เบื้องหน้าเขาไม่ไกลนัก เมิ่งฮ่าวเห็นใครบางคนร้องขอความช่วยเหลือ ก่อนที่ผู้นั้นจะสามารถออกจากที่ราบสูง บุรุษร่างสูงใหญ่ก็ซัดกระบี่บินไปปักที่คอของมัน ร่างมันล้มลงไปที่พื้นโลหิตพุ่งกระจาย พ่นลมหายใจออกมาเฮือกสุดท้ายจากนั้นก็ตายไป บุรุษร่างสูงใหญ่หยิบถุงเก็บสมบัติของมันขึ้นมา จากนั้นก็หันหลังเดินกลับไปในเขตส่วนรวม
เมิ่งฮ่าวมองฉากที่น่ากลัวตรงหน้า จากนั้นก็สังเกตสิ่งที่เกิดขึ้นบนที่ราบสูงเพิ่มเติม เสียงการเข่นฆ่าลอยมาตามสายลม พร้อมทั้งกลิ่นคาวโลหิตที่ลอยมากระทบจมูกเมิ่งฮ่าว
“บางคนสามารถรวยในชั่วข้ามคืน ณ ที่แห่งนี้ แต่ก็อันตรายอย่างยิ่ง สำหรับการฝึกตน หินลมปราณ ทุกคนเอาชีวิตมาเสี่ยง แน่นอนว่ามันไม่คุ้มแม้แต่น้อย”เมิ่งฮ่าวขมวดคิ้ว เขาฝึกเกือบถึงระดับสูงสุดของขั้นสามในการรวบรวมลมปราณ แต่ที่แห่งนี้วุ่นวายเกินไป สามารถบาดเจ็บได้ง่ายมาก และถ้าเขาถูกแย่งชิงถุงเก็บสมบัติไป ก็จะส่งผลกระทบในระยะยาว
เมิ่งฮ่าวคิดถึงหินลมปราณที่ขาดแคลนในถุงของเขา ถ้าเขาต้องพึ่งพาการแจกจ่ายหินลมปราณจากสำนัก ก็ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลากี่ปีกว่าเขาจะฝึกสำเร็จถึงระดับสูงได้ เขามองขึ้นไปที่กลุ่มผู้ฝึกตนบนที่ราบสูง พวกมันกำลังต่อสู้กันอย่างดุร้าย แต่ละคนล้วนแต่มีอาการบาดเจ็บจากบาดแผล ทันใดนั้น เมิ่งฮ่าวก็คิดบางอย่างขึ้นมาได้
ความคิดเขายิ่งมายิ่งกระจ่างชัดขึ้น สายตาเริ่มทอประกายแวววาว เขาหันหลังกลับ และเดินจากไปอย่างเร่งรีบ ไม่ได้กลับไปที่ถ้ำแห่งเซียนภูเขาทิศใต้ แต่ลงไปที่เขตพื้นที่ของสำนักสายนอก เขาเดินเลาะเลียบสี่เหลี่ยมจัตุรัสหลัก ในไม่ช้าก็มาถึงอาคารแห่งหนึ่ง
อาคารหลังนี้แลดูเก่าแก่โบราณ ล้อมรอบไปด้วยกลิ่นของตัวยา เหนือประตูมีตัวอักษรอ่านได้ว่า ร้านขายยาสำหรับผู้ฝึกตน
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขามาที่นี่ แท้จริงแล้ว ตั้งแต่เดือนแรกหลังจากที่เขาได้เลื่อนขั้นเป็นศิษย์สายนอก เขาก็มาที่นี่เพื่อสำรวจดูว่าเม็ดยาใดบ้างที่ลดราคา มันเป็นช่วงที่เขาได้เรียนรู้เกี่ยวกับเม็ดยาแก้หิว ที่สามารถป้องกันความหิวได้หลายวัน หากกินเข้าไปเพียงหนึ่งเม็ด
