มีเพียงเมิ่งฮ่าวเท่านั้นที่ได้ยินเสียงนี้ ไม่มีใครสามารถสัมผัสถึงมันแม้แต่น้อย แม้แต่ฉู่อวี้เยียนที่อยู่ในปล่องภูเขาไฟพร้อมกับเมิ่งฮ่าว ก็ไม่ได้ยินด้วยเช่นกัน
ขณะที่เสียงดังอยู่ในจิตใจ ดวงตาเมิ่งฮ่าวก็เข้มข้นขึ้น
“ชนเผ่าโบราณไท่เอ้อ…อย่าบอกนะว่า พวกเราอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงกับวัดโบราณไท่เอ้อ!? ขุมทรัพย์แห่งเซียนโลหิต, เซียน…” เมิ่งฮ่าวตกใจ เขาค่อนข้างคุ้นเคยกับระดับขั้นต่างๆ ทั้งหมดของการฝึกตน หลังจากวิญญาณแรกก่อตั้ง ก็เป็นตัดวิญญาณ จากนั้นก็ค้นหาเต๋า และในที่สุดก็เป็นเซียนอมตะ
แต่ในหมื่นปีที่ผ่านมา มีเพียงเจ็ด หรือแปดคนเท่านั้นที่สำเร็จไปถึงขั้นนั้นได้ แม้แต่การบรรลุขั้นค้นหาเต๋าก็หาได้ยากเย็นยิ่ง
“ขุมทรัพย์แห่งเซียนโลหิต คนผู้นั้นเพียงแค่เรียกตัวเองว่าเซียน หรือว่าจริงๆ แล้วมันได้บรรลุถึงขั้นเซียนอมตะไปแล้ว…?” ถึงตอนนี้แม้เขาจะตื่นเต้น แต่ทันใดนั้นก็คิดไปถึงการต่อสู้ระหว่าง ปรมาจารย์เอกะเทวะ และเทียนจีซ่างเหริน และสองคำที่เคยได้ยินมา หลีเซียน (เซียนรุ่งอรุณ)
ดวงตาเขาสาดประกายเมื่อมองไปยังศีรษะที่ใหญ่โต และปากที่เปิดอยู่ ซึ่งดูเหมือนอุโมงค์มากกว่า การเข้าไปข้างใน คงจะหมายถึงการเริ่มต้นของการแสวงหาขุมทรัพย์นั้น
“เก้าเปิดออกในดินแดนด้านใต้ และจะรับรู้กันไปทั่ว มันหมายความว่า…ถ้าเมื่อไหร่ที่ข้าก้าวเข้าไปข้างใน ทางเข้าสู่ขุมทรัพย์อื่นอีกเก้าแห่งก็จะเปิดออกในโลกภายนอก? จากนั้นฟ้าดินก็จะเปลี่ยนสี และทุกคนก็จะรู้เรื่องนี้?” เขาลังเล จ้องไปยังปากที่เปิดอยู่นั้น ครุ่นคิดอย่างเคลิบเคลิ้ม
“มันต้องเป็นเช่นนั้นอย่างแน่นอน ต้องมีทางเข้าเก้าแห่ง ที่ให้ผู้คนเข้ามาค้นหาขุมทรัพย์ ในกลุ่มคนที่เข้ามา มีเพียงคนเดียวที่จะได้ขุมทรัพย์แห่งเซียนโลหิตไป…ดังนั้น ต้องมีสถานที่อีกเก้าแห่งเหมือนกับที่นี่ ถ้าหนีงแห่งเปิดขึ้น ทั้งหมดก็จะเปิดตามไปด้วย ข้าสงสัยว่าถ้ามีใครเปิดมันขึ้นมาก่อน…”
ทันใดนั้น เขาก็มองไปรอบๆ ชายฝั่งของทะเลสาบ ซึ่งเต็มไปด้วยกระดูกสีขาวดูน่ากลัว กระจัดกระจายไปทั่ว กระดูกหลายชิ้นเป็นส่วนศีรษะ และเป็นมนุษย์
กระโหลกศีรษะเหล่านั้นได้แสดงให้เห็นว่า มันได้อยู่ที่นี่มานานหลายปีแล้ว บางทีอาจจะเป็นเพราะความแปลกประหลาดของสถานที่นี้ พวกมันจึงไม่ได้กระจายหายไป แต่ยังคงอยู่ที่นี่ตลอดเวลา
