ในช่วงเสี้ยวเวลานั้น ศิษย์สายนอกทุกคนในเขตพื้นที่สี่เหลี่ยมจัตุรัส ก็เริ่มจ้องไปที่เจ้าอ้วนในทันใด ทำให้มันรู้สึกเหมือนกับว่าสายลมอันหนาวเหน็บ ได้พัดคืบคลานมายังแผ่นหลังของมัน ร่างของมันสั่นสะท้าน และมองไปที่เมิ่งฮ่าวอย่างน่าสงสาร รอยยิ้มที่คล้ายกำลังร่ำไห้ปรากฎขึ้นบนใบหน้า
“เมิ่งฮ่าว ช่วยข้าด้วย…” มันต้องการที่จะโยนเม็ดยาออกไป แต่มีเหตุผลบางอย่าง ทำให้ไม่สามารถโยนออกจากมือไปได้ มันรู้สึกกลัวเป็นอย่างมากเมื่อทุกคนเริ่มเดินเข้ามารอบๆ พวกเขา ฟันของมันสั่นกระทบกันไปมา
เมื่อแสงที่เสาสลักลวดลายมังกรเริ่มจางหายไป มันก็กลัวจนตัวสั่นอย่างรุนแรง จากนั้นแสงที่เสาก็มืดลงไป และอาคมที่เม็ดยาก็คลายออก ก่อนที่เจ้าอ้วนจะได้พูดอะไร เมิ่งฮ่าวก็แผ่พุ่งพลังลมปราณระดับสี่ของเขาออกมา จากนั้นก็คว้าเสื้อยาวของเจ้าอ้วนไว้ และรีบควบคุมสถานการณ์
“เอาเม็ดยามาให้ข้า” เมิ่งฮ่าวพูดเบาๆ “เจ้ารีบกลับไปที่ถ้ำแห่งเซียนและซ่อนตัวไว้!” โดยไม่ลังเล เมิ่งฮ่าวโยนแผน่หยกของถ้ำแห่งเซียนไปให้มัน เจ้าอ้วนก็โยนเม็ดยาลมปราณเกราะไปให้เขา ราวกับว่ามันเป็นเผือกที่ร้อนลวกมือ
ร่างเมิ่งฮ่าวพุ่งออกไปด้วยความรวดเร็วราวประกายแสงพร้อมทั้งเจ้าอ้วน ด้านหลังเขามีเสียงแผดร้องคำรามดังขึ้นเมื่อมีคนสิบคน หรือมากกว่านั้นวิ่งตามมาอย่างรวดเร็ว
“บัดซบ เมิ่งฮ่าว เจ้าไม่มีทางหนีรอดไปได้!”
“ส่งมอบเม็ดยาลมปราณเกราะมาซะ เห็นแก่ความเป็นศิษย์สำนักเดียวกัน ข้าจะให้ความเมตตาและจะไม่ฆ่าเจ้า มิเช่นนั้น เจ้าก็ยากที่จะหลบหนีความตายไปได้!”
เมิ่งฮ่าวไม่ยอมหยุดลงแม้แต่น้อย หลังจากที่หนีไปถึงชายขอบของอาณาเขตสำนักสายนอก เขาก็ปล่อยเจ้าอ้วนลง ถึงเจ้าอ้วนจะเป็นคนที่ใจดีมีเมตตา แต่มันก็ไม่ใช่คนโง่ เมื่อมันยืนบนพื้นด้วยสองขาของตัวเอง
“เม็ดยาโดนขโมยไปแล้ว!” มันส่งเสียงร้อง กำแผ่นหยกไว้แน่นเมื่อวิ่งออกไป พยายามแสดงท่าทางไม่ให้มีพิรุธ มันพุ่งตรงไปที่ถ้ำแห่งเซียนด้วยความเร็วสูงสุด
เมื่อได้ยินดังนั้น พวกที่ไล่ตามมาก็ไม่สนใจมัน และไล่ติดตามเมิ่งฮ่าวต่อไป
“หนีไปจนถึงสุดขอบฟ้า ถ้าทำได้ แต่เจ้าต้องไม่มีทางรอดภายในสิบสองชั่วยามนี้!”
