ขณะที่ทุกคนพลุ่งพล่านด้วยความตื่นเต้น เมิ่งฮ่าวก็ลุกขึ้นยืน เมื่อเขาทำเช่นนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างก็ค่อยๆ เงียบสงบ สายตาทุกคู่มองไปที่เขาเพียงคนเดียว บางสายตาก็เต็มไปด้วยความซับซ้อน บางสายตาก็มีแต่ความริษยา สายตาอื่นๆ ต่างก็ตกตะลึง หรือไม่ก็อิจฉา
ความรู้สึกที่แตกต่างหลากหลาย ต่างก็พุ่งตรงไปยังเมิ่งฮ่าว ซึ่งมีท่าทางเหน็ดเหนื่อยเป็นอย่างยิ่ง เขาหมุนตัวตรงไปยังหวังฝานหมิง และชายชราคนอื่นๆ ประสานมือและโค้งตัวลง จากนั้น เขาก็เดินออกมาจากโต๊ะสอบ ไปหาที่นั่งขัดสมาธิ และเข้าฌาณ
หวังฝานหมิงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ชำเลืองมองมายังเมิ่งฮ่าวสักพัก จากนั้นก็กวาดสายตาผ่านคนทั้งหมด “อีกสิบชั่วยาม, การสอบเลื่อนขั้นอาจารย์ปรุงยารอบที่สองก็จะเริ่มขึ้น มันเป็นรอบคัดเลือกสุดท้าย ของผู้เข้าสอบสิบคนสุดท้าย มีเพียงคนเดียวที่จะกลายเป็นอาจารย์ปรุงยา รอบสองนี้จะเป็นการทดสอบพลังของวิชาเร่งปฏิกิริยา พวกเจ้ามีเวลาพักผ่อนสิบชั่วยาม แต่ไม่อนุญาติให้ออกไปจากสนามสอบแห่งนี้”
ฉู่อวี้เยียนมองดูเมิ่งฮ่าวอยู่ตลอดเวลา ความตกตะลึงยังคงมีอยู่ในดวงตาของนาง แม้ว่าการมองไปที่เขาจะทำให้นางยังคงรู้สึกหงุดหงิด แต่ก็อดจะยอมรับในตัวฟางมู่ไม่ได้ว่า เป็นคนที่นางไม่อาจมองข้ามได้ในแง่ของคุณสมบัติ
“ทักษะเกี่ยวกับพืชสมุนไพร เป็นเพียงส่วนเริ่มต้นของการปรุงยาเท่านั้น” นางคิดด้วยความไม่มั่นใจ “ลองดูว่าคนผู้นี้จะมีคุณสมบัติในการปรุงยาได้อย่างแท้จริงหรือไม่ ซึ่งเป็นการรวมถึงการเร่งปฏิกิริยา และการควบคุมพลังลมปราณ ทั้งหมดนี้ไม่ใช่สิ่งที่ทำกันได้อย่างง่ายดาย มาดูกันว่าทักษะของมันจะน่าประหลาดใจอย่างไรบ้าง” ยิ่งนางมองดูเมิ่งฮ่าวมากเท่าไหร่ นางก็ยิ่งรู้สึกหงุดหงิดมากขึ้นเท่านั้น
ไม่มีใครในเด็กฝึกปรุงยาทั้งสามหมื่นคนจากไปแม้แต่คนเดียว พวกมันยังคงพูดคุยกันด้วยเสียงเบาๆ ต่อไป เจ็ดในสิบส่วนของการพูดคุยมักจะเกียวข้องกับเมิ่งฮ่าว อีกสามส่วน ก็เกี่ยวกับคนสุดท้ายอื่นๆ อีกเก้าคน ซึ่งได้ผ่านรอบแรกของการสอบครั้งนี้มา และนั่นก็แสดงให้เห็นถึงพรสวรรค์ของพวกมัน ราวกับสว่านที่เจาะทะลุผ่านถุงกระสอบออกมา
คนทั้งเก้านี้ต่างก็รู้สึกกังวลเป็นอย่างมาก พวกมันนั่งขัดสมาธิ ใช้เวลาที่เหลือทั้งหมดเพื่อโคจรพลังฝึกตน พวกมันต้องเตรียมตัวให้พร้อมมากที่สุด เพื่อเผชิญหน้ากับการแข่งขันรอบที่สอง และเป็นรอบสุดท้ายของการสอบครั้งนี้
การมีส่วนร่วมของเมิ่งฮ่าวในรอบแรก ได้สะกดพวกมันลงจนทำให้ยากที่จะหายใจ แต่ก็กล่าวได้ว่า ไม่มีความแตกต่างระหว่างลำดับหนึ่งและสิบ ทุกคนมีโอกาสที่จะผ่านรอบสองของการสอบครั้งนี้
การสอบรอบที่สองนี้เป็นจุดตัดสินอย่างแท้จริง