ไม่ว่ายังไง เมิ่งฮ่าวก็ไม่มีทางจะรู้ว่า กระดูกเหล่านี้ได้อยู่ที่นี่มานานเท่าไหร่แล้ว และไม่รู้เช่นกันว่า พวกมันเป็นผู้ที่เข้ามาที่นี่ภายหลัง หรือเป็นกลุ่มคนที่ถูกสังเวยเมื่อสร้างสถานที่นี้ขึ้นมาในครั้งแรก
เขาคิดอยู่สักพัก และในที่สุดก็ตัดสินใจยังไม่เข้าไปในปากทางเข้านั้น เขาเดินถอยหลังกลับไปช้าๆ เมื่อทำเช่นนั้น ศีรษะใหญ่มหึมานั้นก็ค่อยๆ จมกลับลงไปในทะเลสาบ ตามด้วยแท่นบูชาอย่างช้าๆ เมื่อเขาเดินไปถึงตำแหน่งหนึ่งร้อยจ้าง ทุกสิ่งทุกอย่างก็เงียบสงบเหมือนเดิม
ขณะที่เขาเดินถอยหลัง ก็โบกสะบัดแขนเสื้อ เพื่อรวบรวมกระดูกหลายชิ้น เก็บเข้าไปในถุงสมบัติ จากนั้นก็ยืนอยู่ที่นั่น มองไปยังทะเลสาบโลหิตชั่วครู่ ก่อนที่จะหันหลัง และจากไป
ในไม่ช้า เขาก็กลับมายังด้านนอกรอยแตกที่คล้ายถ้ำ ซึ่งมีฉู่อวี้เยียนอยู่ภายใน ใบหน้านางซีดขาว และกำลังเพ่งสมาธิไปที่เตาปรุงยา นางหยิบต้นสมุนไพรออกมาบางส่วน คั้นพวกมันเป็นน้ำออกมา จากนั้นก็เอาใส่ลงไปในเตา
เมิ่งฮ่าวนั่งขัดสมาธิอยู่ห่างออกไปไม่ไกล มีท่าทางครุ่นคิดอย่างเคลิบเคลิ้ม เขาหยิบเอากระโหลกศีรษะที่เพิ่งได้มา สำรวจดูอย่างละเอียด
“ถ้าข้าไม่รู้อายุของกระโหลกนี้ ข้าก็อาจจะเข้าไปในขุมทรัพย์เซียนโลหิตอย่างวู่วามได้” เขาคิดกลับไปถึงทุกสิ่งทุกอย่าง ที่ได้เกิดขึ้นในแคว้นจ้าว ซึ่งได้สอนให้เขารู้ถึงคุณค่า ของการเป็นคนที่ละเอียดรอบคอบ เขาถือกระโหลกศีรษะอยู่เบื้องหน้า มองเข้าไปใกล้ๆ
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ ในที่สุด ห้าวันก็ผ่านไป ฉู่อวี้เยียนเดินจากเตาปรุงยาไปยังเมิ่งฮ่าว ดูท่าทางเหน็ดเหนื่อย นางโยนเม็ดยาให้เขา
มันเป็นสีน้ำเงินเข้ม และดูสวยงาม เรืองแสงสีฟ้า แต่ไม่มีกลิ่นหอมโชยออกมา
“ข้าล้มเหลวในครั้งแรก แต่ก็ทำได้สำเร็จในครั้งที่สอง นี่เป็นเม็ดยาที่เจ้าต้องการ ตอนนี้ก็ให้เสื้อผ้าแก่ข้าได้แล้ว” นางมองลงไปที่เขา ดูท่าทางอ่อนเพลีย นี่เป็นค่าตอบแทนที่นางต้องจ่ายสำหรับการปรุงยา
เมิ่งฮ่าวรับเม็ดยาไป และตรวจดูอย่างละเอียด เอาเก็บเข้าไปในถุงสมบัติ จากนั้นก็ดึงแผ่นหยกอื่นออกมา ตามด้วยส่วนผสมที่ครบถ้วนอีกสองชุด เขาหยิบเอาเสื้อผ้าออกมาด้วย วางพวกมันลงไปยังเบื้องหน้า เมื่อฉู่อวี้เยียนหยิบพวกมันขึ้น และเดินกลับเข้าไปในถ้ำ
