ทันทีที่เงาร่างอันโหดเหี้ยมปรากฎขึ้น อ๋าวเฉี่ยนก็ส่งเสียงคำรามออกมา มันกระโจนตรงไปข้างหน้า กลายเป็นเงาเลือนลางอันดุร้าย ขณะที่มันวิ่งวนไปรอบๆ เมิ่งฮ่าวเป็นวงกลม
โลหิตกระจายออกมาเป็นฟูฟ่อง และร่างของคนป่าพวกนั้นก็ล่วงลงไปจากภูเขา
การตายของพวกมันไม่ได้ทำให้คนเถือนที่อยู่ด้านหลังตกใจกลัว แต่พวกมันกลับมีความโหดเหี้ยมมากยิ่งขึ้น ขณะที่พุ่งตรงเข้ามา ความดุร้ายของอ๋าวเฉี่ยนพุ่งขึ้นไปถึงสวรรค์ ขณะที่มันปกป้องพื้นที่รอบๆ เมิ่งฮ่าวไว้ ศัตรูที่เข้ามาใกล้ ก็จะพบกับการโจมตีจากมัน เห็นได้ชัดว่ามันไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายเมิ่งฮ่าวได้
ร่างของเมิ่งฮ่าวสั่นสะท้าน แต่เขาก็บังคับให้ดวงตายังคงเปิดอยู่ เขาได้ยินเสียงโจมตีของอ๋าวเฉี่ยน และมองเห็นทะเลของผู้คนอันไร้ที่สิ้นสุด แต่ไม่สามารถทำอะไรได้
เวลาผ่านไป และโลหิตก็ไหลลงไปจากภูเขา อ๋าวเฉี่ยนสร้างพื้นที่รอบตัวเมิ่งฮ่าวสิบจ้าง ไม่ยอมให้ใครเข้ามาได้ คนเถื่อนนับไม่ถ้วนตายไป โลหิตชโลมภูเขารอบๆ พื้นที่สิบจ้างนั้น
หนึ่งวัน, สองวัน…อ๋าวเฉี่ยนไม่ได้หยุดพักแม้แต่น้อย คนเถือนพวกนั้นดูเหมือนจะไม่มีที่สิ้นสุด พวกมันพุ่งเข้ามาอย่างไม่ลดละ วันที่สอง ผู้ฝึกตนขั้นสร้างแกนลมปราณปรากฎขึ้นท่ามกลางพวกมัน สวมใส่ชุดเกราะของชาวป่า
การต่อสู้นองเลือดดำเนินต่อไปภายในด่านที่ห้า ด้วยเสียงร้องโหยหวนของสุนัข และเสียงกรีดร้องอย่างน่าอนาจใจของมนุษย์ดังกระจายไปทั่ว ในตอนดึกของคืนวันที่สอง ถึงแม้มันจะมีบาดแผลจากการต่อสู้ แต่ก็ยังสังหารคนเถื่อนขั้นสร้างแกนลมปราณไปได้สามคน หลังจากนั้น ก็มีแต่ความเงียบ คนเถื่อนพวกนั้นล่าถอยไป ทุกสิ่งทุกอย่างเงียบสงบ
เมิ่งฮ่าวมองไปที่อ๋าวเฉี่ยนด้วยความงุนงง ขาข้างหนึ่งของมันหักไป และดูเหนื่อยล้า มันไม่ได้พักเลยตลอดสองวัน และไม่ได้กลืนเม็ดยาใดๆ ทุกครั้งที่มันสู้ เป็นการสู้จนถึงแก่ความตาย และมันได้ป้องกันไม่ให้ใครมาทำร้ายเมิ่งฮ่าว จริงๆ แล้ว ต้องขอบคุณสำหรับความบ้าคลั่งนี้ของมัน ไม่มีใครก้าวเข้ามาภายในรัศมีสิบจ้างนี้ได้เลย
ในตอนนี้ มันได้รับชัยชนะด้วยความเหนื่อยล้า นอนลงที่ข้างกายเมิ่งฮ่าว หอบหายใจ มันเลียมือเขา ราวกับว่ามันต้องการให้เขาลูบคลำศีรษะของมัน
