สีหน้าเมิ่งฮ่าวยังคงสงบเรียบ ไม่มีใครเข้ามาแทรกแซงสตรีนางนั้น บุรุษชุดเทานั่งเข้าฌาณพร้อมปิดตาลง ฉือโหย่วเต้าตระหนักถึงความไม่ธรรมดาของเมิ่งฮ่าวเป็นอย่างดี ดังนั้นมันจึงไม่ยอมทำอะไร
สำหรับหานเป้ย นางได้แต่คาดเดาถึงพลังอันน่าเหลือเชื่อของเมิ่งฮ่าว แต่ก็ยังไม่แน่ใจ นางแค่รู้ถึงข้อมูลลับเพียงเล็กน้อย ซึ่งช่วยให้นางคาดเดาได้ไม่มากนัก สำหรับนาง สถานการณ์เช่นนี้นับว่าเป็นโอกาสดีที่จะได้เห็นพลังการต่อสู้ของเมิ่งฮ่าว
นางอยากจะบอกให้ระวังตัวไว้บ้าง แต่สตรีแซ่หลี่จะยอมรับฟังนาง? พลังฝึกตนของสตรีผู้นี้อยู่ในขั้นสุดท้ายของพื้นฐานลมปราณ แต่ในแง่ของความคิด นางก็เป็นหนึ่งในพวกที่ไม่รู้ความ มีทางเดียวที่นางได้บรรลุถึงขั้นสุดท้ายของพื้นฐานลมปราณ ก็คือความโชคดีที่ถูกรวบรวมโดยบรรพบุรุษ ซึ่งได้ส่งผ่านลงมาให้นาง
สำหรับเซี่ยเจี๋ยมันมีเจตนาให้เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น ดังนั้น จึงเห็นได้ว่า มันไม่ยอมหยุดเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นนี้ มันมองดูเมิ่งฮ่าวจากด้านข้าง รอยยิ้มอยู่บนริมฝีปาก มันอยากรู้เป็นอย่างยิ่งว่าเหตุใด ผู้อาวุโสของสำนักจึงได้ออกคำสั่งให้มันจับตาดูเมิ่งฮ่าว หลังจากที่มาถึงดินแดนสงบสุขนี้ มันยังไม่ได้ให้ความสนใจเขามากนัก แต่เมื่อได้อยู่ใกล้กับเมิ่งฮ่าวอีกครั้ง มันจึงต้องการค้นหาให้ได้
ทุกคนต่างก็มีแผนอยู่ในใจ เมิ่งฮ่าวชำเลืองมองพวกมัน และถึงแม้เขาจะไม่อาจคว้าจับแรงจูงใจที่แตกต่างกันของพวกมันได้ทั้งหมด แต่เขาก็มีความคิดดีๆ ขึ้นมา เขามองไปที่สตรีแซ่หลี่ที่กำลังใกล้เข้ามา แส้สีชมพูของนางสะบัดอยู่ท่ามกลางอากาศ ใบหน้าของเขาไร้ความรู้สึก และไม่ยอมถอยหลังแม้แต่ก้าวเดียว แต่จริงๆ แล้ว ท่ามกลางการก้าวเข้ามาของนาง เขาได้เดินไปด้านหน้าสามก้าว
ขณะที่เดินไป เขาก็ยกมือขวาขึ้น และฟาดมันออกไป
เมื่อเขาฟาดฝ่ามือออกไป สายลมอันรุนแรงก็กรรโชกขึ้นมา ทำให้ต้นหญ้าที่อยู่บริเวณรอบๆ นั้นส่ายไปมาอย่างรุนแรง โดยไม่หยุดชะงัก เมิ่งฮ่าวฟาดฝ่ามือออกไปเป็นครั้งที่สอง, จากนั้นก็สาม, สี่ และ ครั้งที่ห้า!
