วันจันทร์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2560

ตอนที่ 88 : ร่างจริงของเทียนจีซ่างเหริน

Posted By: wuxiathai - 23:30
ตูม!
กระบี่ไม้สองเล่มแทงเข้าไปในร่างของเมิ่งฮ่าวโดยพร้อมเพรียงกัน ส่งผลให้พิรุณโลหิตสาดกระจายออกมา เปลวไฟแห่งพลังชีวิตของเมิ่งฮ่าวเริ่มริบหรี่ลง แต่พลังดึงดูดภายในร่างกลับสูงมากขึ้น อย่างไม่เคยมีมาก่อน
มันรุนแรงมากจนดูเหมือนว่า จะสามารถดูดกลืนทุกสิ่งทุกอย่างรอบๆ ตัวเขาเข้าไปได้หมด ไม่ว่าจะมีอะไรมากีดขวางอยู่เบื้องหน้า หรืออะไรก็ตามที่ทำให้เขาตกอยู่ในอันตราย ไม่มีอะไรจะสามารถมาขวางกั้นวิถีทาง ในการกลายเป็นผู้แข็งแกร่งของเขาได้
พลังดึงดูดนี้ ดูเหมือนจะมีผลกระทบกับการไม่รู้สึกตัวของเมิ่งฮ่าว จิตใจของเขาขยายขอบเขตออกไปอย่างไร้ที่สิ้นสุด
ปรมาจารย์เอกะเทวะ มองไปที่เขาและพึมพำออกมา ”นี่คือ…การฝืนลิขิตแห่งสวรรค์!”
ณ เวลานั้น ความตั้งใจที่จะกลายเป็นผู้แข็งแกร่งของเมิ่งฮ่าว ได้หลอมรวมเข้ากับพลังการฝึกตนของเขา ความดื้อรั้นยืนกราน ซึ่งเป็นของระดับสิบสาม ขั้นรวบรวมลมปราณ เขาจะขโมยมันมาจากสวรรค์ เขาจะต่อต้านสวรรค์ เพื่อเปลี่ยนแปลงพลังชีวิตของเขาเอง
เสียงระเบิดดังกึกก้องออกมา เมื่อพลังลมปราณทั้งหมดจากตะเกียงทั้งเจ็ดดวง ไหลเข้าไปในตัวของเมิ่งฮ่าว ขณะที่มันเข้าไปในร่าง พลังลมปราณเหล่านั้นก็กลายเป็นคมมีด ที่โจมตีและทะลวงฝ่าช่องว่างของระดับขั้น
มันเป็นการรวมพลังของหกผู้ฝึกตนขั้นสร้างแกนลมปราณ และหนึ่งผู้ฝึกตนขั้นวิญญาณเริ่มก่อตั้ง แต่นี่ก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งของมันเท่านั้น สิ่งที่เป็นส่วนสำคัญมากที่สุดของการโจมตีครั้งนี้ ก็คือ ความดื้อรั้นยืนกรานที่จะกลายเป็นผู้แข็งแกร่งของเมิ่งฮ่าว จึงเป็นส่วนที่แท้จริง
ความตั้งใจนี้ได้สอดคล้องกับระดับสิบสาม ขั้นรวบรวมลมปราณอย่างสมบูรณ์ ซึ่งเป็นส่วนที่ถูกปฏิเสธจากสวรรค์ นี่คือการสร้างระดับสิบสาม ขั้นรวบรวมลมปราณของเขา!
