วันจันทร์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2560

ตอนที่ 51 : ภูเขาสมบัติของข้า…

Posted By: wuxiathai - 22:58
“ถึงแม้ว่าเจ้าเด็กนั่น จะไม่ใช่ศิษย์สำนักจื่อยิ่น (ชะตาม่วง) และเจ้าก็บอกว่าใครก็ตามสามารถเข้าไปในพื้นที่นั่นได้ เมื่อข้าเห็นมันวิ่งเข้าไปในป่าตรงเชิงเขาบ้าๆ ของเจ้า ก็ทำให้ข้ารู้สึกดี ข้ามีความสุข, แล้วยังไง?” อู๋ติงชิวหัวเราะ ด้วยความรู้สึกที่พอใจอย่างเห็นได้ชัดเจน มันถูกสะกดข่มมาตลอดทั้งคืน และตอนนี้มันก็รู้ดีว่า ถึงแม้ซ่งเหล่าไกว้จะพูดจาตามปกติธรรมดา แต่มันก็คงกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่เป็นแน่ จึงทำให้อู๋ติงชิวเกิดความรู้สึกค่อนข้างพอใจ และมันก็มองไปยังเมิ่งฮ่าวที่อยู่เบื้องล่าง
“อาวุธเวทของมันมีอานุภาพเหนือสัตว์อสูร” ซ่งเหล่าไกว้กล่าว “พลังการฝึกตนของมันต่ำมาก เมื่อคิดดูแล้ว มันไม่สามารถที่จะออกมาจากป่าสัตว์อสูรนั่นได้อย่างแน่นอน ป่าแห่งนั้นปลูกด้วยต้นไม้ที่ข้านำมาจากดินแดนแห่งสวรรค์ด้านเหนือ รดน้ำด้วยน้ำลมปราณจากทะเลหยินเหอ ต้นไม้พวกนั้นไม่เพียงแต่จะทั้งสูงและแข็งแกร่งเท่านั้น มันยังได้ปล่อยพลังลมปราณออกมา ซึ่งทำให้สัตว์อสูรสามารถดูดซับผ่านการหายใจ ในป่าสัตว์อสูรของข้าก็ยังมี…” ทันใดนั้นเสียงของมันก็ถูกเสียงแผดร้องทำให้ต้องหยุดไป
เมิ่งฮ่าวพุ่งไปข้างหน้า ตกเป็นเป้าสายตาของสัตว์อสูรที่อยู่รอบบริเวณนั้น เขาอยู่ห่างจากตีนเขาของภูเขาสมบัติอีกไม่ไกล เพียงแค่ไม่กี่ร้อยฉื่อเท่านั้น เขากำลังจะเข้าไปในพื้นที่ซึงไม่มีศิษย์คนไหนของสำนักจื่อยิ่นสามารถผ่านเข้าไปได้
ถึงแม้ว่าเมิ่งฮ่าวไม่ทราบว่า ทำไมพื้นที่แถวนี้ถึงมีกลุ่มคนชุดขาวอยู่มากมาย เขาก็รู้สึกได้ว่ามีบางอย่างแปลกๆ เกิดขึ้น แต่ด้วยที่มีซ่างกวนซิวตามหลังเขามา จึงไม่มีเวลาให้ขบคิดมากนัก เขาเคลื่อนที่ไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่องผ่านผืนป่าไป ทันใดนั้น สัตว์อสูรตัวใหญ่มหึมา สูงเกือบหกสิบฉื่อ ก็พุ่งกระโจนมาอยู่เบื้องหน้าเขา
มันคือช้างยุคดึกดำบรรพ์ที่มีขนปกคลุมไปทั่วร่าง มีดวงตาสีแดงและคมกล้า งาที่ยาวใหญ่และแวววาว ร่างกายของมันราวกับภูเขาลูกย่อมๆ ผืนดินสั่นสะเทือนเมื่อมันพุ่งเข้ามาด้วยพลังที่น่าตกใจ
“เจ้าเด็กนั่นคงต้องตายอย่างแน่นอนในครั้งนี้” ซ่งเหล่าไกว้พูดตามปกติ
