีโลหิตศักดิ์สิทธิ์อีก ยกเว้นหลี่เต้าอี และหวังลี่ไห่…ก็ตายไปแล้วจริงๆ! มันเป็นถึงเต้าจื่อของตระกูลหวังเลยนะ!”
“เพียงหลี่เต้าอีคนเดียวที่ยังคงมีโลหิตศักดิ์สิทธิ์ และดูแล้วมันก็มีความแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก บางทีมันมีโอกาสที่จะได้ครอบครองขุมทรัพย์อย่างแท้จริง!”
ขณะที่เสียงพูดคุยดังขึ้นอย่างต่อเนื่องในโลกด้านนอก, เมิ่งฮ่าวก็ลืมตาที่แดงก่ำขึ้นมา เขาลุกขึ้นยืนช้าๆ และเดินตรงไปยังประตูเรืองแสง สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความดื้อรั้นเด็ดเดี่ยว ก่อนที่เขาจะก้าวเท้าเข้าไป ก็มองกลับมายังเงาร่างเลือนลางของหลี่เต้าอี สิ่งที่เขากำลังมองไป เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่หลี่เต้าอี แต่เป็นมังกรโลหิต
ขณะที่เขาจ้องไปที่มังกรโลหิต จิตใจเมิ่งฮ่าวก็เริ่มหนักอึ้ง เขาไม่แน่ใจว่าคนอื่นได้เห็นหรือไม่ แต่ในดวงตาของมังกรตัวนี้ ช่างเหมือนกับดวงตาที่อยู่ในรูปปั้นนั้นเป็นอย่างยิ่ง จิตใจของเขาแวบขึ้น เมื่อประติดประต่อชิ้นส่วนเข้าด้วยกัน ตอนนี้เขามั่นใจเก้าในสิบส่วนว่าได้เกิดอะไรขึ้น
ขณะที่เมิ่งฮ่าวมองไป หลี่เต้าอีก็ส่งเสียงหัวเราะเยาะเย้ยออกมา “จำชื่อของข้าไว้” มันพูด “ข้าคือหลี่เต้าอี สุนัขของเจ้าตายอย่างน่าสยดสยองนัก” มันยกมือขึ้นไปวางบนมังกรโลหิต
เมื่อได้ยินคำพูดนั้น จิตใจเมิ่งฮ่าวก็ก้องไปด้วยเสียงของสายฟ้านับแสนฟาดระเบิดลงมา โลหิตไหลซึมออกมาจากมุมปาก ขณะที่เขาจ้องอย่างอาฆาตไปที่หลี่เต้าอี ภายในดวงตาของเขาลุกไหม้ด้วยเปลวไฟแห่งโทสะ และความต้องการสังหารก็พุ่งขึ้นไปถึงสวรรค์ เขาได้ฝึกตนจนมีระดับสูง และเคยต้องการสังหารผู้คนมามากมาย แต่ในตอนนี้ ความต้องการสังหารคนผู้นี้เข้มข้นรุนแรงจนถึงที่สุด
อย่างไรก็ตาม ด้วยบุคลิกส่วนตัวของเมิ่งฮ่าว ยิ่งเขาต้องการสังหารใครสักคน เขาก็ยิ่งมีความเงียบขรึมมากยิ่งขึ้น เขาเป็นเช่นนี้มาตั้งแต่ยังเยาว์ และยิ่งเป็นมากขึ้นในตอนนี้ ยิ่งเขาเงียบขรึมมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งโหดร้ายมากขึ้นเท่านั้น บุคคลที่ชอบแผดเสียง และกรีดร้องเป็นพวกที่ป่าเถื่อนไร้วัฒนธรรม บุคคลที่รักษาความเงียบขรึมไว้ได้จึงเป็นผู้ที่น่ากลัวอย่างแท้จริง!
