ห้องอาหารนั้นเต็มไปด้วยผู้คนมากมายหลายแบบ ดังนั้นจึงไม่มีใครสังเกตเห็นท่าทางแปลกๆ ของเมิ่งฮ่าว เขาค่อยๆ วางจอกสุราลง ด้วยสีหน้าเรียบเฉยเช่นเดิม แต่ภายในจิตใจก็เริ่มหนักอึ้งขึ้นมาในทันที และเสียงกึกก้องก็ดังอยู่ในศีรษะ
เขาหันหน้าไปมองผู้ที่พูดถึง ดาวเจ็ดดวงในดวงตาของซากศพเซียนอย่างเงียบๆ จากนั้นก็ก้มหน้าลง และจิบสุราอีกครั้ง
“เจ้ารู้อะไรหรือไม่ มันแปลกมากที่เซียนผู้นั้นตายไป แต่ร่างกายก็ยังคงมี แรงกดดันอันมหาศาลไหลซึมออกมา ซึ่งทำให้เป็นสาเหตุของปรากฎการณ์แปลกๆ ที่สำนักใหญ่ และตระกูลดัง ต่างก็เข้าไปใกล้ได้เพียงแค่ร้อยจ้างเท่านั้น”
“ข้าได้ข่าวมาว่า ในเร็วๆ นี้ สำนักใหญ่ และตระกูลดัง ได้เตรียมการเป็นพิเศษ ซึ่งจะทำให้เข้าไปใกล้ได้มากกว่าร้อยจ้าง” การพูดคุยดำเนินต่อไป จนกระทั่งเที่ยงวัน เมื่อผู้คนเริ่มกระจายกันออกไป บุคคลที่พูดเกี่ยวกับเรื่องดาวเจ็ดดวงก็ยืนขึ้น พูดคุย และหัวเราะกับสหายของมัน เตรียมตัวจากไป
ในเวลานั้นเองที่เมิ่งฮ่าวเคาะไปที่โต๊ะเบาๆ การเคาะนั้นเกิดเป็นเสียงดังก้องออกมา ทำให้ร่างของผู้ฝึกตนที่อยู่ใกล้ๆ บริเวณนั้นสั่นสะเทือน ใบหน้าพวกมันทั้งหมดเปลี่ยนไป เมื่อหันมามองยังเมิ่งฮ่าว
พลังฝึกตนของเขา ทันใดนั้น ก็ส่งแรงกดดันอันมหาศาล ของพื้นฐานลมปราณออกมา ห่อหุ้มห้องอาหารนี้ไว้ จากนั้นก็จางหายไป แต่ในช่วงสั้นๆ นั้น ร่างของผู้ฝึกตนระดับแปด และเก้าขั้นรวบรวมลมปราณก็สั่นสะท้าน
ใบหน้าซีดขาว และจิตใจก็เต้นรัว เมื่อพวกมันพยายามที่จะนึกว่า ได้มีการพูดจาบางอย่าง ที่ไปทำให้ผู้แข็งแกร่งพื้นฐานลมปราณ ไม่พอใจบ้างหรือไม่
“ท่านผู้อาวุโส…” ทีละคน ทีละคน, พวกมันโค้งกายคารวะ จิตใจเต็มไปด้วยความเลื่อมใสนับถือ พวกมันรู้ว่าการต่อสู้เป็นเรื่องต้องห้าม ภายใต้ข้อบังคับของเมืองนี้ ดังนั้นบุคคลผู้นี้ต้องไม่โจมตีใครอย่างง่ายดาย
แต่สำหรับพวกมัน แรงกดดันที่กระจายออกมาจาก ผู้ฝึกตนขั้นพื้นฐานลมปราณ เป็นความแข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อ ทำให้พวกมันเกิดความเกรงกลัวอยู่ภายในจิตใจ
