นี่ก็เป็นการสังหารที่ไม่เห็นโลหิตด้วยเช่นกัน เนื่องจากโลหิตที่ไหลออกมา ได้ถูกชะล้างโดยสายฝนที่ตกลงมาในทันที การทำความสะอาดโดยธรรมชาติของสายฝน ทำให้เมิ่งฮ่าวรู้สึกมีความสุขที่ได้ต่อสู้ท่ามกลางสายฝนเช่นนี้ เขาไม่ยอมสูญเสียพลังลมปราณในการผลักให้สายฝนออกห่างไปจากตัว
เขาปล่อยมือออกช้าๆ จากนั้นก็หมุนตัวไป น้ำฝนไหลลงมาจากคางและเส้นผมของเขา เสื้อผ้าเปียกโชกไปทั้งตัว สายฟ้าแวบขึ้นในความมืดยามราตรี และเมิ่งฮ่าว ทันใดนั้น ก็ดูเหมือนจะกระจายกลิ่นอายของอสูรออกมา
ศิษย์สำนักชิงหลัวที่อยู่รอบๆ ต่างก็ตกตะลึง พวกมันมองไปยังเมิ่งฮ่าว ไม่ใช่มองอย่างดูถูก แต่มองด้วยความตั้งอกตั้งใจ
เต้าจื่อสำนักชิงหลัว โจวเจี๋ย มองไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยดวงตาที่หดเล็กลง มันไม่ได้โจมตี แต่ถือธูปนั้นไว้ต่อไป กลุ่มควันลอยขึ้นมา และเชื่อมต่อกันในกลางอากาศอย่างรวดเร็ว “สังหารคนผู้นี้ให้ได้” มันกล่าว เสียงเย็นชาของมันดังออกมาในความมืด คืนที่มีพายุฝนฟ้าคะนอง
มีผู้ฝึกตนอยู่รอบๆ ตัวเมิ่งฮ่าวมากกว่าสิบคน เมื่อได้ยินคำพูดของเต้าจื่อ พวกมันก็เตรียมตัวโจมตีในทันที วิชาเวท และอาวุธเวทหลากหลาย ก็พุ่งตรงไปยังเมิ่งฮ่าวในทันที เสียงระเบิดดังก้องไปทั่ว นี่คงเป็นการต่อสู้ที่รุนแรงมากที่สุด เท่าที่เขาเคยเผชิญพบมา ผู้ฝึกตนทั้งหลายนี้ อยู่ในขั้นสุดท้ายของพื้นฐานลมปราณทั้งหมด
อันที่จริง สำนักเล็กๆ ไม่อาจจะสร้างผู้ฝึกตนที่อยู่ในระดับนี้ได้มากมายเช่นนี้ สำนักขนาดกลาง ถึงแม้จะมีได้มาก แต่ก็คงไม่ส่งพวกมันทั้งหมดมาพร้อมเพรียงกัน สำหรับสำนักอื่นๆ ศิษย์ขั้นสุดท้ายพื้นฐานลมปราณเป็นความโชคดีจากสวรรค์ ถ้าหนึ่งในคนกลุ่มนี้ สามารถบรรลุขั้นสร้างแกนลมปราณ มันก็จะยิ่งช่วยขับเคลื่อนให้สำนักมีความสำคัญมากขึ้น
มีเพียงสำนักยิ่งใหญ่เช่นสำนักชิงหลัวนี้เท่านั้น ที่จะสามารถส่งผู้ฝึกตนขั้นสุดท้ายพื้นฐานลมปราณออกมาได้มากมายขนาดนี้
ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกาย ถ้าเขายังไม่ได้สร้างเสาแห่งเต๋าต้นที่ห้า การต่อสู้ครั้งนี้ก็คงเป็นเรื่องยาก และเสี่ยงอันตรายร้ายแรงเป็นอย่างยิ่ง แต่ตอนนี้ ด้วยเสาแห่งเต๋าทั้งห้าต้น เขาจึงมีพลังต่อสู้อันไร้เทียมทานของขั้นพื้นฐานลมปราณ จริงๆ แล้ว สามารถกล่าวได้ว่าตอนนี้ เมิ่งฮ่าวเป็นผู้ที่แข็งแกร่งมากที่สุด รองจากขั้นสร้างแกนลมปราณทั่วทั้งดินแดนด้านใต้!
