เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในที่สุดสองเดือนก็ผ่านไป เมิ่งฮ่าวยังคงอยู่ที่เขตหนึ่ง หุบเขาแรก แต่เขาก็ไม่ได้อยู่ข้างลำธารอีกต่อไป ด้านบนของหนึ่งในภูเขาที่ก่อตัวเป็นหุบเขา มีเส้นทางแคบๆ ลดเลี้ยวไปบนยอดเขา ที่ซึ่งมีถ้ำแห่งเซียนอยู่
กลุ่มเมฆลอยผ่านประตูศิลาสีเขียว เมื่อยืนอยู่ที่นั่น ก็จะสามารถมองเห็นทั่วทั้งหุบเขาที่อยู่ด้านล่าง พลังลมปราณก็หนาแน่นกว่า และภายในตัวภูเขาเองก็เป็นต้นกำเนิดของไฟ
นี่เป็นถ้ำแห่งเซียนซึ่งถูกมอบให้กับเมิ่งฮ่าว หลังจากที่เขาเลื่อนขั้นเป็นอาจารย์ปรุงยา
มีแต่อาจารย์ปรุงยาเท่านั้น ที่จะอาศัยอยู่ด้านบนของภูเขาได้ ที่นั่น ถูกแยกออกมาจากเด็กฝึกปรุงยา สามารถมีความสุขกับสิทธิพิเศษของการเป็นอาจารย์ปรุงยา ยกตัวอย่างเช่น สามารถหาเด็กฝึกปรุงยามาเป็นผู้ช่วย ยิ่งไปกว่านั้น สำหรับค่าตอบแทนเล็กๆ น้อยๆ อาจารย์ปรุงยาก็สามารถได้รับสูตรการปรุงยาต่างๆ หรือแม้แต่พืชสมุนไพรจากสำนัก
สิ่งเรียกร้องจากอาจารย์ปรุงยาก็มีเพียง ต้องปรุงเม็ดยาให้ได้ตามกำหนดในแต่ละเดือนเท่านั้น
เพื่อจะได้รับพืชสมุนไพรและสูตรยามากขึ้น อาจารย์ปรุงยาก็ต้องเปลี่ยนให้เป็นเม็ดยาจำนวนมากขึ้น ยิ่งพวกมันผลิดเม็ดยาได้มากเท่าไหร่ ก็จะได้รับค่าตอบแทนมากขึ้นเท่านั้น
หลังจากกลายเป็นอาจารย์ปรุงยา ก็สามารถแลกเปลี่ยนกับอาจารย์ปรุงยาอื่นๆ ได้ ทั้งหมดนี้ ออกแบบมาเพื่อพัฒนาความรู้ สร้างความคุ้นเคย และเพิ่มคุณภาพในการปรุงยา
ในวันหนึ่ง เสียงกระหึ่มก็ดังก้องไปทั่วทั้งถ้ำแห่งเซียนของเมิ่งฮ่าว แม้แต่ประตูถูกปิดอยู่ แต่เสียงนั้นก็ยังดังออกไปไกลและเป็นวงกว้าง ด้านล่างในหุบเขา เด็กฝึกปรุงยามองขึ้นไปยังถ้ำแห่งเซียนของเมิ่งฮ่าว ไม่สามารถปกปิดความยอมรับและอิจฉาของพวกมันไว้ได้
ตลอดช่วงเวลาสองเดือน ตั้งแต่ที่เมิ่งฮ่าวกลายเป็นอาจารย์ปรุงยา เสียงกระหึ่มเช่นนี้มักได้ยินอยู่บ่อยๆ
ด้านใน เมิ่งฮ่าวปกคลุมไปด้วยคราบเขม่าควันและสิ่งสกปรกต่างๆ ด้วยเสียงหัวเราะอย่างขมขื่น ขณะที่เขามองไปยังกระถางปรุงยาที่เบื้องหน้าระเบิดออกมา เขาถอนหายใจ โบกสะบัดแขนเสื้อ เพื่อเก็บรวบรวมชิ้นส่วนของกระถางปรุงยา และเศษของเม็ดยาที่เขาได้ปรุงขึ้นมา ขมวดคิ้ว ขณะที่นั่งอยู่บนก้อนหิน