เท่าที่พวกมันคิด ยังคงมีโอกาสที่จะสะกดข่มเมิ่งฮ่าวลงได้ เขาอาจจะรู้เรื่องพืชสมุนไพรมากกว่าพวกมัน แต่การเร่งปฏิกิริยาพืช ต้องใช้พลังฝึกตน และการฝึกฝนมากมาย ต้องควบคุมพลังลมปราณด้วยความระมัดระวัง ถ้ามากไป ต้นสมุนไพรก็อาจจะเติบโตจนกระทั่งระเบิดออกได้ ถ้าน้อยไป มันก็จะไม่เติบโตอย่างเต็มที่ เป็นเรื่องยากที่จะสร้างความสมดุลย์ให้เหมาะสมได้
คนสุดท้ายทั้งเก้า สูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ ขณะที่พวกมันนั่งเข้าฌาณ ภาพในอดีตที่เคยเร่งปฏิกิริยาต้นสมุนไพรปรากฎขึ้นในจิตใจ ทำให้พวกมันค่อยๆ เต็มไปด้วยความมั่นใจขึ้นมาอย่างช้าๆ
เมิ่งฮ่าวนั่งหลับตาอยู่ที่นั่น อันที่จริง เขาไม่ได้สูญเสียพลังลมปราณมากมายนัก เหตุผลหลักที่เขารู้สึกเหนื่อยไม่ใช่เนื่องจากร่างกายของเขา แต่เนื่องเพราะความพยายามในการขโมยพรสวรรค์ของดอกปี่อ้าน รวมถึงการหมุนวนของแกนอสูร จนทำให้เขารู้สึกเหมือนศีรษะจะบวมปูดออกมา เมื่อเขาได้พักผ่อน จิตใจก็เริ่มสงบลงอย่างช้าๆ
ในที่สุด สิบชั่วยามก็ผ่านไป เสียงของหวังฝานหมิง ทันใดนั้น ก็กระจายออกไปทั่วเขตสี่เหลี่ยมจัตุรัส ขณะที่มันพูด มันก็ยกมือไปวางไว้บนกระถางปรุงยาที่ด้านข้าง
“นี่เป็นการทดสอบรอบสองที่ต้องใช้ความพยายามและอดทน ผู้เข้าสอบทั้งสิบคน โปรดก้าวออกมา!” ขณะที่มันพูด เสียงของระฆังกระถางก็ดังออกมา ทำให้ทั่วทั้งเขตสี่เหลี่ยมจัตุรัสสั่นสะเทือน สายตาสามหมื่นคู่เพ่งไปด้วยความตั้งใจยังเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น
เขตสี่เหลี่ยมจัตุรัสยังคงเหมือนเดิม แต่โต๊ะสอบสามหมื่นตัว ได้ถูกแทนที่ด้วยแท่นศิลาสิบแท่น แต่ละแท่นสูงขึ้นไปในอากาศสามจ้าง เปล่งแสงที่ดึงดูดสายตาออกมา
ผู้เข่าสอบรอบสุดท้ายทุกคนยกเว้นเมิ่งฮ่าว ทะยานขึ้นไปในอากาศ พุ่งลงไปบนเสาศิลาด้วยท่าทางคล่องแคล่วปราดเปรียว ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
สายตาทุกคู่มองไปที่พวกมัน นี่เป็นบุคคลที่โดดเด่นท่ามกลางกลุ่มคนทั้งสามหมื่นคน ด้วยพรสวรรค์ที่โดดเด่น จึงทำให้พวกมันสามารถปกปิดความตื่นเต้นได้อย่างรวดเร็ว แทนที่ด้วยสายตาแห่งความมุ่งมั่น
เมิ่งฮ่าวลืมตาขึ้น ส่องประกายด้วยแสงเจิดจ้าออกมา อาการปวดบวมบนศีรษะของเขาหายไป พรสวรรค์ตามธรรมชาติของพืชสมุนไพร ตอนนี้ได้หลอมรวมกันกลายเป็นส่วนหนึ่งของเขาโดยสมบูรณ์
“ข้าต้องเป็นอาจารย์ปรุงยาให้ได้” เขาคิด ดวงตาส่องประกายด้วยความแน่วแน่ ลุกขึ้นยืน และเดินตรงไปข้างหน้า เพียงแวบเดียว เขาก็ไปปรากฎอยู่บนเสาศิลาต้นสุดท้าย ทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มเงียบลงในทันที สายตานับไม่ถ้วนจ้องนิ่งไปที่เขา ทุกคนจะเป็นพยานการเลื่อนขั้นในวันนี้และมองดูว่า…ใครจะถูกเลื่อนขั้นให้กลายเป็นอาจารย์ปรุงยา!
