วันจันทร์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2560

ตอนที่ 21 : เมิ่งฮ่าว เจ้าคนไร้ยางอาย!

Posted By: wuxiathai - 22:22
ภูเขาสีดำไม่ได้โล่งเตียนว่างเปล่า แต่ปกคลุมไปด้วยป่าต้นไม้ซึ่งสูงยืดจนเกือบไปถึงสวรรค์ เหตุผลที่สถานที่นี้เรียกว่าภูเขาสีดำ ก็เพราะว่าทุกไม้ทุกต้นของที่นี้มีแต่สีดำทั้งหมด และดูเหมือนว่ามันจะเต็มไปด้วยพลังลมปราณที่หมุนวนอยู่รอบๆ
มันแตกต่างโดยสิ้นเชิงจากภูเขาลูกอื่นๆ ที่ไกลสุดไกลเท่าที่ตาจะมองเห็นได้
เมื่อผ่านเข้าไปในเขตภูเขา เมิ่งฮ่าวได้ยินเสียงร้องคำรามลึก และสัตว์อสูรระดับสามของการรวบรวมลมปราณก็ได้พุ่งตรงมาที่เขา มันมีร่างกายเป็นสุนัขป่า มีหางที่ยาวเหมือนงู และลำตัวก็ปกคลุมไปด้วยขนที่หนาแน่น มันจ้องมองมาที่เขาด้วยความเกลี่ยดชัง
เมื่อมันพุ่งมาถึง เมิ่งฮ่าวก็หยุดลง จากนั้นก็ยกกระจกทองแดงส่องไปที่พวกมัน ทันใดนั้น ดวงตาด้านขวาของหนึ่งในสัตว์อสูร ก็พุ่งออกมาพร้อมโลหิตที่กระจายออกมาเหมือนน้ำพุ ส่งเสียงกรีดร้องอย่างน่าอนาถใจ สร้างความหวาดกลัวให้กับอีกตัว
สายตาเมิ่งฮ่าวเป็นประกาย ครั้งนี้กระจกได้ระเบิดดวงตาของสัตว์อสูร ไม่ใช่ส่วนก้น เช่นเดียวกับที่ได้เกิดขึ้นเมื่อเขาสู้กับจ้าวอู่กัง เขาไม่มีเวลามากนักที่จะคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ในขณะที่พวกมันกำลังหลบเลี่ยงเขา เขาก็รีบกระโดดพุ่งผ่านพวกมันไป
สำหรับผู้ฝึกตนระดับห้าทั้งสองคนที่ไล่ตามมาด้วยความโกรธ ก็ซัดกระบี่บินออกไป ทันใดนั้นก็สังหารสัตว์อสูรไปสองตัว พวกมันไม่ยอมหยุดที่จะเก็บแกนอสูรแม้แต่น้อย ความเร็วของร่างของพวกมันคล้ายหมอกควันเมื่อไล่ตามเมิ่งฮ่าวไป
“นี่เป็นภูเขาสัตว์อสูร ข้าเคยได้ข่าวว่ามีราชาของสัตว์อสูร อาศัยอยู่บนยอดเขา เมิ่งฮ่าว เจ้าหลบหนีมาที่นี่ เหมือนกับรนหาที่ตายแท้ๆ”
“เจ้าไม่จำเป็นต้องหลบหนี กลับมาคุยกันก่อน เราอาจจะแลกเปลี่ยนค้าขายกันได้” ผู้ฝึกตนทั้งสองร้องเรียกเมิ่งฮ่าว พร้อมกับวิ่งตามไป น้ำเสียงดูเหมือนมีความจริงใจ แต่ในส่วนลึกของจิตใจพวกมัน เต็มไปด้วยความต้องการที่จะสังหาร
เมิ่งฮ่าวไม่แม้แต่จะเหลียวหลังมองกลับไป หรือโต้ตอบกับพวกมัน แต่กลับเร่งความเร็วตรงไปยังจุดสูงสุดของภูเขา ก่อนที่จะไปถึง เขาวิ่งเข้าไปในกลุ่มของสัตว์อสูรเจ็ดถึงแปดตัว พวกมันทั้งหมดดูเหมือนว่าจะเป็นระดับสามของการรวบรวมลมปราณ หลังจากที่ขู่พวกมันด้วยกระจกทองแดง เขาก็รีบหนีไป