หลังจากนั้นสักพัก นางก็โผล่ออกมา สวมใส่เสื้อคลุมยาวของเมิ่งฮ่าว เส้นผมยาวสยายของนางแผ่กระจายไปทั่วไหล่ มองดูเหมือนหญิงสาวเยาว์วัยผู้งดงาม นางมีท่าทางเหนื่อยล้า แต่จริงๆ แล้ว ก็ทำให้ดูดีแตกต่างจากก่อนหน้านี้เป็นอย่างมาก
เมื่อเมิ่งฮ่าวมองไปที่นาง เขาก็ตระหนักว่าศิษย์พี่หญิงฉื่อ ไม่อาจเปรียบกับนางได้ในแง่ของความงดงาม ในความเป็นจริงแล้ว ฉู่อวี้เยียน อาจจะเป็นหญิงสาวที่สวยงามที่สุด เท่าที่เขาเคยเห็นมาในตลอดชีวิตของเขา
มีเพียงหญิงสาวงดงาม ที่เขาเคยเห็นที่ด้านล่างของทะเลเหนือเท่านั้น ที่สามารถเปรียบเทียบกับนางได้
ตอนนี้นางได้เปลี่ยนเสื้อผ้า และปกปิดส่วนที่เปลือยบางส่วนไป ฉู่อวี้เยียนก็ดูเหมือนว่า ไม่อยากยืนอยู่ที่เบื้องหน้าของเมิ่งฮ่าวอีกต่อไป เมื่อนางเดินออกไป ก็ได้เห็นกระโหลกศีรษะที่เขากำลังตรวจสอบอยู่
ทันใดนั้น ดวงตาของนางก็ส่องประกายแปลกๆ ออกมา แต่ก็หายไปเกือบจะในทันที
“ถ้าเจ้าไม่มีอะไรทำที่ดีกว่านี้” นางกล่าวเสียงเย็นชา “เจ้าก็ควรจะไปยืนดูเกราะเวทนั้น อาจจะมีผู้ฝึกตนบางคนผ่านมา ซึ่งอาจจะช่วยพวกเราออกไปได้ ซึ่งก็ดีกว่านั่งอยู่แถวนี้มองดูไปที่หัวกระโหลกโบราณนั่น”
“หัวกระโหลกนี้ อยู่ที่นี่มานานกี่หมื่นปีแล้ว?” เขาถามขึ้นในทันที
นางหัวเราะเสียงเย็นชา ดูเหมือนว่าการได้เปลี่ยนเสื้อผ้า ทำให้นางมีความหยิ่งยโสเหมือนก่อนหน้านี้ เห็นได้ชัดว่า นางคิดว่าเมื่อนางปรุงเม็ดยาที่เมิ่งฮ่าวต้องการได้แล้ว เขาก็ไม่กล้าที่จะปฏิบัติต่อนางเหมือนเช่นที่ผ่านมา เดินกลับไปยังพื้นที่ปรุงยาโดยไม่สนใจเขาแม้แต่น้อย
เมิ่งฮ่าวหัวเราะ และตบไปที่ถุงสมบัติ กระบี่ไม้ปรากฎขึ้น พุ่งตรงไปที่นาง
มันเกิดขึ้นเร็วมาก และพุ่งไปถึงนางในทันที ด้วยระดับพลังฝึกตนของนางในตอนนี้ ก็ไม่มีทางที่จะหลบพ้น และนางก็ไม่ยอมหลบด้วยเช่นกัน มองกลับไปยังเมิ่งฮ่าวอย่างเย่อหยิ่ง ด้วยแววตาเยาะเย้ย
ปลายแหลมของกระบี่จ่ออยู่ที่ลำคอนาง ความเคร่งขรึมเย็นชากระจายออกมาจากร่าง แต่คางของนางก็ยังคงเชิดขึ้นสูงเหมือนเช่นเคย ดวงตาเต็มไปด้วยแววเยาะเย้ย
“ข้าจะนับหนึ่งถึงสาม เจ้าต้องเอากระบี่ออกไป” นางพูดเสียงเย็นชา “ถ้าไม่ หรือทำร้ายข้า เจ้าก็จะไม่มีใครปรุงยาให้” ผิวของนางขาวราวหิมะ เชิดหน้าอย่างอวดดี ดวงตาส่องประกายเช่นเดียวกับขณะที่จ้องมาที่เมิ่งฮ่าวด้วยความรังเกียจ
