เมื่อได้ยินดังนั้น ร่างของเฉาหยางก็แข็งค้าง ไม่ใช่เพียงแค่มันคนเดียว ทุกคนที่มุงดูอยู่รอบๆ ก็เช่นกัน เหม่อมองไปที่เมิ่งฮ่าวด้วยความกลัว
“ซื้อ….ซื้อเพิ่มอีกหน่อย?” เฉาหยางกล่าวด้วยเสียงอ่อนล้า ถ้าไม่ใช่ว่าเมิ่งฮ่าวกำลังโอบกอดมันอยู่ มันคงล้มคว่ำลงไปแล้ว
“หนึ่งเม็ด ต่อหนึ่งหินลมปราณ” เมิ่งฮ่าวพูดอย่างสุภาพอ่อนโยน เขาหยิบเม็ดยาประสานโลหิตออกจากถุงเก็บสมบัติมาหนึ่งกำมือ “ข้ารับใช้ลูกค้าด้วยความซื่อสัตย์เสมอ พี่ท่าน ได้โปรดทำตัวตามสบาย ข้าไม่ได้เอาเปรียบความเคราะห์ร้ายของท่านด้วยการเพิ่มราคาหรอก ลองถามท่านพี่คนอื่นๆ บริเวณนี้ได้ ชื่อเสียงของร้านขายยาแบบเร่งด่วนค่อนข้างดีงามเสมอมา”
เฉาหยางหน้าซีดเมื่อมองไปที่เม็ดยาทั้งหมด และเมื่อมองไปที่สีหน้าที่มีอัธยาศัยอันดีของเมิ่งฮ่าว ก็รู้สึกเสียววูบที่สันหลังในทันที มันต้องกัดฟันด้วยจิตใจที่เต้นรัว
“พี่ท่าน ท่านน่าจะแยกแยะของแท้หรือของปลอมได้ไม่ยาก นี่เป็นเม็ดยาของแท้จากร้านขายยาสำหรับผู้ฝึกตนจริงนะ” ขณะที่พูด เขาก็เอาเม็ดยาประสานโลหิตในมือส่งให้
เฉาหยางมองไปที่เม็ดยา จากนั้นก็จ้องไปที่ถุงเก็บสบัติของเมิ่งฮ่าวอย่างขมขื่น แล้วก็มองกลับไปที่ใบหน้าของเขา และก็เห็นถึงความรู้สึกห่วงใยฉายอยู่เต็มใบหน้านั้น
เฉาหยางไม่ใช่คนโง่ มันเข้าใจถึงความตั้งใจของเมิ่งฮ่าว โลหิตไหลรินอยู่ในหัวใจมัน แต่ในตอนนี้ชีวิตของมันเป็นสิ่งสำคัญที่สุด และมันก็ไม่มีทางเลือกอื่นอีก มันหยิบหินลมปราณออกมาจากถุงเก็บสมบัติจำนวนหนึ่ง แล้วก็ส่งให้เมิ่งฮ่าวอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก
เมิ่งฮ่าวรับไว้พร้อมรอยยิ้ม จากนั้นก็ส่งเม็ดยาให้เฉาหยางทีละเม็ด ไม่นานหินลมปราณทั้งหมดในถุงเก็บสมบัติของเฉาหยาง ก็ถูกแทนที่ด้วยเม็ดยาของเมิ่งฮ่าว
เฉาหยางรู้สึกมีโลหิตไหลรินอยู่ในหัวใจมากขึ้น สีหน้าแสดงความเจ็บปวด ตัวสั่นสะท้าน
มันมองเห็นเมิ่งฮ่าวยังคงมีเม็ดยาห้าเม็ดอยู่ในมือ สีหน้ามันดูน่ากลัวและสิ้นหวัง
“เม็ดยาพวกนั้นควรที่จะช่วยท่านฟื้นฟูได้อย่างเพียงพอ เม็ดยาทั้งห้านี้สำหรับหลังจากฟื้นฟูร่างกายแล้ว เพื่อช่วยรักษาสุขภาพของท่านให้ดีอยู่ตลอดไป” เมิ่งฮ่าวพูดอย่างเอาใจใส่ เมื่อเขาจ้องไปที่เฉาหยาง
