วันอังคารที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2560

ตอนที่ 158 : การอยู่ร่วมกันกับจี้!

Posted By: wuxiathai - 18:28
หานเป้ยสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และความตื่นเต้นก็กระจายไปทั่วใบหน้า นางยกมือขวาขึ้น และชิ้นหยกโบราณรูปพระจันทร์เสี้ยวก็ลอยออกมา มันมีสีเขียวเข้มเกือบจะดำ และดูพิเศษไม่ธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง มันไม่ใช่ของที่คนทั่วไปใช้ แต่ดูเหมือนจะเป็นของที่ถูกฝังอยู่ในหลุมฝังศพโบราณ ซึ่งไม่เคยพบเห็นแสงสว่างตอนกลางวันมาเป็นเวลานาน สีของมันดูเหมือนจะเป็นผลลัพธ์มาจาก การดูดซับกลิ่นอายแห่งความตายอันน่ากลัวมาอย่างยาวนาน
หยกจันทร์เสี้ยวลอยขึ้นมา และจากนั้นก็ส่องแสงเจิดจ้าอันน่าตกใจออกมา ปกคลุมทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้นไว้ทั้งหมด คลื่นแสงกระจายเป็นระลอกออกไป ขณะที่มันพุ่งตรงไปยังรอยแตกบนพื้นผิวของกระถางขนาดใหญ่ยักษ์ และจากนั้นก็ผ่านเข้าไป
“สองส่วนสุดท้ายของต้นแบบแห่งกาลเวลาอยู่ที่นี่!” หานเป้ยกล่าว นางบินตรงไป ตามด้วยเซี่ยเจี๋ย, สตรีแซ่หลี่, ฉือโหย่วเต้า และบุรุษชุดเทา
เมิ่งฮ่าวติดตามไปด้วยเช่นกัน ลำแสงหกลำพุ่งตรงไปข้างหน้า เข้าใกล้กระถางใหญ่ยักษ์นั้นไปเรื่อยๆ เมื่อพวกเขาเข้าไปใกล้ ก็รู้สึกถึงแรงกดดันอันรุนแรง กระจายออกมาจากกระถางนั้น ซึ่งมีความรุนแรงมากขึ้นไปเรื่อยๆ
ในที่สุด พวกเขาก็เข้าไปใกล้รอยแตกขนาดยักษ์ ซึ่งดูเหมือนหุบเขาขนาดใหญ่บนผิวหน้าของกระถางใบใหญ่นั้น พวกเขาไปหยุดอยู่ที่เบื้องหน้าของรอยแตก มีกลุ่มหมอกจางๆ ลอยอยู่ด้านใน ครอบคลุมไปทั่ว ไม่มีอะไรที่ข้างในนอกจากความมืดมิด
เมื่อเข้าไปใกล้รอยแตกนั้น เซี่ยเจี๋ยก็ตบไปที่ถุงสมบัติ ลำแสงสีเขียวปรากฎขึ้น รวมตัวกันเป็นสัตว์ขนยาวสีเขียว ร่างของมันแวบขึ้น ขณะที่พุ่งตรงเข้าไปในรอยแตก ทันทีที่มันสัมผัสกับหมอกนั้น มันก็ส่งเสียงร้องอย่างโหยหวนออกมา และร่างของมันก็ฉีกขาดออกเป็นชิ้นๆ
ความระมัดระวังเต็มอยู่ในจิตใจของคนทั้งหมดที่ดูอยู่
“มีเพียงคนที่มีจิตสัมผัสอันยิ่งใหญ่ถึงจะสามารถปัดหมอกนี้ออกไป และซ่อมแซมรอยแตกนี้ได้” หานเป้ยกล่าว “จากนั้นพวกเราก็จะเข้าไปกันได้” นางมองขึ้นไปบนท้องฟ้าอีกครั้ง ราวกับว่ากำลังคำนวนบางอย่าง จากนั้นนางก็หันหน้ามา และมองไปที่เมิ่งฮ่าว