“เจ้า” เมิ่งฮ่าวกล่าว ชี้ไปที่คนผู้หนึ่งในกลุ่มคนนั้น “มานี่” มันเป็นบุรุษหนุ่ม อายุประมาณยี่สิบเจ็ด ถึงยี่สิบแปดปี อยู่ในระดับแปดขั้นรวบรวมลมปราณ เมื่อเมิ่งฮ่าวชี้ไปที่มัน ร่างของมันก็เริ่มสั่น และใบหน้าก็ซีดขาวจนไร้สีเลือด
“ท่านผู้อาวุโส…” ความหวาดกลัวเต็มอยู่ในดวงตา และจิตใจก็เต็มไปด้วยความสับสน มันไม่เคยเห็นเมิ่งฮ่าวมาก่อน และไม่เคยคิดว่าเขาจะเกิดความสนใจในตัวมัน ผู้ฝึกตนคนอื่นๆ ที่อยู่รอบๆ รีบเดินออกไปจากห้องอาหารแห่งนั้น ถอนหายใจอย่างโล่งอกออกมา
เมิ่งฮ่าวจิบสุราไปอีก ด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก บุรุษหนุ่มผู้นั้นลังเล ไม่กล้าที่จะปฏิเสธ มันค่อยๆ ก้าวเท้าไปข้างหน้า ด้วยความเคารพ และระมัดระวังตัว
เมิ่งฮ่าวเงยหน้าขึ้น และมองไปที่มัน “เจ้าเพิ่งจะบอกว่า ซากศพเซียนนั้น มีดวงตาสีเทา ภายในมีดาวเจ็ดดวง ที่พูดมานั้น จริงหรือไม่?”
“ผู้อาวุโส โปรดให้ข้าได้อธิบาย” บุรุษหนุ่มรีบกล่าว ไม่กล้าที่จะปกปิดใดๆ “ข้าไม่ได้เห็นด้วยตาของตัวเอง ข้าเพียงแค่ได้ยินมา แต่ข้าก็มีสหายสนิท ซึ่งได้เห็นเรื่องทั้งหมดนั้นด้วยตัวเองจริงๆ”
“แล้วสหายสนิทของเจ้า ตอนนี้อยู่ที่ไหน?” เมิ่งฮ่าวกล่าวด้วยเสียงอ่อนโยน
“ข้าไม่ได้เห็นมันมาครึ่งปีแล้ว” มันตอบอย่างรวดเร็ว กังวลว่าเมิ่งฮ่าวจะคิดว่ามันสร้างเรื่องมาหลอกลวง ถ้ามันตอบคำถามช้าไป “มันเป็นศิษย์สำนักสุ่ยหลาย (ไม้ไผ่วารี) นามว่าฉือเยี่ยน”
เมิ่งฮ่าวขมวดคิ้ว และพยักหน้า โบกมืออย่างไม่สนใจ บุรุษหนุ่มโค้งตัวคารวะด้วยความนับถือ จากนั้นก็จากไปอย่างรวดเร็ว ถอนหายใจด้วยความโล่งอกออกมา มันตัดสินใจว่า หลังจากนี้จะไม่กลับมาเหยียบที่นี่อีก
เมิ่งฮ่าวนั่งคิดอยู่ที่นั่น ในห้องอาหารนี้ มีผู้คนเหลืออยู่ไม่มาก และทั้งหมดก็อยู่ในขั้นรวบรวมลมปราณ เมื่อได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นนั้น พวกมันก็รีบชำระค่าอาหาร และจากไป ทีละคน ทีละคน จนในที่สุดทั้วทั้งห้องอาหารแห่งนี้ก็ว่างเปล่า
“ม่านตาสีเทา พร้อมกับดาวเจ็ดดวง ใช่หรือไม่ว่า ซากศพของเซียนผู้นั้น และภาพของซากศพที่ข้าเห็นในวังน้ำวน เหนือเจดีย์แห่งถังในแคว้นจ้าว…เป็นซากศพเดียวกัน?!”