ทุกสิ่งทุกอย่างเงียบสงบ บนจุดสูงสุดของยอดเขา มีเพียงหนึ่งสุนัขและหนึ่งมนุษย์ที่มองเห็นได้ หนี่งขยับเคลื่อนไหวไม่ได้ อีกหนึ่งนอนคว่ำอยู่ พร้อมที่จะยืนปกป้องคุ้มครองไปชั่วนิจนิรันดร์
เมิ่งฮ่าวมองไปที่อ๋าวเฉี่ยน และความอบอุ่นใจก็พุ่งขึ้นมา ซึ่งเขาไม่เคยรู้สึกเช่นนี้มาก่อน มันเติมเต็มไปทั่วร่างเขา สิ่งมีชีวิตนี้เป็นแค่ลูกสุนัข เป็นโลหิตศักดิ์สิทธิ์ที่มีการเข้าใจในจิตวิญญาณเพียงน้อยนิด แต่…มันก็ไม่เคยทอดทิ้งเขา แม้จะอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ มันก็ไม่ยอมจากไป แต่กลับต่อสู้ปกป้องเขาแทน
เมื่อดูจากอาการบาดเจ็บ และความเหน็ดเหนื่อยของมัน ถ้ามันยังคงต่อสู้เช่นนี้ต่อไป มันคงต้องตายในที่สุด
แต่มันก็ยังอยู่ข้างกายเมิ่งฮ่าวเพื่อปกป้องเขา ในที่สุดรุ่งอรุณก็มาถึง และเสียงโห่ร้องจากด้านล่างของภูเขาก็ทำลายความเงียบไปสิ้น บรรยากกาศเหมือนจะเต็มไปด้วยกลิ่นอายของสร้างแกนลมปราณ และตามมาด้วยเสียงตะโกนด้วยโทสะของกลุ่มคนเถื่อนที่พุ่งขึ้นมาบนภูเขา
อ๋าวเฉี่ยน…มองดูเมิ่งฮ่าว จากนั้นก็เลียมือของเขา มันหันหลังไป และพร้อมเสียงเห่าอย่างดุร้าย พุ่งเข้าไปต่อสู้
เมิ่งฮ่าวไม่สามารถขยับตัวได้ ทำได้เพียงแต่มองอ๋าวเฉี่ยนพุ่งไปโจมตี แม้กระทั่งขยับศีรษะเขายังทำไม่ได้ มีเพียงสิ่งเดียวที่เขาเห็นก็คือโลกเพียงครึ่งเดียวที่อยู่ตรงหน้าของเขา สิ่งใดที่อยู่ด้านล่างของภูเขา เขาไม่สามารถมองเห็นได้
เสียงเห่าและเสียงแผดร้องก่อนตายเต็มสองหูตลอดทั้งวัน เขาไม่รู้ว่าการต่อสู้นี้ดุเดือดรุนแรงมากแค่ไหน แต่ก็สามารถสัมผัสได้ตลอดวัน ไม่มีใครสามารถย่างเก้าเข้ามาได้ภายในรัศมีสิบจ้างจากตัวเขา
เมื่อตกกลางคืน ทุกสิ่งทุกอย่างก็อยู่ในความเงียบอีกครั้ง เวลาธูปไหม้หมดหนึ่งดอกผ่านไป ก่อนที่อ๋าวเฉี่ยนในที่สุดก็กลับมาที่เมิ่งฮ่าว และนอนอยู่ข้างกายเขา หลังของมันหัก ทำให้มีปัญหาในการเดิน ขาอีกข้างก็หักไปด้วย และเขี้ยวที่ยาวแหลมคมหนึ่งข้างก็สะบั้นไป
ปราณของมันอ่อนแอ และขนที่ปกคลุมทั่วร่างก็ยุ่งเหยิง โลหิตไหลลงจากร่างของมัน ขณะที่นอนลงเลียไปที่มือของเมิ่งฮ่าว มันส่งเสียงครางพึมพำออกมา เหมือนกำลังเรียกเขาอยู่ เหมือนกำลังบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ในวันนี้ให้เขาฟัง