“การปรุงเม็ดยาไม่ใช่เรื่องง่าย” เขากล่าว “แค่ควบคุมไฟผิดพลาดเพียงน้อยนิด ก็สามารถทำลายเม็ดยา และทำให้กระถางปรุงยาต้องแตกออก ในสองเดือนที่ผ่านมา ข้าทำกระถางปรุงยาแตกไปแล้วสี่สิบเจ็ดชิ้น…” แขนเสื้อที่ยาวสีดำของเขา ปักไว้ด้วยรูปกระถางเล็กๆ นี่เป็นชุดที่แสดงถึงศักดิ์ฐานะอาจารย์ปรุงยาของเขา
“ข้าคงต้องปรับปรุงอีกเล็กน้อย ในสองสามวันที่ผ่านมา ข้าทำเสียหายไปแค่หนึ่งกระถางเอง” เขามองไปยังขวดเม็ดยาเจ็ดถึงแปดขวดที่วางเรียงรายอยู่ด้านข้าง และดวงตาก็ส่องประกายด้วยความชื่นใจ เม็ดยาที่อยู่ในขวดเหล่านี้ เป็นการรวบรวมจากการฝึกฝนสองเดือนที่ผ่านมา พวกมันมีประโยชน์สำหรับขั้นรวบรวมลมปราณ แต่ความรู้สึกที่ได้สร้างบางสิ่งด้วยมือของตัวเอง ทำให้เมิ่งฮ่าวรู้สึกมีความสุขเป็นอย่างยิ่ง
“การปรุงเม็ดยาแน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องง่าย และเห็นได้ชัดว่าเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับพรสวรรค์ แต่สิ่งที่มีความสำคัญมากกว่านั้นก็คือ…การปรุงเม็ดยามีราคาที่แพงมาก! ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมถึงมีอาจารย์ปรุงยาไม่มากนัก…” เมิ่งฮ่าวถอนหายใจ เมื่อเขาเป็นอาจารย์ปรุงยา เขาไม่ได้มีความรู้สึกเหมือนกับที่เขาได้ทำงานร่วมกับลู่เทา ซึ่งเห็นความเคารพที่คนภายนอกแสดงออกมา รวมถึงผลกำไรที่ลู่เทาได้รับ เมื่อมันปรุงเม็ดยาให้กับศิษย์สายใน
หลังจากกลายเป็นอาจารย์ปรุงยา เขาก็ตระหนักว่าเบื้องหลังความสำเร็จทั้งหมดของการปรุงเม็ดยา จริงๆ แล้วก็คือหินลมปราณมากมายราวภูเขา นั่นเป็นเพียงหนทางเดียวที่จะประสบความสำเร็จอย่างแท้จริง แน่นอนว่า พรสวรรค์ก็เป็นเรื่องที่จำเป็นด้วยเช่นกัน ถ้ามีเพียงพรสวรรค์ที่ธรรมดา ก็จะได้รับหินลมปราณไม่มากนัก เหมือนกับเป็นอาจารย์ปรุงยาในสำนักเล็กๆ
“กระถางปรุงยามีราคาสองหมื่นหินลมปราณ…และนั่นก็เป็นกระถางปรุงยาระดับต่ำสุดของสำนัก แต่ข้าก็ทำมันพังไปถึงสี่สิบเจ็ดกระถาง…” เมื่อเมิ่งฮ่าวคิดถึงเรื่องนี้ และความจริงที่เขาต้องจ่ายสำหรับกระถางปรุงยาทั้งหมดนี้ จิตใจของเขาก็ต้องเจ็บปวด