“ข้าไม่เหลือหินลมปราณอีกแล้ว ไม่มีจริงๆ” เฉาหยางพูด มองไปที่เมิ่งฮ่าว ทำท่าเหมือนจะร้องไห้
เมิ่งฮ่าวไม่พูดอะไร มองดูเป็นคนที่มีอัธยาศัยดีเหมือนเดิม เฉาหยางรู้สึกเสียวไปถึงไขสันหลัง กัดฟันดึงของวิเศษออกมา มีทั้งกระบี่บิน ไม้อาคม เม็ดยารวบรวมลมปราณ และอื่นๆ
“ข้าไม่มีหินลมปราณ มีแต่ของพวกนี้” มันพูดอย่างหมดท่า
“อืม ของวิเศษก็ใช้ได้” เมิ่งฮ่าวกล่าว หยิบมาทั้งหมดเก็บใส่ถุงเก็บสมบัติ
ไม่นานหลังจากนั้น เฉาหยางก็ถือเม็ดยามากมาย เดินโซเซจากไปพร้อมกับศิษย์สายนอกบางคนที่มาช่วยพยุง
เมิ่งฮ่าวตบไปที่ถุงเก็บสมบัติอย่างกระหยิ่มใจ เวลายังเช้าอยู่ และเขาก็สามารถขายเม็ดยาออกไปได้หมด เขาจึงตัดสินใจที่จะจากไป หลังจากเก็บป้ายผ้าก็บอกกับผู้ฝึกตนที่อยู่รอบๆ ว่า พรุ่งนี้พบกันใหม่ แล้วก็เดินลงมาจากที่ราบสูงนั้น
ครึ่งเดือนผ่านไป ช่วงเวลานั้น ชื่อเสียงเมิ่งฮ่าวก็เป็นที่รู้จักไปทั่ว ท่ามกลางศิษย์ที่มีระดับการฝึกตนขั้นสามลงไป พวกมันรู้ว่ามีร้านขายยาแบบเร่งด่วนบนที่ราบสูงเขตส่วนรวม
ที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุด ก็คือเจ้าของร้าน ที่มองดูเหมือนนักศึกษาที่อ่อนแอ แต่มีอารมณ์ที่รุนแรง ข่าวลือถูกกระจายไปทั่ว
บ่ายวันหนึ่ง เฉาหยางเดินออกมาจากบ้านด้วยสีหน้าซีดขาว แม้ผิวจะซีดไปบ้างแต่บาดแผลก็หายเป็นปกติดี เม็ดยาที่มันซื้อจากเมิ่งฮ่าวด้วยราคาที่สูงลิ่ว แท้จริงก็แล้วมีประสิทธิภาพในการช่วยให้มัน ฟื้นฟูอาการบาดเจ็บได้เป็นอย่างดี
มันได้หลบซ่อนตัวเองไปนานครึ่งเดือนจากวันนั้น และวันนี้ก็เป็นวันแรก ที่มันสามารถออกมาเดินข้างนอกบ้านได้ ตอนแรกดูเหมือนมันจะลังเลเล็กน้อย แต่ในที่สุดก็เดินผ่านเขตสำนักสายนอก จนมาถึงพื้นที่ที่มีบ้านอยู่ประปราย มันหยุดอยู่หน้าบ้านหลังหนึ่ง
“เฉาหยางมาขอเข้าพบศิษย์พี่หลู่” มันพูด ยืนประสานมือแสดงความเคารพอยู่หน้าบ้าน
ในบ้านมีบุรุษอายุประมาณสามสิบปี ในชุดยาวสีเขียว นั่งขัดสมาธิอยู่ หน้าตาไม่หล่อเหลา แต่ดูหยิ่ง มันลืมตาขึ้น มองประเมินออกไปที่เฉาหยาง
“มีเรื่องอันใด?” มันพูดเสียงเย็นชา
“คือแบบนี้ ศิษย์พี่หลู่ ข้า…ข้าถูกปล้น เมื่อไม่กี่วันก่อน” เฉาหยางพูดโพล่งออกมา ท่าทางกระสับกระส่าย ผู้คนเบื้องนอกกล่าวกันว่าศิษย์พี่หลู่เป็นลูกพี่ลูกน้องของมัน แต่ในความเป็นจริง พวกมันไม่มีความสัมพันธ์ใดต่อกัน ศิษย์พี่หลู่มักจะนั่งสมาธิอย่างสันโดษ และไม่เคยสนใจเฉาหยางเลยแม้แต่น้อย