ที่นี่ใช้หินลมปราณและยาเม็ดรวบรวมลมปราณเป็นสิ่งแลกเปลี่ยน น่าเสียดายที่อัตราการแลกเปลี่ยนไม่ยุติธรรมเป็นอย่างยิ่ง ยกตัวอย่างเช่น ยาเม็ดรวบรวมลมปราณเพียงหนึ่งเม็ด ก็สามารถแลกเปลี่ยนเป็นยาเม็ดแก้หิวได้สิบเม็ด เนื่องจากสาเหตุนี้ ทำให้มีคนน้อยมากมาที่นี่ ทำให้สถานที่นี้ดูเย็นยะเยือกและเงียบเหงาวังเวง
ข้างในไม่ใหญ่โตมากนัก กลางห้องมีบุรุษวัยกลางคน ท่าทางอ่อนแออมโรค นั่งขัดสมาธิอยู่ รอบๆ ตัวเขามีชั้นไม้ที่วางขวดน้ำเต้าเต็มไปหมด และมีสลากเขียนชื่อของตัวยาต่างๆ แปะติดไว้บนขวดน้ำเต้า
มีเม็ดยาประสานโลหิต ที่ช่วยรักษาอาการบาดเจ็บภายนอก เม็ดยาผ่อนคลายกระดูก ช่วยบรรเทาความเมื่อยล้า เม็ดยาลมปราณสดชื่น ช่วยเพิ่มพลังลมปราณแบบชั่วคราว และแน่นอนต้องมีเม็ดยาแก้หิวและเม็ดยาควบคุมอาหารอยู่ด้วย มีแม้แต่เม็ดยาเชื่อมต่อกระดูก ซึ่งช่วยรักษาอาการกระดูกหักหรือแตกร้าว
มียาหลากหลายประเภทมากมายที่นี่ แต่ทั้งหมดนี้ต้องพิจารณาถึงราคาของมันด้วย ส่วนใหญ่จะมีราคาสามถึงสิบเม็ดยา ต่อหนึ่งเม็ดยารวบรวมลมปราณ สำหรับศิษย์สายนอกส่วนใหญ่ เม็ดยารวบรวมลมปราณมีค่ามากกว่าการต่อสู้ ดังนั้นน้อยคนนักที่จะยินดีมาที่นี่เพื่อแลกเปลี่ยน
เมิ่งฮ่าวเดินชมไปรอบๆ ร้านขายเม็ดยา พึมพำกับตัวเองไปด้วย สายตาส่องประกาย จากนั้นก็หยิบเม็ดยารวบรวมลมปราณออกมาจากถุงเก็บสมบัติห้าเม็ด นำไปแลกเปลี่ยนกับยาชนิดต่างๆ จนเต็มมือ
ดูเหมือนว่าบุรุษอมโรค ไม่ค่อยได้พบเห็นลูกค้าแบบเมิ่งฮ่าวบ่อยนัก มันกระตือรือร้นขึ้นมาทันที ยื่นส่งขวดน้ำเต้าที่เต็มไปด้วยเม็ดยาให้เมิ่งฮ่าวอย่างกระฉับกระเฉง
เมื่อเก็บขวดน้ำเต้าทั้งหมดลงในถุงเก็บสมบัติ เมิ่งฮ่าวก็จากไป ใช้เส้นทางที่ทอดไปสู่ภูเขาทิศใต้กลับไปที่ถ้ำแห่งเซียนอย่างระมัดระวัง เมื่อไปถึงก็เป็นเวลากลางคืนพอดี
เขานั่งขัดสมาธิในถ้ำ มองไปที่ขวดน้ำเต้าทั้งสี่
“นักปราชญ์กล่าวไว้ว่า ถ้าเจ้าไม่ใช้จ่าย เจ้าก็จะไม่ได้กำไร ครั้งนี้ข้าลงทุนไปมากมาย และข้าต้องได้ผลตอบแทนมากมายกลับมาแน่ๆ” ด้วยการปลอบใจตัวเองโดยวิธีนี้แบบเงียบๆ เขายืนขึ้นและออกจากถ้ำไป ไม่ช้าก็กลับเข้ามาพร้อมด้วยกิ่งไม้ยาวหนาเท่าแขน ซึ่งมีใบยาวๆ ติดอยู่