“กระถางปรุงยาก็เป็นแค่ส่วนหนึ่ง” เขาคิด “การปรุงเม็ดยาต้องใช้พืชสมุนไพร ซึ่งยิ่งมีค่ามากขึ้นไปอีก บางครั้งแค่ยาเม็ดเดียว ก็ต้องใช้สมุนไพรนับสิบต้น เมื่อนำมันมารวมเข้าด้วยกัน ราคาก็ไม่ใช่ถูกๆ แต่นั่นก็ยังไม่ได้เลวร้ายนัก เมื่อคิดว่า…สิ่งที่จะสังหารข้าจริงๆ แล้วก็คือ…อัตราความสำเร็จของข้ามีเพียงหนึ่งในสิบ…” เขาสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ ขณะที่คิดเกี่ยวกับสถานการณ์ทั้งหมด “ยิ่งพืชสมุนไพรแพงมากเท่าไหร่ ก็ต้องใช้สูตรยาของสมัยโบราณมากขึ้นเท่านั้น, เม็ดยายิ่งมีคุณภาพมากขึ้นเท่าไหร่…ข้าก็ยิ่งรู้สึกล้มเหลวมากขึ้นเท่านั้น” เขาถอนหายใจอย่างมีอารมณ์
“แต่ในตอนนี้เมื่อข้าเป็นอาจารย์ปรุงยา ก็ทำให้มีสิทธิพิเศษหลายอย่าง เช่นเหรียญกษาปณ์นี้” เขาตบไปที่ถุงสมบัติ หยิบเหรียญกษาปณ์สีขาวออกมา
มันรู้สึกเย็นเมื่ออยู่ในมือ และดูเหมือนจะทำขึ้นมาจากหยก…แต่จริงๆ แล้วก็ไม่ใช่ มีลายกระถางปรุงยาสลักอยู่ที่ด้านหนึ่ง ตามด้วยลายพู่กันที่อ่านว่า “บัญชีดำ”
“โอสถบัญชีดำ!” เมิ่งฮ่าวมองไปยังเหรียญคำสั่ง และดวงตาก็เต็มไปด้วยแสงแปลกๆ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขานำเหรียญนี้ออกมาดู ทุกครั้งที่ทำเช่นนี้ จิตใจเขาก็เต็มไปด้วยความรู้สึกเลื่อมใสสำหรับตำแหน่งของอาจารย์ปรุงยา
เหรียญกษาปณ์โอสถบัญชีดำนี้ เป็นสิทธิพิเศษที่มอบให้กับอาจารย์ปรุงยาทั้งหมดของสำนัก หนึ่งเหรียญต่อหนึ่งอาจารย์ปรุงยา และสามารถใช้ได้สองครั้ง มันเป็นการแสดงความเคารพอย่างสูงสุดต่อคำสั่งของอาจารย์ปรุงยา และสามารถสร้างความหวาดกลัวให้กับจิตใจของศิษย์แผนกลมปราณม่วงทั้งหมดได้
หนึ่งในเหตุผลหลักที่อาจารย์ปรุงยา มีตำแหน่งสูงส่ง เมื่อเปรี่ยบเทียบกัยแผนกลมปราณม่วงก็เป็นเพราะเหรียญกษาปณ์โอสถบัญชีดำนี้ เมื่อคิดว่าจะถูกบันทึกชื่อลงไปในเหรียญกษาปณ์โอสถบัญชีดำ ก็ทำให้ศิษย์แผนกลมปราณม่วงเกือบทั้งหมด ต่างก็รู้สึกหวาดกลัวอย่างรุนแรง
มีเพียงจุดประสงค์เดียวสำหรับเหรียญกษาปณ์โอสถบัญชีดำ ศิษย์แผนกลมปราณม่วงคนใดก็ตามที่ถูกบันทึกชื่อลงในบัญชีดำ ก็จะถูกปฏิเสธจากการให้บริการของอาจารย์ปรุงยาทั้งหมด ตลอดเวลาหนึ่งร้อยปี