“นี่เป็นช้างกลายพันธุ์ ซึ่งข้าจับได้ในถ้ำชีวาวาย ซึ่งเป็นหนึ่งในสถานที่ ที่อันตรายที่สุดในดินแดนด้านใต้ ข้าเลี้ยงมันด้วยเม็ดยา และมันก็เป็นหนึ่งในสามของสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งที่สุด ซึ่งคอยปกป้องพื้นที่บริเวณนั้น พลังของมันไร้ขีดจำกัด และมีผิวหนังที่หนาอย่างน่าเหลือเชื่อ กระบี่บินธรรมดาทั่วไปไม่สามารถแม้แต่จะสร้างรอยขีดข่วนให้มันได้ มันยังมีความเชี่ยวชาญในวิชาเวทอันหลากหลาย แม้แต่คนที่มีระดับการฝึกต้นระดับขั้นเก้าก็ต้องมีความยุ่งยากถ้าไปยุ่งกับมัน มันสามารถจัดการทุกคนที่มีระดับต่ำกว่าขั้นพื้นฐานลมปราณ”
ดวงตาของซ่งเหล่าไกว้เกือบจะถลนออกมาจากเบ้าตา เมื่อมันเห็นเมิ่งฮ่าวกำลังจะออกไปจากป่าสัตว์อสูร แต่ตอนนี้มันก็ได้ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
อู๋ติงชิวหยุดยิ้มไปชั่วครู่ มันก็เห็นว่าช้างดึกดำบรรพ์ตัวนี้ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตธรรมดาทั่วไป สำนักจื่อยิ่นไม่ได้มีสัตว์กลายพันธุ้เช่นนี้มากนัก แต่หลังจากที่ได้ยินซ่งเหล่าไกว้พูดเกี่ยวกับช้างตัวนั้นมากมาย มันก็ต้องขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว และพึมพำกับตัวเองว่าเด็กผู้นั้นช่างแปลกนัก มันไม่มีความสนใจต่อผู้ฝึกตนทีพบเจอทั้งหมด แต่ชอบที่จะตามหาสัตว์อสูรเพื่อยั่วโทสะของพวกมัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวที่แปลกมากเช่นตัวนี้
จากนั้นดวงตาของอู๋ติงชิวก็เริ่มส่องประกาย สีหน้าของซ่งเหล่าไกว้ก็เปลี่ยนไปในทันใด และกระโดดขึ้นมายืน ด้วยสีหน้าที่ดูน่าหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง
ภายในป่าสัตว์อสูร ช้างอสูรพุ่งตรงเข้าใส่เมิ่งฮ่าว เมิ่งฮ่าวสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และหลบออกไปเล็กน้อย ส่งเสียงพึมพำในใจว่า สถานที่นี้มีสัตว์อสูรมากมายเท่าไหร่กันนะ เขายกหอกเหล็กขึ้นมาและชี้ไปที่มัน ช้างอสูรที่กำลังพุ่งเข้ามาก็หยุดลงและตัวเริ่มสั่น ทันใดนั้น งวงของมันก็ระเบิดเป็นเสียงดังออกมา งวงครึ่งท่อนลอยขึ้นไปในอากาศและตกลงมาบนพื้นใกล้ๆ ต้นไม้ ซึ่งหักลงมาด้วยน้ำหนักที่มากมายของมัน
ช้างอสูรเจ็บปวดจนโกรธเกรี้ยวกราดพุ่งไปข้างหน้าต่อไป เมิ่งฮ่าวสะบัดหอกเล่มนั้น และเสียงระเบิดก็ดังกึกก้อง หลังของช้างอสูรระเบิดออกมา จากนั้นก็ปากของมัน ในที่สุด ขาหน้าด้านขวาของมันก็แตกออกเป็นเสี่ยงๆ และมันก็ล้มลงไปบนพื้น ลื่นไถลไปหยุดอยู่ตรงที่ห่างออกไป
เสียงร้องอย่างน่ากลัวกระจายออกไปทั่วป่าสัตว์อสูร เมิ่งฮ่าวดูมีสีหน้าซีดขาวเล็กน้อย เขามองไปรอบๆ จากนั้นก็พุ่งออกไปข้างหน้า ทิ้งป่าสัตว์อสูรอยู่เบื้องหลัง และเข้าไปในภูเขาสมบัติ
