เด็กฝึกปรุงยาทั้งสามหมื่นคน มีสีหน้าเคารพนับถือและเคร่งขรึม มีคนที่ศีรษะผมหงอกขาวอยู่น้อยมาก แต่นอกจากเมิ่งฮ่าวแล้ว ก็ไม่มีใครเลยที่มีอายุน้อยกว่าสามสิบปี
พวกมันทั้งหมดเป็นเด็กฝึกปรุงยามาไม่น้อยกว่าสิบปี และมีความเข้าใจต่อพืชสมุนไพรอย่างลึกซึ้ง ฝึกปฏิบัติจนมีความรู้ที่ฝังลึกแน่นอยู่ในจิตใจ ซึ่งถ้าพวกมันออกจากสำนักไปอยู่ที่สำนักอื่น หรือโลกภายนอก พวกมันก็จะมีตำแหน่งเทียบเท่ากับเย่าเฉ่าต้าชือ (อาจารย์ใหญ่ด้านพืชสมุนไพร)
ตอนนี้ พวกมันเดินตรงไปยังโต๊ะสอบอย่างเคร่งขรึม เมิ่งฮ่าวสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ ขณะที่เขามองไปรอบๆ ยังโต๊ะสอบเหล่านั้น เลือกไปนั่งลงที่โต๊ะตัวหนึ่ง
นี่เป็นการเข้าร่วมทดสอบเลื่อนขั้นของเด็กฝึกปรุงยาครั้งแรกของเขา แต่ความรู้สึกนี้ก็ไม่ได้แปลกสำหรับเขา อันที่จริง…ทุกสิ่งทุกอย่างนี้เขารู้สึกค่อนข้างคุ้นเคยเป็นอย่างมาก
ภาพรอบๆ ตัวเขา เหมือนกับการสอบตอนที่เขายังเป็นนักศึกษาอยู่ในแคว้นจ้าว เขาได้เข้าร่วมในรอบเบื้องต้นของการสอบจอหงวนหลายครั้ง และถึงแม้เขาจะไม่เคยทำคะแนนได้สูงสุด เขาก็ยังคงคุ้นเคยกับขั้นตอนเช่นนี้เป็นอย่างมาก
เมิ่งฮ่าวหัวเราะกับตัวเอง “จริงๆ แล้ว ก็มีความคล้ายคลึงเป็นอย่างมากระหว่างการสอบทั้งสองอย่างนี้ การสอบเลื่อนขั้นเป็นอาจารย์ปรุงยา ทดสอบความรู้เกี่ยวกับพืชสมุนไพร ยิ่งจำต้นสมุนไพรได้มากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งจำรายละเอียดได้มากเท่านั้น และยิ่งมีความแม่นยำมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งได้คะแนนมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งมันก็ไม่ได้แตกต่างกันกับการสอบจอหงวนมากเท่าไหร่นัก” เขารู้สึกราวกับว่าได้ย้อนกลับไปยังห้องโถงสอบจอหงวน ยกเว้นในครั้งนี้ จุดมุ่งหมายไม่ได้เป็นขุนนาง แต่เป็นการเลื่อนขั้นของเต๋าแห่งการปรุงยา
เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ อีกครั้ง และมองไปรอบๆ ยังเด็กฝึกปรุงยาทุกคน ขณะที่พวกมันเพ่งมองไปยังแผ่นหยกที่เบื้องหน้า ทันใดนั้น ภาพเวทเรืองแสงก็ปรากฎขึ้นตรงหน้าของพวกมัน ซึ่งสามารถมองเห็นเป็นต้นพืชสมุนไพรอันหลายหลาก