เหมือนกับว่าการต่อสู้ และเหนื่อยล้ามาตลอดทั้งวันก็เพื่อเวลานี้ เมื่อมันได้กลับมายังข้างกายเมิ่งฮ่าว เพื่อที่จะให้เขาลูบคลำศีรษะของมัน ในจิตใจของมัน เมิ่งฮ่าวก็คือ…ครอบครัว พวกเขาต่อสู้มาด้วยกัน เติบโตมาด้วยกัน เมิ่งฮ่าวให้เม็ดยา และเมื่อไหร่ที่มันมองไป สายตาของเขาก็จะเต็มไปด้วยความอบอุ่น และคอยให้กำลังใจ
ทั้งหมดนี้ทำให้ความเชื่อถือในตัวเมิ่งฮ่าว เติบโตขึ้นในจิตใจของมัน มันสามารถพึ่งพาเมิ่งฮ่าว และปกป้องคุ้มครองเขา
วันที่สี่ก็มาถึง และเสียงตะโกนมากกว่าเดิมก็ได้ยินมา ร่างกายเมิ่งฮ่าวยังคงสั่นสะท้านต่อไป และเขาก็ได้ยินเสียงหอนด้วยความโศกเศร้าของอ๋าวเฉี่ยน เขาอยากจะลุกขึ้นยืน แต่ก็ทำไม่ได้ พิษกำเริบขึ้นทำให้เขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด หลั่งเหงื่อโทรมกาย และสิ่งที่สามารถทำได้ทั้งหมดก็คือนั่งอยู่ที่นั่น มองไปยังสัญลักษณ์เวทบนศิลาตัวอักษร นั่นคือสิ่งเดียวที่เขาทำได้
วันที่สี่ ไม่มีอะไรเข้ามาภายในรัศมีสิบจ้างจากเมิ่งฮ่าว แต่ในคืนนั้น เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบ ต้องใช้เวลาเกือบครึ่งชั้วยาม ก่อนที่อ๋าวเฉี่ยนจะค่อยๆ คลืบคลานกลับมาที่เขาอย่างช้าๆ
เมิ่งฮ่าวไม่สามารถมองเห็นได้ แต่เส้นทางที่อ๋าวเฉี่ยนคลืบคลานมา กลายเป็นทางโลหิตอันยาวเหยียด เขี้ยวของมันหักสะบั้น หลังเป็นรูยุบลงไป มันนอนอยู่ข้างเขา ศีรษะของมันบิดไปด้านข้างขณะที่เลียฝ่ามือของเขา ด้วยเสียงครางอย่างแผ่วเบา ดูเหมือนว่ามันกำลังเล่าเรื่องของวันนี้ให้เมิ่งฮ่าวฟัง
ดวงตาของเมิ่งฮ่าวแดงก่ำ เขาไม่สามารถมองเห็นอ๋าวเฉี่ยน แต่ก็สัมผัสได้ถึงความอ่อนแอของปราณของมัน ณ ตอนนี้ เขาก็เหมือนกับมนุษย์ธรรมดา และก็รู้ว่าถ้าไม่มีอ๋าวเฉี่ยนคอยปกป้องคุ้มครอง เขาก็คงตกตายไปตั้งแต่วันแรก
แต่ค่าตอบแทนสำหรับชีวิตของเขาก็คือ ความอ่อนแอที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ของอ๋าวเฉี่ยน ในไม่ช้าวันที่มันไม่สามารถคลานกลับมาหาเขาก็จะมาถึง…
เมิ่งฮ่าวบังคับให้ดวงตายังคงเบิกกว้าง จ้องไปยังสัญลักษณ์เวทบนศิลาตัวอักษร เพื่อที่จะเรียนรู้มันอย่างยาวนาน แต่ไม่ว่าเขาจะมองไปที่มันยังไง เขาก็ไม่สามารถที่จะเข้าใจมันได้ ราวกับว่า…พวกมันไม่มีความหมายอะไรมากไปกว่าสัญลักษณ์เวททั่วไป ซึ่งไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเขาที่เป็นบุคคลภายนอก
และจากนั้น, วันที่ห้าก็มาถึง…