นี่เป็นกฎของสำนักที่มีมาหลายพันปีจนนับไม่ได้ และมีแต่แผนกเม็ดยาบูรพาเท่านั้นที่จะใช้พลังนี้ได้ ทำให้คำสั่งของอาจารย์ปรุงยาเป็นที่เคารพนับถืออย่างน่าเหลือเชื่อภายในสำนักจื่อยิ่น
เนื่องเพราะเหตุนี้ น้อยคนมากที่จะกล้ามีเรื่องกับอาจารย์ปรุงยา การมีเรื่องกับอาจารย์ปรุงยาหนึ่งคน ก็เหมือนกับมีปัญหากับอาจารย์ปรุงยาทั้งหมด
นี่เป็นกฎที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่สมัยโบราณ และในตลอดหนึ่งพันปีที่ผ่านมา กฎนี้ก็ถูกใช้โดยอาจารย์ปรุงยาหลายคน ในช่วงเวลานั้น รายชื่อที่ถูกบันทึกไว้ยังไม่เคยเกินหนึ่งร้อยคน เมื่อคิดว่ามีศิษย์เกือบหนึ่งหมื่นคนสำหรับศิษย์สายใน มันก็ไม่ใช่ตัวเลขที่มากนัก
สำหรับอาจารย์ปรุงยา ไม่อาจใช้เหรียญกษาปณ์โอสถบัญชีดำในการป้องปรามมากนัก หลังจากใช้ไปแล้วสองครั้ง ประสิทธิภาพของมันก็จะหายไป
รายนามของทุกคนในเหรียญกษาปณ์โอสถบัญชีดำ ตลอดทั้งหนึ่งร้อยปีที่ผ่านมา ได้ถูกบันทึกไว้บนเหรียญนี้ หลังจากที่กลายเป็นอาจารย์ปรุงยา เมิ่งฮ่าวก็มีสิทธิ์ใช้พลังของเหรียญกษาปณ์นี้ แต่แน่นอนว่า จำเป็นต้องเคารพในการจัดการเช่นนี้ ตอนนี้ มีทั้งหมดสิบสามคนที่ถูกบันทึกชื่อไว้ จะไม่มีอาจารย์ปรุงยาคนใดรวมถึงเมิ่งฮ่าว ที่จะปรุงเม็ดยาให้กับบุคคลทั้งสิบสามคนนี้ เป็นเวลาหนึ่งร้อยปี
เขามองไปยังเหรียญกษาปณ์โอสถบัญชีดำนานสักพัก จากนั้นก็เก็บมันกลับเข้าไป หลังจากคิดอยู่ชั่วครู่ เขาก็หยิบแผ่นหยกออกมา และบันทึกข้อมูลบางอย่างลงไป จากนั้นเขาก็ทำให้มันติดไฟ เพียงชั่วพริบตา แผ่นหยกนั้นก็หายไป
เวลาผ่านไปไม่นาน ก่อนที่เขาจะได้ยินเสียงจากด้านนอกของถ้ำแห่งเซียน เขายกนิ้วขึ้น และประตูถ้ำก็เปิดออก หญิงสาวอายุประมาณสิบแปดถึงสิบเก้าปีเดินเข้ามา ทันทีที่นางเข้ามาในถ้ำแห่งเซียน จมูกของนางก็เป็นรอยย่น ราวกับว่า นางกำลังสำลักกลิ่นควันของกระถางปรุงยาที่ระเบิดออก
“ฟางตานชือ (อาจารย์ปรุงยาฟาง)” นางกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ข้ากำลังรู้สึกสับสนตั้งแต่เมื่อวาน ข้าสงสัยว่าทำไมผ่านไปหลายวันแล้ว ตั้งแต่ที่ท่านขอกระถางปรุงยาใหม่จากข้า…” นางหยิบกระถางปรุงยาใบใหม่ออกมาจากถุงสมบัติ และยื่นส่งให้กับเมิ่งฮ่าวพร้อมรอยยิ้ม
