ทันทีที่ชายชราหันร่าง และมองมายังเมิ่งฮ่าว ดวงตาของมันเต็มไปด้วยแสงเจิดจ้า และกล่าวว่า “เจ้าเข้าสังกัดแผนกเม็ดยาบูรพา ด้วยเหรียญกษาปณ์แนะนำตัวจากเจ้าแห่งเตา เจ้ามีเป้าหมายอะไรในที่แห่งนี้?!” แรงกดดันลึกลับกักร่างเมิ่งฮ่าวไว้ภายใน
ขณะที่ชายชราพูด มันก็ก้าวเท้าตรงมา
เมื่อเท้ามันเหยียบลงไป ภาพภูติผีก็สั่นสะเทือนไปทั่วทุกที่ ราวกับพื้นที่แห่งนี้ถูกตัดขาดออกจากโลกภายนอก ด้วยภาพเช่นนี้ ทำให้มีความรู้สึกว่าไม่มีทางที่จะหลบหนีจากไปได้
แม้ในขณะที่คำพูดแรกของมันยังคงดังก้องอยู่ มันก็พูดขึ้นมาอีกครั้ง “ข้าได้ตรวจสอบผู้ฝึกตนทุกคนที่แซ่ฟางทั่วทั้งดินแดนด้านใต้ ก็ยังไม่อาจค้นพบเบาะแสใดๆ ราวกับเจ้าเป็นคนต่างแคว้นที่มาอยู่ในแคว้นตงหลาย บอกข้าว่า…ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่?” เห็นได้ชัดว่าเมื่อรวมกับการแสดงพลังออกมา ก็ให้เกิดความรู้สึกว่านี่คือการสอบสวน ดูเหมือนว่าพายุเมฆสีดำกำลังม้วนตัวไปมาบนเส้นทางของเมิ่งฮ่าว
ภายในจิตใจเมิ่งฮ่าวสงบเยือกเย็น แต่ใบหน้าเขาดูซีดขาว และยืนตัวสั่นอยู่เล็กน้อย เขาตัดสินใจเถียงหัวชนฝา
“บอกชื่อแซ่ที่แท้จริง และเปิดเผยจุดประสงค์ของเจ้ามา นี่เป็นโอกาสสุดท้าย ถ้าเจ้ายังขืนปฏิเสธ ก็ไม่อาจตำหนิข้าว่าโหดเหี้ยมเกินไป!” ชายชราเดินเข้ามาอีกหนึ่งก้าว เมื่อเท้ามันเหยียบลงไป เสียงดังก้องราวฟ้าร้องก็เต็มอยู่ในลานบ้าน ลมรุนแรงกรรโชกขึ้น และระลอกคลื่นแรงกดดันก็กระจายออกมา ต้นสมุนไพรในสวนดูเหมือนกำลังถูกเร่งปฏิกิริยาอย่างรุนแรง พวกมันเริ่มเปลี่ยนเป็นสีคล้ำและดูน่าเกลียดมากขึ้น
ใบหน้าเมิ่งฮ่าวซีดขาวมากกว่าเดิม แต่ภายในจิตใจ เขาก็ยังคงเยือกเย็นเหมือนเช่นเคย พื้นฐานฝึกตนของชายชราผู้นี้ อยู่ในขั้นสร้างแกนลมปราณ และคำพูดของมันก็ดูเหมือนจะเย็นชาและโหดร้าย แต่ในความเป็นจริง ก็เห็นได้ชัดว่า มันกำลังเสแสร้งแกล้งทำ จากพื้นฐานฝึกตนของเมิ่งฮ่าว และระดับประสบการณ์ และการฝึกฝนของเขา ทำไมเขาถึงไม่สามารถบอกได้?