ท่ามกลางเสียงกระหึ่มกึกก้อง ช่องว่างของระดับขั้นก็สลายหายไป ทันทีที่มันเกิดขึ้น เมิ่งฮ่าว ซึ่งกำลังอาบพลังลมปราณที่เหมือนจะไม่มีที่สิ้นสุด รู้สึกได้ว่าพลังฝึกตนของเขากำลังทะยานขึ้น
จากระดับสิบสอง ไปที่ระดับสิบสาม ตอนนี้เขาได้กลายเป็นผู้ฝึกตนคนแรก ตั้งแต่โบราณกาล ที่บรรลุถึงวงจรอันยิ่งใหญ่ ของการรวบรวมลมปราณอย่างสมบูรณ์
ในทันใดนั้น พรสวรรค์ของเมิ่งฮ่าว ซึ่งทำให้เขาสามารถฝึกฝนวิถีแห่งเซียน ก็เปลี่ยนไปในทันที ไม่มีเสียงหรือจุดบ่งชี้ใดๆ ว่ามันได้เกิดขึ้นแล้ว แม้แต่เมิ่งฮ่าวก็รับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ได้อย่างเลือนลาง
แต่ถ้าบุคคลภายนอกมาเห็นพรสวรรค์ของเขา ก็จะพบว่ามันไม่ธรรมดาเหมือนในอดีตอีกต่อไป ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ใช่ผู้ถูกเลือก แต่พรสวรรค์ของเขาในตอนนี้ก็สูงกว่าบุคคลทั่วไป
จากโบราณกาลนานมาแล้ว ไม่มีบุคคลใดสามารถเปลี่ยนแปลงพรสวรรค์ของตัวเองได้ ไม่มีสิ่งของจากสวรรค์ หรือของวิเศษบนพื้นปฐพีใดๆ ที่จะมีพลังในการเปลี่ยนแปลงลิขิตจากสวรรค์ได้ แต่ในวันนี้ เมิ่งฮ่าวก็ทำไปแล้ว!
เขาเป็นบุคคลแรก ตั้งแต่ครั้งโบราณกาล ที่บรรลุถึงวงจรอันยิ่งใหญ่ ของการรวบรวมลมปราณอย่างสมบูรณ์ และเป็นบุคคลแรก ที่เปลี่ยนแปลงพรสวรรค์ของตัวเองได้ นี่เป็นการเริ่มต้นใหม่ การเริ่มเดินไปบนวิถีทาง ที่จะกลายเป็นผู้แข็งแกร่งอย่างแท้จริง
ทันทีที่เขาบรรลุถึงวงจรอันยิ่งใหญ่ ของการรวบรวมลมปราณอย่างสมบูรณ์ บาดแผลทั้งหมดบนร่างก็หายเป็นปกติในทันที ร่างกายที่แช่อยู่ในพลังลมปราณ ก็ทำให้มีการเกิดใหม่ขึ้นอีกครั้งอย่างชัดเจน
สามารถกล่าวได้ว่า เมิ่งฮ่าว ได้กำเนิดเป็นคนใหม่ขึ้นอีกครั้ง
หลังจากเวลาผ่านไปชั่วธูปไหม้หมดไปหนึ่งดอก ดวงตาของเมิ่งฮ่าวก็ลืมขึ้น พลังลมปราณที่ลอยอยู่รอบๆ ร่าง ก็เริ่มพรั่งพรูเข้าไปในพื้นดินอีกครั้งหนึ่ง ตอนนี้เขาได้บรรลุถึงวงจรอันยิ่งใหญ่ ของการรวบรวมลมปราณอย่างสมบูรณ์ พลังดึงดูดภายในร่างก็หายไปโดยสิ้นเชิง