ในวันนี้ เสียงแผดร้องอย่างน่าสังเวช มาเข้าหูเมิ่งฮ่าวมากมายกว่าก่อนหน้านี้ ตอนนี้ มีคนเข้ามาใกล้เกินรัศมีสิบจ้าง แต่ก่อนที่พวกมันจะเข้ามาถึงตัวเขา พวกมันก็กลายเป็นชิ้นๆ โลหิตสาดกระจายไปบนร่างเมิ่งฮ่าว และเขาก็ได้ยินเสียงร้องอย่างโหยหวนโศกเศร้าของอ๋าวเฉี่ยน
ในคืนนั้น ต้องใช้เวลาถึงสองชั่วยามก่อนที่อ๋าวเฉี่ยนจะกลับมา มันไม่ได้แตะต้องเขา เพียงแค่นอนอยู่ที่นั่น โลหิตไหลซึมออกมาจากปากของมัน และพลังชีวิตของมันก็เปล่งประกายอันอ่อนแอออกมา ดูเหมือนว่ามีเพียงความดื้อรั้นเท่านั้นที่ยังทำให้มันมีชีวิตอยู่ต่อไป ถึงแม้มันจะตกอยู่ในสภาพนี้ มันก็จะต่อสู้เพื่อดูแลพื้นที่บริเวณนี้…และปกป้องเมิ่งฮ่าว
เมิ่งฮ่าวพยายามที่จะเปิดปากอย่างยากลำบาก ร่างกายสั่นระริก ทรามานจากความเจ็บปวด และแทบจะขยับตัวไม่ได้ แต่อย่างไรก็ตาม เขาก็พยายามบังคับ เสียงออกมา
“ไป! ออกไป…จากที่นี่…เจ้าได้ยิน…? ไป!”
เขาไม่สามารถมองเห็นอ๋าวเฉี่ยน สิ่งเดียวที่เขาเห็นก็คือ ท้องฟ้าที่มืดมิดราวน้ำหมึก
อ๋าวเฉี่ยนยกศีรษะขึ้น เมื่อมันได้ยินเสียง และมองมาที่เมิ่งฮ่าว มันชำเลืองไปยังประตูเรืองแสง ราวกับว่ามันเข้าใจคำพูดของเขา จากนั้นก็ส่งเสียงครางหงิงๆ ออกมา
“ข้ากำลังบอกให้เจ้าไป!” เมิ่งฮ่าวพูด หอบหายใจ ราวกับว่าได้ใช้พลังทั้งหมดที่เขามี เพียงเพื่อพูดคำนี้ออกมา
ร่างของอ๋าวเฉี่ยนสั่นสะท้าน และดวงตาของมันก็เต็มไปด้วยความโศกเศร้าเสียใจ มันลุกขึ้นยืน จากนั้นก็เดินไปที่ด้านข้างของเมิ่งฮ่าว และเลียใบหน้าเขา จากนั้น…มันไม่ได้จากไป มันไม่สนใจคำสั่งของเมิ่งฮ่าว และนอนลงที่ข้างกายเขา
จิตใจของเมิ่งฮ่าวเจ็บปวดรวดร้าว ดวงตาเต็มไปด้วยเส้นเลือด ขณะที่เขาจ้องไปที่ศิลาตัวอักษร ทันใดนั้น มันก็ดูเลือนลางไป ราวกับว่าเขาได้มองเห็นบางอย่าง และเขาก็ไม่สามารถไขว่คว้ามันไว้ได้ รุ่งอรุณของวันที่หกก็มาถึง และเสียงของการเคลื่อนที่ตรงตีนเขาก็ได้ยินมา เสียงร้องคำรามดังออกมาขณะที่อ๋าวเฉี่ยนลุกขึ้นยืน มันมองไปที่เมิ่งฮ่าวอย่างลึกซึ้งเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นก็พุ่งทะยานออกไป
เมื่อมันจากไป มือที่สั่นอยู่ของเมิ่งฮ่าวก็เริ่มยกขึ้นได้อย่างช้าๆ ภายในดวงตาของเขา ดอกปี่อ้านส่งประกายอยู่ริบหรี่ เขาค่อยๆ กำมือเป็นหมัดอย่างช้าๆ และจากนั้นก็ยืนขึ้น!