หน้าที่ของเด็กฝึกปรุงยาทุกคนก็คือ แยกแยะต้นสมุนไพรเหล่านั้นเท่าที่พวกมันจำได้ จากนั้นก็บันทึกลักษณะและคุณสมบัติของพวกมัน, เงื่อนไขการปลูก, วิธีการเก็บเกี่ยว และรายละเอียดอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
เมื่อได้เห็นผู้เข้าร่วมหลายคนเริ่มลงมือ เมิ่งฮ่าวก็แตะไปที่แผ่นหยกเบาๆ และภาพเวทก็ปรากฎขึ้นในทันที เขาจ้องอย่างครุ่นคิดไปยังต้นสมุนไพรที่ปรากฎขึ้นมา จากนั้นก็เริ่มบันทึกชื่อ, คุณสมบัติ และรายละเอียดอื่นๆ
เวลาผ่านไป พื้นที่สี่เหลี่ยมจัตุรัสเงียบสงบ ชายชราแปดคนซึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่ข้างกระถางปรุงยาขนาดยักษ์ ซึ่งเป็นผู้ดูแลการทดสอบในครั้งนี้ มองไปรอบๆ พื้นที่การสอบ เห็นได้ชัดว่า ถ้ามีใครก่อความวุ่นวาย ก็จะถูกลงโทษอย่างรุนแรงในทันที
เมิ่งฮ่าว ในที่สุด ก็ตกอยู่ในกระแสคลื่นของคำตอบ เขาบันทึกข้อมูลซึ่งเกี่ยวกับสมุนไพรที่ปรากฎอยู่ตรงหน้าด้วยความรวดเร็ว มีอยู่หลายต้นที่เขาได้เห็นด้วยตาของตัวเองในแดนสวรรค์ ส่วนต้นอื่นๆ เขาก็เคยจับด้วยมือของตัวเอง ตอนที่เป็นผู้ช่วยของลี่เทาในการปรุงยา
สามชั่วยามผ่านไปอย่างรวดเร็ว เมิ่งฮ่าวบันทึกคำตอบอยู่ตลอดเวลา ดวงตาสาดประกายแห่งความมุ่งมั่น เขาพบว่านี่เป็นวิธีที่ยอดเยี่ยม ในการยืนยันสิ่งที่เขาได้เรียนรู้ ข้อมูลทั้งหมดที่เขาได้ศึกษาเกี่ยวกับพืชสมุนไพร ช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา ลอยขึ้นมาอยู่ในจิตใจของเขาอีกครั้ง
ขณะที่เขาล่วงลงไปในส่วนลึกของความทรงจำ เขาก็เริ่มมีความรู้สึกเหมือนกับที่เขาเคยเป็นนักศึกษาเมื่อหลายปีมาแล้ว รู้สึกมีความสุขอยู่ในท่ามกลางความยากลำบากนี้
ในที่สุด ก็เริ่มเห็นเด็กฝึกปรุงยาที่อยู่รอบๆ บางคนหยุดการบันทึก บางคนก็ขมวดคิ้ว ซึ่งเห็นได้ชัดว่าไม่รู้ว่าจะตอบอะไรดี เวลาอีกสองชั่วยามก็ผ่านไป เด็กฝึกปรุงยาบางคนใบหน้าซีดขาว หลายคนที่เห็นได้ชัดว่า กำลังเผชิญกับพืชสมุนไพรที่ไม่คุ้นเคย ซึ่งพวกมันก็ข้ามผ่านไปอย่างรวดเร็ว แต่ไม่ว่าอย่างไร ในที่สุด พวกมันก็พบว่าสุมนไพรที่ไม่คุ้นเคยนี้ ยิ่งมาก็ยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ จนท้ายสุด พวกมันก็เริ่มหยุดการดิ้นรน และออกจากสนามสอบไปด้วยความขมขื่น พวกมันออกไปยืนดูอยู่ด้านข้าง