หลู่หงรู้ว่า เมื่อไหร่ที่เฉาหยางมีเรื่องลำบากใจ ก็จะมาเรียกมัน
เมื่อได้ยินเฉาหยางพูดดังนั้น ดูเหมือนว่าหลู่หงจะรู้สึกรำคาญเล็กน้อย
“มันเป็นใครที่ปล้นเจ้า?” หลู่หงถามเสียงเย็นชา
“มันเป็นศิษย์สายนอกนามว่า เมิ่งฮ่าว” เฉาหยางตอบ
“เมิ่งฮ่าว?” หลู่หงหยุดคิดชั่วครู่
“มันเป็นคนโง่และไร้ความสามารถโดยสิ้นเชิง” เฉาหยางพูดด้วยความเกลียดชัง “แต่มันได้เปิดร้านขายยาบนที่ราบสูง คอยเร่ขายเม็ดยาให้กับศิษย์ที่บาดเจ็บจากการต่อสู้”
“เร่ขายเม็ดยา?” หลู่หงพูดพร้อมขมวดคิ้ว สองตาสาดประกาย
“ขอรับ ตอนนี้มันเป็นหนึ่งในศิษย์ที่มีชื่อเสียงมากในพวกระดับลมปราณขั้นต่ำ มันเปิดร้านขายยา จากนั้นก็บังคับให้ผู้คนซื้อยาจากมัน ตอนนี้ทุกคนก็ไม่พอใจและไม่อยากที่จะซื้อยาจากมัน ทั้งหมดเกลียดชังมัน มันเป็นผู้ปลุกความโกรธแค้นของฟ้าและดิน! ข้ามาขอร้องให้ศิษย์พี่หลู่ ได้โปรดช่วยผดุงความยุติธรรม”
โทสะปกคลุมทั่วใบหน้าเฉาหยาง เมื่อมันคิดไปถึงความอเนจอนาถที่มันได้รับในวันนั้น
แท้จริงแล้ว ศิษย์พี่หลู่ ไม่ได้สนใจในสิ่งที่เฉาหยางได้พูดไปแม้แต่น้อย แต่ดวงตามันก็เปล่งประกาย
“พลังการฝึกตนของข้า ก้าวมาถึงระดับนี้ได้ ก็เพราะศิษย์ระดับต่ำทั้งหลายที่ข้าแย่งชิงหินลมปราณมา ทำไมนะ ตลอดเวลาที่ข้าอยู่ในสำนักเอกะเทวะนี้ ข้าถึงไม่เคยคิดที่จะเปิดร้านและเร่ขายเม็ดยา…” มันถอนหายใจและตบไปที่ต้นขา
เมื่อได้ยินเสียงจากด้านใน เฉาหยางยืนสับสนอยู่หน้าบ้าน ไม่มั่นใจว่าเสียงนั้นมีความหมายว่าอย่างไร มันไม่กล้าถาม ไม่นานหลังจากนั้น ศิษย์พี่หลู่ก็ไล่มันกลับไป โดยไม่มีคำรับประกันว่าจะช่วยมันแก้แค้นหรือไม่
รุ่งอรุณของเช้าวันต่อมา เมิ่งฮ่าวถือป้ายผ้าเดินตรงไปบนเนินที่ราบสูง ด้วยจิตใจร่าเริง เขาคุ้นเคยกับการเดินไปตามเส้นทางที่ทอดสู่ที่ราบสูง เมื่อไปถึงเขานั่งขัดสมาธิบนก้อนหินใหญ่เหมือนเคย
เมื่อเขาปรากฎตัวขึ้น สีหน้าของผู้ฝึกตนคนอื่นๆ ก็เริ่มซีดขาว ในช่วงครึ่งเดือนที่ผ่านมา พวกมันถูกรบเร้าจากเมิ่งฮ่าวให้ซื้อเม็ดยา จนรู้สึกท้อแท้หมดกำลังใจโดยสิ่นเชิง แต่ถ้าพวกมันไม่มา มันก็ไม่สามารถแช่งยิงเม็ดยาหรือหินลมปราณจากผู้ฝึกตนคนอื่นๆ การสังหารผู้คนนอกเขตพื้นที่นี้ ไม่สามารถทำได้ ดังนั้นพวกมันไม่มีทางเลือก นอกจากมาที่นี่ พวกมันมักจะหยุดการต่อสู้เมื่อเห็นเมิ่งฮ่าวแสดงตนขึ้น