ด้านหลังที่ห่างออกไปไม่ไกลนัก ซ่างกวนซิวกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก ไม่สามารถที่จะหลบหนีออกมาจากกลุ่มสัตว์อสูรดวงตาสีแดงที่อยู่รายรอบมันได้ มันได้แต่มองในขณะที่เมิ่งฮ่าวหายลับไป ความโกรธของมันพุ่งกระจายขึ้นไปถึงสวรรค์ชั้นฟ้า
เมิ่งฮ่าวออกจากผืนป่า ทิ้งรอยโลหิตไว้เป็นทางยาวยังเบื้องหลัง ตลอดจนเสียงร้องโหยหวนของสัตว์อสูรนานาชนิด ดูราวกับว่าวันแห่งการตัดสินเพิ่งผ่านไป กลุ่มศิษย์ชุดขาวจ้องมองมาด้วยความตกตะลึง สีหน้าเต็มไปด้วยความกลัวและพึมพำถึงความโหดร้ายที่ได้เห็น
เมิ่งฮ่าวมุ่งไปที่ทางขึ้นของภูเขาสมบัติอย่างต่อเนื่อง ด้วยความหวังว่าจะสามารถเดินข้ามภูเขาลูกนี้ไปได้ ซึ่งทำให้เขาหนีรอดจากซ่างกวนซิวไปได้ในที่สุด เขาเคลื่อนที่ไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูงสุด และในที่สุดก็มาถึงบริเวณตีนเขา เมื่อเขาก้าวเท้าขึ้นไปบนภูเขา ทันใดนั้นก็ต้องหยุดลง และจ้องไปด้วยความประหลาดใจ ด้านหน้าของเขาขึ้นไป ด้านล่างของหินก้อนใหญ่วางไว้ด้วยขวดเม็ดยา
ประกายแสงหลากสีกระจายออกมาจากขวดนั้น เห็นได้ชัดว่าเป็นของที่ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน เมิ่งฮ่าวหยิบมันขึ้นมาและเปิดออก ทันใดนั้น กลิ่นหอมของยาก็กระจายออกมา ด้านในเป็นเม็ดยาที่มีขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือ!
เมิ่งฮ่าวมองด้วยความตกใจ จากนั้นก็วางขวดลงไปในถุงเก็บสมบัติ ตอนนี้เขารู้แล้วว่ากลุ่มคนชุดยาวพวกนั้นมาทำอะไรในพื้นที่บริเวณนั้น พวกมันพยายามที่จะมาให้ถึงภูเขาลูกนี้นั่นเอง
“นี่เป็นยาลมปราณแห่งจักรวาล มีประโยชน์อย่างยิ่งยวดกับทุกคนที่อยู่ในระดับขั้นรวบรวมลมปราณ” อู๋ติงชิวหัวเราะเมื่อมันมองไปที่รอยโลหิต ที่เมิ่งฮ่าวทิ้งไว้จากการจัดการพวกสัตว์อสูรในป่าแห่งนั้น
ถัดจากมัน ซ่งเหล่าไกว้สีหน้าดูน่าเกลียดน่ากลัวอย่างมากมาย และมันก็ส่งเสียงหัวเราะอันเย็นชาออกมา “ภูเขาสมบัติของข้ามีเม็ดยาและหินลมปราณอยู่มากมาย เจ้าเด็กผู้นั้น อย่างมากก็เอาไปได้แค่เม็ดยา ถ้ามันคิดว่าจะขึ้นไปถึงด้านบนสุดได้ มันกำลังเพ้อฝันไป สัตว์อสูรลนภูเขาสมบัติของข้าแต่ละตัวล้วนคัดเลือกมาจากหนึ่งในล้าน มีเพียงตัวที่ยอดเยี่ยมที่สุด ในกลุ่มของตัวที่มีพรสวรรค์มากที่สุดเท่านั้น ถึงจะมาอยู่บนเข้าลูกนั้นได้ด้วยตัวของมันเอง” มันกล่าวด้วยเสียงราบเรียบเช่นเคย แต่ความเจ็บปวดในใจของมัน ยิ่งเพิ่มความเข้มข้นมากขึ้น และมากขึ้น
“ดูนั่น” ซ่งเหล่าไกว้เอ่ย ชี้ไปที่สัตว์อสูรซึ่งโผล่ออกมาที่เบื้องหน้าของเมิ่งฮ่าว