หญิงสาวนางนี้มีนามว่า หลินหรุ่ย และนางก็ช่วยทำงานที่เป็นกิจวัตรประจำวันให้กับอาจารย์ปรุงยา พื้นฐานฝึกตนของนางไม่ได้สูงมากนัก แต่จากข่าวลือที่เล่ากันมา มีคนหนึ่งในตระกูลของนางเป็นเทพกระถางม่วง ยิ่งไปกว่านั้น นางก็เป็นคนที่มีอารมณ์ดีอยู่เสมอ ดังนั้น อาจารย์ปรุงยาทั้งหมดต่างก็ชอบนาง นางมักจะมาช่วยดูแลเรื่องราวต่างๆ ที่อาจารย์ปรุงยาต้องการ
ยกตัวอย่างเช่น ตลอดช่วงสองเดือนที่ผ่านมา นางได้นำกระถางปรุงยามาส่งให้กับเมิ่งฮ่าวสี่สิบหกครั้ง วันนี้ก็เป็นครั้งที่สี่สิบเจ็ด
ด้วยความรู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อย เมิ่งฮ่าวกระแอมไอ ยื่นมือรับกระถางปรุงยา ตามด้วยแผ่นหยกที่นางยื่นส่งให้ ตอนนี้ เขาเป็นอาจารย์ปรุงยา จริงๆ แล้ว ก็ไม่ต้องจ่ายค่ากระถาง, เม็ดยา, สูตรยา ล่วงหน้า สำนักเป็นผู้จัดเตรียมให้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่ต้องจ่าย ในที่สุด เขาก็ต้องจ่ายค่าตอบแทนด้วยการปรุงเม็ดยาออกมา
“ข้าเป็นหนี้อยู่ทั้งหมดเท่าไหร่?” เขาถาม มองไปยังแผ่นหยกพร้อมขมวดคิ้ว
“รวมกับวันนี้ ท่านต้องจ่ายหนี้ให้สำนักด้วยเม็ดยารวบรวมลมปราณ ทั้งหมด 6,757 เม็ด” นางขยิบตาให้เขา และยกมือปิดปากหัวเราะ จากนั้นนางก็พูดด้วยเสียงประนีประนอมต่อไป “มันไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอันใด จริงๆ แล้ว ท่านก็ไม่ได้เป็นหนี้มากนัก ข้าเคยเห็นบางคนเป็นหนี้มากที่สุดถึง 1,730,000 เม็ด เป็นจำนวนที่…อาจจะต้องใช้เวลาทั้งชีวิตในการปรุงยาเพื่อจ่ายกลับคืนไป…”
เมื่อได้ยินจำนวนที่มากมายเช่นนั้น ก็ทำให้เมิ่งฮ่าวจ้องไปด้วยความตกตะลึง จากนั้นเขาก็ยิ้มแห้งๆ ออกมา สั่นศีรษะ และถอนหายใจ หยิบแผ่นหยกของตัวเองออกมา และบันทึกข้อมูลลงไป จากนั้นก็ยื่นส่งแผ่นหยกต้นฉบับกลับคืนไปให้นาง
“ฟางตานชือ, แค่พยายามให้มากขึ้น อืม…วันแจกจ่ายเม็ดยาครั้งล่าสุดได้ผ่านไปแล้ว ท่านคิดว่าจะสามารถส่งเม็ดยามากกว่าที่กำหนดไว้ได้หรือไม่? ถ้าได้ มันก็จะช่วยท่านแก้ตัวได้ง่ายขึ้น” รอยยิ้มของหลินหรุ่ย งดงามราวกับบุปผา ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมอาจารย์ปรุงยาทั้งหมดถึงได้ชอบนาง แน่นอนว่า เมิ่งฮ่าวเป็นอาจารย์ปรุงยาอายุน้อยที่สุดในอาจารย์ปรุงยาทั้งหมด ดังนั้น ทุกครั้งที่นางมาที่นี่ นางก็มักจะหาโอกาสล้อเขาเล่นเล็กน้อย ดูเหมือนนางจะชอบมาก เมื่อเห็นฟางมู่รู้สึกเขินกระดากใจ