ใครก็ตามที่กลายมาเป็นอาจารย์ปรุงยา ก็จะอยู่เหนือคนอื่นๆ นับแสนในทันที!
ในแง่ของตำแหน่ง, สถานะ, ชื่อเสียง และค่าตอบแทนจากสำนัก บุคคลผู้นี้ก็จะไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกับเด็กฝึกปรุงยาอีกต่อไป ความแตกต่างระหว่างเด็กฝึกปรุงยา และอาจารย์ปรุงยา ราวกับความแตกต่างระหว่างสวรรค์และปฐพี นอกจากนี้ ทั่วทั้งสำนักจื่อยิ่น ก็มีอาจารย์ปรุงยาเพียงหนึ่งพันคน หลังจากนี้ ถ้ามีใครสามารถก้าวไปถึงอาณาจักรของเจ้าแห่งเตา คนผู้นั้นก็สามารถสร้างความสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งดินแดนด้านใต้ เจ้าแห่งเตาเป็นตำแหน่งที่สูงส่งของเต๋าแห่งการปรุงยา ไม่ว่าจะอยู่ในสำนักจื่อยิ่น หรืออยู่ในโลกด้านนอก พวกมันก็จะได้รับความเคารพเลื่อมใสอย่างสูงสุด
ภายในสำนักจื่อยิ่นทั้งหมด ตอนนี้มีเจ้าแห่งเตาอยู่เพียงแค่หนึ่งร้อยคนเท่านั้น
แปดคนในกลุ่มนั้นเป็นเทพกระถางม่วง ซึ่งมีตำแหน่งต่ำกว่าต้าตานชือ ซึ่งถือว่าเป็นตัวแทนของจุดสูงสุดของเต๋าแห่งการปรุงยาเพียงสามคนเท่านั้น! ทุกสำนักใหญ่และตระกูลดังทั้งหมด ต่างก็กระหายที่จะได้หนึ่งในคนกลุ่มนี้เข้าสังกัด พวกมันได้รับความเคารพอย่างสูงสุดจากทุกๆ คน
ทุกคนกำลังมองดู ขณะที่เมิ่งฮ่าวก้าวเท้าไปบนเสาศิลานั้น หวังฝานหมิง และชายชราคนอื่นๆ สบสายตากัน หนึ่งในชายชรา ยกมือขึ้นกดลงไปบนพื้นผิวของกระถางปรุงยา มันเริ่มส่งเสียงหึ่งๆ ออกมา จากนั้นฝาก็เปิดขึ้น ลำแสงสิบลำ พุ่งออกไป จากนั้นก็หยุดลง ลอยอยู่กลางอากาศ
ลำแสงลูกทรงกลม ดูเลือนลางไม่ชัดเจน ทำให้ไม่อาจมองเห็นว่ามีอะไรอยู่ด้านใน
“เมล็ดพืชสมุนไพรที่แตกต่างกันสิบชนิด, แตกต่างกันสิบหมวดหมู่ ผู้เข้าสอบเลือกมาคนละเมล็ด ใครก็ตามที่เร่งปฏิกิริยาให้เมล็ดเจริญงอกงามเติบโตเต็มที่มากที่สุด ก็จะเป็นอาจารย์ปรุงยา!”