“นั่นเป็นอสูรที่ดุร้ายซึ่งข้าได้เลี้ยงเองกับมือ ร่างของมันเป็นกวางและมีหัวเป็นงูเหลือม มีความว่องไวเป็นอย่างยิ่ง และถ้ามันบาดเจ็บ ก็จะยิ่งดุร้ายมากขึ้นไปอีก มันจะสู้ไม่หยุดจนกว่ามันจะตายไป และเมื่อไหร่ที่มันได้เห็นโลหิต มันก็เริ่มบ้าคลั่ง ผู้ฝึกตนระดับรวบรวมลมปราณที่เผชิญหน้ากับมันต้องตายอย่างแน่นอน”
หลังจากที่เวลาผ่านไปราวธูปไหม้หมดไปครึ่งดอก เสียงกรีดร้องโหยหวนก็ดังกะจายออกมาจากด้านข้างของภูเขา เมื่อได้เห็นโลหิตทั้งหมดนั้น ซ่งเหล่าไกว้ก็แสดงท่าทางราวกับว่ามันเริ่มใกล้จะบ้าคลั่งขึ้นมา สัตว์อสูรที่ไม่เคยยอมแพ้จนกว่ามันจะตายไป อ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ จากนั้นก็วิ่งหนีจากไปด้วยความเร็วสูงสุด หางของมันถูกทำลายไป และตาข้างหนึ่งของมันก็แหลกเหลวไม่มีชิ้นดี ที่เลวร้ายกว่านั้น มันมีขาแค่สองข้างที่ยังเหลืออยู่ แต่มันก็ยังคงเคลื่อนที่ไปอย่างรวดเร็ว เหมือนกับที่ซ่งเหล่าไกว้เพิ่งพูดไป มันหนีไปด้วยความรวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง
เมิ่งฮ่าวตรงไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง ทะลุผ่านอาณาเขตของสัตว์อสูรตัวอื่นๆ ตอนนี้เขาได้รับหินลมปราณหลายร้อยก้อน ดูท่าทางมีความตื่นเต้นเป็นอย่างมาก เขาตั้งใจจะไปให้ถึงจุดสูงสุดของภูเขาลูกนี้ให้ได้
เสียงหัวเราะด้วยความพึงพอใจดังออกมาจากปากของอู๋ติงชิว ในความเป็นจริง สามารถกล่าวได้ว่า ตั้งแต่การปรากฎตัวของเมิ่งฮ่าว มันไม่เคยหยุดหัวเราะเลย
“อืม, มันช่างเคลื่อนที่ได้รวดเร็วจริงๆ ไม่เคยยอมแพ้จนกว่ามันจะตาย!”
“ไม่เป็นไร, ไม่เป็นไร ยังมีสมบัติอีกมากมายบนภูเขาลูกนั้น เด็กผู้นั้นเอาไปได้แค่บางส่วนเท่านั้น และมันก็ไม่สามารถที่จะจากไปพร้อมกับสมบัติพวกนั้นได้” เมื่อคำว่า ‘ไม่เป็นไร’ หลุดออกมาจากปากของมัน มันก็ดูสงบนิ่ง แต่ก็หยิบเอาเม็ดยาสงบใจ ออกมาจากถุงเก็บสมบัติและเอาเข้าไปในปาก ความบ้าคลั่งปรากฎขึ้นในดวงตาของมัน และรู้สึกมีลางสังหรณ์อันเลวร้ายขึ้นในใจ
ครึ่งชั่วยามผ่านไป… (1 ชั่วยาม = 2 ชั่วโมง)
เมิ่งฮ่าวขึ้นไปถึงจุดครึ่งทางของภูเขาเรียบร้อยแล้ว ตลอดเวลาที่ผ่านมา ไม่ว่าสัตว์อสูรจะมาขวางเขาไว้ยังไงก็ตาม เขาก็จะทำให้มันหนีไปพร้อมเสียงกรีดร้อง สถานการณ์ที่เกิดขึ้นดูแล้วเพียงเป็นอันตรายแค่เล็กน้อยสำหรับเมิ่งฮ่าวเท่านั้น ด้วยการสะบัดและยกหอกเหล็กขึ้นชี้ไป อันตรายก็จะละลายหายไป จากนั้น หัวใจของเขาก็ต้องเต้นด้วยความดีใจ เมื่อได้เก็บรวบรวมหินลมปราณ, เม็ดยา และอาวุธเวทได้มากมาย