เขาหัวเราะเสียงเย็นชา ขณะที่ศิษย์สำนักชิงหลัวเข้ามาใกล้ ยกมือขึ้นทำท่าคว้าจับอยู่ในอากาศ และทันใดนั้น มังกรเปลวไฟก็ปรากฎ รวมตัวเป็นมังกรปีกวารี มันยังปรากฎตัวไม่สมบูรณ์ แต่เมิ่งฮ่าวก็ยืมความร้อนบางส่วนของมัน เปลี่ยนแผ่นผืนสายฝนที่อยู่รอบๆ ตัว ให้กลายเป็นหมอกหนา
ขณะที่กลุ่มหมอกพลุ่งพล่านปั่นป่วน เมิ่งฮ่าวก็ตบไปที่ถุงสมบัติ และกระบี่ไม้สองเล่มก็ลอยออกมา พวกมันหมุนวนเป็นวงกลมรอบตัวเขาชั่วขณะ จากนั้นก็พุ่งออกไป
กลุ่มหมอกเดือดพล่าน ปกคลุมไปทั่วทั้งพื้นที่บริเวณนั้น ทำให้มองอะไรไม่เห็น ความร้อนในบริเวณนั้นเปลี่ยนสายฝนให้กลายเป็นกลุ่มหมอก เสียงฟ้าร้องดังขึ้น และสายฟ้าก็กระแทกลงมา ทีละคน ทีละคน เสียงแผดร้องอย่างน่ากลัวจนโลหิตแทบแข็งตัวดังออกมา จากภายในกลุ่มหมอกนั้น
เงาร่างเมิ่งฮ่าวแวบไปมาที่ด้านในกลุ่มหมอก นำพาความตายไปด้วย กระบี่ไม้สองเล่มกวาดผ่านไปที่เบื้องหน้าเขา ตัดศีรษะของศิษย์สำนักชิงหลัวลงมา ดวงตาของพวกมันเต็มไปด้วยความประหลาดใจในทันที ก่อนที่จะตกตายไป
เสียงเข่นฆ่าดังออกมา เมิ่งฮ่าวเคลื่อนไหวราวภูติผี เสียงแตกร้าวดังขึ้นจากมือขวาของเขา ขณะที่บดขยี้ผู้ฝึกตนอีกคนหนึ่ง เขาทะยานร่างขึ้นด้านบนเพื่อป้องกันหอกที่พุ่งเข้ามา เสียงระเบิดดังขึ้น ขณะที่ซากศพระเบิดออกเป็นชิ้นๆ เมิ่งฮ่าวเดินตรงไป
เขาโบกสะบัดมือขวา เรียกมีดสายลมออกมา พุ่งตรงไป กรีดเฉือนร่างอีกคนจนกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย เศษชิ้นส่วนของซากศพพุ่งออกมาจากกลุ่มหมอก และตกลงไปบนพื้น
โจวเจี๋ยขมวดคิ้ว เมื่อมันเห็นเช่นนี้ แต่มันก็ยังคงยึดจับธูปเล่มนั้นไว้ กลุ่มควันลอยขึ้นไป รวมตัวกันได้เกือบหกในสิบส่วน
ทันใดนั้น เสียงแผดร้องอย่างน่าอนาถใจก็ดังออกมาจากภายในกลุ่มหมอก ศิษย์สำนักชิงหลัว ร่างของมันถูกทำลายไปครึ่งหนึ่ง เดินกะโผลกกะเผลกออกมา ขณะที่ดูเหมือนว่ามันกำลังจะหลบหนีออกไปได้ มือของเมิ่งฮ่าวก็ยื่นออกมา และคว้าจับไปบนศีรษะของมัน เขากดลงไป และผู้ฝึกตนนั้นก็แผดร้องออกมา ใบหน้าเมิ่งฮ่าวโผล่ออกมาจากกลุ่มหมอกในตอนนี้ เขามองไปยังโจวเจี๋ย