“เจ้ามันก็แค่ระดับสี่ ยังไม่ยอมที่จะมอบเม็ดยามาให้ข้า?” ท่ามกลางผู้ที่ไล่ตามมาสิบคนหรือมากกว่านั้น ส่วนใหญ่จะอยู่ในระดับสี่ของการรวบรวมลมปราณ มีเพียงสองคนที่อยู่ในระดับห้า ที่เหลืออยู่ในระดับสาม ด้วยความหวังว่าจะมีโอกาสแสวงหาผลประโยชน์จากสถานการณ์นี้ได้
รังสีจากคมกระบี่ดังหวีดหวิวอยู่ด้านหลังเมิ่งฮ่าว เมื่อกระบี่บินสิบกว่าเล่มพุ่งตรงมาที่เขาราวสายฝน แต่เขามีความมุ่งมั่นที่จะเก็บเม็ดยาลมปราณเกราะนี้ไว้ จึงไม่ยอมที่จะโยนทิ้งไป
“ข้าเพียงแค่อดทนให้ถึงสิบสองชั่วยาม เม็ดยาก็จะกลายเป็นของข้า” เขากล่าว ความมุ่งมั่นลุกโชนในดวงตา “จากนั้น ข้าก็จะบรรลุถึงระดับห้าของการรวบรวมลมปราณ” เขาเพิ่มความเร็วขึ้น หลังจากที่เขาใช้เวลาส่วนใหญ่ในการตามล่าสัตว์อสูรในป่าลึกของภูเขา ความเร็วสูงสุดของเขาก็เพิ่มมากขึ้น และเขาก็มีความคุ้นเคยกับพื้นที่ในภูเขามากกว่าศิษย์สายนอกคนอื่นๆ ดังนั้นเมื่อออกจากอาณาเขตของสำนักสายนอก เขาก็วิ่งตรงไปที่ภูเขา
เมื่อชายตามองเห็นด้านหลังของเขาตามมาด้วยรังสีของกระบี่บิน เมิ่งฮ่าวก็ตบไปที่ถุงเก็บสมบัติหยิบเม็ดยาใส่ปากกลืนกินลงไปทันที จากนั้นเขาก็ซัดกระบี่บินของตนเองพุ่งตรงไปยังด้านหลัง
ปัง, ปัง, ปัง ต้นไม้ด้านข้างถูกพลังของกระบี่บินกระแทกจนระเบิดออกเป็นชิ้นๆ สาดกระจายออกไปทุกที่ บางส่วนก็กระเด็นมาโดนเมิ่งฮ่าวจนเจ็บปวด เมิ่งฮ่าวก็ใช้แรงระเบิดนั้นช่วยให้พุ่งไกลออกไปอีกหลายฉื่อ
ก่อนที่เท้าของเขาจะลงถึงพื้น เปลวไฟแห่งงูสี่สาย และน้ำกลมๆ สามลูก ก็พุ่งเข้ามาที่เขา เปลวไฟแห่งงูสองสาย มีความยาวเกือบห้าสิบฉื่อ และหนาเกือบเท่าตัวคน ความร้อนที่ปล่อยออกมาก็ทำให้ต้นไม้ที่อยู่ใกล้ๆ ติดไฟขึ้น นี่คงเป็นเปลวไฟของศิษย์ระดับห้า ซึ่งมีความเร็วที่สุดในกลุ่มที่ไล่ตามมา เท้าของพวกมันไม่สัมผัสพื้นแม้แต่น้อย ราวกับว่าพวกมันได้บินตรงมาหาเขาเหมือนกับสายลม สีหน้าพวกมันเต็มไปด้วยความอำมหิต
ในความเป็นจริงแล้ว พวกมันไม่เคยมีความเห็นอกเห็นใจสำหรับคนอื่นๆ แม้สักน้อยนิด สิ่งที่พวกมันสนใจก็มีเพียงแค่การแข่งขันซึ่งกันและกันของพวกมันทั้งสอง เมิ่งฮ่าวไม่นับว่าเป็นสิ่งใดทั้งสิ้น