สำหรับเมิ่งฮ่าว ทั้งภูเขาลูกนี้เหมือนเป็นขุมทรัพย์สำหรับเขา ขณะนี้ เขาได้รับม้วนภาพวาดจากด้านหลังของหินก้อนใหญ่ ม้วนภาพนั้นเปล่งแสงอันอ่อนโยนซึ่งเต็มไปด้วยพลังลมปราณออกมา มันไม่ใช่ม้วนภาพธรรมดาอย่างเห็นได้ชัด
ด้วยความตื่นเต้น เขาเอามันใส่เข้าไปในถุงเก็บสมบัติ
ด้านล่างของเขาภายในป่าสัตว์อสูร ศิษย์สำนักจื่อยิ่นมากมาย เงยหน้าขึ้นมองมาที่เขาด้วยความตกตะลึงพรึงเพริด
เมื่อซ่งเหล่าไกว้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ทั้งหมด ใบหน้าของมันก็เริ่มหมองคล้ำ และหมองคล้ำลงไปเรื่อยๆ ร่างกายของมันก็เริ่มสั่น มันจ้องไปที่ถุงเก็บสมบัติของเมิ่งฮ่าว ด้านในซึ่งมีหินลมปราณ, เม็ดยา และอาวุธเวทของมัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งม้วนภาพวาดนั่น หัวใจของมันปวดร้าว
ม้วนภาพนั่นเป็นของวิเศษที่มันได้มาเมื่อหลายปีมาแล้ว มีวิญญาณของสัตว์อสูรหลายตัวถูกผนึกอยู่ข้างในนั้น เมื่อสัตว์อสูรที่มันรักมากที่สุดได้ตายไปเมื่อหลายปีก่อน มันก็จะผนึกพวกมันไว้ในม้วนภาพนั้น และตอนนี้ เมิ่งฮ่าวก็เอามันไป ร่างของซ่งเหล่าไกว้สั่นมากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นมันจึงหยิบเอาเม็ดยาสงบใจอีกสองเม็ดใส่เข้าปากและกลืนลงไป
มันยังคงต่อสู้กับการรัษาภาพลักษณ์ที่เฉยเมยไม่แยแสของมันไว้ แต่เสียงหัวเราะของอู๋ติงชิวก็ดังออกมาอย่างต่อเนื่อง มาเสียดแทงแก้วหูของมัน
“ภูเขาสมบัติของข้ามีสมบัติอยู่มากมาย” มันบังคับตัวเองให้พูดจา “แล้วยังไงถ้าพวกมันถูกเอาไปบ้างเล็กน้อย? เจ้าเด็กนั่นต้องไม่สามารถหนีออกไปจากภูเขาลูกนั้นได้ ข้าได้รวบรวมสัตว์อสูรพวกนี้จากทุกสถานที่ในโลกนี้อย่างตั้งใจ พวกมันมีมากมาย เจ้าเด็กนั่นต้องไม่สามารถหนีจากพวกมันได้ง่ายนัก”
หนึ่งชั่วยามผ่านไป…
เมิ่งฮ่าวเกือบจะไปถึงเขตที่เป็นหิมะ ซึ่งผ่านจุดครึ่งทางของภูเขาขึ้นไป เขามีใบหน้าตื่นเต้น เมื่อเพิ่มความเร็วตรงขึ้นไปอย่างเต็มที่ ด้านล่างในป่าสัตว์อสูร มากกว่าครึ่งของศิษย์สำนักจื่อยิ่น ที่ติดอยู่กับสัตว์อสูร ก็สามารถมองเห็นเขาบนภูเขาสูงขึ้นไปเรื่อยๆ ความแปลกใจและอิจฉาก็ปรากฎบนสีหน้าของพวกมัน โดยเฉพาะเมื่อเมิ่งฮ่าวหยุดลงและก้มหยิบสิ่งของจากบนพื้น ทุกคนในกลุ่มศิษย์ก็ได้แต่ฝันว่าตัวเองจะไปอยู่ในที่จุดนั้นบ้าง
ซ่างกวนซิวยืนขึ้น กำหมัดและกัดฟันจนแน่น ไร้หนทางโดยสิ้นเชิง มันไม่กล้าที่จะไปบนภูเขาลูกนั้น มันได้รับอันตรายมามากพอแล้วในป่าสัตว์อสูร ยิ่งไปกว่านั้น มันยังได้ยินคำพูดของศิษย์ชุดขาวบางคน และก็รู้ว่านี่เป็นการทดสอบของศิษย์ในสำนักจื่อยิ่นจากดินแดนด้านใต้ มันรู้สึกขัดแย้งกันเองในจิตใจ และดูเหมือนว่ามันจะมีทางเลือกอื่นแทนทีจะยอมแพ้ มีเพียงความเกลียดชังอย่างรุนแรงของมันต่อเมิ่งฮ่าวเท่านั้น ที่ทำให้มันต้องคิดทบทวนใหม่