เขาหยิบเสื้อยาวสีเขียวออกมาจากถุงเก็บสมบัติของจ้าวอู่กัง ฉีกตะเข็บออก จากนั้นก็วางบนพื้นเบื้องหน้า ดูเหมือนว่ามีขนาดพอดี ดังนั้นเขาก็หยิบเสื้อตัวอื่นออกมาอีก ฉีกตะเข็บออก แล้วก็วางทับไปที่เสื้อตัวแรก เขามองลงไปด้วยความพึงพอใจ
ต่อมา เขาก็เอากิ่งไม้มาตัดใบไม้ออก จนดูเหมือนกระบอง จากนั้นก็เอานิ้วจุ่มไปที่น้ำหมึก แล้วก็เขียนอักษรตัวใหญ่แบบลายพู่กันไปบนเสื้อ
เขามองดูมัน รู้สึกค่อนข้างพอใจ จากนั้นก็หลับตา เริ่มนั่งสมาธิฝึกลมหายใจ
ราตรีผ่านไป เช้าตรู่วันต่อมา เขาหยิบกิ่งไม้และออกจากถ้ำอย่างรวดเร็ว
ใช้เวลาไม่นาน ก็มาถึงที่ราบสูงแห่งนั้น แม้จะเป็นเวลาเช้าตรู่ แต่ก็มีศิษย์บางคนได้ต่อสู้กันอยู่แล้ว ความดุเดือดรุนแรงของการต่อสู้มองเห็นได้อย่างชัดเจน โดยไม่สนใจผู้ฝึกตนคนอื่นๆ เมิ่งฮ่าวเดินผ่านแผ่นหินกว้างใหญ่ เดินตรงไปบนที่ราบสูง เขามองกวาดดูไปรอบๆ จนกระทั่งไปเจอหินก้อนใหญ่ที่อยู่บนพื้นเป็นแนวยาวขนานกับเขตแดนของที่ราบสูง
เขาเดินขึ้นไปนั่งขัดสมาธิบนหินก้อนนั้น มองดูเหมือนนักศึกษาที่สงบสันติไร้พิษภัย ผู้ฝึกตนบางคนก็มองมาที่เขาเป็นครั้งคราว หลังจากที่รับรู้ถึงระดับการฝึกตนของเมิ่งฮ่าว ก็เกิดความกลัว และไม่กล้าไม่กล้ามายุ่ง ปล่อยเขาไว้คนเดียว เมิ่งฮ่าวตัดสินใจที่จะรอจนกระทั่งมีคนมามากกว่านี้
เวลาผ่านไป ศิษย์สายนอกก็ค่อยๆ มาในเขตส่วนรวมนี้มากขึ้น ในไม่ช้า ก็นับได้ประมาณยี่สิบคน บางคนมองมาที่ลักษณะท่าทางนักศึกษาของเมิ่งฮ่าว แล้วก็เริ่มเดินตรงมาที่เขา สิ่งที่เขาต้องทำก็คือแสดงระดับการฝึกตนของเขาออกมา และพวกมันก็จะล่าถอยกลับไปด้วยความกลัว
หลังจากนั้นสักพัก เมิ่งฮ่าวก็คิดว่าจำนวนคนเพียงพอแล้ว เขาล้วงมือเข้าไปในถุงเก็บสมบัติ ดึงแผ่นผ้าออกมา นำไปติดกับกิ่งไม้ที่เขาปักไว้บนพื้นดินเหนียว ใกล้กับหินใหญ่ก้อนที่เขานั่ง สายลมบนภูเขาโชยพัดผ้าให้ลอยขึ้น กลายเป็นแผ่นป้ายที่พริ้วสะบัด มันดึงดูดความสนใจของผู้คนที่อยู่ใกล้ๆ มีตัวอักษรเขียนไว้บนแผ่นผ้า
“ร้านขายยาแบบเร่งด่วน”
ตัวอักษรสีเขียวเข้มเปล่งประกาย ทำให้สีหน้าของศิษย์สายนอกที่อยู่ใกล้ๆ เปลี่ยนไป บางคนดูเหมือนประหลาดใจ บางคนมึนงง บางคนหัวเราะ และบางคนขมวดคิ้ว
“ร้านขายยาแบบเร่งด่วน? มันหมายความว่าอะไร?”