โดยไม่ลังเล เมิ่งฮ่าวตบลงไปที่ถุงเก็บสมบัติอีกครั้ง กระบี่บินสองเล่มปรากฎขึ้น และหมุนไปรอบๆ ตัวเขา จากนั้นก็ลอยไปหยุดอยู่ที่ใต้ฝ่าเท้าของเขา จากนั้นก็พุ่งออกไป พาเมิ่งฮ่าวพุ่งไปไกลเกือบเก้าสิบฉื่อ ก่อนที่เขาจะเสียหลักการทรงตัวและตกลงมา การพุ่งออกไปครั้งนี้ทำให้เขาหลบเลี่ยงจากเปลวไฟแห่งงูและมีระยะห่างที่ไกลมากขึ้น เสียงร้องด้วยความโกรธดังก้องในอากาศจากด้านหลังของเขา
นี่เป็นวิธีการที่เมิ่งฮ่าวคิดขึ้นมาเอง มันใช้ได้แค่ช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้น แต่อย่างน้อยก็ช่วยให้เขาหลบหนีจากผู้ฝึกตนสองคนที่อยู่ในระดับห้าได้
“ถ้าข้าอยู่ในระดับห้าของการรวบรวมลมปราณ” เมิ่งฮ่าวคิด “ข้าก็จะสำเร็จวิชาเดินบนสายลม ซึ่งทำให้ข้ายืนบนกระบี่บินได้นานขึ้น และหลบหนีได้ง่ายยิ่งขึ้น น่าเศร้าใจซะจริงๆ นี่ไม่ใช่การเหาะอย่างแท้จริง…” ยิ่งมากไปกว่านั้น ทำให้เขาตัดสินใจที่จะบรรลุถึงระดับห้าของการรวบรวมลมปราณให้ได้
โดยไม่มองกลับไปด้านหลัง เขาเร่งความเร็วในการวิ่งต่อไป ในความเป็นจริงแล้ว เส้นทางที่เขาเลือกวิ่งในครั้งนี้ไม่ใช่วิ่งโดยไม่สนใจทิศทาง ทันทีที่เม็ดยาลมปราณเกราะตกลงไปบนมือของเจ้าอ้วน ความคิดของเขาก็หมุนเร็วจี๋ด้วยความเร็วสูงสุด
เขาเลือกป่าในภูเขาลูกนี้ เป็นเพราะว่าจุดหมายปลายทางของเขา ไม่ใช่อื่นใดนอกไปจากภูเขาสีดำซึ่งมีสัตว์อสูรอยู่เต็มไปหมด หลังจากที่ได้คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ในบางครั้ง เขาก็คิดได้ว่าสิ่งที่ได้เปรียบที่สุดของเขาก็คือกระจกทองแดง ด้วยกระจกบานนี้เขายังคงมีโอกาส ที่จะมีชีวิตรอดในภูเขาสีดำ แม้ว่ามันจะเต็มไปด้วยสัตว์อสูรที่อันตรายมาก ความคิดนี้ยิ่งเป็นความจริงเมื่อมีคนไล่ตามเขามา
“ถ้าเจ้าพวกนั้นยังไล่ตามข้าเข้าสู่เขตภูเขาสีดำ ข้าก็คงถูกบังคับให้ต้องสังหารพวกมันแล้ว” ความโหดเหี้ยมปรากฎบนใบหน้าของเขา เขาได้เป็นส่วนหนึ่งของสำนักเอกะเทวะมากกว่าหนึ่งปีมาแล้ว และไม่ใช่นักศึกษาอ่อนแออย่างที่เขาเคยเป็นเมื่อครั้งอดีตอีกต่อไป รูปลักษณ์ภายนอกของเขาไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก เขาสูงขึ้นเล็กน้อยและผิวก็ยังคล้ำเหมือนเดิม แต่จิตใจเขาเต็มไปด้วยความแน่วแน่เด็ดขาด