เขาอยู่ในสำนักจื่อยิ่นมากกว่าครึ่งปี ก่อนหน้านี้มันไม่เคยมาหาเขา แต่เลือกจะมาในวันนี้เป็นตัวบอก ทำให้เมิ่งฮ่าวได้ข้อสรุปที่ค่อนข้างมั่นใจเป็นอย่างยิ่ง
เห็นได้ชัดว่า วันเลื่อนขั้นกำลังจะมาถึงในไม่ช้า และถึงแม้เขาจะไม่มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะเข้าร่วม แต่พรสวรรค์อันดับหนึ่งของเขาได้สร้างความสนใจให้กับแผนกเม็ดยาบูรพาอยู่ไม่น้อย นั่นก็คือเป้าหมายทั้งหมดของภาพเบื้องหน้านี้ การแสดงพลังเป็นเหมือนคำเตือนบางอย่าง
ความคิดทั้งหมดนี้พุ่งขึ้นมาในจิตใจของเมิ่งฮ่าวในทันใด เขายังคิดไปถึงการเดินข้ามสะพานโซ่เข้ามาในสำนักได้อย่างไร และจิตใจเขาก็เริ่มเยือกเย็นลงมากขึ้น สูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ รักษาสีหน้าซีดขาวไว้ต่อไป เขาประสานมือ และโค้งตัวลงต่ำให้กับชายชรา
สีหน้าเขาขมขื่น, พูดเสียงแผ่วเบา “ผู้อาวุโส, ข้ามีนามว่าฟางมู่จริงๆ และข้าก็ไม่ได้มาจากแคว้นตงหลาย ข้าปรารถนาที่จะเรียนรู้เต๋าแห่งการปรุงยามานานแล้ว และนั่นก็เป็นเหตุผลที่ทำไมข้าถึงได้เข้าสังกัดสำนักจื่อยิ่น ข้าไม่มีจุดมุ่งหมายอื่น ข้าต้องการเรียนรู้วิชาปรุงยาอย่างบริสุทธิ์ใจ”
“โชคร้าย ที่สำนักจื่อยิ่นไม่ยอมรับบุคคลภายนอก ดังนั้นข้าจึงหาทางที่จะได้เหรียญกษาปณ์แนะนำตัวจากเจ้าแห่งเตา เพื่อเข้าสังกัดสำนัก ข้าไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากใช้วิธีเช่นนั้น ผู้อาวุโส, ถ้าท่านเชื่อในความผิดพลาดนี้ของผู้เยาว์ ข้าก็จะยอมรับการลงโทษตามที่สำนักเห็นสมควร” เมิ่งฮ่าวโค้งตัวลงต่ำ และค้างไว้ ไม่ยอมยืดตัวขึ้น
ทุกสิ่งทุกอย่างเงียบสงบ ชายชรามองดูเมิ่งฮ่าว มันได้ตรวจสอบเมิ่งฮ่าวมาอย่างยาวนาน และรู้ว่ามีบางอย่างเกี่ยวกับเขาที่ไม่ค่อยถูกต้องนัก แต่ในสำนักก็มีเด็กฝึกปรุงยานับแสน มีน้อยมากในพวกมันทั้งหมดที่จะมีสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ความเป็นจริงที่ว่า พวกมันได้ผ่านสะพานแห่งความจริงมาได้ ก็แสดงให้เห็นว่า พวกมันไม่ได้มีจิตมุ่งร้ายใดๆ ต่อแผนกเม็ดยาบูรพา ถ้าพวกมันมีความลับใดๆ ซุกซ่อนไว้ ก็จะไม่สามารถข้ามผ่านสะพานนั้นมาได้
ถ้าเมิ่งฮ่าวเป็นเด็กฝึกปรุงยาธรรมดาที่ไม่มีพรสวรรค์อันดับหนึ่ง มันก็คงไม่สนใจเขาแม้แต่น้อย และทุกอย่างก็จะเดินไปตามเส้นทางของมันตามปกติ พรสวรรค์ของเมิ่งฮ่าว ไม่เพียงแต่จะดึงดูดความสนใจของชายชราผู้นี้เพียงเท่านั้น แต่ยังได้ดึงดูดความสนใจของเจ้าแห่งเตาคนอื่นๆ ในแผนกเม็ดยาบูรพาอีกด้วย เมื่อคำพูดเกี่ยวกับคุณสมบัติในการเข้าร่วมการทดสอบเลื่อนขั้นของเขาถูกหยิบยกขึ้นมา มันจึงได้ต่อต้านในที่ประชุมเพื่อจองตำแหน่งนี้ให้กับเมิ่งฮ่าว…ดังนั้นจึงนำมาซึ่งภาพเหตุการณ์ในตอนนี้
หวังฝานหมิงเงียบไปสักพัก จากนั้น มันก็มองไปยังเมิ่งฮ่าว และพูดเสียงราบเรียบ “เมื่อไหร่ที่เจ้าเข้าสังกัดแผนกเม็ดยาบูรพา เจ้าก็ไม่อาจละทิ้งมันไป ตลอดชั่วชีวิตของเจ้า เจ้าจะทำได้หรือไม่?”