“อย่าบอกนะว่า เจ้านั่นเป็นเด็กฝึกงานของผู้ปรุงยา ที่ถูกส่งมาจากร้านขายยาสำหรับผู้ฝึกตนของสำนัก?”
“เจ้านั่นดูคุ้นๆ…”
เสียงสนทนาดังกระหึ่มไปทั่วเนินที่ราบสูง หลังจากที่เมิ่งฮ่าวแสดงป้าย แต่หลังจากที่เวลาผ่านไปเล็กน้อย การต่อสู้ การแย่งชิงก็ดำเนินต่อไป ฝนโลหิตสาดรกะจาย เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดดังไปทั่ว
สายตาเมิ่งฮ่าวลุกโชนเป็นประกาย เมื่อเขามองไปที่เหล่าผู้คนในเขตส่วนรวม ไม่ไกลจากที่เขานั่งมากนัก มีผู้ฝึกตนสองคนที่อยู่ในขั้นสองของการรวบรวมลมปราณ กำลังต่อสู้กันอยู่ด้วยสองตาที่แดงฉาน หนึ่งในนั้นบาดเจ็บที่หัวไหล่ด้วยกระบี่บินของฝ่ายตรงข้าม โลหิตไหลเป็นสายน้ำ ดูเหมือนว่ามันกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้าย
“ท่านพี่ผู้นั้น มานี่หน่อย” เมิ่งฮ่าวตะโกนเรียก “พี่ท่าน นักปราชญ์กล่าวไว้ว่า มันเป็นการไม่ฉลาด ที่จะเสี่ยงชีวิตเมื่อกำลังบาดเจ็บอยู่ หัวไหล่ท่านดูเหมือนจะมีเลือดไหลออกมามากนะ มันไม่มีประโยชน์อันใดที่จะปล่อยให้ตัวเองถูกสังหาร ข้ามีเม็ดยาประสานโลหิตจากร้านขายยาสำหรับผู้ฝึกตน มันสามารถรักษาบาดแผลจากคมกระบี่ ในชั่วเวลาหายใจเข้าออกแค่สามครั้ง”
ขณะที่เมิ่งฮ่าวตะโกนร้องขายยา บุรุษทั้งสองยังคงสู้กันต่อไปโดยไม่สนใจเขา ผู้ฝึกตนที่บาดเจ็บ สองตาแดงฉานขึ้นเรื่อยๆ และบาดแผลบนหัวไหล่ก็เลวร้ายลง จากนั้น โลหิตก็ไหลออกมาจากหน้าอก เนื่องจากกระบี่บินอีกเล่มบินมาปักที่หน้าอก
“ดูสิ ท่านมีบาดแผลเพิ่มอีกแล้ว” เมิ่งฮ่าวกล่าวเตือนว่าที่ลูกค้าคนแรกของเขา “เร็วเข้า รีบมาซื้อเม็ดยาประสานโลหิต มิเช่นนั้น ท่านอาจจะพ่ายแพ้ได้ สิ่งที่ท่านต้องทำก็คือ ส่งหินลมปราณให้ข้าหนึ่งก้อน และข้าก็จะให้เม็ดยาประสานโลหิตแก่ท่าน มันคุ้มค่ามากจริงๆ นะ”
“หุบปาก” ผู้ฝึกตนที่บาดเจ็บตะโกนลั่น ถอยหลังหนึ่งก้าว “ถึงร้านขายยาสำหรับผู้ฝึกตนจะขูดรีด แต่ก็ใช้หนึ่งหินลมปราณแลกกับห้าเม็ดยาประสานโลหิต ร้านของเจ้าช่างเลวร้ายนัก!”