เมื่อได้ร่วมรู้เห็นเป็นพยาน ในการเปลี่ยนแปลงของเมิ่งฮ่าวด้วยสองตาของตัวเอง ปรมาจารย์เอกะเทวะก็กลายเป็นใบ้ไป
มันยิ่งประหลาดใจมากยิ่งขึ้นเมื่อเห็น เมิ่งฮ่าวที่ลืมตาขึ้นมา ยื่นมือขวาไปหยิบตะเกียงดวงหนึ่ง จากตะเกียงทั้งเจ็ดดวงนั้น นี่เป็นตะเกียงที่มีวิญญาณเริ่มก่อตั้ง ของเทียนจีซ่างเหรินอยู่ข้างใน หลังจากหยิบขึ้นมา เขาก็หันหลังกลับ และร่างก็กลายเป็นลำแสง เมื่อเขาพุ่งตรงไปยังกระแสน้ำวนที่เป็นทางออก
“เจ้า, เจ้า, เจ้า…เจ้าไม่กลัวว่าจะโดนเผาไหม้จนตาย!?” ปรมาจารย์เอกะเทวะ นั่งอย่างงุนงงไปชั่วครู่ จากนั้นก็เริ่มด่าทอสาปแช่งขึ้นอีกครั้ง เมื่อมันเห็นเมิ่งฮ่าวหายเข้าไปในกระแสน้ำวนนั้น
“เจ้าสารเลวน้อย! เจ้าตัวไร้ยางอาย!! พวกเจ้าจากสำนักผนึกอสูร ต่างก็เป็นตัวบัดซบทั้งสิ้น! หน้าด้านอย่างที่สุด!!” มันเดินไปมาด้วยความเกรี้ยวกราด ส่งเสียงแผดร้องออกมาราวฝนสาดซัด
เมื่อเมิ่งฮ่าว ออกมาจากกระแสน้ำวน ถ้ำแห่งเซียนที่ด้านหลังก็เริ่มลงผนึก เหลือแต่เพียงกลิ่นคาวแห่งความตาย แผ่กระจายออกมาจาก รอยแยกที่กำลังปิดลงอย่างรวดเร็ว
ภายในดินแดนด้านใต้ นอกอาณาเขตของแคว้นจ้าว มีเมืองที่อยู่ติดกันเรียกว่า แคว้นเทียนจี อาณาเขตพื้นที่ไม่ได้แตกต่างจาก แคว้นจ้าวมากนัก แต่มีประชากรที่ค่อนข้างแปลกประหลาด
ขณะที่แคว้นจ้าว ให้การยกย่องนับถือดินแดนตะวันออก แต่แคว้นเทียนจีไม่ พวกมันไม่ยอมก้มศีรษะให้กับต้าถัง แต่นับถือความลี้ลับแห่งสวรรค์แทน ดังนั้น ทุกสำนักในแคว้นเทียนจี ต่างก็เป็นสาขาของสำนักเทียนจี
ในดินแดนลึกลับทิศตะวันออก ของแคว้นเทียนจี มีเทือกเขาสามลูก ซึ่งม้วนวนไปมาราวกับมังกรขดตัวอยู่ โดยเฉพาะบนจุดสูงสุดของภูเขาลูกหนึ่ง มองดูเหมือนศีรษะของมังกรสองตัว กำลังต่อสู้กันอยู่ นี่เป็นยอดเจดีย์ของแคว้นเทียนจี
สายหมอกลอยคลอเคล้าอยู่รอบๆ จุดสูงสุดนั้น ซึ่งบนสุดเป็นระฆังใบหนึ่ง หนึ่งครั้งต่อปี, ระฆังจะถูกตี และเสียงสะท้อนที่ดังออกมา ก็กระหึ่มกึกก้องไปเป็นเวลาถึงสามวัน
ด้านล่างของระฆังเป็นแนวตึกอันหรูรา นี่ไม่ใช่ที่ไหน นอกจาก…สำนักที่แข็งแกร่งที่สุดของแคว้นนี้, สำนักเทียนจี!