ภายในเวลาสั้นๆ เด็กฝึกปรุงยาเริ่มจ้องไปยังภาพเวทที่เบื้องหน้าอย่างขมขื่นมากขึ้นเรื่อยๆ พวกมันจ้องไปด้วยความงุนงงสักพัก จากนั้นก็ลุกขึ้น และเดินออกไปที่ด้านข้าง ถอนหายใจอย่างขมขื่นออกมา ถึงแม้จะมีประสบการณ์สิบปีหรือมากกว่านั้น กลุ่มคนเหล่านี้ก็ยากที่จะจดจำสมุนไพรได้มากมายเช่นนี้ ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีถึงหนึ่งแสนชนิด กับอีกหนึ่งล้านการเปลี่ยนแปลง ถ้าพลังฝึกตนของใครบางคนสูงมากพอ ก็อาจจะใช้สัมผัสศักดิ์สิทธิ์ บันทึกข้อมูลให้อยู่ในจิตใจได้ แต่ถ้าไม่มีความสามารถเช่นนี้ วิธีเดียวที่จะทำได้ก็คือจดจำไว้ในความทรงจำ ซึ่งเป็นเรื่องที่ยากเย็นแสนเข็ญยิ่ง
เมิ่งฮ่าว แน่นอนว่ามีธรรมชาติของการเป็นนักศึกษา และความเฉลียวฉลาดอยู่ในตัว จากตอนที่เขาเริ่มเดินไปบนเส้นทางของนักศึกษา ทุกวันเขาต้องอุทิศตนให้กับการจดจำสิ่งต่างๆ ในตำรามากมายที่เขาอ่าน
สีหน้าเขาสงบเย็น และสายตาก็จ้องนิ่งไปบนหน้าจอเวทที่เบื้องหน้า เขาแยกแยะทุกสิ่งทุกอย่างออกมาเป็นหมวดหมู่ เพ่งมองไปยังพืชสมุนไพรที่เปลี่ยนไปอยู่ตลอดเวลา ยิ่งเขาคิดคำตอบได้มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้นเท่านั้น การเคลื่อนไหวของเขาราวกับเมฆที่ลอยเลื่อน และสายน้ำที่ไหลริน คล่องแคล่วเป็นธรรมชาติ ในไม่ช้า เขาก็เริ่มเป็นจุดดึงดูดความสนใจ ให้กับบางคนที่ยอมแพ้ และกำลังมองดูอยู่ที่ด้านข้างรอบนอกในตอนนี้
เวลาผ่านไปอีก ตอนนี้การสอบก็ดำเนินไปถึงสิบชั่วยาม จากตอนแรกที่มีผู้เข้าร่วมสามหมื่นคน เหลือเพียงสองหมื่นคน ที่ยังคงตอบคำถามต่อไป บริเวณรอบๆ เงียบสงบเหมือนเดิม คนที่เลิกล้มความพยายามไม่ได้จากไป พวกมันยืนมองอย่างเงียบๆ ที่ด้านนอก
เมื่อสิบห้าชั่วยามมาถึง ก็เหลืออยู่เพียงเจ็ดในสิบส่วนของผู้เข้าสอบทั้งสองหมื่นคน ดวงตาของเด็กฝึกปรุงยามากกว่าหมืนคนทั้งหมดนี้ต่างก็แดงก่ำ แต่ละคนจ้องนิ่งไปยังจอเรืองแสง บันทึกข้อมูลจากการศึกษาของพวกมันต่อไปตามลำดับ