“อ้าย, มันไม่แพงหรอก ชีวิตของท่านมีค่ามากกว่าหินลมปราณมากนัก ถ้าท่านตายไป หินลมปราณทั้งหมดก็จะตกเป็นของใครก็ไม่รู้ สิ่งที่ท่านต้องทำก็คือ ซื้อยาเม็ดของข้า จากนั้นท่านก็มีโอกาสที่จะชนะ และยึดเอาถุงเก็บสมบัติของคู่ต่อสู้มาเป็นของตน ทั้งหมดมีราคาแค่หินลมปราณหนึ่งก้อน มันแพงมากนักหรือ? ท่านมิได้กำลังซื้อเม็ดยา แต่กำลังซื้อชีวิตของท่านเองต่างหาก”
เมิ่งฮ่าวลุกขึ้นยืน บางทีคำพูดของเขาอาจจะมีผลกับผู้ฝึกตนที่บาดเจ็บนั้น มันพยายามถอยหลังไปหลายก้าว สีหน้าแสดงความลังเล
“บัดซบ” คู่ต่อสู้ของมันคำรามขึ้นมา ยกกระบี่บินชี้มาที่เมิ่งฮ่าว “ถ้าเจ้ายังกล้าสร้างความวุ่นวายให้ข้าอีก หลังจากข้าสังหารเจ้าผู้นี้ ข้าจะจัดการเจ้าเป็นรายต่อไป!”
“ข้าจะซื้อมัน!” บุรุษที่บาดเจ็บพูดขึ้น หยิบหินลมปราณจากถุงเก็บสมบัติโยนให้เมิ่งฮ่าว เมิ่งฮ่าวยื่นมือคว้าฉวยในอากาศ และโยนเม็ดยาประสานโลหิตกลับไป ผู้ฝึกตนนั้นก็รับไว้แล้วก็วางไปบนแผลที่หัวไหล่ โลหิตหยุดไหลเกือบจะทันที
มันรู้สึกสดชื่นเต็มไปด้วยพลัง กระโดดกลับไปต่อสู้อีกครั้ง ในไม่ช้า คู่ต่อสู้ของมันก็เริ่มล่าถอย โลหิตไหลออกมาจากหน้าอก
“พี่ท่าน, พี่ท่าน” เมิ่งฮ่าวตะโกนเรียกลูกค้าคนใหม่ “คู่ต่อสู้ของท่านซื้อเม็ดยาประสานโลหิตของข้าหนึ่งเม็ด และตอนนี้ก็เต็มไปด้วยพลัง ข้าคิดว่าถ้าท่านไม่ซื้อสักเม็ดด้วย ท่านคงจะได้รับอันตรายเป็นแน่ ถ้าไม่ได้มีแค่เม็ดยาประสานโลหิต ข้ายังมีเม็ดยาผ่อนคลายกระดูก ที่ช่วยบรรเทาความเมื่อยล้า ข้าให้ท่านหนึ่งเม็ด แลกกับสองก้อนหินลมปราณ รับประกันได้เลยว่า มันจะรักษาบาดแผล และรักษาพลังลมปราณให้เต็มบริบูรณ์ ท่านก็จะได้รับชัยชนะอย่างแน่นอน”
“เจ้า…เจ้า…” ลูกค้าคนแรกตะโกนอย่างไม่พอใจ มันไม่ทราบจะพูดอะไร เจ้าเด็กของร้านขายยาแบบเร่งด่วนกำลังช่วยมัน หรือว่าทำร้ายมันกันแน่? มันเพิ่งหลุดพ้นจากสถานการณ์อันเลวร้าย จนเริ่มมีความหวัง จากนั้น ก็เกิดเรื่องทำนองนี้ขึ้นมา มันโจมตีรุนแรงขึ้นจากความไม่พอใจนี้ ฉากตรงหน้าตอนนี้ ก็เหมือนกับตอนที่มันซื้อเม็ดยาก่อนหน้านี้
“ถ้าท่านชนะ ท่านก็สามารถนำหินลมปราณของคนที่แพ้ มาซื้อเม็ดยาของข้า” เมิ่งฮ่าวพูดหลอกล่อ ถือเม็ดยาอยู่ในมือ “มันคุ้มค่ามากเลยนะ”
“ข้าจะซื้อมัน” ลูกค้าคนแรกที่ซื้อเม็ดยาไปพูดขึ้นมา
“บัดซบ, เอามาให้ข้า” ผู้ฝึกตนคนที่เหนือกว่าในตอนแรกพูดขึ้น แม้จะมึความเกลียดชังในตัวเมิ่งฮ่าว แต่เมื่อได้ยินคู่ต่อสู้ต้องการเม็ดยา ก็ทำให้มันต้องกัดฟัน แล้วก็เปิดปากพูดออกมา
“ข้าให้หินลมปราณสามก้อน!”