เมิ่งฮ่าวนั่งอยู่ที่นั่น ใคร่ครวญถึงซากศพที่ได้เห็น และหายนะที่รู้สึกได้ ยิ่งเขาคิดถึงเรื่องนี้มากขึ้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งรู้สึกว่ามีเรื่องราวที่ซับซ้อนปิดบังอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้
“ถ้าข้าต้องการคำยืนยัน ข้าต้องไปเห็นซากศพนั้นด้วยตาของข้าเอง…” ผ่านไปชั่วครู่ เขาก็กลับเข้าไปในห้องของตัวเอง เรื่องราวของซากศพเซียนในตอนนี้ ช่างเป็นเรื่องที่หนักอึ้งอยู่ในจิตใจ เขามีความรู้สึกอยู่ภายในลึกๆ ว่า เหตุที่ซากศพนั้นตกลงมายังพื้นดิน…ก็เพราะตัวเขา
เมิ่งฮ่าวใช้เวลาอีกครึ่งเดือน พยายามที่จะรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับซากศพเซียนนั้น เมื่อเป็นเช่นนี้ เขาก็เริ่มเข้าใจมากขึ้นถึงเหตุการณ์ที่สำคัญทั้งหมด ซึ่งได้เกิดขึ้นในช่วงสองถึงสามปีที่ผ่านมา
“ปีที่ซากศพนั้นตกลงมา มันได้ไปกระตุ้นความสนใจของ ห้าสำนักใหญ่ และสามตระกูลดังของดินแดนด้านใต้ในทันที พวกมันพยายามที่จะเข้าไปใกล้ซากศพนั้น แต่ก็ไม่เคยเข้าไปใกล้ได้เกินกว่าหนึ่งพันจ้าง รวมถึงการที่พวกมันได้เผชิญกับปัญหาแปลกๆ ภายในถ้ำกำเนิดใหม่”
“พวกมันพยายามมากยิ่งขึ้น แม้แต่การใช้ของวิเศษมากมาย และในที่สุดก็สามารถเข้าไปใกล้ถึงหนึ่งร้อยจ้าง…เรื่องแปลกประหลาดสุด ที่ได้เกิดขึ้นเมื่อครึ่งปีก่อนก็คือ สำนักกูตู๋เจี้ยน (กระบี่เดียวดาย) ได้ใช้กองหนุนเต๋าของพวกมัน ทะลวงผ่านเขตหนึ่งร้อยจ้างเข้าไปได้ ทำให้พวกมันได้โลหิตสองหยดจากซากศพนั้นมา!”
“โลหิตหนึ่งหยด ได้ถูกซื้อไปโดยสำนักจื่อยิ่น ด้วยราคาที่สูงลิบลิ่ว อีกหนึ่งหยดก็ถูกนำกลับไปยังสำนักกูตู๋เจี้ยน เพื่อใช้ในการบรรลุการรู้แจ้ง ที่เกี่ยวข้องกับความเป็นอมตะ”
เมิ่งฮ่าวนั่งขัดสมาธิอยู่ในห้อง ทำการบันทึกข้อมูลทุกอย่างลงบนแผ่นหยก เขาได้ใช้หินลมปราณบาวส่วนเพื่อให้ได้ข้อมูลทั้งหมดนี้มา
“แม้แต่ผู้ฝึกตนจากต้าถัง ในดินแดนตะวันอก ก็ยังมาตรวจสอบเรื่องนี้…ผู้คนจากทะเลทรายตะวันตกก็มาด้วยเช่นกัน ซากศพนี้ถูกเรียกว่า ซากศพแห่งเซียน และส่งผลให้เกิดคลื่นแห่งความตกใจ กระจายออกไปทั่วทั้งโลกแห่งการฝึกตน”
เมิ่งฮ่าวเงียบไปชั่วครู่ เก็บแผ่นหยก จากนั้นก็ออกจากโรงเตี๊ยม ดวงตาส่องประกาย