ไม่เพียงแต่นาง สายตาของฉือโหย่วเต้าก็จ้องไปที่เขาเช่นกัน การต่อสู้ของเมิ่งฮ่าวกับสตรีแซ่หลี่ และพลังอันเข้มข้นของจิตสัมผัสที่เขาแสดงออกมา ได้สร้างความประทับใจอย่างลึกล้ำให้กับทุกคน
“สหายเต๋าหาน, ท่านต้องล้อข้าเล่นอย่างแน่นอน” เมิ่งฮ่าวกล่าวอย่างไม่ค่อยไว้หน้า “กระถางใบนี้ต้องถูกสร้างขึ้นมาเมื่อหลายหมื่นปีก่อน กลิ่นอายของมันไม่ธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง ข้าไม่คิดว่าข้าจะสามารถแตะต้องรอยแตกของมันได้”
“สหายเต๋าเมิ่ง, ท่านกำลังเข้าใจผิด” นางรีบกล่าวขึ้นมา “แน่นอน ข้าก็รู้ว่ากระถางใบนี้ไม่ใช่สิ่งที่บุคคลซึ่งมีพลังฝึกตนเช่นพวกเราจะแตะต้องมันได้ ข้ามีของวิเศษที่เป็นมรดกตกทอดของตระกูล ซึ่งสามารถกำจัดรอยแตกนี้ได้ แต่มันต้องใช้ร่วมกับจิตสัมผัส การทำเช่นนี้จะทำให้รอยร้าวหายไปได้” ขณะที่นางพูด นางตบไปที่ถุงสมบัติ หยิบเอาพัดเล็กๆ ขนาดเท่าฝ่ามือออกมา มันมีขนนกเพียงแค่สามชิ้น แต่ละชิ้นปกคลุมไปด้วยเครื่องหมายเวท
“ของวิเศษชิ้นนี้สามารถใช้ได้เพียงคนเดียวเท่านั้น และจิตสัมผัสของท่านก็แข็งแกร่งมากที่สุดท่ามกลางกลุ่มพวกเรา ข้าหวังว่าจะได้รับการช่วยเหลือจากท่าน เมื่อไหร่ที่พวกเราเข้าไปได้ ก็ยังมีพื้นที่อื่นอีกที่ท่านไม่จำเป็นต้องทำอะไร นี่เป็นพัดที่เมื่อวิญญาณของมันถูกกระตุ้นด้วยจิตสัมผัส มันก็จะปลดปล่อยพลังอันยิ่งใหญ่ออกมาแทนที่พลังฝึกตนของพวกเรา มันเป็นของวิเศษที่ตระกูลหานได้สร้างขึ้นเป็นพิเศษเพื่อสถานที่แห่งนี้โดยเฉพาะ”
เมิ่งฮ่าวมองไปที่พัดนั้นอย่างสงบสักครู่ และจากนั้นก็ยกมือขึ้นมา พัดลอยตรงมา เขาตรวจสอบมันสักพัก แต่ไม่ได้แตะต้องมันในตอนแรก
ในที่สุด เขาก็พยักหน้าเล็กน้อย
เมื่อได้เห็นเขายินยอม หานเป้ยก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกออกมา จากนั้นนางก็เคลื่อนที่ออกไปด้านข้าง ห่างออกไปจากเมิ่งฮ่าว เพื่อป้องกันความเข้าใจผิดใดๆ
ใบหน้าของเขาว่างเปล่าขณะที่ปล่อยจิตสัมผัสออกไป ขณะที่มันกระจายออกมา หานเป้ยและคนอื่นๆ ก็เพ่งสมาธิ สัมผัสได้ถึงพลังอันกว้างใหญ่นั้น และเปรียบเทียบกับของพวกมันเอง ทุกคนต่างก็รู้สึกว่าต้องระวังตัวกันมากขึ้น
เมิ่งฮ่าวส่งจิตสัมผัสเข้าไปในตัวพัดเพื่อตรวจสอบมัน แน่นอนว่า มันได้ถูกประทับผนึกให้เชื่อมต่อกับหานเป้ยไว้แล้ว เมิ่งฮ่าวเงยหน้าขึ้นมองไปยังรอยแตกในกระถางใหญ่ยักษ์นั้น