เวลาผ่านไปนานสักพัก ในที่สุด เมิ่งฮ่าวก็เปลี่ยนความโกรธไปที่ส้นเท้า และเดินผ่านเข้าไปในประตูเรืองแสงนั้น
หวังเต้าอีหัวเราะ เดินตรงเข้าไปในด่านที่เจ็ด
เมื่อเมิ่งฮ่าวปรากฎขึ้นในปล่องภูเขาไฟ ด้านนอกของทะเลสาบโลหิต ดวงตาของเขาลุกไหม้ด้วยเปลวไฟแห่งโทสะ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในด่านที่หก ฉายซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่ในจิตใจของเขา และรังสีสังหารก็พุ่งออกมาจากร่างกายเพิ่มมากขึ้น
“หลี่เต้าอี, ข้า…เมิ่งฮ่าว จะส่งเจ้าไปพบกับความตาย!” ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยเส้นเลือด ทำให้ดูดุร้ายน่ากลัวมากกว่าที่เคย ร่างเขาแวบขึ้น กลายเป็นลำแสงหลากสีพุ่งตรงไปยังฉู่อวี้เยียน และสถานที่ปรุงยาของนาง
เมื่อเขามาถึง ฉู่อวี้เยียนกำลังอยู่ในช่วงการปรับเปลวไฟจากปฐพี เม็ดยาพื้นฐานสมบูรณ์อยู่ช่วงสำคัญ จนเกือบจะเสร็จเรียบร้อย ในตอนแรก นางคิดว่าเมิ่งฮ่าวอาจจะกลับมาไม่ทัน และนางก็จะมีโอกาสได้ศึกษามันบ้าง และตอนนี้เขาก็อยู่ที่นี่แล้ว ในความคาดหวังของนางเพื่อให้การต่อสู้ของนางและเมิ่งฮ่าวจบลงอย่างสมบูรณ์ นางคิดจะดึงตัวยาบางอย่างออกมา แต่เมื่อได้เห็นท่าทางอันน่ากลัวของเมิ่งฮ่าว นางก็ลังเล เห็นได้ชัดว่าเขาคล้ายกับภูเขาไฟที่ใกล้จะระเบิดออกมา เขาไม่ใช่คนที่ควรจะเติมเชื้อไฟเข้าไปได้
เมิ่งฮ่าวมาถึงและนั่งลงขัดสมาธิโดยไม่พูดจา ความเกลียดชังต่อหลี่เต้าอี และความต้องการสังหารมัน ยังคงก่อตัวและรุนแรงมากขึ้นต่อไป ความรุนแรงนี้ยากที่จะอธิบายออกมาได้ เขาไม่อยากจะเชื่อว่าอ๋าวเฉี่ยนได้ตายไปแล้ว เขาต้องได้พื้นฐานสมบูรณ์ เพื่อจะช่วยอ๋าวเฉี่ยนออกมาให้ได้!
ฉู่อวี้เยียนไม่กล้าพูดจา สีหน้าเต็มไปด้วยความตั้งอกตั้งใจ นางสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และกัดฟันแน่น จากนั้นก็โบกมือในรูปแบบร่ายเวทอาคม และวางลงไปบนเตาปรุงยา เมื่อทำเช่นนั้น เปลวไฟแห่งปฐพีที่ใต้พื้นก็เริ่มส่งเสียงกระหึ่มออกมา เตาปรุงยาสั่นไปมา