แน่นอนว่าผู้ฝึกตนทั้งสองไม่มีความสามารถเช่นนี้ ดังนั้นพวกมันก็ต้องทำการสังหารหมู่เพื่อจะผ่านไปให้ได้ จากนั้นร่างกายพวกมันก็เต็มไปด้วยโลหิต โลหิตของสัตว์อสูร พวกมันยังคงไล่กวดตามไปโดยไม่ลดละ ด้วยความเหนื่อยล้า ตั้งแต่เริ่มต้นจนบัดนี้ พวกมันได้ใช้เม็ดยาไปมากมาย แต่เมื่อขี่บนหลังเสือแล้ว ก็ยากที่จะลง พวกมันจึงต้องกัดฟันไล่ตามต่อไป
“พวกมันยังคงไล่ตามข้า…” เมิ่งฮ่าวพึมพำด้วยสีหน้าที่น่ากลัว เขาได้มาถึงจุดที่ไกลที่สุด เท่าที่เขาเคยมายังภูเขาสีดำแห่งนี้ ถ้าเขาไปไกลกว่านี้ ก็คงยากที่จะหลีกเลี่ยงกับสัตว์อสูรระดับห้าของการรวบรวมลมปราณ สีหน้ายุ่งยากใจปรากฎบนใบหน้าเขา เขากัดฟันยังคงมุ่งหน้าตรงไปยังยอดเขา
เวลาผ่านไปชั่วธูปไหม้หมดไปครึ่งดอก ทันใดนั้นเสียงคำรามทุ้มต่ำก็ดังมา คลอบคลุมไปเกือบครึ่งภูเขา เหมือนกับสายลมสีดำ สุนัขป่ายักษ์หลากสี พุ่งตรงมาที่เขา เห่าคำรามเสียงดัง สุนัขป่ามีขาที่ยาวประมาณสิบแปดฉื่อ และดวงตาสีแดงที่ส่องประกายแฝงความต้องการสังหารอยู่ภายใน ระดับห้าของการรวบรวมลมปราณแผ่กระจายออกมาจากตัวมัน
ถ้ามีเพียงแค่ตัวเดียว ก็ไม่ต้องกังวลอะไรมากนัก แต่ด้านหลังของมัน ติดตามมาด้วยกลุ่มของสุนัขป่าที่มีขนาดเล็กกว่ามันสี่ตัว ซึ่งมีพลังลมปราณอยู่ในจุดสูงสุดของระดับสี่ รวมถึงสุนัขป่าระดับห้าตัวอื่นๆ เสียงร้องคำรามที่ดุร้ายของพวกมันแผ่กระจายไปทั่ว
ดวงตาเมิ่งฮ่าวส่องประกาย โดยไม่ลังเล เขายกกระจกทองแดงส่องไปที่กลุ่มสุนัขป่าเหล่านั้น เสียงร้องโหยหวนดังออกมาจากปากของสุนัขป่าตัวหนึ่ง และโลหิตก็ไหลพุ่งออกมาจากหน้าอกของมัน ราวกับว่ามันถูกแทงด้วยคมกระบี่ สุนัขป่าตัวอื่นๆ อยู่ในอาการตกใจ ล่าถอยออกไปโดยไม่รู้ตัว
จากนั้นต่อมา โดยไม่แน่ใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นและเต็มไปด้วยการคาดเดา เมิ่งฮ่าวกัดฟันเดินหน้าต่อไป กระบี่บินสองเล่มปรากฎขึ้นที่ใต้เท้าของเขา ทันใดนั้น ก็พาเขาพุ่งไปไกลกว่าเก้าสิบฉื่อ
ด้านหลังที่ห่างออกไป ก็ปรากฎผู้ฝึกตนระดับห้าสองคนขึ้นมา เมื่อพวกมันมองไปเห็นฝูงของอสูรสุนัขป่า สีหน้าของพวกมันก็สลดลง แม้ว่าพวกมันจะไล่ตามเมิ่งฮ่าวมาด้วยกัน พวกมันก็ยังคงระแวงซึ่งกันและกัน พื้นที่แห่งนี้ยังคงอยู่ในอาณาเขตของสำนักเอกะเทวะ แต่เมื่อไหร่ที่อยู่นอกเขตของสำนัก ก็ไม่มีกฎที่จะห้ามไม่ให้พวกมันสังหารกันเองได้