นี่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นโดยเฉพาะหลังจากที่มีเรื่องกับหวังเถิงเฟย เขารู้ดีว่าเขาสามารถพึ่งพาได้เพียงตนเองเท่านั้น นี่วิถีทางที่แท้จริงเพียงหนึ่งเดียวที่จะกลายเป็นผู้เข้มแข็ง ในโลกของผู้ฝึกตนเพื่อสำเร็จเป็นเซียน กฎแห่งป่าเป็นจริงเสมอ มันผู้นั้นต้องบำเพ็ญตนด้วยความระมัดระวังและเต็มไปด้วยความเด็ดขาด
พวกมันไล่ติดตามเขามาโดยไม่ลดละ กระบี่บินส่องประกายวาววับ ไม่นานนักผู้ฝึกตนสองคนที่อยู่ระดับห้าก็ไล่ตามเขามาเกือบประชิดตัว สายตาพวกมันเต็มไปด้วยความต้องการสังหาร
ก่อนหน้านี้ เมิ่งฮ่าวใช้วิธีเคลื่อนไหวแบบพิเศษแค่ครั้งเดียว ก็หลบหนีการโจมตีของพวกมันได้โดยง่ายดาย นอกเหนือจากหวังเถิงเฟย และหานจง พวกมันเหมือนกับหัวหน้าสูงสุดในศิษย์สายนอก ดังนั้นพวกมันคิดว่านี่เป็นความอัปยศ ที่ปล่อยให้เมิ่งฮ่าวหนีไปได้โดยง่ายดายเช่นนี้
พวกมันโจมตีในเวลาเดียวกัน และเมิ่งฮ่าวก็ยังคงหลบหนีต่อไป ซึ่งพวกมันยากที่จะยอมรับได้ ตอนนี้พวกมันยิ่งต้องการสังหารเขามากกว่าเดิม เมื่อเขาใช้วิธีการยืนบนกระบี่บินหลบหนีได้อีกครั้ง พวกมันคิดไม่ถึงว่า จะมีใครที่อยู่ระดับสี่สามารถทำได้แบบนี้
แต่เมื่อคิดไปว่าด้วยพลังการฝึกตนของพวกมัน การกระทำเช่นนี้เป็นการสิ้นเปลืองพลังลมปราณเป็นอย่างยิ่ง ถึงแม้ว่ามันจะช่วยให้มีความเร็วเพิ่มมากขึ้น เมื่อเห็นเมิ่งฮ่าวใช้วิธีนี้อีกครั้ง พวกมันมีสีหน้าเย้ยหยัน การเคลื่อนไหวแบบนั้นในไม่ช้าก็จะลดทอนพลังลมปราณให้น้อยลงอย่างรวดเร็ว
“ดูสิว่าเจ้าจะหนีไปได้ในครั้งนี้!” พวกมันตะโกน จ้องมองกันไปมา หนึ่งในนั้นก็พุ่งไปข้างหน้าเหมือนกับนกยักษ์ในทันที ท่ามกลางอากาศ มันโบกสะบัดมือ ก็ปรากฎเปลวไฟแห่งงูร้องเสียงดังกระหึ่มพุ่งตรงลงไปที่เมิ่งฮ่าว
อีกคนก็ยังคงไล่ติดตามเมิ่งฮ่าว พวกมันทั้งสองร่วมมือกันโจมตี หนึ่งอยู่ในอากาศ และอีกหนึ่งอยู่บนพื้น พร้อมที่จะผนึกโชคชะตาของเมิ่งฮ่าวให้ตกอยู่ในความตาย
“ยังไม่ยอมรับความตายอีก!” หนึ่งในนั้นแสยะยิ้มดูน่ากลัว รังสีสังหารกระจายทั่วบริเวณ
เมิ่งฮ่าวยังคงมีสีหน้าเรียบเฉยเหมือนเดิม เขาพ่นเสียงออกจากจมูกอย่างเย็นชา เขากล้าที่จะหยิบเอาเม็ดยาลมปราณเกราะมา ซึ่งก็แน่นอนว่าเขาต้องมีวิธีการบางอย่างที่เตรียมไว้แล้ว เขาตบไปที่ถุงเก็บสมบัติ โบกสะบัดชายแขนเสื้อ กระบี่บินหกเล่มก็ปรากฎขึ้น เปล่งประกายประสานกัน จากนั้นก็พุ่งออกไปจากตัวเมิ่งฮ่าว
“ตูม!”