ด้านบนสุดของประตูหลักสำนักเทียนจี นั่งไว้ด้วยผู้ฝึกตนสวมใส่ชุดยาวสีดำ เป็นชายชราที่มีบุคลิกท่าทางราวเซียนผู้หลุดพ้น ในความทรงจำของศิษย์ในสำนักเทียนจี เป็นเวลาที่นานมาก, มากเป็นอย่างยิ่ง ตั้งแต่ที่มันได้นั่งเข้าฌาณอยู่ที่นั้น
ไม่ว่าจะมีพายุ หรือสายฝนกระหน่ำลงมามากมายเพียงใด ไม่ว่าจะผ่านไปเนิ่นนานปีเพียงไหน มันก็ยังคงนั่งอยู่ที่นั่นราวกับเป็นก้อนหิน, ตราบชั่วนิจนิรันดร์
ศิษย์ในสำนักมากมาย ไม่รู้แม้แต่ว่ามันเป็นใคร เมื่อดูจากการที่มันนั่งเข้าฌาณ อยู่ใต้ระฆังเทียนจี ก็เห็นได้ชัดว่า มันต้องเป็นผู้อาวุโสของสำนัก เมื่อไหร่ก็ตาม ที่ผู้แข็งแกร่งของสำนักมองไปที่มัน ดวงตาของคนพวกนั้น ก็จะเต็มไปด้วยความนับถือเลื่อมใส
ในตอนนี้ สำนักเทียนจี เต็มไปด้วยเสียงสวดพระคัมภีร์ของศิษย์ในสำนัก ดังออกมาอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย เสียงเหล่านี้ก่อตัวกันเป็นพลังที่มองไม่เห็น ค่อยๆ ลอยออกไปอย่างช้าๆ ไปรวมตัวกันบนจุดสูงสุดของภูเขา ที่ซึ่งดูเหมือนจะมีกระแสน้ำวนปรากฎอยู่ กระแสน้ำวนนั้นค่อยๆ ดูดกลืนพลังของเสียงสวดมนต์นั้นเข้าไป
นี่เป็นสิ่งที่มีเพียงแต่ผู้ฝึกตนเท่านั้นที่จะมองเห็นได้ เสียงสวดมนต์ของศิษย์สำนักเทียนจี พุ่งขึ้นไปด้านบน และรวมตัวกันในระฆังเทียนจี จริงๆ แล้ว ดูเหมือนว่าระฆังกำลังดูดกืนเสียงเหล่านี้เข้าไปมากกว่า ไม่ใช่แต่เสียงสวดมนต์ของเหล่าผู้ฝึกตน แต่เสียงอธิษฐานอ้อนวอนของทุกๆ คนในแคว้นแห่งนี้ ก็ถูกดูดกลืนเข้าไปด้วย
ณ ตอนนี้ ชายชราซึ่งดูเหมือนจะนั่งอยู่ใต้ระฆังเทียนจีตราบชั่วนิรันดร์ ก็เริ่มสั่นสะท้านไปทั้งตัว จากนั้นก็กระอักโลหิตออกมา ทันใดนั้น ระฆังก็ถูกตี ส่งเสียงดังก้องขึ้นไปในท้องฟ้า และกระจายออกไปทั่วทั้งสำนักเทียนจี
เหล่าศิษย์ภายในสำนักต่างก็ตกใจ ผู้อาวุโส และผู้แข็งแกร่ง ก็ลืมตาขึ้นมาจากการนั่งเข้าฌาณในทันที ทีละคน ทีละคน พวกมันกลายเป็นลำแสง พุ่งตรงไปยังระฆังเทียนจี
เมื่อพวกมันไปถึง ก็เห็นชายชราชุดดำ นั่งอยู่ที่นั่นก่อนแล้ว ด้วยดวงตาเบิกกว้าง
“ขอคารวะ ท่านปรมาจารย์!”