ในช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ทุกๆ คนในเมืองผู้ฝึกตนแห่งนี้ ได้พูดถึงการประมูลที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้ เมิ่งฮ่าวได้ไปที่ศาลาร้อยสมบัติ เพื่อวางมัดจำ และได้เหรียญกษาปณ์สำหรับการประมูลมาเรียบร้อยแล้ว
ตอนนี้ เขาเดินไปตามถนน หลังจากผ่านตรอกซอยไปไม่นาน ชุดยาวก็เปลี่ยนเป็นสีดำ เขาสวมใส่หมวกไม้ไผ่ปีกกว้าง และปกปิดใบหน้าด้วยหน้ากาก เมื่อเร็วๆ นี้ มีผู้คนมากมายแต่งกายเช่นนี้ เนื่องด้วยมีการประมูลอยู่ที่มุมเมือง บุคคลที่ไม่ต้องการเปิดเผยโฉมหน้า ก็มักจะอำพรางตัวเองแบบนี้
ในไม่ช้า เมิ่งฮ่าวก็มาถึงบริเวณที่การประมูลถูกจัดขึ้น เป็นพื้นที่สี่เหลี่ยมจัตุรัสอันกว้างใหญ่ มองเห็นมีเกราะอาคมอยู่มากมาย ทำให้มีเครื่องหมายเวทเรืองแสงเต็มไปทั่วในอากาศ
มีผู้ฝึกตนมากมายที่เดินลาดตระเวณไปมา ทำหน้าที่คอยคุ้มกัน สิบคนอยู่ในขั้นพื้นฐานลมปราณ ผู้ฝึกตนสี่คนนั่งขัดสมาธิ ลอยอยู่ในอากาศด้านบนเหนือพื้นเวทีประมูล ร่างของพวกมันดูสว่างเรืองรอง แรงกดดันที่กระจายออกไปรอบๆ พื้นที่นั้น อยู่ในขั้นสร้างแกนลมปราณ
นี่เพียงเป็นผู้คุ้มกันที่มองเห็นได้ การที่จะจัดการประมูลขนาดใหญ่โตเช่นนี้ จำเป็นต้องมีผู้ฝึกตนขั้นวิญญาณแรกก่อตั้งช่วยสนับสนุน ซึ่งสามารถสร้างความหวาดกลัว เข้าไปในจิตใจของคนทั่วทั้งเมืองนี้ได้
แต่ถึงจะเป็นห้าสำนักใหญ่ และสามตระกูลดัง ของดินแดนด้านใต้ ผู้ฝึกตนขั้นวิญญาณแรกก่อตั้งก็ยังหาได้ยากเย็นยิ่ง
ผู้ฝึกตนขั้นวิญญาณแรกก่อตั้ง ส่วนใหญ่จะถูกเรียกว่า ปรมาจารย์ และมักจะใช้เวลาในการนั่งกัมมัฏฐานเพียงลำพัง ดังนั้นโดยปกติแล้ว ผู้ฝึกตนขั้นสร้างแกนลมปราณ มักจะเป็นคนที่ออกจากสำนักไปจัดการเรื่องราวต่างๆ มากกว่า
ผู้คนที่เข้าร่วมงานประมูลครั้งนี้ ส่วนใหญ่มาจากแคว้นตงหลายแห่งนี้ ที่เห็นผู้ฝึกตนซึ่งมาจากแคว้นรอบๆ ส่วนใหญ่ก็มาที่นี่เพื่อขายสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการประมูลมากกว่า ทุกคนที่เข้ามายังจัตุรัสการประมูลแห่งนี้ จะมีแผ่นป้ายประมูล
ตอนที่เมิ่งฮ่าวมาถึง ก็มีผู้คนมากมายหลายร้อยคนอยู่เรียบร้อยแล้ว ยังมีอีกมากที่กำลังเดินทางเข้ามา