นางคิดว่าเมิ่งฮ่าวไม่กล้าที่จะทำร้ายนาง กระบี่นี้ก็แค่การข่มขู่เท่านั้น และสำหรับฉู่อวี้เยียน การขู่เช่นนี้ก็เหมือนกับ การละเล่นของเด็กทารกซึ่งน่าหัวเราะยิ่งนัก
นางเป็นบุคคลที่ไม่สามารถอดทนต่อการถูกขู่เข็ญบังคับ ตอนนี้นางได้ปรุงยาสำเร็จไปแล้วหนึ่งเม็ด นางสามารถเชิดหน้าชูตา และทำให้เมิ่งฮ่าวต้องคิดทบทวนก่อนที่จะหาเรื่องนาง นางคิดว่ากำลังมีอำนาจต่อรองที่เหนือกว่า
“ถูกของเจ้า” เมิ่งฮ่าวพูดพร้อมขมวดคิ้ว “ถ้าไม่มีเจ้า ข้าก็จะไม่มีทางปรุงเม็ดยาได้” เท่าที่ดูในตอนนี้ ก็เหมือนว่าเขาไม่สามารถทำอะไรนางได้เลยจริงๆ แต่เขาก็รู้ว่าเปลวไฟแห่งการแข็งข้อนี้ ต้องดับลงให้ได้ เพื่อไม่ให้มันก่อความน่ารำคาญมากขึ้นไปอีกในวันข้างหน้า
เขาคิดอยู่ชั่วครู่ ทันใดนั้นก็ยิ้มออกมา เมื่อฉู่อวี้เยียนเห็นรอยยิ้มของเขา จิตใจของนางก็เริ่มเต้นกระหน่ำอย่างลึกลับ และทันใดนั้นนางก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาในทันที
“ความจริงแล้ว” เขาพูดเสียงเย็นชา “ถ้าข้าคิดไปถึง การเป็นศิษย์ของเจ้าโอสถจอมปีศาจ เจ้าก็สามารถปรุงเม็ดยาปลอม ออกมาได้อย่างง่ายดาย หรืออาจจะใส่บางอย่างที่มีอันตรายร้ายแรงเข้าไป” เขาพูดเสียงเนิบนาบ และมีสีหน้าอันลึกลับ ฉู่อวี้เยียนรู้สึกอึดอัดมากยิ่งขึ้น
แน่นอนว่า นางเคยคิดจะทำในสิ่งที่เขาเพิ่งจะพูดมา แต่การสังหารเมิ่งฮ่าวก่อนเวลา ก็จะไม่อาจชักนำสายฟ้ามาได้ ตอนนี้ เขาได้พูดในสิ่งที่นางเคยคิดไว้ออกมา โดยไม่รู้ว่าเขากำลังวางแผนจะทำอะไรอยู่ แต่ก็ยังคงคิดว่าความสามารถในการปรุงยาของนาง จะช่วยป้องกันไม่ให้เขาทำร้ายนางได้ นางแค่นเสียงเย็นชาอยู่ในลำคอ
“เจ้ากำลังพูดถึงเรื่องอะไร?” นางพูดเสียงเย็นชา เกิดความรู้สึกอย่างจริงจังว่า รอยยิ้มของเขาช่างผิดปกติเป็นอย่างยิ่ง
“วิธีซึ่งข้า, เมิ่งฮ่าว, จัดการเรื่องราวต่างๆ ก็คือ ถ้าผู้คนไม่กระทำผิดต่อข้า ข้าก็จะไม่ทำผิดต่อพวกมัน ข้าสัญญาว่าจะดูเจ้าอยู่ด้านนอกนี้ และข้าก็จะไม่กลับคำอย่างแน่นอน แต่อย่าได้อวดดีเพราะการปรุงยาของเจ้า อย่าได้พยายามคิดว่าข้าตกเป็นเบี้ยล่างของเจ้า”