ฝ่ามือทั้งห้านี้คือ สิบเก้าฝ่ามือฟาดเมฆา ซึ่งเมิ่งฮ่าวได้มาจากตำราต้นเถาวัลย์ของบุรุษหนุ่มชุดม่วง ตำรานั้นไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ ทั้งหมดมีเพียงแค่ห้าฝ่ามือ
แต่ละฝ่ามือทั้งห้านี้ เต็มไปด้วยพลังทั้งหมดของเสาแห่งเต๋าที่สมบูรณ์ของเมิ่งฮ่าว หลังจากที่ฟาดออกไปห้าครั้ง ฝ่ามือเวทขนาดใหญ่ที่มีขนาดเท่าร่างคน ก็ปรากฎขึ้นที่เบื้องหน้าเขา สายลมกรรโชกออกไปทั่วทุกทิศทาง ขณะที่ฝ่ามือพุ่งตรงไป
เมื่อห้าฝ่ามือฟาดเมฆาปรากฎขึ้น สีหน้าของหานเป้ยและเซี่ยเจี๋ยก็เปลี่ยนไป พวกมันจำฝ่ามือขนาดใหญ่นี้ได้ในทันที มันเป็นวิชาเวทของสำนักชิงหลัว ไม่มีทางที่บุคคลภายนอกจะเรียนรู้ได้ แต่เมิ่งฮ่าว ก็ใช้มันออกมายังเบื้องหน้าสายตาของพวกมัน จนไม่อาจจะปฏิเสธได้ และเป็นเหตุให้จิตใจของพวกมันสั่นสะท้าน
สตรีแซ่หลี่อยู่ในขั้นสุดท้ายของพื้นฐานลมปราณ แต่นางก็มีเสาแห่งเต๋าแค่เจ็ดต้น ยิ่งไปกว่านั้น เสาทั้งหมดไม่เพียงแต่มีรอยร้าว แต่ยังแตกหักอีกด้วย นางมีสีหน้าดูถูกเหยียดหยาม ขณะที่เงาแส้กระแทกเข้าไปยังฝ่ามือขนาดใหญ่ของเมิ่งฮ่าว นางรู้ว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้นอยู่ในจิตใจ ฝ่ามือจะแตกกระจายออกเป็นชิ้นๆ เมื่อแส้ของนางผ่าเข้าไป ราวกับใช้มีดเฉือนเต้าหู้ก็ไม่ปาน หลังจากฝ่ามือแหลกสลายไปแล้ว แส้ของนางก็จะกระทบไปยังร่างนั้น ตัดเส้นเอ็นและบดขยี้กระดูกของมัน
ตูม!
เสียงระเบิดดังกึกก้องออกมา มีการแตกกระจาย แต่ไม่ใช่ฝ่ามือของเมิ่งฮ่าว ทันทีที่แส้เวทของสตรีวัยกลางคน กระแทกไปที่ฝ่ามือขนาดใหญ่ มันก็สั่นสะท้าน และจากนั้นก็แตกกระจายออกเป็นชิ้นๆ ใบหน้าของสตรีแซ่หลี่หมองคล้ำลง เมื่อนางได้เห็นผลลัพธ์ที่เหนือความคาดหมายเช่นนี้ ความไม่อยากจะเชื่อปกคลุมไปทั่วใบหน้าของนาง
นางจะคาดคิดว่ามันจะเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร? นางได้ใช้แส้เวทซึ่งมีพลังของขั้นสุดท้ายพื้นฐานลมปราณออกมา ฝ่ามือของเขาช่างเกินความคาดหมายนัก ความครั่นคร้ามซึมอยู่ในดวงตาของนาง
ทันทีที่ฝ่ามือยักษ์ของเมิ่งฮ่าวทำลายแส้ มันก็พุ่งตรงไปด้วยพลังอันน่าตกใจ ตามด้วยสายลมอันดุร้ายรุนแรง สตรีแซ่หลี่ไม่กล้าดูแคลนเมิ่งฮ่าวอีกต่อไป ขณะที่พื้นที่บริเวณนั้นเริ่มสั่นสะเทือน ความรู้สึกถึงอันตรายก็พุ่งขึ้นมาภายในจิตใจ