เมิ่งฮ่าวสงบนิ่งเหมือนเช่นเคย เขาตอบคำถามด้วยความรวดเร็ว จนทำให้หวังฝานหมิง และชายชราคนอื่นๆ ต่างก็ต้องชำเลืองมองซึ่งกันและกัน
ยี่สิบชั่วยามผ่านไป มีผู้เข้าสอบเพียงสามในสิบส่วน ที่ยังไม่ยอมแพ้
สามสิบชั่วยาม มีเพียงหกพันคนที่ยังเหลืออยู่ในสนามสอบ ทำข้อสอบกันอย่างบ้าคลั่งต่อไป มีเพียงส่วนน้อยที่กำลังจะยอมแพ้ แต่เมื่อมองไปรอบๆ ก็เห็นคนอื่นๆ กำลังตอบคำถามอย่างเมามันอยู่ พวกมันได้แต่กัดฟัน พยายามนึกถึงลักษณะและคุณสมบัติของต้นสมุนไพรจากภาพที่อยู่ตรงหน้าต่อไป
เมื่อสี่สิบชั่วยามแห่งการสอบผ่านไป ก็เหลือผู้เข้าสอบเพียงแค่สามพันคน พวกมันได้ตอบคำถามกันมาแล้ว สี่วันสีคืนโดยไม่มีการหยุดพัก ราวกับเป็นปีศาจผู้บ้าคลั่ง ซึ่งสามารถจดจำทุกสิ่งทุกอย่างไว้ได้
เมื่อห้าสิบชั่วยามมาถึง ชายชราที่อายุประมาณห้าสิบปีก็กระอักโลหิตออกมา จากนั้นก็ฟุบลงไปบนพื้น เส้นผมสีเทาก่อนหน้านี้ของมัน กลายเป็นสีขาวไปทั้งหมดในทันที ภาพเหตุการณ์นี้ทำให้เกิดความปั่นป่วนขึ้นเล็กน้อย และเด็กฝึกปรุงยาที่อยู่รอบๆ บางส่วนก็ลุกขึ้นยืนด้วยใบหน้าซีดขาว และยอมแพ้ในทันที
พวกมันรู้ว่า ถ้ายังคงฝืนทำข้อสอบต่อไป พวกมันก็อาจจะตายอยู่ที่นี่ในวันนี้ พวกมันเดินออกไปที่ด้านข้าง โดยการช่วยเหลือของสหายเด็กฝึกปรุงยาด้วยกัน ตอนนี้ทุกคนต่างก็มองไปยังผู้เข้าสอบที่เหลืออยู่ทั้งหนึ่งพันคนนั้น ดวงตาของพวกมันเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและครั่นคร้าม พวกมันรู้เป็นอย่างดีว่า คนที่เหลือเหล่านี้ช่างน่าพิลึกสักปานใด
มีเพียงคนที่พิเศษอย่างน่าเหลือเชื่อเท่านั้น ถึงจะสามารถจดจำสมุนไพรได้มากมายถึงหนึ่งแสนต้น และการเปลี่ยนแปลงต่างๆ อีกหนึ่งล้านแบบ
เมิ่งฮ่าวสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ รู้สึกเมื่อยล้าสายตา เขาจึงหลับตาเพื่อพักผ่อนสักพัก จากนั้นก็ลืมตาขึ้น เพ่งมองไปยังต้นสมุนไพรที่หน้าจอเวท และบันทึกคำตอบต่อไป
เวลาผ่านไปอย่างเลือนลาง จำนวนผู้คนที่ยังคงตอบคำถามอยู่เริ่มลดน้อยลงไปเรื่อยๆ หนึ่งพัน, แปดร้อย, ห้าร้อย, สามร้อย…เมื่อเก้าสิบชั่วยามผ่านไป ก็เหลืออยู่เพียงแค่สิบเอ็ดคน!