“พี่ท่าน, เขาเสนอสามก้อน ถ้าท่านไม่ให้มากกว่า ข้าก็จะเอาเม็ดยาให้เขาไปนะ ดูแลตัวเองด้วย!”
“ข้าให้สี่ก้อน!”
“พี่ท่าน, เขาเสนอสี่, สี่ก้อน!”
“ห้า!”
“หก!”
“บัดซบ ข้ายอมแพ้ ตาย!” ผู้ฝึกตนคนที่เหนือกว่าในตอนแรก หันมาที่เมิ่งฮ่าวอย่างโกรธเกรี้ยว แรกเริ่มการต่อสู้ค่อนข้างเรียบง่าย แต่เมื่อเมิ่งฮ่าวเข้ามาเกี่ยวข้อง ทุกสิ่งเปลี่ยนเป็นซับซ้อนขึ้น มันกระโจนตรงมาที่เมิ่งฮ่าว ความต้องการเข่นฆ่ากระจายเต็มใบหน้า เห็นได้ชัดว่าต้องการกำจัดเขา
เมื่อใกล้เข้ามา เมิ่งฮ๋าวที่ดูคล้ายนักศึกษา เป็นพ่อค้าที่มีใบหน้าที่อ่อนโยน ทันใดนั้นก็เปลี่ยนไป กลายเป็นเคร่งขรึมและดุร้ายขึ้นมาแทนที่ ก่อนที่ผู้ฝึกตนนั้นจะพุ่งมาถึงตัว เมิ่งฮ่าวก็ก้าวเท้าไปข้างหน้า ตบฝ่ามือขวาพุ่งพลังลมปราณออกไปพร้อมกับเกิดเสียงดัง
ผู้ฝึกตนนั้นลอยกลับไปพร้อมเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด ด้วยพลังลมปราณของเมิ่งฮ่าวที่อยู่ในขั้นสามของการรวบรวมลมปราณ การโจมตีครั้งนี้ทำให้มันหมดสติไป
เมิ่งฮ่าวล้วงมือเข้าไปในถุงเก็บสมบัติของมัน จากนั้นสีหน้าเคร่งขรึม ดุร้ายก็เปลี่ยนไป เขากลับไปเป็นนักศึกษาที่อ่อนแออีกครั้ง พวกที่มุงดูอยู่รอบๆ ตกใจด้วยความกลัว
“พี่ท่าน ข้าเชื่อถือท่าน ที่บอกว่าจะให้หินลมปราณข้าหกก้อน” เขาพูดด้วยความละอายใจ ดูเหมือนจะอึดอัดใจเล็กน้อย
ผู้ฝึกตนอีกคนสีหน้าซีดขาว ร่างกายสั่นสะท้าน จ้องมองมาที่เมิ่งฮ่าวด้วยความประหลาดใจและเกรงกลัว มันไม่เคยคิดเลยว่าเหตุการณ์จะเปลี่ยนเป็นแบบนี้ บุคคลที่ดูอ่อนแอเหตุใดถึงเปลี่ยนแปลงไปได้มากถึงขนาดนี้? เหมือนราวกับว่ามันตกอยู่ในความฝัน