เมิ่งฮ่าว ส่งเสียงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดเล็กน้อย เสียงระเบิดดังก้องไปทั่วภูเขา เมื่อผู้ฝึกตนทั้งสองที่ไล่ตามมาได้ยินเสียงระเบิด พวกมันก็ชะงักด้วยความประหลาดใจ ไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้นจึงบังเกิดเป็นเสียงดังเช่นนี้
ท่ามกลางเสียงดังคล้ายฟ้าผ่า เมิ่งฮ่าวกระอักโลหิตออกมาจากปาก และร่างของเขาก็พุ่งออกไปจนห่างไกล ด้านหลังของเขา ผลกระทบจากการโจมตีจางหายไป เปลวไฟแห่งงูดับลงไปพร้อมรอยเลือดและเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด ผู้ฝึกตนระดับห้าทั้งสองไม่มีทางเลือก ต้องถอยกายไปหลายก้าว ทั่วบริเวณนั้นปกคลุมไปด้วยฝุ่นละออง สีหน้าของพวกมันเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ
“บัดซบ มันถึงกับจุดระเบิดกระบี่บินถึงหกเล่มในคราเดียว!”
“มิน่าเล่า มันถึงได้เปิดร้านขายของ! มันจะมีกระบี่บินอีกกี่เล่มกันนะ?”
ทั้งสองต่างก็สูดลมหายใจเข้าไปเต็มปอด แต่ก็ไร้การลังเล ใช้วิชาเดินบนสายลมด้วยความเร็วสูงสุด ไล่ตามไปอีกครั้ง ไม่พอใจที่จะให้เมิ่งฮ่าวข่มขู่พวกมัน จากการประเมินของพวกมัน เมิ่งฮ่าวคงเหลือกระบี่บินอยู่ไม่มากนัก ถึงแม้ว่าเขาจะเปิดร้านขายของที่เขตส่วนรวมสำหรับศิษย์ระดับต่ำก็ตาม เขาคงไม่มีอาวุธเวทมากมายนัก
“ครั้งนี้ เจ้าต้องตายแน่นอน!” ทั้งสองเพิ่มความเร็วในการไล่ตาม ผ่านเข้าไปในป่าของภูเขา ตรงจุดนี้เอง ศิษย์ระดับสี่ที่ไล่ตามมาก็ตามมาถึง หนึ่งในนั้นก็คือเพื่อนของหวังเถิงเฟย ซ่างกวนเกอ พลังการฝึกตนของมันอยู่ในจุดสูงสุดของขั้นสี่ของการรวบรวมลมปราณ สีหน้าของมันดูน่ากลัว ในใจลึกๆ ของมัน ค่อนข้างกลัวกับความเร็วในการหลบหนีของเมิ่งฮ่าว แต่มันยังคงไล่ตามมา
เวลาดำเนินไป ไม่ช้าครึ่งชั่วยามก็ผ่านไป เมิ่งฮ่าวยังคงพุ่งไปเบื้องหน้า รักษาระยะห่างจากพวกที่ไล่ตามมา บางครั้งที่เขาตกอยู่ในอันตราย เขาก็จะจุดระเบิดกระบี่บิน และหลบหนีต่อไป
การกระทำเช่นนี้ทำให้พวกฝึกตนระดับห้าที่ไล่ตามมาถึงกับอ้าปากค้าง โอดครวญกับตัวเอง ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า เมิ่งฮ่าวจะมีกระบี่บินมากมายปานนั้น ถึงตอนนี้ เขาได้ระเบิดกระบี่บินไปเกือบยี่สิบเล่ม
รวมกับวิธีการยืนบนกระบี่บิน ทำให้ความรวดเร็วในการหลบหนีของเขาค่อนข้างสูงมาก
“บัดซบ! ถึงมันจะมีกระบี่บินมากมาย แต่ข้าก็ไม่เชื่อว่ามันจะมีมากกว่านี้ไปได้อีก ยิ่งไปกว่านั้น ดูจากความเร็วของมัน รวมถึงการระเบิดกระบี่บินทั้งหมด มันต้องใช้พลังลมปราณไปมากมายมหาศาลเป็นแน่!”