โจวเจี๋ยมองกลับมา และขณะที่สายตาของคนทั้งสองประสานกัน เมิ่งฮ่าวก็ยิ้มออกมา และจากนั้นก็หายกลับเข้าไปในกลุ่มหมอก เขาปล่อยมือ และศิษย์สำนักชิงหลัวก็ตกลงไปบนพื้น ตายไป ดวงตาของมันยังคงเบิกกว้าง
โจวเจี๋ย ตัวสั่นสะท้านเมื่อมันมองเห็นเช่นนั้น และใบหน้าก็บิดเบี้ยวจนน่าเกลียด เสียงแผดร้องก่อนตายจากด้านในกลุ่มหมอก ดูเหมือนจะเพิ่มมากขึ้น และมากขึ้นเรื่อยๆ เสียงระเบิดดังน้อยลง ทันใดนั้น เงาร่างก็โผล่ออกมาจากกลุ่มหมอก
“ศิษย์พี่โจว, ช่วยข้าด้วย!” หนึ่งในศิษย์สำนักชิงหลัวร้องออกมา แขนขวาของมันถูกตัดขาดไป และความหวาดกลัวก็ปกคลุมไปทั่วใบหน้าของมัน ถึงแม้มันพยายามจะหลบหนีออกมาได้ทั้งตัว คำพูดก็แทบจะไม่ได้ออกมาจากปากของมัน เมื่อมือปีศาจยาวครึ่งจ้างพุ่งออกมาจากกลุ่มหมอก พุ่งมาด้วยความรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ ไล่กวดตามไปที่มันเพียงชั่วพริบตา
มือนั้นกระแทกไปบนร่างมัน และเสียงระเบิดก็ดังก้องไปทั่วอากาศ ร่างของผู้ฝึกตนนั้นเริ่มสั่นสะท้าน และมันเปิดปากเพื่อจะพูดบางอย่าง ก่อนที่มันจะทันได้พูด ร่างของมันก็ระเบิดออก
ในตอนนี้ กลุ่มหมอกที่อยู่รอบๆ ตัวเมิ่งฮ่าว กำลังเริ่มจางหายไป เมิ่งฮ่าวเดินออกมา จากการดูที่เสื้อผ้าและผมที่ยาวประบ่า ทำให้ดูเหมือนนักศึกษาที่อ่อนแอ แต่ความเย็นชาในดวงตาของเขา ทำให้โจวเจี๋ยต้องหวาดกลัวจนตัวสั่นสะท้าน
ผู้ฝึกตนขั้นสุดท้ายพื้นฐานลมปราณมากกว่าสิบคน…และมีเพียงเมิ่งฮ่าวคนเดียวที่โผล่ออกมา อย่างมีชีวิตโดยปกติสุขจากกลุ่มหมอกนั้น
“วิธีการของเจ้าช่างโหดร้ายนัก” โจวเจี๋ยกล่าว ค่อยๆ วางมือลงไปอย่างช้าๆ มันรู้ว่าไม่มีเวลาอีกแล้ว และไม่อาจจะทำอะไรกับธูปนี้ได้อีกต่อไป สำนักชิงหลัวตัดสินผิดพลาดกับพื้นฐานฝึกตนของเมิ่งฮ่าวโดยสิ้นเชิง
อันที่จริง ปรมาจารย์จื่อหลัวได้รับข้อมูลที่เกี่ยวกับพื้นฐานฝึกตนของเมิ่งฮ่าว จากผู้อาวุโสของสำนัก ผู้ซึ่งอยู่ในตระกูลซ่งตอนนี้ มันรู้ว่าพลังของเขาเกินกว่าขั้นกลางพื้นฐานลมปราณ และเกือบจะคล้ายกับขั้นสุดท้ายของพื้นฐานลมปราณ
แต่ในตอนนี้ โจวเจี๋ยก็รู้ดีว่า พลังต่อสู้ของเมิ่งฮ่าวไม่อาจเปรียบเทียบได้กับขั้นสุดท้ายของพื้นฐานลมปราณ ในความเป็นจริง มันสามารถแผ่กระจายแรงกดดันอันน่ากลัวซึ่งเกินกว่าพลังขั้นสุดท้ายออกมา