เมิ่งฮ่าว ในที่สุด ก็ยืดตัวขึ้นตรง มองไปยังชายชราพร้อมความมุ่งมั่นอยู่บนใบหน้า เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่สามารถตัดตะปูเฉือนเหล็กกล้า “เป็นความเมตตาอันยิ่งใหญ่ของสำนัก ที่สอนให้ข้ารู้เกี่ยวกับเต๋าแห่งการปรุงยา ตราบเท่าที่สำนักไม่ไล่ข้าออกไป ข้าก็จะไม่มีทางละทิ้งสำนัก!”
อันที่จริง หลังจากอาศัยอยู่ในสำนักจื่อยิ่นมากว่าครึ่งปี เป็นส่วนหนึ่งของแผนกเม็ดยาบูรพา และเรียนรู้วิธีการปรุงยา เมิ่งฮ่าวก็ได้ปรับเปลี่ยนมุมมองของเขาอย่างแท้จริง ตราบเท่าที่เขาสามารถอยู่ที่นี่และเรียนรู้วิชาการปรุงยา เขาก็จะไม่ออกจากสำนักนี้อย่างแน่นอน
ชายชรามองดูเมิ่งฮ่าวอย่างลึกซึ้ง “ข้าไม่สนใจถึงเบื้องหลังของเจ้า ถ้าเจ้าบอกว่าเจ้าคือฟางมู่ เจ้าก็เป็นฟางมู่ แต่ถ้าเจ้าทรยศต่อสำนัก ข้าก็จะกำจัดเต๋าแห่งการปรุงยาของเจ้าไป ถ้าข้าไม่อาจทำได้ ก็ยังมีคนอื่นๆ ในแผนกเม็ดยาบูรพาสามารถทำได้แทน” มันโบกสะบัดแขนเสื้อ และเหรียญกษาปณ์ก็พุ่งตรงมายังเมิ่งฮ่าว
มันลอยลงไปอยู่บนมือเขา ส่องแสงเย็นเยียบอย่างลี้ลับออกมา
“ในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า ให้เจ้าไปร่วมการสอบคัดเลือกอาจารย์ปรุงยา มีผู้สมัครเพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะถูกเลือก ไม่ว่าเจ้าจะถูกเลือกหรือไม่ ก็ขึ้นกับโชคของเจ้าเอง” จากนั้น หวังฝานหมิงก็หมุนตัว และลอยออกไป เพียงชั่วพริบตาก็หายไปจนไร้ร่องรอย
ขณะที่มันพูด มันไม่สนใจเกี่ยวกับพื้นหลังของเมิ่งฮ่าว มีผู้คนมากมายในสำนักจื่อยิ่น ที่มีความเป็นมาไม่ชัดเจน แม้แต่ท่ามกลางเจ้าแห่งเตา ก็ยังมีคนที่เคยเป็นศิษย์ของสำนักอื่นมาก่อน หรือใครที่มีศัตรูอยู่ที่โลกด้านนอก ก็จะเข้าสังกัดแผนกเม็ดยาบูรพาเพื่อหลบซ่อนตัว
อันที่จริง ตัวหวังฝานหมิงเอง ก็ไม่ได้มาจากแคว้นตงหลาย เนื่องด้วยสถานการณ์ต่างๆ จึงทำให้มันจบลงด้วยการกลายมาเป็นผู้ฝึกตนของแผนกเม็ดยาบูรพา