“ถูกต้อง! พลังการฝึกตนของมันอยู่ระดับสี่ของการรวบรวมลมปราณ ไม่สูงเท่าของข้า การใช้พลังลมปราณยืนอยู่บนกระบี่บินสูญเสียพลังลมปราณเป็นอย่างมาก ข้าจะสังหารมัน!” ผู้ฝึกตนระดับห้าทั้งสองเลือดขึ่นหน้าแล้วตอนนี้ เมื่อมันพูดจบ ก็มองเห็นเมิ่งฮ่าววิ่งขึ้นไปข้างหน้า และเห็นบางสิ่งที่ทำให้พวกมันมั่นใจมากยิ่งขึ้น
ขณะที่เขาวิ่งไปนั้น เมิ่งฮ่าวก็ดึงเอาถุงเก็บสมบัติใบที่สองออกมา และหยิบเม็ดยาออกมาหนึ่งเม็ด ใส่ปากกลืนลงไป เขาทำด้วยความกระวนกระวาย ปล่อยให้พวกที่ไล่ตามมามีความรู้สึกว่า เม็ดยาของเขาเหลืออยู่น้อยมาก
อันที่จริงแล้ว มันก็เป็นความจริง ในการติดตามมาตลอดสองชั่วยาม ผู้ไล่ตามทั้งสองก็พบว่าเขามีกระบี่บินและเม็ดยาจำนวนมากมาย พวกมันรู้สึกหวั่นไหวในส่วนลึกของจิตใจ
“นี่เป็นผลกำไรที่ได้จากการเปิดร้านขายยา?” พวกมันคิด พวกมันเป็นผู้ฝึกตนระดับห้าของการรวบรวมลมปราณ และเป็นไม่ได้ที่จะฝึกโดยไม่ใช้เม็ดยา ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากที่ใช้ความพยายามทั้งหมดในการไล่ตาม พวกมันก็ยอมไม่ได้ที่จะล้มเลิก พวกมันกลืนกินเม็ดยาของตนเองอย่างไม่เต็มใจ จากนั้นก็เริ่มไล่ตามต่อไป จิตใจเต็มไปด้วยแรงสังหารต่อเมิ่งฮ่าว
เวลาผ่านไปสามชั่วยาม ความมืดก็มาเยือน ภูเขาสีดำปรากฎขึ้นที่เบื้องหน้าของเมิ่งฮ่าว ปิดบังซ่อนเร้นอยู่ในกลุ่มของภูเขาลูกอื่นๆ มองดูเย็นยะเยือกน่าขนลุก ราวกับว่าเต็มไปด้วยความโศกเศร้าที่น่ากลัว
เมื่อเขามองเห็นภูเขาสีดำ สองตาของเขาก็เปล่งประกาย เขาใช้พลังลมปราณไปมากมายตลอดเส้นทางที่ผ่านมา และรู้สึกเจ็บปวดใจเล็กน้อย สำหรับเขาแล้ว กระบี่บินและเม็ดยาทั้งหมดนั้นมีค่าเท่ากับหินลมปราณ แต่เขาก็ไม่ได้กังวลเกี่ยวกับมันมากนักในตอนนี้ โดยไม่ลังเล เขาพุ่งเข้าไปในภูเขาสีดำ
ผู้ฝึกตนทั้งสองที่ไล่ตามมา ก็ตามหลังเขาเข้าไป
เวลาผ่านไปชั่วครู่ ผู้ไล่ตามคนอื่นๆ ก็ปรากฎขึ้นเรียงลำดับเป็นรายคน เมื่อมองเห็นภูเขาสีดำ พวกมันก็ชะงักด้วยความประหลาดใจ จากนั้นก็พุ่งเข้าไป