หลังจากสังเกตดูอย่างละเอียดเมื่อครู่นี้ โจวเจี๋ยสัมผัสได้ว่า พลังลมปราณของเมิ่งฮ่าว แตกต่างจากคนอื่นๆ โดยสิ้นเชิง มันดูเหมือนพลังลมปราณ แต่ก็ดูเหมือนสิ่งที่เป็นของเมิ่งฮ่าวโดยพิเศษเฉพาะ
กล่าวได้ว่า พลังลมปราณของวิชาเวทซึ่งเมิ่งฮ่าวโจมตีออกมา สุดท้ายแล้วน่าจะกระจายกลับไปยังสวรรค์และปฐพี แต่พลังที่เหลือจากการโจมตีของเมิ่งฮ่าวไม่ได้กระจายหายไป ดูเหมือนพวกมันจะถูกปฏิเสธจากสวรรค์และปฐพี พวกมันเพียงแค่ลอยอยู่ที่นั่นราวกับน้ำมันที่ลอยอยู่บนผิวน้ำ
ดูเหมือนว่าการระเบิดของพลังที่ถูกปฏิเสธของเขา จะเป็นหนึ่งในเหตุผลที่เมิ่งฮ่าวแข็งแกร่งมากเช่นนี้ โจวเจี๋ยได้ข้อสรุปเหล่านี้อย่างรวดเร็ว แต่ก็ไม่อาจค้นหาคำตอบของปัญหานั้นได้ ความหวาดกลัวเต็มอยู่ในจิตใจของมัน
เนื่องจากการระเบิดเช่นนี้ เมิ่งฮ่าวอาจจะอยู่ในขั้นกลางพื้นฐานลมปราณ แต่การกำจัดขั้นสุดท้ายพื้นฐานลมปราณก็เป็นเรื่องง่ายสำหรับเขา ราวกับบดขยี้หญ้าแห้ง และทุบตีไม้เน่า นั่นคือ…สิ่งที่เห็นได้อย่างชัดเจน!
พลังลมปราณของเมิ่งฮ่าวแตกต่างออกไป มันเป็นของเขาเพียงคนเดียว พลังลมปราณของคนอื่นๆ เป็นของสวรรค์และปฐพี ด้วยการฝึกฝนสูดลมหายใจเข้าออก ผู้ฝึกตนก็จะสามารถยืมมันมาใช้ได้ ขึ้นกับขั้นการฝึกตนที่แตกต่างกัน และระยะเวลาที่จะยืมมาใช้ แต่พลังลมปราณทั้งหมดนั้น ต้องกลับคืนสู่สวรรค์และปฐพีอีกครั้ง เมื่อตายไป
มันเป็นวงจร เหมือนกับเส้นทางทั้งเก้าที่อยู่เบื้องหน้าชายชราชุดยาวสีเทา ด้านบนสุดของต้นเจี้ยนมู่ มันเป็นกฎของสวรรค์และปฐพี
“จริงๆ แล้วข้าไม่ใช่คนโหดร้าย” เมิ่งฮ่าวกล่าวอย่างเฉยชา “พวกท่านจึงใช่ อันที่จริง ข้าค่อนข้างจะอ่อนโยน แต่การปรากฎตัวของพวกท่านในที่นี้ ทำให้เกิดปัญหาขึ้น” เขาโบกสะบัดมือ ทำให้กลุ่มหมอกที่ด้านหลังจางหายไปโดยสิ้นเชิง สายฝนตกลงมาบนร่างคนทั้งสอง ดูเหมือนจะทำให้แยกไม่ออกว่าใครเป็นใคร แต่สายตาพวกเขาก็จ้องประสานกัน และสีหน้าก็เริ่มดุร้ายขึ้น
“ข้าคือโจวเจี๋ย เต้าจื่อแห่งสำนักชิงหลัว!” โจวเจี๋ย ทันใดนั้น ก็ยกมือขึ้น ปรากฎเป็นธูปสีฟ้ายาวประมาณสามฉื่อ (1 ฉื่อ = 1 ฟุต) ธูปนั้นถูกจุดขึ้น และควันก็ลอยขึ้นมา ก่อตัวเป็นรูปกระบี่ ซึ่งเปล่งแสงลี้ลับออกมา เห็นได้ชัดว่านี่เป็นธูปที่ไม่ธรรมดา