เขาเงยหน้าขึ้นไปบนท้องฟ้า และส่งเสียงกู่ร้องระบายความอัดอั้นตันใจ ที่ถูกสะกดไว้ทั้งหกวันออกมา ความต้องการสังหารอันโหดเหี้ยมแผ่กระจายออกมาจากดวงตา ขณะที่เขาลอยขึ้นไปในอากาศ ทันทีที่เขาบินขึ้นไป ก็มองเห็นบุรุษร่างสูงใหญ่กำลังควงกระบองอันใหญ่โต มันยกกระบองขึ้น และกำลังจะกระแทกลงไปบนอ๋าวเฉี่ยน ที่ตอนนี้ไร้เรี่ยวแรงจะต่อต้านอย่างโหดเหี้ยม
ใบหน้าเมิ่งฮ่าวเต็มไปด้วยโทสะอันดุร้าย เขายกมือขึ้น และหมอกสายฟ้าก็โผล่ออกมา พุ่งตรงไปยังบุรุษร่างสูงใหญ่ เมื่อหมอกสายฟ้าพุ่งไปถึง ก็ระเบิดออกมา บุรุษร่างสูงใหญ่ที่อยู่ในขั้นพื้นฐานลมปราณ ก็รีบพุ่งล่าถอยไปด้านหลัง จริงๆ แล้ว พวกคนเถื่อนที่อยู่รอบบริเวณนั้นต่างก็ล่าถอยออกไปทั้งหมด
เมิ่งฮ่าวก้าวตรงไปยืนอยู่เบื้องหน้าอ๋าวเฉี่ยน ดวงตาแดงก่ำขณะที่เขายกมือขึ้นอีกครั้ง กระบี่บินนับร้อยก็กรีดออกแหวกฝ่าอากาศออกมาในทันที รวมถึงกระบี่ไม้ทั้งสองเล่ม พวกมันหมุนวนไปรอบๆ เมิ่งฮ่าว ก่อตัวเป็นพิรุณกระบี่ และจากนั้นก็เป็นสายน้ำวันแห่งกระบี่ เมิ่งฮ่าวตะโกนออกมา และกระบี่บินก็ระเบิดออก ชิ้นส่วนที่แหลมคมกระจายออกไปทั่วบริเวณรอบๆ และเสียงแผดร้องโหยหวนก็ดังออกมา เมื่อพวกคนเถื่อนที่อยู่ในบริเวณนั้นถูกหั่นออกเป็นชิ้นๆ
ทันใดนั้น ตรงเชิงภูเขา ปราณของผู้ฝึกตนขั้นสร้างแกนลมปราณ ก็เปล่งประกายออกมา ทันทีที่พวกมันพุ่งขึ้นมา พวกมันพุ่งตรงมายังจุดสูงสุดของภูเขา
เมิ่งฮ่าวเงียบสงบ และจริงๆ แล้วก็ไม่ได้สนใจเงาร่างที่เข้ามาใกล้นี้เลย เขามองลงไปยังอ๋าวเฉี่ยน ซึ่งกำลังอ้าปากหอบหายใจ และท่าทางกำลังใกล้จะตายไป เขาคุกเข่าลง และสอดมือเข้าไปที่ร่างอันบอบช้ำของมันอย่างนุ่มนวล มันมองขึ้นมาที่เขาอย่างอ่อนแรง และพยายามที่จะเปิดปากเพื่อเลียมือของเขา แต่ก็ไม่สามารถทำได้
เมิ่งฮ่าวค่อยๆ มองไปยังสัญลักษณ์เวทบนศิลาตัวอักษรอย่างช้าๆ ไม่สนใจขณะที่เงาร่างทั้งแปดกำลังใกล้เข้ามา เมื่อเขาจ้องไปที่ศิลานั้น เขาก็คิดกลับไปยังหกวันที่ผ่านมา คิดเกี่ยวกับอ๋าวเฉี่ยนต่อสู้ด้วยชีวิตของมันอย่างไร คิดไปถึงลูกสุนัขตัวเล็กๆ ที่มีความสุข ซึ่งได้กระโดดโลดเต้นไปรอบๆ ตัวเขา เมื่อเดินผ่านด่านที่สี่ คิดไปถึงด่านที่สอง เมื่อเจ้าตัวเล็กที่น่ารักขนปุกปุยได้ช่วยต่อสู้พร้อมกับเขาครั้งแล้วครั้งเล่า คิดไปเกี่ยวกับตอนเริ่มต้นของการแข่งขันล่าขุมทรัพย์เซียนโลหิต เมื่อมันปรากฎตัวขึ้น ร่างสั่นสะท้านอยู่ในฝ่ามือ และเลียมือเขาด้วยลิ้นเล็กๆ ของมัน เขาถอนหายใจออกมา