เมิ่งฮ่าวถอนหายใจ จากนั้นก็หยิบเอาขวดยามาหนึ่งขวด ด้านในเป็นเม็ดยารวบรวมลมปราณห้าเม็ด เขายื่นส่งให้นาง นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ส่งเม็ดยาตามข้อกำหนด
หญิงสาวเอามือปิดปาก ขณะที่นางส่งเสียงหัวเราะ นางหยิบขวดยาและจากไป เมิ่งฮ่าวมองนางจากไป หลังจากที่เขาปิดผนึกประตูถ้ำ ขาก็ยกกระถางปรุงยาขึ้นมา และถอนหายใจ
“ถ้ายังคงเป็นเช่นนี้ต่อไป จากระดับการปรุงเม็ดยาของข้า ก็คงไม่มีศิษย์สายในคนไหน จากแผนกลมปราณม่วง มาหาข้าให้ช่วยปรุงยาเป็นแน่ ข้าก็คงไม่มีโอกาสหากำไรได้ และไม่อาจจะได้สูตรปรุงยาใหม่ๆ”
สิ่งสำคัญมากที่สุดก็คือ การได้รับคำเชิญให้ช่วยปรุงยาจากศิษย์สายใน แผนกลมปราณม่วง การทำเช่นนั้น ก็จะมีโอกาสได้พบกับสูตรปรุงยามากขึ้น ยิ่งได้รับคำเชิญมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งได้สูตรปรุงยามากขึ้นเท่านั้น ตลอดเวลานั้น ทักษะการปรุงยาของเขาก็จะเพิ่มสูงขึ้น ไม่เพียงแต่ชดใช้เม็ดยาคืนให้กับสำนักได้หมดเท่านั้น แต่เขาก็จะมีกำไรอย่างงามอีกด้วย
ถึงการกระทำเช่นนั้น จะเป็นการยักยอกฉ้อฉล แต่มันก็เป็นเรื่องธรรมดาที่กลายเป็นกฎไปแล้ว ศิษย์แผนกลมปราณม่วงจะสามารถทำอะไรได้?
เมิ่งฮ่าวสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ ขณะที่เขาวางกระถางปรุงยาลง และหยิบขวดยามาหนึ่งขวด เปิดมันออก และมองไปยังเม็ดยาที่ด้านใน พวกมันเรียบรื่นและกลม มีพลังลมปราณกระจายออกมา เมิ่งฮ่าวค่อยๆ เริ่มขมวดคิ้วขึ้น
“บางทีข้าอาจจะปรุงยาด้วยวิธีผิดพลาดบางอย่าง ถ้าไม่ใช่เช่นนั้น ทำไมถึงต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างมากในการปรุงยา? เมื่อลี่เทาทำ ก็ดูเหมือนจะง่ายมาก” จมอยู่ในความครุ่นคิด และพึมพำกับตัวเอง เมิ่งฮ่าวยืนขึ้น และเริ่มเดินวนไปรอบๆ ถ้ำแห่งเซียน ทันใดนั้น เขาก็หยุดลง และดวงตาก็เริ่มส่องแสงเจิดจ้า
เขายกมือขวา และกระถางปรุงยาก็ลอยขึ้นมา ดวงตาสาดแสงเจิดจ้า ตบไปที่ถุงเก็บสมบัติ และต้นสมุนไพรสิบต้นก็ปรากฎ เขายื่นมือออกไปเร่งปฏิกิริยาพวกมัน จากนั้นก็สกัดน้ำออกมา ช่วงหายใจเข้าออกสิบครั้ง เขาก็เตรียมส่วนผสมทั้งหมดเรียบร้อย และวางลงไปในกระถาง