ในตอนนี้ ดูเหมือนว่ากลุ่มหมอกภายในปล่องภูเขาไฟกำลังม้วนตัวไปมา พื้นดินสั่นสะเทือน สายลมและกลุ่มเมฆที่ด้านนอกก็ดูเหมือนจะถูกรบกวน เมฆเริ่มรวมตัวกันเป็นแผ่นขนาดใหญ่ ซ้อนกันเป็นชั้นๆ ม้วนตัวไปในทุกทิศทาง ฟ้าแลบไปทั่วท้องฟ้า เกิดเสียงระเบิดขนาดใหญ่เต็มอยู่ในอากาศ ด้วยสายฟ้าที่ฟาดลงมามากมาย สัญลักษณ์ลึกลับก็ปรากฎขึ้นในท้องฟ้าด้านนอก
“นี่เป็นเม็ดยาสายฟ้าจริงๆ” แน่นอนว่า ฉู่อวี้เยียนเคยสงสัย แต่ตอนนี้ เมื่อได้เห็นกลุ่มหมอกม้วนตัวไปมา และทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นยังด้านบนของโลกภายนก นางจึงค่อนข้างมั่นใจว่า เม็ดยานี้…ไม่ใช่เม็ดยาสายฟ้าอย่างแน่นอน
“สำหรับเม็ดยาที่ไปกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของสวรรค์ ตั้งแต่ตอนที่มันได้ปรากฎขึ้น…ดูเหมือนว่าสวรรค์ต้องการที่จะทำลายเม็ดยานี้! นี่…นี่เป็นเม็ดยาอะไร!?” ฉู่อวี้เยียนตกใจลึกลงไปถึงแก่นกาย เมื่อนางเอามือกดลงไปบนเตาปรุงยา เสียงกระหึ่มดังไปทั่วในอากาศ ทันใดนั้น เตาปรุงยาก็แตกกระจายออกเป็นชิ้นๆ ส่งผลให้เกิดการระเบิดอย่างรุนแรง ฉู่อวี้เยียนกระอักโลหิตออกมา ขณะที่ถูกกระแทกปลิวออกไปยังผนังศิลาด้านหลัง หมดสติไปในทันที
ทันใดนั้น เมิ่งฮ่าวเปิดตาขึ้น และพุ่งตรงไป ขณะที่เตาปรุงยาแตกกระจาย โลกภายนอกก็เต็มไปด้วยสายฟ้าและเสียงกระหึ่ม พื้นดินสั่นไหว เต็มไปด้วยรอยร้าวและรอยแตก เมิ่งฮ่าวพุ่งไปถึง…และคว้าจับเม็ดยาเจ็ดสีอันลึกลับจากด้านในของเตาปรุงยาไว้!
เม็ดยาพื้นฐานสมบูรณ์!
เม็ดยานี้คือการขัดขืนต่อสวรรค์, สวรรค์และปฐพีไม่ยอมรับ โลกด้านนอกของปล่องภูเขาไฟสั่นสะเทือน ชั้นของกลุ่มเมฆเปล่งแสงเจิดจ้าขณะที่พวกมันม้วนตัวไปมา ดูเหมือนจะมีสายฟ้ามากมายรวมตัวกัน เตรียมที่จะฟาดทำลายเม็ดยาซึ่งเมิ่งฮ่าวถืออยู่ในมือ ใครก็ตามที่กล้ากลืนเม็ดยานี้ต่อหน้าสวรรค์ มันก็จะต้องเผชิญกับทัณฑ์แห่งสายฟ้า!
สวรรค์ไม่ยอมให้เม็ดยาเช่นนี้เกิดขึ้น และไม่ยอมให้ใครก็ตามกลืนมันลงไปเช่นกัน การกลืนมันลงไป เป็นการสร้างพลังฝึกตนที่ทำลายการรับประกันจากสวรรค์! นี่เป็นเส้นทางของการเผชิญหน้ากับการลงทัณฑ์จากสวรรค์!
และเมิ่งฮ่าวก็ไม่ลังเล ขณะที่เขาถือเม็ดยาอยู่ในมือ ก็ดูเหมือนมันจะเริ่มละลายไป เขารู้สึกว่าถ้าเขาไม่กลืนมันลงไปในทันที เม็ดยานี้ก็จะหายไปด้วยตัวของมันเอง โดยไม่ต้องรอให้ทัณฑ์แห่งสายฟ้าฟาดลงมา!