นางพุ่งถอยหลังออกไปทันที ยกมือขวาขึ้น เกราะป้องกันเล็กๆ ก็ปรากฎ นางกัดลิ้นเล็กน้อย และพ่นโลหิตจากพลังฝึกตนของตัวเองออกมา เมื่อมันกระทบไปบนเกราะป้องกันเล็กๆ นั้น เกราะก็เริ่มหมุนคว้างไปมา ขยายขนาดใหญ่ขึ้น และกางกั้นฝ่ามือยักษ์ของเมิ่งฮ่าวไว้
เกิดการระเบิดกระจายเป็นระลอกคลื่นขึ้นอีกครั้ง เกราะป้องกันสั่นสะท้าน และถูกกระแทกออกไปด้านหลังหลายจ้าง เกือบจะไม่อาจต้านทานฝ่ามือนี้ได้ เมิ่งฮ่าวก้าวย่างไปข้างหน้าต่อไป จิตสัมผัสของเขาซึ่งไกลเกินกว่าผู้ฝึกตนขั้นสุดท้ายของพื้นฐานลมปราณจะเทียบได้ ระเบิดออกมา บดขยี้ลงไปบนตัวสตรีแซ่หลี่
นางกรีดร้องออกมาภายในแรงกดดันนั้น รู้สึกราวกับมีกระบี่อันแหลมคม ทิ่มแทงเข้าไปในสมอง ราวกับว่าจิตสัมผัสของนางกำลังจะแหลกสลายไป นางกระอักโลหิตออกมา และเดินโซเซไปด้านหลัง ในตอนนี้ เมิ่งฮ่าวก็มาถึงเกราะป้องกันเล็กๆ นั้น เขาโบกสะบัดมือ ทำให้เกิดเป็นภาพลวงตาของฝ่ามือขนาดใหญ่เกิดขึ้น จับไปรอบๆ เกราะป้องกัน และลากมันกลับมา เขาใช้จิตสัมผัสลบตราประทับบนเกราะป้องกัน และจากนั้นก็เก็บมันเข้าไปในถุงสมบัติ เขามองไปยังสตรีแซ่หลี่
สตรีผู้นั้นตกใจ จิตสัมผัสของนางถูกสะกดข่มไว้, ของวิเศษถูกลบตราประทับ และเอาไปโดยเมิ่งฮ่าว นางพุ่งถอยไปด้านหลังด้วยความเร็วสูงสุด กระอักโลหิตออกมา ใบหน้าซีดขาว ศีรษะมีแต่เสียงหึ่งๆ หลังจากที่นางเคลื่อนที่ไปด้านหลังกว่าสิบจ้าง ในที่สุดก็หยุดลง นางมองไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยสีหน้าประหลาดใจ
“เจ้า…” หนังศีรษะนางด้านชา เห็นได้ชัดว่าพลังฝึกตนของเมิ่งฮ่าวต้องไม่ใช่อยู่ที่ขั้นต้นของพื้นฐานลมปราณอย่างแน่นอน นางไม่เคยเห็นผู้ฝึกตนขั้นต้นของพื้นฐานลมปราณ แสดงพลังการต่อสู้อย่างน่าเหลือเชื่อ และก็ไม่เคยประสบเจอกับจิตสัมผัสอันน่ากลัวเช่นนี้มาก่อน
แม้แต่พื้นฐานไร้ตำหนิก็ไม่เป็นเช่นนี้ เท่าที่นางเคยรู้มา
“วิชานี้มีทั้งหมดสิบเก้าฝ่ามือ” เมิ่งฮ่าวกล่าวเสียงราบเรียบ ด้วยสีหน้าสงบนิ่งเหมือนทุกครั้ง เขาไม่แม้แต่จะพูดถึงของวิเศษที่ฉกฉวยมาจากนาง
เมื่อได้ยินคำพูดของเขา สตรีแซ่หลี่ก็สูดลมหายใจเข้าไปอย่างหนาวเหน็บ และใบหน้าของนางก็ซีดลง ร่างกายเริ่มสั่นสะท้าน การโจมตีเมื่อครู่นี้ได้ทำให้เสาแห่งเต๋าของนางสั่นสะเทือน ทำให้นางต้องกระอักโลหิตออกมา และได้บังคับให้นางต้องส่งมอบของวิเศษออกไป ถ้ามีมากกว่าห้าฝ่ามือ นางก็ไม่มั่นใจว่าของวิเศษนั้นจะต้านทานไว้ได้หรือไม่ ในกรณีนั้น เสาแห่งเต๋าของนางคงต้องถูกทำลายลงไปอย่างแน่นอน