เขากระทืบเท้าลงไปบนพื้นเบาๆ จากนั้นพื้นที่เบื้องหน้าเขาก็เริ่มเป็นสีแดง ความร้อนอย่างรุนแรงกระจายออกมา เขาบังคับให้กระถางปรุงยาลอยอยู่เหนือแสงสีแดงประมาณสามชุ่น และเริ่มขยับมือร่ายเวทอาคม กระถางปรุงยาลอยสูงขึ้นไปเล็กน้อย จากนั้นก็ต่ำลงมา ลอยกลับไปกลับมาเช่นนั้นอยู่หลายครั้ง ในที่สุด กลิ่นหอมของตัวยาก็กระจายไปทั่วทั้งถ้ำแห่งเซียน
เมื่อเป็นเช่นนั้น เมิ่งฮ่าวก็นั่งลงขัดสมาธิ ยื่นมือขวาออก กดลงไปบนกระถางปรุงยา เขาหลับตา และเริ่มกระจายพลังลมปราณเข้าไป เริ่มต้นกระบวนการเร่งปฏิกิริยาอื่นต่อไป
นี่เป็นวิธีเร่งปฏิกิริยาที่เขาได้เรียนรู้มาจากลี่เทา มันไม่เพียงแต่จะช่วยเร่งตัวยาเท่านั้น…จริงๆ แล้ว มันยังช่วยลดขั้นตอนการปรุงยาลงด้วย
ในไม่ช้า ดวงตาเมิ่งฮ่าวก็สาดประกายเจิดจ้ามากยิ่งขึ้น เนื่องจากโอกาสที่เกิดขึ้นภายในกระถางปรุงยา เขาปรับบางสิ่งนั่นบ้างนี่บ้าง เพิ่มสมุนไพรบางอย่างลงไปเป็นระยะ บางทีก็เอาตะกอนออกจากกระถางปรุงยา ก่อนหน้านี้ เขาต้องใช้เวลาห้าถึงหกชั่วยามในการปรุงยาแต่ละครั้ง แต่ครั้งนี้ หลังจากผ่านไปแค่สามชั่วยาม เขาโบกสะบัดแขนเสื้อ และย้ายกระถางปรุงยาออกไปจากเตาไฟ เปิดฝามันออก และขณะที่กลิ่นหอมของตัวยาพุ่งขึ้นมาปะทะใบหน้า เขาก็หยิบเม็ดยารวบรวมลมปราณสี่เม็ดออกมาจากด้านใน
เม็ดยายังคงอ่อนนุ่ม แต่ขณะที่เขาหยิบมันออกมา พวกมันก็เริ่มแข็งตัว และแห้งลงอย่างรวดเร็วโดยอากาศ
“ข้าทำผิดพลาด…” เขามองไปยังเม็ดยาที่ค่อนข้างหยาบ ที่เพิ่งจะปรุงเสร็จอย่างระมัดระวัง และหยิบเอาขวดใส่เม็ดยามาหนึ่งขวด ซึ่งมีเม็ดยาอยู่ด้านในหนึ่งชุด เป็นเม็ดยาที่เขาได้ปรุงขึ้นอย่างอุตสาหะเพื่อให้สมบูรณ์มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ หลังจากเปรียบเทียบเม็ดยารวบรวมลมปราณทั้งสองชนิด ดวงตาของเขา ทันใดนั้น ก็เต็มไปด้วยความรู้แจ้ง
“เม็ดยาที่ผลิตโดยประณีตนี้ทำให้ข้าเหน็ดเหนื่อยมาก ความเข้มข้นของตัวยาก็เห็นได้ชัดว่าสูงกว่ามากนัก บางทีอาจจะเข้มข้นถึงเจ็ดถึงแปดในสิบส่วน แต่เม็ดยาหยาบนี้กลับกัน มันมีความเข้มข้นของตัวยาเพียงแค่สามหรือสี่ในสิบส่วนเท่านั้น”