เขาไม่รู้ว่าทำไมถึงได้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น และไม่มีเวลาที่จะคิดเกี่ยวกับมัน รวมถึงไม่มีเวลาที่จะคิดเกี่ยวกับการผลิตมันซ้ำขึ้นมาด้วยกระจกทองแดง แม้แต่ขณะที่เขามองไปที่มัน มันก็เริ่มแสดงสัญญาณออกมาว่า มันกำลังจะกระจายออกเป็นเสี่ยงๆ
การตกลงใจเต็มอยู่ในดวงตา เมิ่งฮ่าววางเม็ดยาลงไปในปาก ด้านบน สายฟ้ารวมตัวกัน และเตรียมที่จะฟาดลงมา
เมื่อเม็ดยาเข้าไปในปากเขา มันก็ละลายไปในทันที และไหลลงไปในท้อง เสียงกระหึ่มดังขึ้นมาจากภายใน ตามด้วยพลังแปลกๆ ที่ดูเหมือนจะทำให้ทั่วทั้งร่างของเขาแตกกระจายออก นี่ไม่ใช่พลังแห่งสวรรค์และปฐพี แต่เป็นอย่างอื่น เป็นบางอย่างที่ยากจะอธิบาย ในตอนนี้ เสาแห่งเต๋าของเมิ่งฮ่าวก็เริ่มสั่นสะท้าน
ขณะที่มันสั่นอยู่นั้น รอยร้าวบนพื้นผิวของมัน ทันใดนั้น ก็เริ่มแสดงสัญญาณของการถูกรักษาเยียวยาขึ้น รู้สึกถึงการรวมตัวอย่างสมบูรณ์ภายในร่างของเมิ่งฮ่าว กล้ามเนื้อและโลหิตดูเหมือนจะเหนียวแน่นมากขึ้น เสาแห่งเต๋าสีทองของเขาส่งเสียงหึ่งๆ และดูเหมือนจะขยายใหญ่ขึ้น ผิวหนังเริ่มส่องประกายด้วยแสงสีทองออกมามากขึ้นเรื่อยๆ
เขาสัมผัสได้ถึงพลังที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนจากพื้นฐานไร้ตำหนิ ตามด้วยมุมมองที่เขามีต่อโลกใบนี้ ทันใดนั้นก็เริ่มเปลี่ยนไป จิตสัมผัสก็ขยายออกไปมากขึ้น ทุกสิ่งทุกอย่างในร่างของเขากำลังเปลี่ยนไป พื้นฐานสมบูรณ์ ซึ่งไม่เคยเห็นในโลกแห่งการฝึกตนหลายพันปีมาแล้ว ตอนนี้กำลังค่อยๆ ปรากฎขึ้น!
จากตำนานที่เล่าขานกันมา พื้นฐานสมบูรณ์ไม่เคยถูกพบเห็นมานานนับพันปี แต่ที่นี่มันได้อยู่ในตัวเมิ่งฮ่าวแล้ว พลังแห่งจิตสัมผัสของเขาไกลเกินกว่าของพื้นฐานลมปราณระดับกลาง จริงๆ แล้ว เมิ่งฮ่าวรู้ว่าถ้าเขามีลมปราณเพียงพอ เขาก็สามารถจะสร้างเสาแห่งเต๋า เสาที่สองและสามในทันที!
ยิ่งไปกว่านั้น เขายังรู้ว่าเสาแห่งเต๋าที่จะเกิดขึ้นในอนาคตของเขา ก็ยังคงเป็นเสาแห่งเต๋าที่สมบูรณ์ตามตำนานอีกด้วย!
ณ ตอนนี้ เสียงระเบิดก็ดังออกมาในท้องฟ้าด้านบน สูงขึ้นไปในอากาศ สายฟ้ามากมายพุ่งลงมาที่ปล่องภูเขาไฟ กระแทกลงไปในเกราะเวท
เมื่อมันกระทบเกราะเวท เขตขุมทรัพย์เซียนโลหิตทั้งเจ็ดแห่ง รอบๆ ดินแดนด้านใต้ ที่มีผู้ฝึกตนมากมายมองดูอยู่ ทันใดนั้น ก็ระเบิดแสงสีแดงเลือดออกมา แสงสีโลหิตนั้นกระจายออก พุ่งสูงขึ้นไปถึงสวรรค์ ก่อตัวเป็นเสาโลหิตขนาดใหญ่มหึมา
รอบๆ ของเสาโลหิตแต่ละต้น พันไว้ด้วยโซ่เหล็กสีแดงเลือด ยิ่งไปกว่านั้น ด้านบนสุดของเสาแต่ละต้นเป็นเงาร่างเลือนลางที่ถูกผูกไว้ กำลังส่งเสียงกรีดร้องด้วยความทุกข์ทรมานออกมา
สิ่งทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในทันใด ผู้ที่มองดูอยู่รอบๆ เขตขุมทรัพย์ทั้งเจ็ดแห่งต่างก็ประหลาดใจ ไม่แน่ใจว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น
“มีอะไรเกิดขึ้น?!”