“สหายเต๋า, พลังฝึกตนของท่านช่างลึกล้ำยิ่งนัก” นางกล่าวด้วยน้ำเสียงตรึงเครียด “ข้าวู่วามหยาบช้าเอง, โปรดอย่าได้มีโทสะ ช่วยเก็บเกราะยอดเมฆาของข้าไว้เพื่อทดแทนคำขอโทษจากข้า” นางประสานมือและโค้งตัวลงต่ำไปยังเมิ่งฮ่าว ดวงตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
ไม่เพียงแต่นาง สายตาของฉือโหย่วเต้าที่จ้องนิ่งไปยังเมิ่งฮ่าว ตอนนี้มันมั่นใจอย่างเต็มที่แล้วว่า มันได้ตัดสินใจถูกแล้วที่ไม่โจมตีเมิ่งฮ่าวก่อนหน้านี้ เมิ่งฮ่าวต้องไม่ใช่ผู้ฝึกตนขั้นต้นของพื้นฐานลมปราณอย่างแน่นอน และถ้าจริงๆ เขาเป็น…มันก็ยิ่งน่ากลัวเพิ่มมากขึ้นไปอีกหลายเท่า
ดวงตาของบุรุษชุดเทาสาดประกาย และมองมายังเมิ่งฮ่าว มันพยักหน้า
หานเป้ยมองไปที่เมิ่งฮ่าวอย่างครุ่นคิด รอยยิ้มน้อยๆ ปรากฎขึ้นบนใบหน้าของนาง
“สหายเต๋าเมิ่ง, ท่านไม่ได้มาสาย เพิ่งจะผ่านไปแค่ครึ่งชั่วยาม โอกาสของพวกเราที่จะได้ครอบครองต้นแบบแห่งกาลเวลาในตอนนี้ ก็เพิ่มขึ้นอีกสามในสิบส่วน”
เซี่ยเจี๋ยหัวเราะและไม่พูดจา มันไม่ได้พูดถึงสิบเก้าฝ่ามือฟาดเมฆา ความน่ากลัวของเมิ่งฮ่าวได้เกิดขึ้นอยู่ในใจของมันแล้วตอนนี้ และมันก็รู้ว่าเมิ่งฮ่าวไม่ใช่คนที่จะไปตอแยด้วยได้ ยิ่งไปกว่านั้น มันยังได้เห็นจิตสัมผัสอันยิ่งใหญ่ของเมิ่งฮ่าว และก็ไม่รู้ว่าเขาจะมีวิชาเวทหรือของวิเศษใดๆ อีก
เมื่อไหร่ที่มันติดต่อกับผู้คนที่มันไม่เข้าใจดีพอ มันก็จะระวังตัวโดยการไม่ไปตอแยกลุ่มคนพวกนั้น แต่หลังจากที่มันรู้จักลึกซึ้งอย่างเพียงพอแล้ว มันก็จะโจมตีอย่างรวดเร็วราวฟ้าผ่า
“ลืมเรื่องต้นแบบแห่งกาลเวลาไปก่อน” เมิ่งฮ่าวกล่าวด้วยเสียงราบเรียบ เขามองไปยังหานเป้ย ด้วยสีหน้าสงบนิ่งเหมือนเดิม “ข้ามายังดินแดนสงบสุขนี้ด้วยคำเชิญของสหายเต๋าหาน แต่สำนักของท่านได้ควบคุมสถานที่นี่ไว้ ข้าอยากรู้นักว่า ถ้าข้าช่วยท่านได้ครอบครองต้นแบบแห่งกาลเวลาแล้ว หลังจากนั้นเสาแห่งเต๋าของข้าก็จะฉีกขาดออกไปหรือไม่?”
ดวงตาของหานเป้ยและเซี่ยเจี๋ยส่องประกาย ก่อนที่พวกมันจะได้กล่าวตอบ ฉือโหย่วเต้าก็ส่งเสียงหัวเราะอย่างน่ากลัวออกมา และกล่าวว่า “สหายเต๋าเมิ่ง กล่าวได้ตรงประเด็น ข้าก็อยากรู้เรื่องนี้ด้วยเช่นกัน สหายเต๋าทั้งสองท่าน โปรดช่วยอธิบายเพื่อคลายข้อสงสัยของพวกเราด้วยได้หรือไม่?”