เมิ่งฮ่าวได้ซื้อที่นั่งซึ่งอยู่ด้านนอกสุดที่อยู่ห่างไกล เขานั่งลงขัดสมาธิอยู่ที่นั่น มองอย่างเย็นชาไปที่เวที และพื้นที่จัตุรัส ด้านบนของจัตุรัสนั้น มีพื้นที่ส่วนตัวอยู่สามชั้น ถูกจัดไว้ ไม่ใช่เพื่อผู้ฝึกตนที่มีพลังฝึกตนระดับสูง แต่สำหรับผู้ฝึกตนที่มีตำแหน่งสูงส่ง
เมื่อมองไปยังผู้ฝึกตนที่อยู่รอบๆ ตัว เขาก็เห็นกลุ่มคนที่เห็นได้ชัดว่าสูงกว่าทุกคนทั่วไป พวกมันสวมใส่เสื้อผ้าน้อยชิ้น ในความเป็นจริง หลายส่วนของร่างกายพวกมัน ล้อมรอบไปด้วยห่วงเหล็ก ผิวหนังดำคล้ำ และส่วนใหญ่จะมีดวงตาสีฟ้า
แต่ละคนร่างกายสูงใหญ่ เส้นผมยุ่งเหยิง จากเสื้อผ้าที่แปลกๆ และห่วงเหล็กนั้น เห็นได้ชัดว่าพวกมันไม่ได้มาจากดินแดนด้านใต้ นี่เป็นผู้ฝึกตนจากทะเลทรายตะวันตก
เวลาผ่านไปหนึ่งชั่วยาม ในไม่ช้า เมื่อจัตุรัสการประมูลเต็มไปด้วยผู้คนเกือบหนึ่งพัน เสียงระฆังก็ดังออกมา เสียงอันคึกคักจอแจก็หายไป ทุกสิ่งทุกอย่างเงียบสงบลง
ในเวลาเดียวกันนั้น แสงหลากสีอันเจิดจ้าก็ปรากฎขึ้น จากตรงกลางของพื้นเวทีประมูล ขยายออกมาจนปกคลุมไปทั่วทั้งพื้นที่จัตุรัสการประมูลนั้น
ขณะที่แสงกระจายออกไป ก็มีบุรุษปรากฎขึ้นบนเวที ดูไม่ออกว่ามาจากที่ไหน เป็นชายชราที่สวมใส่ชุดยาวราคาแพง เส้นผมขาวโพลนไปทั่วศีรษะ ดูท่าทางเหมือนคนโบราณ จ้องมองมาด้วยสายตาอันเจิดจ้า ก่อให้เกิดความปั่นป่วนเล็กน้อย ท่ามกลางกลุ่มผู้ฝึกตนที่อยู่รายรอบ
“นั่นคือท่านเฉียว แห่งศาลาร้อยสมบัติ!”
“ท่านเฉียวมาเป็นประธานในงานประมูลครั้งนี้ ท่านอยู่ในขั้นสร้างแกนลมปราณระดับกลาง ท่านไม่ได้มาจากดินแดนด้านใต้ แต่มาที่นี่เมื่อหลายปีมาแล้ว จากหมู่เกาะใกล้ชายฝั่ง ของทะเลเทียนเหอ”
เสียงพูดคุยดังออกมา หลังจากที่ชายชราบนพื้นเวทีส่งเสียงไอออกมาเล็กน้อย มันก็เริ่มพูด เสียงดังออกไปทั่วจัตุรัสการประมูล
“วันนี้น่าจะมีของประมูลเกือบร้อยชิ้น” มันกล่าวเสียงเย็นชา
“มีทั้งเม็ดยา, อาวุธเวท, ทรัพย์สมบัติ, วัตถุจากสวรรค์ และสิ่งของจากปฐพี, วัตถุจากทะเลทรายตะวันตก, สิ่งของจากดินแดนด้านใต้ และของมีค่าจากทะเลเทียนเหอ ข้าไม่จำเป็นต้องเสียเวลาในการบอกกฎของการประมูล ของชิ้นแรกคือ เปลือกหอยสังข์อายุหนึ่งพันปี จากทะเลเทียนเหอ!”