“จอภาพโลหิตพุ่งขึ้นไปในท้องฟ้า! พวกเราไม่อาจเห็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น ด้านในของเขตขุมทรัพย์ เกิดอะไรขึ้น?!”
ผู้ฝึกตนของดินแดนด้านใต้ ต่างก็ตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย เงาร่างมากมายทะยานขึ้นมาจากวิหารของห้าสำนักใหญ่ และสามตระกูลดัง ทั้งหมดนี้ต่างก็เป็นผู้ฝึกตนรุ่นโบราณ ซึ่งมักจะใช้เวลาทั้งหมดในการนั่งเข้าฌาณเพียงลำพัง แต่ความเข้มข้นรุนแรงของเหตุการณ์ที่ด้านนอก ได้ปลุกพวกมันให้ตื่นขึ้นมา และปรากฎกายออกมาทีละคน
“เครื่องสังเวยเซียนโลหิต! นี่คือเครื่องสังเวยเซียนโลหิตในตำนานของชนเผ่าโบราณไท่เอ้อ!!”
“ตำนานกล่าวไว้ว่า ถ้ามีใครมาบุกรุกชนเผ่าโบราณไท่เอ้อ เครื่องสังเวยเซียนโลหิตก็จะปรากฎขึ้น แต่ชนเผ่าโบราณไท่เอ้อได้ล่มสลายลงไปนานมากแล้ว ใครจะเป็นศัตรูของพวกมันในตอนนี้…”
ขณะที่เสียงระเบิดดังไปทั่วในดินแดนด้านใต้ เมิ่งฮ่าวยืนอยู่ภายในปล่องภูเขาไฟ มองขึ้นไปในท้องฟ้าที่ส่งเสียงดังกระหึ่มกึกก้อง เขารีบนำฉู่อวี้เยียนที่หมดสติไปออกมา และห่อหุ้มนางด้วยร่างแหสีดำ วางไว้ในถ้ำ จากนั้นร่างของเขาก็กลายเป็นลำแสง ขณะที่พุ่งตรงไปยังแท่นบูชาเซียนโลหิต
ด้านบน ทัณฑ์สายฟ้ากำลังฟาดลงมา ทำให้เกราะเวทสั่นกระเพื่อมไปมา ขณะที่เกราะเวทสั่นอยู่นั้น แสงสีแดงเจิดจ้าก็พุ่งขึ้นมาจากภายในปล่องภูเขาไฟ กลายเป็นเสาโลหิตขนาดใหญ่มหึมา เสาโลหิตนี้เป็นเสาที่แปดซึ่งปรากฎขึ้นภายในดินแดนด้านใต้
กล่าวโดยทั่วไป แท่นบูชาเซียนโลหิตไม่เคยทำเช่นนี้ แต่เมิ่งฮ่าวได้กลืนเม็ดยาพื้นฐานสมบูรณ์ ทำให้ไปกระตุ้นทัณฑ์สายฟ้า ให้ฟาดลงมายังเกราะเวทจนเกิดการระเบิดขึ้น และแรงระเบิดนี้ก็ไปกระตุ้นปฏิกิริยาป้องกันตัวของแท่นบูชาเซียนโลหิตขึ้น กลายเป็นเสาโลหิตขนาดใหญ่
การโจมตีไปที่เกราะป้องกัน ก็เหมือนกับการโจมตีไปที่เซียนโลหิต!