“ข้าก็อยากจะรู้คำตอบนี้เช่นเดียวกัน” บุรุษชุดเทากล่าว ดวงตาของมันสาดประกายด้วยแสงเย็นเยียบ ขณะที่มองไปยังหานเป้ยและเซี่ยเจี๋ย
ดูเหมือนว่าสตรีแซ่หลี่ก็กังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของนางด้วยเช่นกัน นางไม่พูดจา แต่เคลื่อนที่กลับไปสองสามก้าว ทำให้กลายเป็นรูปแบบวงกลมล้อมรอบหานเป้ยและเซี่ยเจี๋ย
หานเป้ยยิ้ม “สหายเต๋าทั้งหลาย, ข้าต้องขอให้พวกท่านอย่าได้กดดันพวกเรา เพราะเรื่องของสำนัก ข้าไม่อาจพูดถึงมันได้จริงๆ ถึงแม้ว่าข้าจะพูดออกมา พวกท่านก็คงไม่เชื่อข้า ยิ่งไปกว่านั้น มันก็เป็นความลับของสำนัก ถึงแม้ข้าจะเป็นศิษย์แกนหลัก ข้าก็ยังรู้เกี่ยวกับมันไม่มากนัก แต่สำหรับสถานที่ ที่พวกเราจะไป แน่นอนว่าข้าต้องรับผิดชอบต่อความปลอดภัยของทุกท่าน” นางโบกสะบัดมือ และแผ่นหยกสี่แผ่นก็ลอยมายังเบื้องหน้าเมิ่งฮ่าวและคนอื่นๆ
หานเป้ยกล่าวต่อไป “ด้านในของแผ่นหยกนี้เป็นรายละเอียดของคำอธิบาย ว่าจะออกจากสถานที่นี้ได้อย่างไร ใช้วิธีการที่อธิบายอยู่ในนั้น พวกท่านก็จะจากไปได้โดยไร้อุปสรรค มีทางออกจากดินแดนสงบสุขโบราณนี้อยู่หลายแห่ง ซึ่งพวกท่านก็น่าจะเข้าใจว่าทำไมข้าถึงได้เลือกสถานที่นี้ เป็นจุดนัดพบของพวกเรา” นางยิ้มดูท่าทางกระตือรือร้นเหมือนเช่นเคย
จิตสัมผัสของเมิ่งฮ่าวกวาดไปทั่วแผ่นหยกนั้น และมองออกไปรอบๆ บริเวณที่เขายืนอยู่ จากข้อมูลในแผ่นหยกนั้น มีทั้งหมดสามทางออก หนึ่งในนั้น…เป็นบริเวณที่พวกเขากำลังยืนอยู่ด้านบนของมัน
มือของเมิ่งฮ่าวขยับสร้างเวทอาคม ประทับลงไปในแผ่นหยกนั้น และเขาก็รู้สึกถึงพลังเคลื่อนย้ายทางไกลพุ่งขึ้นมาจากใต้เท้าในทันใด แต่ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่จะไปทดสอบมัน ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ร่ายเวทอาคมนั้นต่อไป
“นี่เป็นแมลงผนึกวิญญาณทั้งสี่” หานเป้ยกล่าว “ถ้าท่านต้องการจะตรวจสอบเพิ่ม ท่านก็ส่งจิตสัมผัสเข้าไปในพวกมัน และจากนั้นก็ส่งแมลงเหล่านี้ออกไป ท่านก็จะแน่ใจได้ว่าคำพูดของข้าไม่แปลกปลอม” นางโบกสะบัดมือขวา แมงสีขาวขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือสี่ตัวก็บินตรงไปที่เมิ่งฮ่าว และคนอื่นๆ
ฉือโหย่วเต้าคว้าจับไปหนึ่งตัว หลังจากตรวจสอบสักพัก มันก็พยักหน้า ประทับจิตสัมผัสลงไป มันใช้วิชาที่อธิบายในแผ่นหยก ส่งแมลงลงไปในพื้นดิน จนหายลับตาไป
สตรีแซ่หลี่ทำเช่นเดียวกัน ผู้ฝึกตนชุดเทา ไม่สนใจแมลงของหานเป้ย แต่ตบไปที่ถุงสมบัติของมันแทน หยิบเอาแมงป่องออกมา
“แน่นอนว่า ข้าเชื่อถือท่าน, สหายเต๋าหาน” เมิ่งฮ่าวกล่าว เขาชำเลืองไปที่แมลงและเลือกไปหนึ่งตัว เริ่มร่ายอาคมส่งแมลงตัวนั้นผ่านเข้าไปในทางออก ด้วยวิธีการจากแผ่นหยก แต่นอกเหนือจากแมลงนั้นแล้ว เขายังได้ส่งเถาวัลย์ซึ่งได้ซ่อนตัวลึกอยู่ในพื้นดินออกไปด้วย จากตัวแมลง เขารู้สึกถึงผลที่ไม่ชัดเจนของเขตพื้นที่อื่น มันเป็นสถานที่ ที่อยู่ห่างไกล ห่างออกไปมากเป็นอย่างยิ่ง
แต่ในเวลาเดียวกันนั้น เขาก็สัมผัสได้ถึงอันตรายอันรุนแรงจากเถาวัลย์ได้ในทันที ดวงตาเมิ่งฮ่าวหรี่เล็กลง
เกือบจะในทันทีที่เถาวัลย์ตายไป มันก็ส่งภาพสุดท้ายกลับมายังเมิ่งฮ่าว ซึ่งปรากฎขึ้นอย่างชัดเจนในจิตใจเขา มันเป็นกระถางสัมฤทธิ์ขนาดใหญ่มหึมา ช่างใหญ่โตโอฬารเป็นอย่างยิ่ง มีความสูงถึงหมื่นจ้าง