หลังจากนั้นเขาก็ยกมือขึ้น และผลักมันไปข้างหน้า ทันใดนั้นตัวพัดก็ระเบิดออกมาเป็นเปลวไฟ ขนนกทั้งสามชิ้น ก็เริ่มบิดตัวไปมาด้วยท่าทางประหลาด สายน้ำหมุนเกิดขึ้นอยู่รอบๆ ตัวเมิ่งฮ่าว
ขณะที่มือของเขายื่นออกไปข้างหน้า สายน้ำหมุนก็พุ่งตรงไปยังกลุ่มหมอก เสียงระเบิดดังกึกก้องออกมา เมื่อมันกระแทกเข้าไป กลุ่มหมอกทันใดนั้นก็เริ่มเดือดพล่าน ในตอนแรกก็ดูเหมือนว่า ทั้งสายน้ำหมุนและกลุ่มหมอกจะสามารถทำลายซึ่งกันและกันได้ แต่อย่างไรก็ตาม สายน้ำหมุนไม่ได้แข็งแกร่งเพียงพอ และเริ่มจะจางหายไป
“รอยแตกนั้นน่าจะซ่อมแซมได้ แต่ก็ค่อนข้างจะต้องใช้จิตสัมผัสเป็นอย่างมาก” เมิ่งฮ่าวมองไปยังกลุ่มหมอกภายในรอยแตกกำลังฟื้นฟูตัวมันเองขึ้น ราวกับว่ามันกำลังกำเนิดใหม่ เขาคิดอยู่ชั่วครู่ และจากนั้นก็ยกมือขวาขึ้นมา และปลดปล่อยจิตสัมผัสออกไปมากกว่าเดิม ในครั้งนี้ เขาใช้มากกว่าก่อนหน้านี้ ทำให้เปลวไฟบนพัดลุกโชนดูน่ากลัวมากยิ่งขึ้น ตอนนี้ เปลวไฟประกอบด้วยสองสี!
ม่านตาของคนที่มุงดูอยู่หดแคบลง ขณะที่พวกมันรู้สึกถึงพลังจิตสัมผัสของเมิ่งฮ่าว ซึ่งดูเหมือนจะมีมากกว่าพวกมันถึงสองเท่า สร้างความตกใจให้กับพวกมันเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะหานเป้ย ซึ่งมีดวงตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว ขณะที่มองไปที่เขา
ดูเหมือนว่าพัดนั้นกำลังดูดซับจิตสัมผัสของเมิ่งฮ่าว ด้วยความรวดเร็วมากที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ เขากระทำไปด้วยความระมัดระวัง ถ้ามีสิ่งใดเกิดขึ้น ซึ่งบ่งชี้ว่าเขากำลังจะสูญเสียการควบคุม เขาก็จะตัดการเชื่อมต่อพัดนั้นกับจิตสัมผัสของเขาในทันที
วังน้ำวนปรากฎขึ้นอีกครั้ง ซึ่งมีความแข็งแกร่งมากกว่าครั้งก่อนหน้านี้ ทันใดนั้น ร่างของเมิ่งฮ่าวก็เกือบจะมองไม่เห็นอยู่ภายในเสียงหวีดหวิวของสายลม พวกที่มุงดูอยู่เห็นเพียงแค่ภาพเลือนลางของเขากำลังโบกสะบัดมือตรงไปข้างหน้า
เมื่อเขาทำเช่นนั้น ขนนกชิ้นแรกก็ลุกไหม้กลายเป็นเถ้าธุลีในทันที และขนนกชิ้นที่สองก็เริ่มแยกออกเป็นเสี่ยงๆ สายลมหมุนแรงขึ้น สงเสียงกระหึ่มเต็มไปด้วยพลัง มันพุ่งกระแทกเข้าไปในกลุ่มหมอก และในตอนนี้ ขนนกชิ้นที่สามก็หายไปถูกเผากลายเป็นเถ้าถ่าน
ตัวพัดทั้งหมดในตอนนี้แยกออกเป็นชิ้นๆ ทำให้หานเป้ยรู้สึกเสียดายเล็กน้อย จากนั้นดวงตาของนางก็แข็งกล้าขึ้น สำเร็จหรือล้มเหลวจะได้รู้กันในตอนนี้
ตูม!