นี่เป็นประเพณีภายในของแผนกเม็ดยาบูรพา เป็นประเพณีที่ถูกสร้างขึ้นมาโดยใครบางคน ซึ่งมีศักดิ์ศรีที่สูงส่ง และเป็นที่เคารพนับถือในสำนักจื่อยิ่น…เจ้าโอสถจอมปีศาจ
เจ้าโอสถจอมปีศาจ เคยกล่าวคำพูดที่เกี่ยวกับแผนกเม็ดยาบูรพาไว้ดังนี้ “คนผู้หนึ่งต้องมีสายตาที่ยาวไกล เมื่อเดินไปบนเส้นทางอันยิ่งใหญ่ของเต๋าแห่งการปรุงยา นักปรุงยาที่มีคุณสมบัติเพียงพอใดๆ ก็ตาม จะกลายเป็นผู้ฝึกตนของแผนกเม็ดยาบูรพา ข้อเรียกร้องเดียวก็คือ คนผู้นั้นต้องไม่มีความมุ่งร้ายใดๆ รวมถึงต้องไม่มีความมักใหญ่ใฝ่สูงราวสุนัขป่า”
เพราะเหตุนี้ ประเพณีของแผนกเม็ดยาบูรพาสำนักจื่อยิ่น จึงได้เกิดขึ้นมาอย่างยาวนาน โชคร้ายที่มันนำมาซึ่งเหตุการณ์ที่มีศิษย์ทอดทิ้งสำนักไป ถึงจะเป็นเช่นนั้น แต่วิชาของแผนกเม็ดยาบูรพาก็ไม่เคยถูกเปิดเผยขึ้น ผู้คนภายนอกมากมายมักสงสัยเกี่ยวกับความลับนี้ และสงสัยว่าทำไมผู้ที่ละทิ้งสำนักไปแล้ว ยังคงภักดิ์ดีต่อสำนักอย่างไม่เปลี่ยนแปลง
ในความเป็นจริง ตั้งแต่ครั้งโบราณมาแล้ว ศิษย์ทุกคนที่ละทิ้งสำนักไป ในที่สุดก็กลับมา ยกเว้นอยู่สองคน คนทั้งสองนี้สร้างความสั่นสะเทือนให้กับดินแดนด้านใต้เป็นอย่างมาก และเป็นเพียงสองคนที่นอกจากเจ้าโอสถจอมปีศาจ ที่กลายเป็นต้าชือของเต๋าแห่งการปรุงยา!
คนทั้งสอง ครั้งหนึ่งก็เคยเป็นศิษย์ของเจ้าโอสถจอมปีศาจมาก่อน แต่ในที่สุดพวกมันก็นำมาซึ่งความคิด และวิธีการใหม่ๆ ไม่ว่าคนภายนอกจะคิดอย่างไร แต่คนทั้งสองนี้ก็ไม่เคยคิดว่า ทักษะของพวกมันจะสามารถไปเปรียบเทียบกับอาจารย์ของพวกมันได้
เหตุผลที่พวกมันมีชื่อเสียง และไม่เคยกลับมายังสำนัก ก็เนื่องจากคำพูดของเจ้าโอสถจอมปีศาจ คำพูดที่ยังคงพูดต่อกันมาจนถึงทุกวันนี้
“บนเส้นทางของเต๋าแห่งการปรุงยา ถ้าร้อยบุปผาบานพร้อมกัน ใครจะมีสิทธิ์กำหนดให้มีแค่ดอกหมู่ตาน (โบตั๋น) เท่านั้นที่คงอยู่? ไม่อาจมีเฉาเย่า (โบตั๋นสมุนไพร) และเหมยหลาน (ดอกเหมย, ดอกกล้วยไม้) อยู่ด้วยกันได้? นี่จึงเป็นจุดกำเนิดของสวนดอกไม้ ถ้าสวนสมุนไพรมีแค่ต้นไม้เพียงชนิดเดียว แล้วเต๋าแห่งการปรุงยาจะเกิดขึ้นมาได้อย่างไร?”