เมื่อซ่งเหล่าไกว้ได้เห็นเมิ่งฮ่าว ทำให้หัวของสัตว์อสูรอันล้ำค่าตัวอื่นของมันต้องบาดเจ็บ มันก็ต้องหยิบเอาเม็ดยาสงบใจอีกสามเม็ดส่งเข้าปากและกลืนลงไป ยังคงแสร้งทำท่าว่าไม่สนใจต่อไป
“ข้าได้รวบรวมหิมะนั่นมาจากด้านบนสุดของเมฆมงคลอย่างพิถีพิถัน” มันกล่าวช้าๆ ผ่านร่องฟัน “มันเป็นสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมมากที่สุด สำหรับสัตว์อสูรที่ล้ำค่ามากที่สุดของข้า หนึ่งในพวกมัน ก็คือ แร้งแยกนภา ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีว่า กรงเล็บของมันสามารถที่จะป่นหินทะลายเหล็กได้อย่างง่ายดาย ปีกของมันก็สามารถสร้างสายลมอันรุนแรงขึ้นมาได้ มันดุร้ายอย่างยิ่งยวด บางทีมันอาจจะเป็นสัตว์อสูรที่อันตรายมากที่สุดบนภูเขาลูกนั้นก็ได้ เพียงแค่หอกผุๆ เล่มนั้น เจ้าเด็กนั่นต้องตายอย่างแน่นอนเมื่อมันเข้าไปในอาณาเขตของแร้งแยกนภา”
หนึ่งชั่วยามครึ่งผ่านไป…
แร้งหนึ่งตัวได้ถูกแยกส่วน ปีกข้างหนึ่งของมันหายไป และแร้งยักษ์นั่นก็ไอออกมาเป็นเลือด ส่งเสียงร้องอย่างน่าเวทนา มันซ่อนตัวเองอยู่ในหิมะ ส่งเสียงร้องออกมาอย่างไม่ยอมหยุด
เมิ่งฮ่าวเกือบจะไปถึงจุดสูงสุดของภูเขา ศิษย์ทุกคนของสำนักจื่อยิ่นจ้องไปที่เขา พวกมันไม่ได้สนใจนักกับการต่อสู้กับสัตว์อสูร พวกมันมองไปด้วยความรู้สึกหวาดกลัวต่อหอกเหล็กที่ส่องประกายเจิดจ้า และดวงตาของพวกมันก็ลุกโชนขึ้นมา
“คนผู้นี้คือใคร…”
“มันบุกรุกเข้ามาในการทดสอบ และเอารางวัลของพวกเราไปทั้งหมด…มันช่างโหดร้ายนัก”
“หอกเหล็กนั่นต้องเป็นของวิเศษจากสวรรค์เป็นแน่! มันช่างน่ากลัวนัก!”
ร่างของซ่งเหล่าไกว้สั่นระริกด้วยความเจ็บช้ำใจ เมื่อมันมองไปเห็นเมิ่งฮ่าว ซึ่งกำลังใกล้จะขึ้นไปถึงยอดสูงสุดของภูเขา หยิบเอาแหสีดำขึ้นมา มันไม่สามารถเสแสร้งเป็นเยือกเย็นได้อีกต่อไป มันยืนขึ้นและก้าวออกไปข้างหน้า พร้อมที่จะไปสอนบทเรียนให้กับเมิ่งฮ่าว

About wuxiathai

Organic Theme is officially developed by Templatezy Team. We published High quality Blogger Templates with Awesome Design for blogspot lovers.The very first Blogger Templates Company where you will find Responsive Design Templates.

Copyright © 2015 ผนึกสวรรค์ สยบมาร สะท้านเทพ

Designed by Templatezy | Distributed By Gooyaabi Templates