“ท่านปรมาจารย์ คงมีสุขภาพแข็งแรงดี?” ผู้ฝึกตนหลายสิบคน อยู่รายรอบมัน โค้งตัวประสานมือคารวะ ด้วยความเคารพนับถือ
ดวงตาของชายชราชุดดำ สาดประกายราวสายฟ้า ม่านตาข้างซ้ายส่องแสงเจิดจ้า จนดูเหมือนดวงตะวัน ขณะที่ม่านตาข้างขวามีแต่ความดำมืด และปรากฎจันทร์เสี้ยวขึ้นอยู่ภายใน ม่านตาทั้งสองข้างแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ใครก็ตามที่มองไปที่ชายชราผู้นี้ จะไม่มีทางลืมมันไปได้เลย
เมื่อมันลืมตาขึ้น ดูเหมือนราวกับว่าหน้าผากของมันได้แยกออก และดวงตาอีกข้างก็ปรากฎขึ้น อย่างไรก็ตาม นี่เป็นดวงตาที่บุคคลอื่นไม่สามารถมองเห็นได้  มีเพียงสิ่งเดียวที่เห็นได้ก็คือ จุดเรืองแสงสีโลหิต ด้านบนของมัน พายุเมฆเริ่มรวมตัวกัน และสายลมอันรุนแรงก็เริ่มพัดมา
“ปรมาจารย์เอกะเทวะ! เจ้าทำลายร่างจำแลงของข้า และปฎิเสธความหวังดีจากข้า เจ้า…เจ้าต้องตาย! ไม่ใช่ข้าคนเดียวที่มีไม้ตายซ่อนไว้ เจ้ามีสิ่งใดให้พึ่งพา ตัดวิญญาณอันน้อยนิด? เจ้าบังอาจสร้างความโกรธแค้นให้แก่เซียนแห่งรุ่งอรุณ!?!”
สีหน้าของชายชราดุร้ายน่ากลัว มันตบมือลงไปบนพื้น จุดบนสุดของภูเขาก็สั่นสะเทือน เกิดเป็นระลอกคลื่นขึ้นบนพื้นดิน ส่งผลให้ผู้ฝึกตนรอบบริเวณนั้น ถอยหลังออกไปด้วยความตกใจ
เวลาเดียวกับที่ภูเขาเริ่มสั่นสะเทือน ระฆังเทียนจีก็ดังออกมา จากนั้นก็พุ่งขึ้นไปในท้องฟ้า รอบๆ ระฆังเป็นเครื่องหมายอาคมมากมายนับไม่ถ้วน ลอยและม้วนตัวไปมา ส่งแสงเจิดจ้าจนเกือบจะมองไม่เห็น และกระจายออกไปทั่วอาณาเขตของแคว้นเทียนจี
“กองกำลังอสูรกำลังตกลงไป! ซึ่งจริงๆ แล้ว ก็คือวิญญาณบรรพบุรุษของพวกเรา! มันจะพิสูจน์ถึงความหายนะของสวรรค์และปฐพี แต่ก็เป็นโอกาสของสำนักเทียนจีที่จะโดดเด่นขึ้นมา! ข้าจะนำวิญญาณแรกก่อตั้งของร่างจำแลงข้ากลับมา จากนั้นก็ดูว่า ปรมาจารย์เอกะเทวะ ยังกล้าที่จะหยิ่งยโสอีกหรือไม่!”
แน่นอนว่า ชายชราชุดดำนี้ไม่ใช่ใครอื่น นอกจากเทียนจีซ่างเหริน ร่างจำแลงของมันได้ถูกทำลายโดยปรมาจารย์เอกะเทวะ และนี่ก็เป็นร่างจริงของมัน เมื่อพูดจบ มันก็ยืนขึ้น และลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า คว้าจับระฆังเทียนจีอันใหญ่โตไว้ และกลายเป็นสายรุ้งหลากสี พุ่งตรงไปยังแคว้นจ้าว รังสีสังหารส่องประกายออกมา
ในเวลาเดียวกันนั้น ภายในแคว้นจ้าว เสียงพึมพำดังออกมาจากห้องโถงบรรพบุรุษ ของสำนักเฟิงหาน (สายลมยะเยือก), ศิษย์ที่มีหน้าที่ดูแล เปิดประตูออกด้วยสีหน้าแปลกๆ เมื่อมันมองเข้าไปด้านใน ทั่วทั้งร่างก็เริ่มสั่นสะท้าน ดูประหลาดใจ และความกลัวอย่างรุนแรงก็ปรากฎขึ้นบนใบหน้า
ภายในห้องโถงบรรพบุรุษ แผ่นป้ายชีวิตของศิษย์ในสำนักมากมาย ที่เรียงรายกันอย่างเป็นระเบียบ ทันใดนั้น แผ่นป้ายชีวิตที่เป็นของผู้คุมกฎของสำนัก ขั้นสร้างแกนลมปราณ รวมถึงผู้อาวุโสไท่ซ่าง ก็เริ่มแตกสลายไป!