แต่จิตวิญญาณแห่งการเข่นฆ่าของผู้คน มักจะหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดขึ่นไม่ได้ เมื่อเห็นปฏิปักษ์ยืนอยู่เบื้องหน้า ถึงแม้ว่าการค้าของเมิ่งฮ่าวเริ่มน้อยลง แต่เขาก็ยังคงสร้างกำไรได้บ้าง
กล่าวได้ว่าตั้งแต่ที่เมิ่งฮ่าวเปิดร้าน การตายก็น้อยลง เขารับรู้ถึงเรื่องนี้ และใช้มันเป็นจุดขายของเขา
เหมือนเช่นเคย เมิ่งฮ่าวมองหาว่าที่ลูกค้าไปรอบๆ เขาคิดว่านี่ไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุด เจ้าของร้านในเมืองหยุนเจี๋ยมักจะมีผู้ช่วย ขณะที่ความคิดใหม่เกิดขึ้นในใจ สายตาเขาก็จับจ้องไปที่บุรุษผู้หนึ่งที่อยู่ห่างไกลออกไป อายุประมาณสามสิบปี ดูท่าทางเย่อหยิ่ง และในมือของมันก็ถือป้ายผ้าดูคล้ายของเมิ่งฮ่าว อักษรตัวใหญ่หลายตัวเขียนอยู่บนป้ายนั้นว่า
ร้านขายยาแบบเร่งด่วน ร้านที่ 2
นี่เป็นหลู่หง ผู้อยู่ในอันดับหนึ่งของศิษย์ระดับขั้นต่ำ พลังการฝึกตนของมันใกล้เคียงกับเมิ่งฮ่าว อีกนิดเดียวก็จะถึงจุดสูงสุดของขั้นสาม เมิ่งฮ่าวจ้องไปที่มัน แน่นอนว่ามักจะมีการลอกเลียนแบบในการทำการค้า ถึงแม้ว่าเมิ่งฮ่าวจะไม่พอใจกับชื่อบนป้ายผ้านั้น แต่ก็เลือกที่จะไม่สนใจ
ผู้ฝึกตนคนอื่นๆ บริเวณนั้นมองหน้ากันไปมาชั่วครู่ จากนั้นก็กลับไปต่อสู้กันต่อไป ครึ่งชั่วยามผ่านไป เมิ่งฮ่าวจ้องไปที่คู่ต่อสู้คู่หนึ่ง แล้วก็รีบเดิน เอาป้ายผ้าไปปักใกล้ๆ พวกมัน ในเวลาเดียวกันนั้น หลู่หงก็รีบเดินเอาป้ายผ้าไปปักด้วย
เมื่อเห็นป้ายผ้าสองอันมาปักอยู่ คู่ต่อสู้ทั้งสองก็หลั่งเหงื่อออกมา เท่าที่พวกมันรับรู้ บุคคลที่มาขายยาทั้งสองล้วนแต่แข็งแกร่ง ปกติแล้วแค่หนึ่งคนก็เพียงพอที่จะทำความลำบากให้กับพวกมัน แต่ตอนนี้มีตั้งสองคน ยืนจ้องมองมา
“พี่ท่าน ซื้อเม็ดยาแล้ว มั่นใจได้เลยว่าท่านปลอดภัยแน่นอน” เมิ่งฮ่าวรีบพูด “หนึ่งหินลมปราณต่อหนึ่งเม็ดยา ข้าปฏิบัติกับลูกค้าทุกท่าน เท่าเทียมกัน”
“ซื้อยาของท่านหลู่คนนี้ รับประกันว่าได้ผล” หลู่หงพูดมาจากอีกด้าน มันมองไปที่คู่ต่อสู้ ด้วยสายตาที่อยากฆ่าคน