“รอข้าด้วย” เมิ่งฮ่าวพูด ความต้องการสังหารพุ่งออกมาจากดวงตา “ข้าสัญญากับเจ้าไว้ว่า ข้าจะนำเจ้าออกไปพร้อมข้า รอข้าด้วย ข้ากำลังไปช่วยเจ้า แล้วเราจะไปสังหารหลี่เต้าอีด้วยกัน!” เขาบินตรงไปราวกับสายฟ้า เข้าไปในแท่นบูชา โดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย
ทันทีที่เขาเข้าไป…
เมฆม้วนตัวไปมา และสายลมก็พัดกรรโชกอยู่ข้างใน ของเขตล่าขุมทรัพย์เซียนโลหิต ผ่านด่านที่เก้าไป ซากศพที่นั่งขัดสมาธิอยู่ก็สั่นไปทั้งตัว มันค่อยๆ ยกศีรษะที่แห้งเหี่ยวขึ้นมาช้าๆ ภายในปรากฎเป็นแสงอันทรงพลังเปล่งประกายออกมา มันเป็นแสงแปลกๆ แต่ก็ทำให้ศีรษะที่คล้ายหัวกระโหลกนี้ดูค่อนข้างตื่นเต้น
“ในที่สุด…สิ่งที่ข้ากำลังรอคอย…”
ภายในด่านที่แปด ทุกสิ่งทุกอย่างสั่นสะเทือน และท้องฟ้าก็ดูเหมือนจะแยกเปิดออกมา แสงสีแดงเข้มปกคลุมไปทั่ว ก่อนหน้านี้ไม่นานทุกสิ่งทุกอย่างเงียบสงบอย่างสิ้นเชิง แต่ทันใดนั้นเสียงกู่ร้องก็เต็มไปทั่วในอากาศ เป็นเสียงกู่ที่ดูเหมือนจะเต็มไปด้วยความตื่นเต้น!
ในด่านที่เจ็ด มีเพียงสิ่งเดียวที่มองเห็นได้ ก็คือหลุมฝังศพโบราณ ที่แกะสลักอยู่เหนือหลุมฝังศพ เป็นตัวอักษรสามตัว จ้างเทียนเฝิน! (หลุมฝังศพแห่งสวรรค์)
ด้านในของหลุมฝังศพเป็นโลงศพที่มีความยาวเกือบพันจ้าง ข้างในเป็นกองกระดูกจำนวนมากมาย ตรงกลางกองกระดูกเหล่านั้นเป็นธงเก่าๆ ที่มีสามแฉก แต่ละแฉกก็มีตัวอักษรเขียนไว้ แต่ดูเหมือนมันได้ผ่านกาลเวลามานานหลายพันปี ตัวอักษรบนสองแฉกแรกดูไม่ชัด แต่ตัวอักษรบนแฉกที่สามเห็นได้ค่อนข้างชัดเจน
มันเป็นแซ่ “จี้”
ที่กำลังยืนอยู่ด้านในของหลุมฝังศพก็คือ หลี่เต้าอี ซึ่งมองไปรอบๆ ด้วยความประหลาดใจ พื้นดินสั่นสะเทือน และท้องฟ้าก็ส่งเสียงคำรามดังกระหึ่ม ดูเหมือนว่าทุกสิ่งทุกอย่างกำลังหมุนเคว้งคว้าง มังกรโลหิตที่ด้านข้างยกศีรษะขึ้น และยกกรงเล็บของมันขึ้นมา ราวกับว่ากำลังคำนวนบางอย่างอยู่ ทันใดนั้น สีหน้าของมันก็เปลี่ยนไป
“เร็วเข้า ไม่จำเป็นต้องเอาสามธวัชวิญญาณเซียนออกไปก็ได้ เหมือนที่ข้าบอก พวกเราจำเป็นต้องมุ่งตรงไปยังด่านที่เก้าให้เร็วที่สุด ถ้าช้าเพียงเล็กน้อย…ขุมทรัพย์นี้ก็จะไม่เป็นของเจ้า!!”