ท่ามกลางการไล่ติดตามด้วยกัน มันไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอันใด แต่ตอนนี้พวกมันเผชิญกับจุดวิกฤต สุนัขป่าอสูรระดับห้าสองตัวมองมาที่พวกมันอย่างน่ากลัว รวมไปถึงสุนัขป่าอสูรตัวอื่นๆ ที่เหลือ ทำให้พวกมันต้องเริ่มคิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้น ทั้งสองก็กระจายกันออกไป หนึ่งวิ่งไปทางซ้าย และอีกคนก็วิ่งไปทางขวา
พวกมันเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว แต่สุนัขป่าอสูรกลับเร็วกว่า พวกมันเป็นสัตว์อสูรที่มีญาณรับรู้ และรู้สึกกลัวอย่างแปลกประหลาดกับกระจกทองแดงบานนั้น
เช่นเดียวกับเมิ่งฮ่าว ท่ามกลางเสียงคำรามด้วยความโกรธของพวกมัน เขาก็รีบหนีไป ในขณะที่ผู้ฝึกตนระดับห้าทั้งสองคนนั้นกลับบุกเข้าไปในอาณาเขตของพวกสุนัขป่าอสูร
ผู้ฝึกตนทั้งสองไม่มีเวลาไปคิดถึงความโกรธของพวกมัน รีบวิ่งหนีไป ไล่ตามมาด้วยสุนัขป่าอสูรที่ส่งเสียงร้องคำรามอย่างดุร้าย ไม่ช้าพวกมันก็หนีไกลออกไป
เมิ่งฮ่าวถอนหายใจออกมา มองขึ้นไปยังยอดเขา และมองกลับไปยังผู้ฝึกตนที่ไล่ตามมา สองตาสาดประกาย
“สัตว์อสูรเหล่านั้นสร้างปัญหาให้กับพวกมันไม่น้อย และก็ช่วยให้พวกมันห่างจากตัวข้าได้สักพัก แต่เวลาอีกหนึ่งชั่วยามกำลังใกล้เข้ามา เม็ดยาก็จะส่องแสงอีกครั้ง และไม่ช้าพวกมันก็จะหาข้าเจอ” เมิ่งฮ่าวมองขึ้นไปยังยอดเขาอีกครั้ง เขากัดฟันและวิ่งขึ้นไป
ไม่นานหลังจากนั้น ลำแสงก็พุ่งออกมาจากถุงเก็บสมบัติ ส่องสว่างขึ้นไปในท้องฟ้า ทุกคนที่อยู่ในที่ห่างไกลออกไป สามารถมองมันได้อย่างชัดเจน
ทุกๆ หนึ่งชั่วยาม ลำแสงก็จะปรากฎขึ้น และเพิ่งจะเกิดขึ้นไม่กี่ครั้งในวันนี้ นี่เป็นครั้งที่สี่
เมิ่งฮ่าวเดินหน้าไปด้วยความระมัดระวัง พยายามที่จะหลีกเลี่ยงสัตว์อสูรให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ส่วนใหญ่ที่เขาเจอ จะอยู่ในระดับห้าของการรวบรวมลมปราณ ดังนั้นเขาจึงกลัวพวกมัน ดูเหมือนว่าพวกมันชอบที่จะเคลื่อนไหวกันเป็นฝูง ไม่อยู่โดดเดี่ยว ดังนั้นแม้ว่ากระจกทองแดงจะป้องกันเขาได้บ้าง แต่เขาก็ยังคงเคลื่อนไหวด้วยความระมัดระวังตัวอย่างดีที่สุด  ทำให้ความเร็วของเขาลดลง เนื่องจากเขาไม่สามารถวิ่งได้
เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ ใกล้จะถึงครึ่งชั่วยาม ทันใดนั้น เสียงคำรามอันดุร้ายก็ดังกระจายไปทั่วทั้งภูเขา ในเวลาเดียวกันนั้น เมิ่งฮ่าวเพิ่งจะโผล่ออกมาจากแนวป่าที่เต็มไปด้วยต้นไม้ สีหน้าเขาแสดงความกังวล ไล่ตามมาด้วยลิงอสูรเจ็ดถึงแปดตัว พวกมันดุร้าย และมีความว่องไวเป็นอย่างยิ่ง ไล่กวดเมิ่งฮ่าวมาด้วยความโกรธ
สามตัวอยู่ในระดับห้าของการรวบรวมลมปราณ ซึ่งทำให้เขาต้องร้องไห้คร่ำครวญอยู่ในใจ เขาพยายามที่จะระมัดระวังตัวเป็นอย่างมาก แต่ก็นึกไม่ถึงว่า แม้เขาจะระวังตัวเพียงไรก็ตาม ก็ยังเดินเข้าไปในกลุ่มของลิงอสูรอยู่ดี กระจกที่มีจิตวิญญาณของมันเอง ทันใดนั้น ก็โจมตีไปที่พวกมัน ทำการระเบิดหนึ่งในลิงอสูร ตัวที่มีขนยาวที่สุดจนลงไปนอนกองบนพื้น ทำให้ลิงอสูรที่เหลืออยู่โกรธเป็นอันมาก
“ถึงแม้ว่าลิงอสูรมีขนที่ยาวมาก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเจ้าจะทำเช่นนี้ได้” เมิ่งฮ่าวกล่าวด้วยความขมขื่น มองไปที่กระจกทองแดงในมือของเขา เขาตระหนักดีว่า เขายังไม่ได้เข้าใจความลับทั้งหมดของกระจกอย่างถ่องแท้ แต่ตอนนี้ เขาไม่มีเวลาที่จะไปคิดถึงมัน
เขาพยายามวิ่งให้ห่างจากพวกลิงอสูร มองไปที่ด้านหลัง เห็นพวกมันอยู่ไม่ไกลจากเขามากนัก ดังนั้นเขาจึงโบกกระจกทองแดง และเสียงร้องโหยหวนอีกเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น ในเวลาเดียวกันนั้น เมิ่งฮ่าวมองไปที่เบื้องหน้า เขาก็เห็นจุดกึ่งกลางของครึ่งทางที่จะลงไป หรือว่าขึ้นไปบนภูเขา
ทันใดนั้น เขาก็เห็นกระบี่บินสาดประกายวาววับ ลอยไปมาในอากาศ
สองตาเขาส่องประกายและวิ่งตรงไปเบื้องหน้า จากนั้นเขาก็อยู่ท่ามกลางกลุ่มของผู้ฝึกตนสี่คนที่มีระดับสี่ของการรวบรวมลมปราณ หนึ่งในนั้นคือ ซ่างกวนเกอ พวกมันกำลังต่อสู้กับหมีอสูรอยู่หลายตัว โลหิตสาดกระจายไปทั่ว และดูเหมือนว่าพวกมันกำลังได้เปรียบ เมื่อซากศพของหมีอสูรสองตัวนอนแน่นิ่งอยู่ที่เท้าของพวกมัน
“เมิ่งฮ่าว!” พวกมันมองมาที่เมิ่งฮ่าว เช่นเดียวกับที่เมิ่งฮ่าวมองไปที่พวกมัน และสายตาของพวกมันก็เต็มไปด้วยความต้องการสังหารอย่างเต็มเปี่ยม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ซ่างกวนเกอ