คู่ต่อสู้ทั้งสองกลัวจนตัวสั่น หมดความคิดที่จะต่อสู้ พวกมันหยิบหินลมปราณออกมา ยื่นส่งให้หลู่หง จากนั้นก็วิ่งออกไป เมิ่งฮ่าวขมวดคิ้ว นี่เป็นการปล้นชัดๆ ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นต่อไป ไม่ช้าเขตส่วนรวมก็คงว่างเปล่า ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ
ช่วงบ่าย การค้าของเมิ่งฮ่าวลดลงอย่างเห็นได้ชัดเจน นอกเหนือจากขายได้เล็กน้อยในตอนเช้า เขาขายอะไรเพิ่มไม่ได้อีกเลย หลู่หง ผู้ไม่สนใจความถูกต้องชั่วดี บังคับผู้คนให้ซื้อ ถ้าใครไม่ซื้อ มันก็โจมตีผู้นั้น ในไม่ช้า เนินที่ราบสูงนั้นก็ว่างเปล่าไร้ผู้คน
หลู่หงก้มมองลงไปดูหินลมปราณสิบกว่าก้อนที่ได้มา ภายนอกมันดูเย็นชาและไม่สนใจใคร แต่ภายในจิตใจกลับรุ่มร้อนไปด้วยความตื่นเต้น
“นี่เป็นการค้าที่ดีมากจริงๆ ถ้าข้าคิดได้แบบนี้ในครั้งก่อน ก็ไม่ต้องเสียเวลาไปปล้นชิงกับศิษย์ระดับต่ำมากมายเหล่านั้นแล้ว ยิ่งถ้าไม่มีเมิ่งฮ่าวอยู่ที่นี่ ก็ยิ่งดีใหญ่ ข้ารังเกียจมัน” มันไม่ได้มาเพราะเฉาหยางอย่างแน่นอน แต่มาเพราะต้องการลอกเลียนแบบการค้าขายของเมิ่งฮ่าว ตอนนี้มันได้ลิ้มรสผลลัพธ์ที่ดีเช่นนี้แล้ว มันจึงต้องการที่จะขายคนเดียว มันมองไปที่เมิ่งฮ่าวด้วยสายตาสังหาร
“ข้ายังคงลองขายอีกสักสองสามวัน” มันคิด “จากนั้นค่อยสังหารมัน”
วันต่อมา ต้องขอบคุณสำหรับชื่อเสียงของหลู่หง มีคนมาที่เขตส่วนรวมน้อยมาก พวกที่มาวันนี้ เป็นพวกที่ไม่ได้มาเมื่อวาน พวกมันไม่มีทางเลือกยังไงก็ต้องซื้อเม็ดยาจากหลู่หง เมิ่งฮ่าวไม่ยินดีที่จะค้าขายแบบเดียวกับหลู่หง ดังนั้นเขาจึงขายไม่ได้เลย
ยิ่งหลู่หงมองไปที่เมิ่งฮ่าวมากเท่าไร ความต้องการสังหารเมิ่งฮ่าวก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น ในตอนเย็นของวันที่สาม เมื่อเมิ่งฮ่าวเดินจากไปอย่างเงียบๆ เขาก็ได้ยินเสียงที่เย่อหยิ่งของหลู่หงจากด้านหลัง บางคนที่ยังอยู่ก็ได้ยินไปทั่ว
“ถ้าข้ายังเห็นป้ายร้านเจ้าอีกพรุ่งนี้ ข้าจะทำลายพลังการฝึกตนของเจ้า”
เมิ่งฮ่าวหยุดเดินชั่วครู่ ไม่พูดอะไร แต่ตาของเขาเต็มไปด้วยพลังที่เย็นเยียบ เขาเดินจากไป กลับไปที่ถ้ำแห่งเซียน
“เจ้าเป็นผู้ที่ลอกเลียนแบบข้า” เมิ่งฮ่าวกล่าวด้วยสายตาที่ดุร้าย “จากนั้นก็ขโมยการค้าของข้า เหมือนนกพิราบที่ขโมยรังของนกกางเขน แล้วยังพูดว่าจะทำลายพลังการฝึกตนของข้า!”