“ข้าควรจะคิดได้ตั้งแต่ตอนแรก สัญลักษณ์เวทนี้ไม่ได้แตกต่างไปจากเวทผนึกอสูรรุ่นแปดเลย” เขาโบกสะบัดมือไปในอากาศ และจากนั้นก็ไม่มีสัญลักษณ์เวทปรากฎให้เห็นอีก แต่ตอนนี้พวกมันได้จารึกลงบนจิตใจของเขาแทน เป็นตัวอักษรเวทที่เหมือนกับตอนที่ได้จารึกบนศิลานั้น
เมื่อตัวอักษรปรากฎขึ้น มือของเมิ่งฮ่าวก็วางอยู่บนหลังของอ๋าวเฉี่ยน
ขณะที่ทำเช่นนั้น แสงสีแดงโลหิตก็ก่อตัวขึ้นจากภายในอ๋าวเฉี่ยนทันที มันเป็นความหนาวเย็นเสียดกระดูก ที่แผ่กระจายออกไปทั่วทุกทิศทาง
เมื่อมันกระจายออกไป คนเถื่อนขั้นสร้างแกนลมปราณก็ถูกแช่แข็งไปในทันที แม้ขณะที่มันลอยอยู่ในอากาศ ไม่เพียงแต่พวกมันเท่านั้น เมื่อแสงสีแดงโลหิตกระจายออกไป ทั่วทั้งภูเขาของคนเถื่อน ทุกสิ่งทุกอย่างที่ไกลเท่าที่ตาจะมองเห็นได้ โลกนี้ทั้งหมด ก็เต็มไปด้วยความหนาวเย็นอันรุนแรง และเปลี่ยนเป็นสีของโลหิต สถานที่นี้…ถูกผนึกด้วยการแช่แข็งอย่างสมบูรณ์
ไม่มีสิ่งใดตลอดทั้งโลกแห่งนี้ขยับเคลื่อนไหว เมิ่งฮ่าวคุกเข่าอยู่ที่นั่น มองไปด้วยความประหลาดใจยังอ๋าวเฉี่ยน
ด่านที่ห้า ศิลาตัวอักษร และความรู้แจ้ง ทั้งหมดนี้ต่างก็ต้องพึ่งพาการกระทำของโลหิตศักดิ์สิทธิ์…ผู้แข่งขันและโลหิตศักดิ์สิทธิ์ต้องพัฒนาระดับความใกล้ชิดให้แนบแน่น
หลังจากผ่านไปนาน เมิ่งฮ่าวก็ยืนขึ้น อุ้มอ๋าวเฉี่ยนอยู่ในวงแขน เดินตรงไปยังจุดสูงสุดของยอดเขา และออกไปจากด่านที่ห้า โลกที่อยู่รอบๆ ตัวเขาทั้งหมดถูกผนึกด้วยโลหิต
เมิ่งฮ่าวไม่แน่ใจว่าคนอื่นๆ ผ่านด่านนี้ได้อย่างไร แต่ก็รู้ว่าสำหรับเขาแล้ว เป้าหมายของมันก็คือความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างผู้แข่งขันและโลหิตศักดิ์สิทธิ์ เขาไม่แน่ใจเกี่ยวกับโลหิตศักดิ์สิทธิ์ของคนอื่นๆ ด้วยเช่นกัน แต่ก็รู้ว่าอ๋าวเฉี่ยนต้องกลับมาหาเขาเสมอ ไม่ว่ามันจะเหนื่อยล้ามากแค่ไหน มันก็จะกลับมาเลียมือเขาเสมอ สำหรับเมิ่งฮ่าวสุนัขตัวนี้…เป็นส่วนหนึ่งที่แยกไม่ออกจากชีวิตของเขา
“ในตอนนี้ ขุมทรัพย์ไม่ได้สำคัญกับข้า ข้าไม่สนใจเกี่ยวกับมันแม้แต่น้อย แต่ข้าต้องนำเจ้าออกไปจากที่นี่พร้อมข้าให้ได้ นี่คือคำสัญญาของเมิ่งฮ่าวที่ให้ไว้กับเจ้า!”