นี่หมายถึงผู้คุมกฎขั้นสร้างแกนลมปราณ และผู้อาวุโสไท่ซ่าง ได้เสียชีวิตไปแล้ว!
ยิ่งไปกว่านั้น, แผ่นป้ายชีวิตที่เป็นของผู้อาวุโสขั้นพื้นฐานลมปราณก็ล้มลงไป เมื่อเห็นเช่นนี้ ศิษย์ที่มีหน้าที่ดูแลห้องโถงบรรพบุรุษก็ตกใจ ความไม่ยากจะเชื่อเต็มอยู่บนใบหน้า
ขณะที่ผู้คุมกฎขั้นสร้างแกนลมปราณ ซึ่งจากไปพร้อมกับคนอื่นๆ ก็ได้ทิ้งผู้อาวุโสขั้นพื้นฐานลมปราณไว้ป้องกันสำนัก เมื่อผู้อาวุโสขั้นพื้นฐานลมปราณได้รู้เรื่องนี้ ใบหน้าของมันก็ซีดขาว และมันก็ออกคำสั่งในทันที โดยที่ไม่ต้องให้ใครมาบอก
มันรู้ว่าถ้ามีเหตุการณ์เช่นนี้ เกิดขึ้นในสำนัก ถ้าผู้ฝึกตนขั้นสร้างแกนลมปราณถูกสังหารไป มันไม่ใช่สิ่งอื่นใด นอกไปจากความหายนะ ซึ่งจะนำความตกต่ำมาสู่สำนัก และผู้ฝึกตนขั้นพื้นฐานลมปราณเกือบทั้งหมด ถูกกวาดล้างไป ก็ยิ่งทำให้สำนักตกต่ำเร็วมากขึ้นไปอีก
“เกิดอะไรขึ้นในเขตนั่งกัมมัฎฐาน ของปรามาจารย์เอกะเทวะ?!” ผู้อาวุโสขั้นพื้นฐานลมปราณ รีบรวบรวมกลุ่มของศิษย์ขั้น รวบรวมลมปราณขึ้นในทันที และส่งพวกมันไปยังสำนักเอกะเทวะเพื่อสืบค้นเรื่องนี้
จากนั้น ก็พยายามทำใจให้เยือกเย็นลง นำเอาหลอดเขาสัตว์ที่พิเศษเฉพาะออกมา เป็นหลอดเขาสัตว์ซึ่งไม่เคยถูกใช้งานมานานหลายร้อยปีมาแล้ว
หลอดเขาสัตว์นี้มีชื่อว่า หลอดเขาแห่งเต๋า
การเป่าหลอดเขาแห่งเต๋านี้ จะไปปลุก กองหนุนแห่งเต๋าของสำนักให้ตื่นขึ้นมา!