สายตาของทุกคนบนเสาศิลา ยกเว้นเมิ่งฮ่าว เริ่มสาดประกายเจิดจ้า พวกมันมองขึ้นไปยังเมล็ดสมุนไพรที่เลือนลางทั้งสิบ ไม่อาจบอกได้ว่าพวกมันคือสมุนไพรอะไร ทำให้คนทั้งเก้าลังเลเล็กน้อย จากนั้น หนึ่งในพวกมันก็ตกลงใจได้ มันยกมือขึ้น และทำท่าคว้าจับ ทำให้หนึ่งในแสงรูปทรงกลม พุ่งเข้ามาอยู่ในมือ กลายเป็นเมล็ดสีฟ้า
ผู้เข้าแข่งขันอีกแปดคนมองไป “นั่นคือเมล็ดดอกไม้น้ำสีฟ้า…” ดอกไม้นี้สามารถใช้ปรุงเป็นเม็ดยาได้หลากหลายชนิด มีประโยชน์สำหรับขั้นพื้นฐานลมปราณ ซึ่งค่อนข้างจะเร่งปฏิกิริยาได้ยากพอสมควร
โดยไม่ลังเล ผู้เข้าสอบคนอื่นๆ ก็ยื่นมือออกไปยังแสงรูปทรงกลมที่แตกต่างกัน ทีละคน ทีละคน แสงทรงกลมต่างก็ตกลงไปในมือ พวกมันมองตรวจสอบไปรอบๆ ว่าใครได้เมล็ดอะไรมาบ้าง บางคนก็ได้เมล็ดที่ง่ายต่อการเร่งปฏิกิริยา บางคนก็ยากกว่าของคนอื่น ทั้งหมดนี้ต่างก็ขึ้นกับโชคของแต่ละคน แต่ก็ไม่มีความแตกต่างกันมากนักสำหรับเมล็ดของพวกมัน
หลังจากที่ทุกคนเลือกได้แล้ว เมิ่งฮ่าวก็ยกมือขึ้นเพื่อหยิบเอาแสงรูปทรงกลมสุดท้ายมาอย่างใจเย็น แสงนั้นกลายเป็นเมล็ดสีเทา
เมื่อเด็กฝึกปรุงยาที่อยู่รอบๆ ทั้งสามหมื่นคนมองเห็นเมล็ดที่อยู่ในมือเมิ่งฮ่าว พวกมันก็ส่งเสียงด้วยความโกลาหลออกมา “นั่นคือ ใบธุลีบิน…”
“ในสมุนไพรทั้งสิบชนิดนั้น ใบธุลีบิน มีความซับซ้อนน้อยที่สุด เจ้าฟางมู่ช่างเป็นผู้ที่โชคดีอย่างแท้จริง…”
“เจ้าไม่อาจพูดเช่นนั้น มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำให้ใบของมันกลายเป็นเถ้าธุลี”
ขณะที่เสียงพูดคุยดังขึ้น สีหน้าอันน่าเกลียดก็ปรากฎขึ้น บนใบหน้าของผู้เข้าสอบอีกเก้าคน ไม่มีใครพูดอะไรออกมา เมื่อคิดว่า เมิ่งฮ่าวเป็นคนสุดท้ายที่ได้รับเมล็ดมา ดังนั้นก็เห็นได้ชัดว่า เขาไม่มีทางเลือกในเรื่องนี้ พวกมันไม่อาจกล่าวหาว่าเขาโกงได้
ชายชราที่ยืนอยู่ข้างหวังฝานหมิงก็ผงะด้วยเช่นกัน เมื่อมันเห็นเมล็ดของใบธุลีบิน มันสบตากับชายชราคนอื่นๆ แต่ก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมา ทันใดนั้น มันก็พูดขึ้นด้วยเสียงราบเรียบ ซึ่งดังกลบเสียงพูดคุยที่เต็มอยู่ทั่วเขตสี่เหลี่ยมจัตุรัส “เริ่มได้!”
เกิดความเงียบสงบขึ้นมาในทันที เมิ่งฮ่าว และอีกเก้าคนบนเสาศิลา ต่างก็เพ่งไปบนเมล็ดพืชในมือ คนทั้งหมดโคจรพลังลมปราณในร่าง จากนั้นก็ใช้วิชาของแผนกเม็ดยาบูรพา เริ่มหล่อเลี้ยงเมล็ดด้วยลมปราณ การเร่งปฏิกิริยาต้นสมุนไพรก็ได้เริ่มขึ้น
ช่วงหายใจเข้าออกสิบครั้งผ่านไป เสียงปะทุก็เริ่มดังออกมาจากมือของผู้เข้าสอบทั้งหมด รวมถึงเมิ่งฮ่าวด้วย ใบอ่อนเริ่มปรากฎขึ้น แกว่งตัวไปมาอย่างแผ่วเบา และค่อยๆ เริ่มเติบโตสูงขึ้นอย่างช้าๆ