ทั้งสิบเอ็ดคน นั่งอยู่ในตำแหน่งที่แตกต่างกัน ภายในสี่เหลี่ยมจัตุรัสอันกว้างใหญ่ แข่งขันกันด้วยความตื่นเต้นดื้อด้าน เมิ่งฮ่าวกำลังขมวดคิ้ว ต้นสมุนไพรที่เบื้องหน้าเขา ต้องใช้การระลึกถึงความทรงจำ ค้นหาด้วยความระมัดระวัง
ยิ่งเป็นสมุนไพรที่ยากระบุได้ ก็ยิ่งต้องระวังเป็นอย่างมาก ต้องตรวจสอบด้วยความระมัดระวังในข้อมูลเล็กๆ น้อยๆ ที่ละเอียดอ่อน เพื่อให้ได้คำตอบที่ถูกต้อง อันที่จริง ในบางกรณี อาจจะต้องลิ้มชิมรสชาติของมันถึงจะแยกแยะออกมาได้ แต่โชคร้าย ที่มีเพียงรูปภาพอยู่ตรงหน้า ซึ่งก็หมายความว่า ต้องใช้การตรวจสอบให้ละเอียดมากยิ่งขึ้น ก่อนที่จะบันทึกข้อมูลใดๆ ลงไป
อีกสิบคนที่เหลือทั้งหมด ต่างก็มีใบหน้าซีดขาว และดวงตาก็เปล่งแสงอันดุร้ายออกมา การที่สามารถตอบคำถามจนมาถึงจุดนี้ได้ ก็เห็นได้ชัดว่า พวกมันต้องไม่ยอมแพ้อย่างแน่นอน นี่เป็นการทดสอบความอดทน และการไม่ยอมแพ้อย่างง่ายๆ สามารถทำผิดพลาดได้แค่สิบข้อเท่านั้น มิเช่นนั้นก็จะถูกตัดสิทธิในทันที
การทดสอบครั้งนี้ ไม่มีใครสามารถเสแสร้งทำเป็นรอบรู้ได้ เพียงมองดูแค่แวบเดียว ก็สามารถเห็นผู้ที่เก่งที่สุดท่ามกลางเด็กฝึกปรุงยาเหล่านี้ได้
ทันใดนั้น ใบหน้าของหนึ่งในสิบเอ็ดคนสุดท้ายก็เริ่มซีดขาวราวคนตาย สีหน้ามันเปลี่ยนไป ขณะที่หน้าจอที่อยู่ตรงหน้ามัน ทันใดนั้นก็หายไป มันจ้องนิ่ง เงียบอยู่นาน จากนั้นก็เดินโซเซ และหัวเราะอย่างขมขื่นออกมา สหายเด็กฝึกปรุงยาคนอื่นๆ ช่วยหิ้วแขน เมื่อมันออกมาจากโต๊ะสอบ
เด็กฝึกปรุงยาคนที่มองดูอยู่รอบๆ เริ่มหายใจอย่างหนักหน่วง ตอนนี้เหลือผู้สอบเพียงแค่สิบคน คนทั้งสิบนี้ ได้ผ่านเข้าไปสอบรอบสองในทันที
แต่อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครแม้แต่คนเดียวที่จะลุกขึ้น!
ถึงแม้จะมั่นใจว่าได้ผ่านเข้าไปสอบรอบต่อไป เด็กฝึกปรุงยาทั้งสิบคนนี้ ต่างก็มีความปรารถนา ความทะเยอทะยาน และภาคภูมิใจที่จะเป็นอาจารย์ปรุงยาเช่นเดียวกัน พวกมันมีจิตวิญญาณแห่งการแข่งขัน ต้องการรู้ว่าใครจะเป็นที่หนึ่ง ท่ามกลางพวกมันทั้งหมด
แต่ละคนต่างก็มีความคิดเช่นเดียวกัน เด็กฝึกปรุงยาทั้งหมดเกือบสามหมื่นคนที่อยู่รอบๆ ต่างก็มุงดูด้วยความสนใจ พวกมันทั้งหมดสงสัยว่าท้ายที่สุด…ใครจะเป็นที่หนึ่ง?