“ถ้าคนทั้งสองสืบทอดเต๋าแห่งการปรุงยา โดยที่เต็มไปด้วยความทะเยอทะยานของสุนัขป่า ข้าก็จะเอาเต๋าแห่งการปรุงยาของมันกลับคืนมา แต่ใครก็ตามที่สามารถถากถางเส้นทางเก่า สร้างเส้นทางใหม่ขึ้นมาได้ ใครก็ตามที่สามารถเดินไปบนเส้นทางที่ไม่มีใครเคยเหยียบย่ำมาก่อน คนผู้นั้นก็สามารถจัดตั้งสำนักของตัวเองขึ้นมาได้ ถ้ามันสามารถแบกรับกับคำว่าต้าชือ (อาจารย์ใหญ่) ได้ ก็ไม่มีอะไรที่ต้องมายุ่งเกี่ยวกับข้าอีกต่อไปแล้ว เมื่อเป็นเช่นนั้น ก็ไม่จำเป็นต้องพูดถึงการกลับมาหาข้าอีก”
ด้วยเหตุนี้ จึงได้มีนักปรุงยาสามคนที่ถูกเรียกว่า ต้าชือ แต่ในความเป็นจริง เต๋าแห่งการปรุงยาในดินแดนด้านใต้นี้ มีเพียงต้าชือที่แท้จริงเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น
ตานกุ่ยต้าชือ! (เจ้าโอสถจอมปีศาจ)
เมิ่งฮ่าวมองหวังฝานหมิงจากไป และดวงตาก็สาดประกายด้วยแสงอันลี้ลับ เขาไม่เคยคิดเลยว่า จะสามารถอยู่ในจุดที่ต้องเข้าสอบเลื่อนขั้นได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้มาก่อน มองลงไปอย่างครุ่นคิดที่แผ่นหยกซึ่งถืออยู่ในมือ ดวงตาสาดประกาย เขากระจายจิตสัมผัสเข้าไปในแผ่นหยก จิตใจก็สั่นสะท้านขึ้นในทันที
ในศีรษะของเขา ทันใดนั้น ก็ปรากฎคำว่า
คัมภีร์ปรุงยา!
เขานั่งลงขัดสมาธิในลานบ้าน ถือแผ่นหยกอยู่ในมือ หลับตาลง และฝังตัวเองอยู่ในคัมภีร์ปรุงยา ซึ่งปรากฎขึ้นในศีรษะของเขา จนกระทั่งดวงตะวันเริ่มเช้าวันใหม่ เขาจึงค่อยๆ ลืมตาขึ้น สูดลมหายใจเข้าลึกๆ และมองออกไปยังจุดสูงสุดของภูเขาที่อยู่ห่างออกไป ดวงตาเต็มไปด้วยความเคารพนับถือ เขานั่งอยู่ที่นั่นอย่างเงียบๆ เป็นเวลานาน
สิ่งที่เรียกว่า คัมภีร์ปรุงยา นี้จริงๆ แล้วก็ไม่ใช่คัมภีร์อย่างแท้จริง อันที่จริง มันคือบันทึกของเหตุการณ์ที่ได้เกิดขึ้นในแผนกเม็ดยาบูรพา ในช่วงหนึ่งพันปี ตั้งแต่เจ้าโอสถจอมปีศาจเริ่มมีชื่อเสียง
มีเรื่องราวมากมายถูกบันทึกไว้ ยกตัวอย่างเช่น ที่มาของสองต้าตานชือ (อาจารย์ใหญ่แห่งการปรุงยา) ในดินแดนด้านใต้ รวมถึงคำพูดต่างๆ ของเจ้าโอสถจอมปีศาจ หลังจากตรวจดูจนทั่วคัมภีร์ปรุงยา ภาพของเงาร่างที่กำลังยืนอยู่บนจุดสูงสุดของเต๋าแห่งการปรุงยา ก็ปรากฎขึ้นในจิตใจของเขา
ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่า ทำไมหวังฝานหมิงถึงได้ละทิ้งเรื่องราวในอดีตที่เขาปิดบังไว้อย่างรวดเร็วนัก
เมิ่งฮ่าวเก็บแผ่นหยกไว้อย่างช้าๆ สูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ จากนั้นก็เริ่มกิจวัตรประจำวันของเด็กฝึกปรุงยาต่อไป