หญิงสาวปรากฎขึ้นด้านหลังมัน ดูไม่ออกว่ามาจากไหน นางดูอ่อนเยาว์ และสวยงาม เต็มไปด้วยความมั่นใจ นางถือถาดหยก ซึ่งด้านบนเป็นเปลือกหอยสังข์สีดำ มีขนาดประมาณฝ่ามือ
เปลือกหอยสังข์นั้น มีลายเส้นปกคลุมไว้มากมาย ซึ่งขีดสลับประสานกันไปมาบนพื้นผิว มันส่งแสงริบหรี่ราวกับว่ามีความลับของสวรรค์ และเต๋าอยู่ด้านใน เมื่อมันปรากฎขึ้น เสียงแห่งสวรรค์อันลึกลับ ก็กระจายออกไปทั่วจัตุรัสการประมูล
“นี่เป็นของวิเศษอายุหนึ่งพันปี และส่งเสียงแห่งสวรรค์ออกมาได้” ท่านเฉียวกล่าว จัตุรัสการประมูลเริ่มเงียบลง “ลายเส้นที่อยู่บนเปลือกเป็นเวทอาคมตามธรรมชาติ ด้วยการส่งจิตสัมผัสไปห่อหุ้มมันเป็นเวลาสามวัน ก็สามารถทำให้อายุเพิ่มขึ้นได้อีกสามสิบปี ยังไม่มีการตั้งราคาสำหรับของชิ้นนี้”
เมื่อมันพูดจบ ลานจัตุรัสการประมูลก็เต็มไปด้วยเสียงพูด
ของวิเศษที่ช่วยเพิ่มอายุให้ยืนยาวออกไป ทำให้เกิดความรู้สึกตื่นเต้นไปทั่ว แม้แต่บุคคลที่อยู่ในพื้นที่ส่วนตัวก็ตกตะลึงด้วยเช่นเดียวกัน ดูเหมือนว่าการประมูลวันนี้ค่อนข้างจะน่าตกใจอยู่ไม่น้อย
ถึงแม้เขาจะอยู่ห่างไกลออกมาจากเวทีประมูล ความสนใจของเมิ่งฮ่าวก็มุ่งรวมไปอยู่ที่หญิงสาววัยเยาว์ผู้หนึ่ง สีหน้าตกใจปรากฎอยู่บนใบหน้า เมื่อเขาจำนางได้ นี่เป็นหญิงสาวที่เล่นหูเล่นตากับเขาในศาลาร้อยสมบัติ แห่งเมืองตงเซี่ยว ซึ่งมีนามว่า เฉี่ยวหลิง
“นางมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?” เขาคิด “แคว้นจ้าวหายไปนานแล้ว…บางทีนางอาจจะออกมาก่อนที่เหตุการณ์ทั้งหลายนั้นจะเกิดขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น ก็ยังมีศาลาร้อยสมบัติอยู่ในเมืองนี้ด้วย”
ในขณะนั้น ฉู่อวี้เยียนยืนอยู่ในพื้นที่ส่วนตัวชั้นบนสุด มองลงไปยังเขตจัตุรัสการประมูล ด้านข้างยืนไว้ด้วยบุรุษวัยกลางคน ใบหน้าของมันเต็มไปด้วยความนับถือ
“สหายเต๋าฉู่, ต้นชุนชิวที่ท่านต้องการก็อยู่ที่นี่ แต่โชคร้ายที่กฎของศาลาไม่สามารถละเมิดได้ ถ้าท่านต้องการ ท่านต้องชนะจากการประมูลเท่านั้น มันอยู่ในลำดับที่สามสิบเก้า บนรายการของการประมูล”