การระเบิดอย่างรุนแรงแผ่อออกมาเป็นระลอกคลื่น ขณะที่วังน้ำวนขนาดใหญ่กระแทกเข้าไปในกลุ่มหมอก พวกมันกลืนกินซึ่งกันและกัน และทันใดนั้น ช่องว่างก็ปรากฎขึ้นภายในกลุ่มหมอก
ในเวลาเดียวกันนั้น ความหนาวเย็นอันน่ากลัวก็กระจายออกมาจากภายในของกระถางยักษ์ พุ่งผ่านกลุ่มหมอก และกระจายออกไปทั่วกลุ่มผู้ฝึกตนทั้งหมด
มันเหมือนกับว่าประตูเพิ่งจะเปิดขึ้น หลังจากที่ถูกปิดไปนานหลายชั่วคน กลิ่นอายที่ถูกผนึกไว้หลายหมื่นปีกระจายออกมา ลอยปกคลุมไปทั่วเมิ่งฮ่าวและคนอื่นๆ ถ้ามีเพียงเท่านี้ มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอันใด แต่ภายในความหนาวเย็นของเวลาแห่งความทรงจำที่มีอยู่ ได้กวาดไปทั่วคนทั้งหก ทันใดนั้น ก็มีภาพจากหลายหมื่นปีมาแล้วได้ปรากฎขึ้นที่เบื้องหน้าของพวกเขา
ภายในภาพที่มองเห็นนั้น กระถางสัมฤทธิ์ที่มีขนาดใหญ่โตจนน่าตกใจ ได้ลอยอยู่เหนือพื้นดิน ภายใต้ท้องฟ้าสีแดงฉาน สายฟ้าแปลกๆ ฟาดลงไปบนพื้นผิวของมันอยู่ตลอดเวลา ราวกับว่าสายฟ้านี่ต้องการจะบดขยี้มันให้แหลกลาญลงไป
แต่กระถางนี้ก็ยังไม่ยอมแพ้ และมันก็พุ่งขึ้นไปท่ามกลางเสียงกึกก้องของฟ้าผ่า สูงขึ้นไปในท้องฟ้าสีแดง กระแสน้ำวนปรากฎขึ้น เหมือนจะเป็นภาพจากโลกอื่น กระถางทำการต่อต้านสวรรค์ และส่งต่อไปให้กระแสน้ำวนที่อยู่ในโลกอันเลือนลางนั้น
ด้านล่างบนพื้นดิน มีเงาร่างนับแสน พวกมันหมอบกราบลงไปบนพื้น ท่องสวดมนต์ไปด้วยในเวลาเดียวกัน เสียงของพวกมันรวมเข้าด้วยกันและดังก้องออกมา เมื่อเสียงนั้นดังมาถึงหูของเขา ก็ทำให้เมิ่งฮ่าวคิดไปถึงศิษย์สำนักชิงหลัวนั่งขัดสมาธิ ท่องสวดมนต์ไปด้วย มันเป็นเสียงที่…เช่นเดียวกัน ถึงแม้เขาจะไม่อาจบอกรายละเอียดได้ว่า พวกมันกำลังสวดมนต์อะไรกันอยู่
ทันใดนั้นเสียงกึกก้องก็ดังออกมาจากภายในกระถาง “มันเป็นเจ้าที่ต้องการจะโค่นล้มสวรรค์ เพื่อแทนที่หมู่ดาว, เพื่อปกปิดดวงตาของข้าด้วยยอดสูงสุดแห่งสวรรค์, ต้นเจี้ยนมู่จะไม่ยอมจำนน, เพื่อบดขยี้หมู่ดาว เจ้านายของข้าอาจจะจำศีลอยู่ แต่ท่านก็ยังคงอยู่ภายใต้ท้องฟ้าเดียวกันกับจี้?!”