“วิธีการอันลึกล้ำของข้าก่อนหน้านี้มีพลังเป็นอย่างยิ่ง ถ้าข้ารู้ว่า สามารถปรุงเม็ดยาเหมือนกับที่ข้าทำในวันนี้ ข้าก็ไม่ต้องสูญเสียกระถางปรุงยาไปหลายใบ” เขาจมอยู่ในภวังค์ความครุ่นคิดสักพัก ขณะที่เก็บเม็ดยารวบรวมลมปราณไว้
“ด้วยความแตกต่างของคุณภาพอย่างมากมาย เกือบสองเท่า…บางทีข้าต้องทำบางอย่างกับเวลาที่ใช้ในการกลั่นสกัดเม็ดยา แต่มันก็ไม่ควรมีผลกระทบมากนัก ยิ่งไปกว่านั้น ข้ายังเคยเห็นลี่เทาปรุงเม็ดยา ทั้งปรุงเพื่อตัวเองและให้คนอื่น ก็ไม่เห็นมีความแตกต่างมากนัก”
เมิ่งฮ่าวขมวดคิ้ว และพึมพำกับตัวเองสักพัก ก่อนที่ในที่สุดดวงตาก็เปล่งแสงขึ้นมาอีกครั้ง
“เป็นไปได้หรือไม่ว่า ต้องทำด้วยพื้นฐานลมปราณ? พลังลมปราณเป็นของข้า และไม่หมุนเวียนกลับไปยังสวรรค์และปฐพี มันเป็นของข้าเพียงคนเดียว เสาแห่งเต๋าห้าต้นของข้าสามารถเหยียบย่ำขั้นพื้นฐานลมปราณได้ เมื่อข้าใช้มันปรุงเม็ดยา มันก็จะมีผลกับกลิ่นอายของข้า…บางทีนั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำไมกระถางปรุงยาถึงได้ระเบิดขึ้น เพราะเม็ดยาที่ข้ากลั่นสกัด ถูกจำแนกให้เป็นความสมบูรณ์?” ดวงตาเขาส่องประกายต่อไป ขณะที่ไตร่ตรองเรื่องราว ในที่สุดก็สรุปได้ว่า ความคิดของเขาถูกต้อง
เขาครุ่นคิดเรื่องราวต่างๆ อยู่นาน ทันใดนั้น สีหน้าเขาก็เปลี่ยนไป มองลงไปยังถุงจักรวาล จากภายในหน้ากากสีโลหิต เสียงของผีโต้งก็ส่งผ่านเข้ามาในจิตใจ เป็นเสียงที่ฟังดูอ่อนแอ
“ข้าทำต่อไม่ได้อีกแล้ว! ข้าไม่อาจช่วยเจ้าเปลี่ยนรูปลักษณ์ได้อีกต่อไป! บัดซบ, ข้ารู้ว่า ไม่ควรให้พลังการเปลี่ยนรูปร่างนี้กับคนอื่น เมิ่งฮ่าว, ข้าจำเป็นต้องยกเลิก ข้าจบแล้ว! จบ! อา, หนึ่งเดือน ข้าต้องการเวลาหนึ่งเดือน เจ้าต้อง…มั่นใจว่า…ระมัดระวัง…”
เสียงของผีโต้งเริ่มอ่อนแอลง และอ่อนล้าลงไปเรื่อยๆ และในที่สุดก็ขาดหายไป เมื่อเป็นเช่นนั้น รูปร่างหน้าตาของเมิ่งฮ่าวก็เปลี่ยนไป และใบหน้าจริงของเขาก็กลับมา
โชคร้ายของเขาไม่เพียงมีเท่านี้ ในเวลาเดียวกันนั้น เสียงของฉู่อวี้เยียนก็ได้ยินออกมาจากด้านนอกถ้ำแห่งเซียนของเขา
“ฟางมู่! เปิดประตูถ้ำแห่งเซียน ข้าต้องการพูดคุยเรื่องบางอย่างกับเจ้า!”