เมิ่งฮ่าวตั้งอกตั้งใจอย่างเต็มที่ ค่อยๆ ส่งพลังลมปราณจากพื้นฐานฝึกตนของเขาเข้าไปช้าๆ เขาส่งพลังเข้าไปอย่างพอดี ไม่มากไป ไม่น้อยไป นี่เป็นวิธีที่เขาได้เรียนรู้มาจากการเข้าแข่งขันล่าขุมทรัพย์เซียนโลหิต ตลอดช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาในสำนักจื่อยิ่น เขาได้ฝึกฝนวิธีนี้อยู่ทุกวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อทำงานร่วมกับลี่เทา เขาส่งพลังลมปราณเข้าไปในเมล็ด ในไม่ช้า ต้นพืชสีเทาก็ปรากฎอยู่ในมือ สูงประมาณสองฉื่อ พร้อมใบสีเขียวเจ็ดใบ
ขณะที่มันเติบโตขึ้น เส้นใยสีเทาก็เริ่มปรากฎขึ้นภายในใบของมัน “เมื่อใบกลายเป็นสีเทาทั้งหมด ก็หมายความว่า ต้นไม้นี้เติบโตอย่างสมบูรณ์ สุดท้าย ใบก็จะกลายเป็นผงธุลี ซึ่งผงธุลีนี้เป็นแก่นแท้ของต้นนี้ เพื่อใช้เป็นส่วนผสมของการปรุงยา” ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับต้นสมุนไพรนี้ปรากฎขึ้นในจิตใจ รวมถึงการกลายพันธุ์อีกสิบแบบ
ต้นไม้เริ่มเติบโตสูงขึ้นไปเรื่อยๆ ตอนนี้มีความสูงสามฉื่อ และใบของมันก็เป็นสีเทาครึ่งหนึ่ง มีทั้งหมดสิบสองใบ ซึ่งจริงๆ แล้ว ก็เป็นจำนวนใบมากที่สุด ที่ต้นใบธุลีบินจะมีได้
สำหรับผู้เข้าแข่งขันอีกเก้าคน หนึ่งในพวกมันได้ทำให้ต้นไม้เติบโตเกินว่าหกในสิบส่วน แต่ก็เห็นได้ชัดว่าไม่ได้เติบโตมากเท่ากับของเมิ่งฮ่าว
ใบหน้าของพวกมันหมองคล้ำ และเต็มไปด้วยความไม่พอใจอย่างรุนแรง แม้แต่กลุ่มเด็กฝึกปรุงยาที่อยู่รอบๆ หลายคนก็ถอนหายใจออกมา จากความเข้าใจของพวกมัน เห็นได้ชัดว่า ต้นพืชของเมิ่งฮ่าวเติบโตได้ดีกว่าคนอื่นๆ
“การสอบครั้งนี้ไม่ยุติธรรม…ถ้าเจ้าฟางมู่นั้น ได้ต้นพืชที่ไม่ใช่ใบธุลีบิน มันก็คงจะไม่ง่ายปานนี้…”
“ไม่ใช่ว่ามันไม่ยุติธรรม ใบธุลีบินอาจจะเหมาะกับพลังลมปราณของฟางมู่ก็เป็นไปได้ ถ้าคนอื่นได้มันไป ก็อาจจะพบว่ามันไม่ใช่เรื่องง่าย ที่จะเร่งปฏิกิริยาของมัน อันที่จริง การทำให้ใบของมัน เปลี่ยนเป็นเถ้าธุลี ต้องใช้พลังลมปราณมากกว่าใช้กับต้นสมุนไพรอื่นๆ มากมายนัก”
เสียงพูดคุยเริ่มดังก้องออกมา ต้นธุลีบินในมือเมิ่งฮ่าว เกิดเป็นเสียงปะทุดังขึ้น ดูเหมือนมันกำลังจะลุกไหม้ เปลวไฟสีเทาปกคลุมมันไปทั่ว จากนั้นขี้เถ้าสีเทาก็เริ่มกระจายออก
เมื่อเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น ผู้เข้าแข่งขันอีกเก้าคนก็มีสีหน้าเคร่งเครียด ดวงตาของพวกมันเป็นสีแดง ขณะที่รู้สึกสิ้นท่าหมดหวัง มองไปยังหวังฝานหมิง และชายชราคนอื่นๆ พวกมันเริ่มพูดขึ้น
“ผู้อาวุโส, นี่ไม่ยุติธรรม!!”
“ใบธุลีบินซึ่งฟางมู่ได้ เร่งปฏิกิริยาได้ง่ายกว่าต้นสมุนไพรของข้ามาก ถ้าข้าได้ใบธุลีบิน ข้าก็สามารถทำได้เหมือนกัน!”
“พวกเราทำงานหนักมาหลายปีก็เพื่อโอกาสได้เลื่อนขั้น อย่าบอกข้านะว่าที่พวกเราแพ้ ไม่ใช่เป็นเพราะทักษะความสามารถ แต่เป็นเพราะโชคชะตา!? ผู้อาวุโส, มันไม่ยุติธรรมจริงๆ!”
“ได้โปรด, เริ่มสอบรอบสองใหม่ และให้ทุกคนได้ต้นสมุนไพรเหมือนกันทั้งหมด ถ้าพวกเราแพ้ พวกเราก็จะยอมรับด้วยความจริงใจ!”