สายฟ้าจากสวรรค์ฟาดลงมาอย่างต่อเนื่อง กำลังมองหาเพื่อที่จะกำจัดกระถาง ทันใดนั้น ภาพเหล่านี้ก็เลื่อนผ่านไปจากดวงตาของทุกคน ยกเว้นเมิ่งฮ่าว พวกมันสบตาที่ดูสั่นไหวซึ่งกันและกัน
เมิ่งฮ่าวอยู่ใกล้กับกระถางนั้นมากกว่าคนอื่นๆ แต่เป็นครั้งแรกที่ได้พบกับการระเบิดของสายลมแห่งเวลา เขายังคงมองเห็นภาพเหล่านั้นต่อไป
เขาเห็นกระถางสัมฤทธิ์ขนาดใหญ่ยังคงพุ่งสูงขึ้นไป สายฟ้าที่ฟาดลงมาจากท้องฟ้าสีแดงเริ่มรวมเข้าด้วยกัน ยากที่จะบอกได้ว่ามีสายฟ้าจำนวนมากมายเท่าใด ได้รวมตัวกันเป็นหอกยักษ์ ดูเหมือนเป็นฟันที่รายล้อมไปด้วยสนามของสายฟ้า ซึ่งพุ่งตรงลงมายังกระถาง
เสียงระเบิดดังออกมา และกระถางสัมฤทธิ์ขนาดใหญ่ก็สั่นสะท้าน รอยร้าวขนาดใหญ่ก็แตกลงไปด้านล่าง กระถางไม่ได้พุ่งขึ้นไปอีก แต่ตกลงมาแทน มันกระแทกลงไปบนพื้น และจากนั้นเสียงอื่นก็ดังออกมา ดูเหมือนจะเป็นเสียงถอนหายใจ
“เมื่อเจ้าไม่ต้องการให้ข้านำกระถางนี้ไปจากสถานที่นี้ ก็ไม่เป็นไร…ข้าก็จะพักผ่อนอยู่ที่นี่ไปตลอดกาล รอคอยวันที่เจ้าตกลงมา”
เมื่อมาถึงตอนนี้ ภาพเหล่านี้ก็จางหายไปจากสายตาของเมิ่งฮ่าว เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และจากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองไปยังกระถาง ในตอนนี้ กลุ่มหมอกและรอยร้าวกำลังจะหายไป
ความกระวนกระวายใจปรากฎขึ้นบนใบหน้าของหานเป้ย โดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย นางพุ่งตรงไป บินตรงไปที่รอยร้าว โดยไม่พูดจา กลุ่มคนที่เหลือก็ติดตามไป ดวงตาทุกคนสาดประกาย
เมิ่งฮ่าวบินไปพร้อมกับพวกมัน ขณะที่พวกเขามุ่งหน้าไปด้วยความเร็วสูงสุด ตรงไปที่รอยแตกนั้น ทันทีที่เขาเข้าไปในกระถาง เมิ่งฮ่าวก็รู้สึกว่ากระจกทองแดงในถุงจักรวาลเริ่มร้อนขึ้นมา
ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่จะมาตรวจสอบมัน เมิ่งฮ่าวคิด ผ่านเข้าไปในกระถาง ก็พบว่าตัวเขากำลังอยู่ในโลกของฟ้าร้องและฟ้าแลบ
ด้านในของกระถางมีพื้นที่ว่างขนาดหลายหมื่นจ้าง มันเต็มไปด้วยสายฟ้าที่กำลังฟาดลงมา จนเกือบจะดูเหมือนสายน้ำ แสงสว่างที่เกิดจากสายฟ้าเหล่านี้สุกสว่างเจิดจ้าราวกับแสงของดวงตะวัน
แต่ก็ไม่มีเวลาให้กลุ่มคนทั้งหมดจ้องไปยังโลกภายในกระถางนี้ จากภายในของกลุ่มหมอก เสียงกรีดร้องที่น่ากลัวจนทำให้โลหิตต้องแข็งตัวดังขึ้นมา
สตรีแซ่หลี่เป็นคนสุดท้ายที่เข้ามา ทันทีที่นางเข้ามา สายฟ้าก็ฟาดลงมาด้วยความรวดเร็วอย่างน่าเหลือเชื่อ มันกระแทกเข้าไปในร่างของนาง นางกรีดร้องขณะที่ร่างกายกลายเป็นเถ้าธุลีลอยออกไป แม้แต่ถุงสมบัติของนางก็ถูกเผาจนกลายเป็นเถ้าถ่าน

About wuxiathai

Organic Theme is officially developed by Templatezy Team. We published High quality Blogger Templates with Awesome Design for blogspot lovers.The very first Blogger Templates Company where you will find Responsive Design Templates.

Copyright © 2015 ผนึกสวรรค์ สยบมาร สะท้านเทพ

Designed by Templatezy | Distributed By Gooyaabi Templates