“เกิดอะไรขึ้น?!” หลี่เต้าอีถาม ใบหน้าของมันบิดเบี้ยวจนน่าเกลียด
“ขุมทรัพย์นี้กำลังรอคอยใครบางคน ที่ต่อต้านขัดขืนสวรรค์ เหมือนกับชนเผ่าโบราณไท่เอ้อ บุคคลผู้นั้นได้มาแล้ว แต่พวกเราก็ยังคงมีโอกาส เซียนโลหิตตายไปแล้ว และใครก็ตามที่ไปถึงมันก่อน ก็จะได้ครอบครองขุมทรัพย์นี้!!”
“ถ้าข้ารู้ว่าขุมทรัพย์นี้เลือกมัน ข้าก็จะทำลายมันไป เมื่อมันตาย ข้าก็จะเป็นผู้สืบทอดตามที่โชคชะตาได้ลิขิตไว้!” ดวงตาหลี่เต้าอีสาดประกายเต็มไปด้วยความต้องการสังหาร
“การสังหารมันก่อนหน้านี้เป็นเรื่องที่ง่ายดาย แต่ตอนนี้มันอยู่ในเขตขุมทรัพย์เซียนโลหิตแล้ว ใครจะกล้าไปสังหารมัน! ใครจะสามารถสังหารมันได้?!” มังกรโลหิตหมุนวนไปรอบๆ หลี่เต้าอี ทันใดนั้นก็ขยายร่างยาวถึงหนึ่งพันจ้าง เห็นได้ชัดว่าต้องการจากไปอย่างเร่งด่วน
ในเวลาเดียวกันนั้น ด้านนอกในดินแดนด้านใต้ ในวัดโบราณไท่เอ้อ หนึ่งในสามของเขตอันตราย ด้วยตัวของวัดเอง ดูเหมือนมันจะกลายเป็นมีชีวิตขึ้นมา ด้านในของวัดโบราณมีรูปปั้นมากมายนับไม่ถ้วน ทั้งหมดส่วนมากจะยืนอยู่ที่นั่นไม่ไหวติง ถึงแม้จะมีใครเข้ามาในวัดนี้ พวกมันก็ไม่เปลี่ยนไป
แต่ตอนนี้ รูปปั้นนับหมื่นนับแสน ทันใดนั้น ก็เริ่มสั่นสะท้าน ดวงตาของพวกมันเปิดขึ้น และพวกมันก็เงยหน้ามองขึ้นไปยังสวรรค์ ทั่วทั้งชนเผ่าส่งเสียงกู่ร้องที่ท้าทายสวรรค์ออกมา ขณะที่เสียงกู่นี้ดังก้องออกไป รูปปั้นทั้งหลายก็เริ่มบินขึ้นไปในอากาศ และหมุนวนเป็นวงกลมอยู่รอบๆ วัด
มีผู้ฝึกตนบางคนมองดูอยู่ใกล้ๆ วัดแห่งนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้พวกมัน ต้องตื่นตกใจในทันที
ความไม่อยากจะเชื่อถูกเขียนขึ้นอยู่บนใบหน้าของพวกมัน เมื่อภาพภูติผีของชนเผ่าโบราณไท่เอ้อจำนวนมากมาย ทันใดนั้นก็ปรากฎขึ้น ราวกับว่าจิตวิญญาณของวัดนี้ ทันใดนั้นก็พุ่งขึ้นมาจากพื้นปฐพี กลายเป็นลำแสงอันเจิดจ้า นำรูปปั้นนับหมื่นนับแสนลอยขึ้นไปพร้อมกับมัน ขณะที่มันทะยานขึ้นไปในท้องฟ้า วัดก็กลายรูปร่างเป็นรถม้าศึกขนาดใหญ่โตมโหฬาร และรูปปั้นก็กลายเป็นทหาร และม้าศึกนับหมื่นนับแสน ชนเผ่าแห่งนักรบและม้าศึกนับไม่ถ้วน พร้อมที่จะทำสงครามกับสวรรค์!