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ ในที่สุด หนึ่งเดือนก็ผ่านไป ข่าวคราวเกี่ยวกับการทดสอบสำหรับเด็กฝึกปรุงยาที่มีประสบการณ์สิบปี กระจายออกไปราวกับไฟป่า ปกคลุมไปทั่วทั้งแผนกเม็ดยาบูรพา รวดเร็วจนกลายเป็นหัวข้อพูดคุยท่ามกลางกลุ่มเด็กฝึกปรุงยาทั้งหมด
ประมาณอย่างคร่าวๆ ก็จะมีเด็กฝึกปรุงยาที่มีประสบการณ์สิบปีหรือมากกว่านั้นแปดในสิบส่วน แต่ไม่ใช่ทั้งหมดที่จะเข้าร่วมทดสอบการเลื่อนขั้น มีเพียงสามหมื่นคนเท่านั้น ที่ไปลงสมัครเข้าทดสอบ
เมื่อวันทดสอบมาถึง ทั่วทั้งแผนกเม็ดยาบูรพาก็เต็มไปด้วยเสียงพูดคุย และความตื่นเต้น เสียงของระฆังกระถางดังออกมา และกระถางปรุงยาขนาดใหญ่ยักษ์ก็ปรากฎขึ้นอีกครั้งในท้องฟ้า เส้นใยแห่งแสงนับหมื่น พุ่งตรงไปยังเด็กฝึกปรุงยาที่มีคุณสมบัติเพียงพอ ซึ่งทั้งหมดก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น เมิ่งฮ่าวอยู่ท่ามกลางพวกมัน ขณะที่พุ่งตรงไปยังกระถางปรุงยายักษ์นั้น
เพียงชั่วพริบตา คนทั้งสามหมื่นก็หายไป เมื่อพวกเขาปรากฎขึ้นอีกครั้ง ก็ไม่ได้อยู่ในแดนสวรรค์แห่งสนามเพาะปลูกสมุนไพร แต่อยู่ในพื้นที่สี่เหลี่ยมจัดุรัสขนาดใหญ่ ซึ่งปูพื้นด้วยหินปูน ตรงกลางของพื้นที่สี่เหลี่ยมนี้เป็นกระถางปรุงยาสีน้ำเงินสลับเขียวขนาดใหญ่ยักษ์ กลิ่นหอมของตัวยาลอยออกมาจากกระถาง ปกคลุมไปทั่วทั้งพื้นที่จัตุรัสด้วยหมอกและเมฆแห่งตัวยา
ที่จัดเรียงอยู่ในพื้นที่สี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ เป็นโต๊ะสามหมื่นตัว บนโต๊ะแต่ละตัวมีแผ่นหยกสีดำวางอยู่ เมื่อผู้เข้าร่วมสามหมื่นคนมาถึง ก็ไม่มีเสียงพูดคุยกันเลยแม้แต่น้อย คนทั้งหมดต่างก็มองไปยังกระถางปรุงยาด้วยความกังวล ซึ่งรอบๆ มีชายชราแปดคน นั่งขัดสมาธิอยู่
หนึ่งในนั้นก็คือ หวังฝานหมิง
กลุ่มคนทั้งหมดมองไปยังชายชราทั้งแปด ซึ่งค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา พวกมันมองมายังทุกคนด้วยสีหน้าเมตตา และอ่อนโยน
“ในการสอบเลื่อนขั้นของแผนกเม็ดยาบูรพา มีเพียงหนึ่งคนที่จะถูกเลือกจากท่ามกลางการฝึกฝนเต๋าแห่งการปรุงยาของพวกเจ้า! การทดสอบมีอยู่สองรอบ รอบแรกเป็นรอบคัดออก มีผู้เข้าร่วมสิบคนเท่านั้นที่ผ่านไปได้ รอบสองเป็นรอบตัดสิน ซึ่งจะมีอาจารย์ปรุงยาหนึ่งคนกำเนิดขึ้น!”
“ต้นสมุนไพรหนึ่งแสนต้น หนึ่งล้านการเปลี่ยนแปลง หน้าที่ของพวกเจ้าก็คือ แยกชนิดของพวกมันออกมา จดบันทึกให้มากที่สุดเท่าที่จะคิดได้! ที่เบื้องหน้าพวกเจ้าเป็นโต๊ะสอบสามหมื่นตัว เลือกไปคนละหนึ่งตัว และเตรียมตัวเริ่มได้!”