หวังฝานหมิง และชายชราอีกเจ็ดคนมองดูอย่างเงียบๆ ไม่พูดอะไรเพื่อจบการสอบครั้งนี้ แต่มองดูอย่างเงียบๆ ต่อไป
เวลาผ่านไป คนทั้งสิบนี้ รวมถึงเมิ่งฮ่าว ต่างก็เป็นที่รู้จักกันดีในท่ามกลางเด็กฝึกปรุงยา พวกเขาทั้งหมดต่างก็เห็นได้ชัดว่า มีคุณสมบัติเพียงพอที่จะเป็นอาจารย์ปรุงยา ดวงตาของทุกคนแดงก่ำ ขณะที่จ้องไปยังจอภาพที่เบื้องหน้า ไม่มีใครยอมแพ้
เมิ่งฮ่าวหลับตาลงสักพัก และสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ เมื่อลืมตาขึ้น ก็พบว่าเขากำลังมองไปยังสมุนไพรที่หายากเป็นอย่างยิ่ง อันที่จริง นี่เป็นต้นสมุนไพรที่ไม่อยู่ในกลุ่มหนึ่งแสนสมุนไพร แต่เป็นต้นหญ้ากลายพันธุ์ ซึ่งเป็นหนึ่งในล้านที่มีการกลายพันธุ์มา
แม้แต่ผู้ฝึกตนในดินแดนด้านใต้ ซึ่งคิดว่าตัวเองมีประสบการณ์ และรอบรู้ ก็อาจจะจ้องไปยังต้นสมุนไพรนี้ด้วยความขัดข้องขุ่นมัว
“มันยิ่งยากขึ้นไปเรื่อยๆ” เมิ่งฮ่าวคิด ถอนหายใจอยู่ลึกๆ ด้านใน “แต่ก็ทำให้รู้สึกน่าสนใจมากยิ่งขึ้น” ใบหน้าเขาส่องประกายแห่งความดื้อรั้นออกมา ในขณะนี้กลิ่นอายของผู้ฝึกตนที่กระจายอยู่รอบๆ ร่างของเขา ได้ถูกแทนที่ด้วยกลิ่นอายของนักศึกษาแทน นี่เป็นความดื้อรั้นของคนที่สอบจอหงวนไม่ผ่านซ้ำแล้วซ้ำเล่า และยังคงเข้าร่วมสอบต่อไป
หลังจากเข้าสังกัดแผนกเม็ดยาบูรพา เมิ่งฮ่าวก็ตระหนักว่าจริงๆ แล้ว เขามีทักษะในการฝึกฝนการปรุงยามาตั้งแต่กำเนิด!
บางทีในแง่ของการฝึกตน พรสวรรค์ของเขาอาจจะไม่ได้พิเศษมากมายนัก แต่เมื่อพูดถึงการปรุงยา เขาก็เป็นอัจฉริยะอย่างแท้จริง! ไม่ว่าจะเป็นการจดจำต้นพืชสมุนไพร หรือการเร่งปฏิกิริยาพวกพืชเหล่านั้น เขาก็สามารถยืนอยู่เหนือคนทั้งหมด
อันที่จริง สามารถกล่าวได้ว่า นี่ไม่ใช่พรสวรรค์ตั้งแต่เกิด แต่นี่เป็นพรสวรรค์ตามธรรมชาติ! พรสวรรค์ตามธรรมชาติที่เกี่ยวข้องกับพืชสมุนไพรทั้งหมด!
เมิ่งฮ่าว ทันใดนั้น ก็นึกได้ถึงคำพูดของสุ่ยตงหลิว เขาค่อยๆ ตระหนักว่า เขาไม่ได้มีพรสวรรค์ตามธรรมชาติแต่อย่างใด แต่พรสวรรค์ตามธรรมชาตินี้มาจากดอกปี่อ้าน!
เมิ่งฮ่าวไม่แน่ใจว่า เวลาผ่านไปนานเท่าใด ในไม่ช้า ภาพในจอก็เริ่มมืดลงท่ามกลางสิบภาพสุดท้าย เห็นได้ชัดว่า ผู้สอบคนอื่นๆ ได้ตอบผิดไปมากกว่าสิบภาพ และถูกคัดให้ออกไป
ในที่สุด เวลาที่เหลืออยู่เพียงแค่สองคนก็มาถึง!
หนึ่งก็คือเมิ่งฮ่าว อีกคนเป็นบุรุษวัยกลางคนมีใบหน้าที่เคร่งขรึม ขณะที่พวกเขาดำเนินการสอบต่อไป บุรุษวัยกลางคนมักจะมองไปยังเมิ่งฮ่าวอยู่ตลอดเวลา ดวงตาของมันค่อยๆ เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นอย่างบ้าคลั่ง