กระบี่ไม้ทันใดนั้นก็ลอยกลับมาหาเขา ทิ้งรอยเล็กๆ ไว้บนลำคอของฉู่อวี้เยียน นางเปิดปากโดยไม่รู้ตัว และขณะที่นางทำเช่นนั้น เมิ่งฮ่าวก็ตบไปที่ถุงสมบัติ เม็ดยาสีชมพูก็ปรากฎขึ้น พุ่งตรงเข้าไปในปากของนาง และละลายในทันที
ฉู่อวี้เยียนถอยหลังออกไป สีหน้าเต็มไปด้วยความตกใจ นางอยากจะพ่นเม็ดยาออกมา แต่ก็ทำไม่ได้
“เจ้าเอาเม็ดยาอะไรให้ข้ากิน!?” นางกล่าว จ้องเขม็งไปที่เมิ่งฮ่าว
“เจ้าใช้วิธีพิเศษเพื่อจะดูดซับพลังฝึกตนของข้า” เมิ่งฮ่าวพูดเสียงเย็นชา “พวกเรายังไม่ได้ชำระบัญชีกัน คิดซะว่ายาเม็ดนี้ก็คือการลงโทษเล็กๆ น้อยๆ” จากนั้นเขาก็ปิดตาลง และไม่สนใจนางอีกต่อไป
พฤติกรรมเช่นนี้ของเขา ก็เพียงพอที่จะทำให้ฉู่อวี้เยียนต้องกระวนกระวายใจเพิ่มมากขึ้น ทักษะในการปรุงยาของนางไม่ธรรมดา แต่นางก็ยังคงไม่รู้ว่าเพิ่งจะกลืนยาอะไรลงไป นางกัดฟันที่สวยงามจนแน่น ทันใดนั้น กระแสความร้อนก็เริ่มสะสมขึ้นอยู่ภายในร่าง กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว ทำให้ความตกใจปรากฎขึ้นบนใบหน้าของนาง
นางนั่งลงขัดสมาธิในทันที พยายามที่จะสะกดข่มมัน แต่พลังฝึกตนของนางลดลงจนเกือบจะไม่เหลืออะไร ตอนนี้ นางเพียงสามารถใช้พลัง ของระดับสามขั้นรวบรวมลมปราณได้เท่านั้น แล้วมันจะเพียงพอที่จะสะกดเม็ดยานี้ได้อย่างไร?
นางนั่งเข้าสมาธิช่วงระยะเวลาธูปไหม้หมดไปหนึ่งดอก เสียงกระหึ่มดังก้องอยู่ในศีรษะ และเริ่มสูญเสียความสามารถแม้แต่การนึกคิด จากนั้น นางก็ตกอยู่ในอาการประสาทหลอน
เวลานี้เองที่เมิ่งฮ่าวลืมตาขึ้น ซึ่งมีแต่ความสงบนิ่ง ไร้ความตื่นเต้นแม้แต่น้อย เม็ดยาที่เพิ่งให้นางกินไป ได้มาจากพื้นที่หุบเขา ซึ่งเฒ่าคางคกให้เขามาเป็นเครื่องบรรณาการพร้อมกับเม็ดยาพิษอีกหลายชนิด
เดิมทีเขาไม่เคยตั้งใจจะให้ฉู่อวี้เยียนกินเลย แต่นางก็แส่หาเรื่องเอง หลังจากที่ปรุงยาสำเร็จ นางก็มีท่าทีหยิ่งยโสอวดดี ทำให้เขาไม่มีทางเลือก เพื่อที่จะลดความหยิ่งยโสนั้น เมิ่งฮ่าวจึงเลือกที่จะให้เม็ดยานั้นแก่นาง
สายตาของเขากระจ่างสดใส เขาได้ตัดสินใจ หลังจากที่ตกลงมาในปล่องภูเขาไฟแห่งนี้ เขาได้จัดวางฉู่อวี้เยียนให้ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของเขาอย่างสมบูรณ์ ไม่มีทางที่นางจะหลบหนีไปได้
ความดื้อรั้น และหยิ่งยโส ที่ปรากฎบนใบหน้าของนางมากมายหลายครั้ง ต้องลดลงไปในวันนี้…และนางยังคงไม่อาจหลบหนีจากการควบคุมของเมิ่งฮ่าวได้