เมื่อคิดไปถึงแววตาสังหารของหลู่หง เมิ่งฮ่าวก็ผลักประตูหินห้องที่สองในถ้ำแห่งเซียนให้เปิดออก ทันใดนั้น กลุ่มพลังลมปราณที่หนาแน่นก็เริ่มกระจายพุ่งออกมา เมิ่งฮ่าวนั่งขัดสมาธิ
เขาดูดซับพลังลมปราณครั้งนี้ เทียบได้กับการฝึกรวบรวมลมปราณด้วยตัวเองนานหลายเดือน เมื่อรุ่งอรุณมาเยือน เขาลืมตาขึ้น จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ทำให้เขาทราบว่าเขาได้ก้าวข้ามไปอีกขั้น ไม่ใช่จุดสูงสุดของขั้นสามอีกต่อไป ตอนนี้เขาใกล้จะเข้าขั้นสี่อีกไม่ไกลแล้ว
แต่การเลื่อนขั้นไม่ได้ง่ายแบบนี้ ยิ่งพลังการฝึกตนสูงขึ้น ก็ยิ่งยากที่จะก้าวข้ามไปอีกขั้น โดยเฉพาะระดับขั้นที่ห้าและขั้นที่เจ็ด ทั้งสองขั้นนี้มักจะข้ามผ่านได้ยากมากที่สุด เมิ่งฮ่าวขมวดคิ้ว กัดฟัน กดดันตัวเองให้เปิดถุงเก็บสมบัติ หยิบเม็ดยารวบรวมลมปราณที่เขาได้มาเมื่อเร็วๆ นี้ออกมาทั้งหมด จากนั้นก็ใช้ความสามารถลึกลับของกระจกทองแดงและหินลมปราณทั้งหมดที่มี ทำการผลิตเม็ดยารวบรวมลมปราณเพิ่มขึ้น
ถึงเม็ดยารวบรวมลมปราณจะมีผลที่จำกัด แต่ถ้าใช้ในปริมาณมาก ก็น่าจะมีผลช่วยได้ไม่น้อย ทุกครั้งที่เมิ่งฮ่าวใช้วิธีนี้ เวลาในการเพิ่มระดับขั้นของการรวบรวมลมปราณก็ลดลง
พลังลมปราณในร่างเขาตอนนี้ขาดแค่เพียงเล็กน้อย ดังนั้นเมื่อเขากินเม็ดยารวบรวมลมปราณลงไปจำนวนมาก ร่างเขาก็เริ่มสั่น รู้สึกพลังลมปราณวิ่งพล่านเหมือนอุทกภัย สติเริ่มเลือนหาย เมื่อทุกสิ่งเริ่มชัดเจนขึ้น สายตาเขาก็สาดประกายเจิดจ้า แต่เขาก็ยังไม่สามารถก้าวถึงขั้นสี่ของการรวบรวมลมปราณ เขาขบฟันอีกครั้ง โดยไม่มีทางเลือก เขาผลิตเม็ดยารวบรวมลมปราณเพิ่มและกลืนมันทั้งหมดลงไป
หนึ่งครั้ง สองครั้ง สามครั้ง ใจของเขาสั่นสะท้านอย่างรุนแรง ราวกับว่าถูกกระแทกด้วยคลื่นที่ปั่นป่วน จากนั้นก็เกิดเสียงดัง สองตาเขาพร่ามัว
สิ่งปฏิกูลมากมายไหลเยิ้มออกมาจากรูขุมขน และการมองเห็นของเมิ่งฮ่าวก็เริ่มชัดเจนขึ้น ร่างกายเขาสะอาดขึ้น หลังจากนั้นประมาณครึ่งชั่วยาม สองตาเขาก็เปล่งประกายระยิบระยับ และเขารู้สึกสมองโล่งปลอดโปร่งอย่างสมบูรณ์
“ขั้นสี่ของการรวบรวมลมปราณ!” เขารู้สึกถึงพลังลมปราณไหลเวียนในร่างคล้ายแม่น้ำสายใหญ่ เมื่อเขาโคจรลมปราณ ก็เกิดเป็นเสียงดังอย่างน่าประหลาดใจและน่าตกใจยิ่งนัก
เขายังคงมีสีหน้าที่เรียบเฉย ดึงกระบี่บินห้าเล่มที่ได้มาเมื่อครึ่งเดือนก่อน ออกมาจากถุงเก็บสมบัติ พวกมันเป็นของวิเศษจากหอเก็บของวิเศษ เป็นของวิเศษที่พบเห็นได้ทั่วไป ทั้งห้าเล่มดูเหมือนกันหมด
ยังมีของวิเศษอีกหลายอย่างที่เขาได้รับมา เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็ปิดตาเริ่มนั่งสมาธิต่อไป รอคอยเวลารุ่งสางที่จะมาถึง
“หลังจากที่ได้เข้าสังกัดสำนัก และเริ่มฝึกฝนพลังลมปราณ ข้าก็ไม่มีทางเลือกอื่นอีก…ได้แต่ปล้นแย่งชิงใครบางคนเพื่อพัฒนาพลังของตัวเอง แต่ข้าไม่ต้องการทำร้ายผู้คนมากไป ดังนั้นข้าจึงคิดวิธีการค้าขายขึ้นมา แต่ตอนนี้การค้าของข้าถูกขโมยไป และข้าถูกคุกคามทำร้าย…มันเป็นสิ่งที่มากเกินยอมรับได้!”
เมื่อถึงยามรุ่งสาง เมิ่งฮ่าวลืมตาขึ้น และออกจากถ้ำแห่งเซียน ชำระล้างร่างกาย จากนั้นก็เดินตรงไปที่ ที่ราบสูงแห่งนั้น