พวกมันเริ่มรู้สึกเหนื่อย การเดินทางของพวกมันในภูเขาสีดำเต็มไปด้วยการต่อสู้ ในตอนแรก พวกมันมีด้วยกันสิบคน แต่พวกมันส่วนมากถอดใจจากไป เหลืออยู่แค่สี่คนที่ยังกัดฟันติดตามลำแสงของเม็ดยาต่อไป จนกระทั่งพวกมันได้พบว่ากำลังต่อสู้อย่างกล้าหาญกับหมีอสูรอยู่
เมื่อพวกมันมองเห็นเมิ่งฮ่าว สายตาก็เริ่มแดงฉาน พวกมันอยากจะเปลี่ยนเป้าหมายการโจมตีของกระบี่บินเป็นเมิ่งฮ่าวอย่างยิ่ง
“ศิษย์พี่ ข้าได้รับคำสั่งจากท่าน ให้ดึงดูดความสนใจของฝูงลิงอสูร เร็วเข้า รีบมา!” เมื่อเมิ่งฮ่าวมาถึง เขาไม่สนใจกระบี่บินที่ลอยไปมา และตะโกนออกมาเสียงดัง จนกลุ่มลิงอสูรที่ไล่ตามมาได้ยิน
เมื่อคำพูดเขาดังออกมาจากปาก เสียงร้องคำรามด้วยความดุร้ายอย่างน่าตกใจ ก็ดังกระหึ่มมาจากด้านหลังของเขา เมื่อลิงอสูรเจ็ดถึงแปดตัวพุ่งออกมาจากราวป่า สาดประกายสีแดงในดวงตา
“เมิ่งฮ่าว เจ้าคนไร้ยางอาย!!!”
“บัดซบ เจ้าคนน่ารังเกียจ!”
สีหน้าบุรุษุหนุ่มทั้งสี่เริ่มซีดสลด และพยายามที่จะหนีไป สาปแช่งเมิ่งฮ่าวอยู่ในใจ แต่หมีอสูรที่ต่อสู้อยู่ไม่ยอมให้พวกมันหลบหนีไป เมิ่งฮ่าวที่กำลังกังวลอยู่กับสถานการณ์ทั้งหมด ก็พุ่งผ่านพวกมันไป และประกายตาสีแดงของลิงอสูรก็พุ่งตรงเข้ามาด้วยความดุร้าย
เมิ่งฮ่าวมองกลับไปด้านหลังยังพวกมันทั้งสี่ ความต้องการสังหารปรากฎขึ้นในดวงตาของเขา เขาตบถุงเก็บสมบัติ บินกระบี่จำนวนหนึ่งก็ลอยออกมาด้วยเสียงคำรามทุ้มต่ำ
“ตูม!”
เสียงระเบิดปานฟ้าร้องดังขึ้น เมื่อกระบี่บินระเบิดขึ้น เมิ่งฮ่าวก็ยิงเปลวไฟแห่งงูสองสายไปที่พวกมันในทันที และต้นไม้รอบๆ บริเวณนั้นหลายต้นระเบิดออกมากลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ด้วยการยืมพลังของการระเบิด เมิ่งฮ่าวกลืนโลหิตที่กระอักออกมาลงท้องและหนีจากไป
ด้านหลังของเขา ผู้ฝึกตนทั้งสี่หมดพลังไปกับการระเบิด สำหรับพวกลิงอสูร เมื่อมันไม่เห็นเมิ่งฮ่าว แต่ผู้ฝึกตนทั้งสี่ยังยืนอยู่เบื้องหน้าพวกมัน ดังนั้นพวกมันจึงโจมตีไปในทันที
เสียงร้องอย่างน่าอนาถดังมา และเมิ่งยังคงพุ่งไปข้างหน้า โดยไม่เหลียวมองกลับไปแม้แต่น้อย
“สถานที่นี้ไม่เลวนัก ค่อนข้างอันตรายพอสมควร” เมิ่งฮ่าววิ่งตรงไป จนกระทั่งเขามั่นใจว่าลิงอสูรไม่ได้กวดตามเขามา จากนั้นก็หยุดลง หอบหายใจ เขามองไปรอบๆ
“มันไม่ง่ายเลย ที่จะเก็บเม็ดยาลมปราณเกราะไว้ได้” เขาพึมพำ มองลงไปที่ถุงเก็บสมบัติ และถอนหายใจออกมา รู้สึกกระวนกระวายใจเล็กน้อย