“ข้าคือเมิ่งฮ่าว จากแคว้นจ้าว” เมิ่งฮ่าวกล่าวเสียงราบเรียบ มือขวาขยับร่ายเวทอาคมอย่างรวดเร็ว และกระบี่ไม้สองเล่มก็ปรากฎ และหมุนวนไปรอบๆ ตัวเขาอย่างช้าๆ พวกมันเปล่งรังสีกระบี่ออกมา และเสียงหึ่งๆ ก็ดังขึ้น ราวกับว่าพวกมันกำลังกระหายเลือด
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เมิ่งฮ่าวเผชิญหน้ากับเต้าจื่อในการต่อสู้ ครั้งแรกเมื่อเขาสู้กับหลี่เต้าอี และทำให้มันต้องหลบหนีจากไป เขาได้ตัดแขนของมันในการต่อสู้ครั้งนั้น จากนั้นเขาก็เผชิญหน้ากับหลี่ชือฉี และได้แสดงความแข็งแกร่งออกมา ตอนนี้เขากำลังเผชิญหน้ากับโจวเจี๋ย
“ข้ามีเสาแห่งเต๋าสามต้น เมื่อต่อสู้กับหลี่เต้าอี” เมิ่งฮ่าวคิด “มีสี่ต้น เมื่อเผชิญกับหลี่ชือฉี ตอนนี้ข้ามีห้า ข้าจะพิสูจน์ถึงพลังของเสาแห่งเต๋าที่สมบูรณ์ทั้งห้าต้นของข้า ว่าไม่มีใครในขั้นพื้นฐานลมปราณจะเทียบเปรียบได้!” แสงเจิดจ้าปรากฎขึ้นในดวงตา กระบี่ไม้ทั้งสองเล่มดูเหมือนจะสัมผัสได้ถึงความต้องการต่อสู้ของเมิ่งฮ่าว พวกมันส่งเสียงดังมากยิ่งขึ้น และรังสีกระบี่ก็ส่องสว่างมากขึ้นเช่นเดียวกัน
“เจ้าดูเหมือนหญิงสาวที่ข้าพบ เมื่อข้าท่องเที่ยวไปเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา ข้าไล่ตามนางไป แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ข้าคิดว่านางไม่ได้แซ่เมิ่ง” โจวเจี๋ยส่ายหน้า จริงๆ แล้ว เมิ่งฮ่าวเป็นคนที่มันคิดว่าสมควรที่จะได้รับความนับถือจากมัน ในความเป็นจริง ท่ามกลางผู้ฝึกตนขั้นพื้นฐานลมปราณ ในดินแดนด้านใต้ มันเพียงยอมรับนับถือเพียงสิบคน แต่ละคนก็เป็นเต้าจื่อกันทุกคน!
แต่วันนี้ มันได้รับรู้ถึงการคงอยู่ของเมิ่งฮ่าว เมิ่งฮ่าวเป็นคนที่สามารถเคียงบ่าเคียงไหล่ กับเต้าจื่อรุ่นปัจจุบันนี้ได้อย่างเท่าเทียมกัน
แม้ในขณะที่คำพูดหลุดออกมาจากปาก ร่างของโจวเจี๋ยก็ระเบิดพลังของ วงจรอันยิ่งใหญ่ ขั้นพื้นฐานลมปราณออกมา กระจายเป็นระลอกคลื่นออกไป ทำให้เส้นผมของมันพริ้วไปมา สายฝนที่อยู่รอบๆ ตัว ลอยห่างออกไป ราวกับว่าไม่กล้าจะไปแตะต้องตัวมัน ความดุร้ายเต็มอยู่ในดวงตา ขณะที่มันเดินตรงมายังเมิ่งฮ่าว
ดวงตาเมิ่งฮ่าวแวบแสงขึ้น และเขาก็เริ่มเดินตรงไปด้วยเช่นกัน จิตสัมผัสของเขาพุ่งออกไป