ทุกตระกูลและสำนัก มีกองหนุนแห่งเต๋า ซึ่งจะถูกส่งผ่านลงมาจากรุ่นสู่รุ่น สำหรับสามสำนักใหญ่ กองหนุนแห่งเต๋าของพวกมัน มักจะประกอบไปด้วย ปรมาจารย์ของสำนัก ซึ่งไม่สามารถบรรลุขั้นวิญญาณแรกก่อตั้ง แต่ก็สามารถเลื่อนความตายออกไป
ด้วยการตกอยู่ในสภาพของการสร้างวิญญาณปลอมขึ้นมาแทน มีเพียงพวกมันเท่านั้น ที่จะสามารถสะกดข่มความหวาดกลัว อันเนื่องมาจากหายนะที่ใกล้เข้ามาในครั้งนี้
เมื่อเสียงเป่าหลอดเขาสัตว์ดังกระจายออกไป ทั่วทั้งสำนักเฟิงหาน มันก็ลอยไปถึงหู ของชายชราร่างผอมแห้ง ซึ่งนั่งขัดสมาธิ อยู่ในถ้ำแห่งเซียนอันลับสุดยอดของสำนัก มันดูเหมือนจะตายไปแล้ว ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่หนัง และกระดูก แต่เมื่อมันได้ยินเสียงเรียกจากหลอดเขาสัตว์นั้น ดวงตาของมันก็ลืมขึ้นมา
จิตวิญญาณของมันส่งเสียงกระหึ่มออกมาในทันที ปกคลุมไปทั่วทั้งสำนักเฟิงหาน เมื่อเสียงนี้ผ่านเข้าไปในร่างของผู้ฝึกตนขั้นพื้นฐานลมปราณนั้น มันก็เริ่มสั่นสะท้าน และสีหน้าแสดงถึงความเจ็บปวด เต็มไปด้วยความรู้สึกอันรุนแรง ราวกับว่ามันจะตกตายไป นี่คือจิตสัมผัส ซึ่งถูกใช้มากระแทกเข้าไปในความทรงจำของมัน
ผ่านไปสักพัก จิตสัมผัสก็หายไป และผู้ฝึกตนขั้นพื้นฐานลมปราณนั้น ก็ตกลงไปที่พื้นด้วยความเหนื่อยหอบ ร่างของมันอ่อนปวกเปียก และมีสีหน้าซีดขาว มันรู้ว่าถ้ามันไม่ได้อยู่ในขั้นพื้นฐานลมปราณ การค้นหาความทรงจำ ที่เพิ่งจะเกิดขึ้นบนตัวมันนี้ ก็อาจจะสังหารมันให้ตายลงไปได้
เสียงทุ้มลึกดังไปทั่วสำนักเฟิงหาน “นำหยกเยือกแข็งของข้าไป และปิดผนึกภูเขาที่อยู่รายรอบสำนักเอกะเทวะให้หมด ห้ามทุกคนออกไปจากพื้นที่นั้น อีกไม่กี่ชั่วยามข้าจะตื่นขึ้นมา เวลานี้ เจ้าไปค้นหาเบาะแสในที่นั้นโดยทันที”
ผู้ฝึกตนขั้นพื้นฐานลมปราณนั้น ก็ลุกขึ้นมายืนในทันที จากนั้นก็ประสานมือ โค้งคำนับอย่างนอบน้อม
แผ่นหยกสีน้ำเงิน เยือกเย็นเหมือนน้ำแข็ง ลอยเข้าไปในมือของมัน
เหตุการณ์เช่นนี้ เกิดขึ้นกับสำนักฉือสุ่ย (สายน้ำหมุน) และ สำนักฟางเยี่ย (ราตรีเที่ยงธรรม) ด้วยเช่นกัน เมื่อแผ่นป้ายชีวิตซึ่งเป็นของผู้คุ้มกันสำนัก และผู้อาวุโสของพวกมันแตกสลาย พวกมันก็ปลุกเรียกกองหนุนแห่งเต๋าออกมา
ณ ตอนนี้ โลกแห่งการฝึกตนของแคว้นจ้าว ก็ถูกโยนเข้าไปในความโกลาหลวุ่นวาย

About wuxiathai

Organic Theme is officially developed by Templatezy Team. We published High quality Blogger Templates with Awesome Design for blogspot lovers.The very first Blogger Templates Company where you will find Responsive Design Templates.

Copyright © 2015 ผนึกสวรรค์ สยบมาร สะท้านเทพ

Designed by Templatezy | Distributed By Gooyaabi Templates