“ข้าสูญเสียกระบี่บินไปถึงสามสิบเอ็ดเล่ม และแต่ละเล่มก็คือหินลมปราณ ข้ายังได้กินเม็ดยาไปอีกมากมาย แต่ละเม็ดก็หมายถึงหินลมปราณเช่นกัน แต่ก็ยังไม่ถึงเวลาหนึ่งชั่วยาม ครั้งที่ห้าอีก…” เมิ่งฮ่าวหัวเราะอย่างขมขื่น รู้สึกเจ็บปวดในใจ
“สุดท้าย ถ้าข้าสามารถกินเม็ดยาลมปราณเกราะ และก้าวข้ามพลังการฝึกตนของข้าไปอีกระดับนึงได้ มันก็คุ้มค่าเป็นอย่างยิ่ง” เส้นเลือดปรากฎบนดวงตาของเขา เขาเหมือนผีพนันผู้ซึ่งเดิมพันกับชัยชนะด้วยทุกๆ สิ่ง และ ทุกอย่างก็มลายหายไป
“ถ้าพวกศิษย์ระดับสี่ทั้งสี่คนไม่ถูกฆ่าตาย พวกมันก็คงเหนื่อยจนหมดแรงไปแน่ และพวกมันก็คงไม่ไล่ตามอีกต่อไป ตอนนี้สิ่งที่ข้าต้องกังวลก็คือผู้ฝึกตนระดับห้าทั้งสองคนนั้น” เมิ่งฮ่าวสีหน้าหมองคล้ำลง คู่ต่อสู้ของเขามีระดับการฝึกตนสูงกว่าเขา และยังมีตั้งสองคน มันเป็นการยากที่จะต่อสู้กับพวกมัน และสิ่งที่เขาคิดก็คือ มันไม่คุ้มที่จะสังหารพวกมัน คงต้องใช้หินลมปราณเป็นจำนวนมากมายมหาศาล
เขาพักผ่อนชั่วครู่ มองขึ้นไปยังยอดเขา จากนั้นก็กัดฟันเริ่มวิ่งต่อไป เวลาหนึ่งชั่วยาม ครั้งที่ห้ามาถึงอย่างรวดเร็ว และเมื่อลำแสงของเม็ดยาพุ่งขึ้นไปในท้องฟ้าจากถุงเก็บสมบัติของเขา เขาก็ได้ยินเสียงอันน่ากลัวของศัตรูทั้งสองของเขา ดังมาจากด้านข้างอีกฝั่งของเขา
“เมิ่งฮ่าว เจ้าหนีไม่รอดหรอก!”
“ส่งเม็ดยาลมปราณเกราะมาให้ข้า ข้าจะยอมให้เจ้าตายโดยมีซากศพที่สมบูรณ์ มิเช่นนั้น ข้าจะปล่อยศพของเจ้าไว้ที่นี่ให้สัตว์ป่ากัดกินจนไม่มีอะไรเหลืออยู่เลย”
แม้ว่าเสียงของพวกมันจะดังมาจากที่ไกลออกไป ร่างของพวกมันก็พุ่งตรงเข้ามาหาเมิ่งฮ่าวดุจประกายแสง สายตาเมิ่งฮ่าวเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น และเขาก็พุ่งต่อไปข้างหน้า ดูเหมือนว่าไม่ไกลจากนี้ เป็นรังของสัตว์อสูรบางชนิดอยู่

About wuxiathai

Organic Theme is officially developed by Templatezy Team. We published High quality Blogger Templates with Awesome Design for blogspot lovers.The very first Blogger Templates Company where you will find Responsive Design Templates.

Copyright © 2015 ผนึกสวรรค์ สยบมาร สะท้านเทพ

Designed by Templatezy | Distributed By Gooyaabi Templates