“สหายเต๋าหาน” เมิ่งฮ่าวกล่าวขึ้นในทันใด มองดูหานเป้ยจากบนลงล่าง “ท่านดูค่อนข้างคุ้นหน้า พวกเราเคยพบกันมาก่อนหรือไม่?” ด้วยคำพูดที่ไม่เกรงใจเช่นนั้น จริงๆ แล้วก็เป็นส่วนหนึ่งในแผนการของเมิ่งฮ่าว
ทันทีที่คำพูดดังออกมาจากปากของเขา ศิษย์แกนหลักทั้งหมดของสำนักชิงหลัวก็มองมายังคนทั้งสอง แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญสร้างแกนลมปราณก็ชำเลืองมองมา ดวงตาของพวกมันส่องประกายด้วยความสนใจอยากรู้
ปรมาจารย์จื่อหลัวก็มีความสนใจเช่นเดียวกัน
ดวงตาหานเป้ยเพ่งนิ่งที่เมิ่งฮ่าว “ฟางต้าชือ, ต้องขอภัยด้วย ข้าจำไม่ได้จริงๆ…” นางดูท่าทางครุ่นคิด และดูเหมือนมีบางสิ่งแวบขึ้นมาอยู่ลึกๆ ด้านในดวงตาของนาง เมิ่งฮ่าวแน่ใจว่านางกำลังซุกซ่อนบางสิ่งบางอย่างไว้
ถ้าเขาไม่เคยรับรู้ถึงความเจ้าเล่ห์ของนาง ในดินแดนสงบสุขของสำนักชิงหลัวมาก่อน เขาก็ไม่มีทางตรวจพบมันได้
“ข้าคงจำคนผิด” เขากล่าวพร้อมกับหัวเราะ “บางทีข้าก็แค่ปรารถนาจะพบกับท่านมาก่อน” เมื่อได้ยินเช่นนี้ ศิษย์แกนหลักสำนักชิงหลัวทั้งหมดต่างก็ยิ้มออกมา
ผู้เชี่ยวชาญสร้างแกนลมปราณก็ยิ้มด้วยเช่นกัน และพวกมันก็ส่ายหน้า เมื่อพิจารณาจากอายุของพวกมัน ก็เป็นเวลานานมากแล้ว ที่พวกมันไม่ได้สนใจไล่ตามสาวงาม
ชายชราแซ่โจวขมวดคิ้ว ในความคิดของมัน ไม่สำคัญว่าฟางมู่จะอยู่ในวัยหนุ่มหรือไม่ แต่พฤติกรรมเช่นนี้ จริงๆ แล้วก็สร้างความอับอายให้กับสำนักเป็นอย่างยิ่ง
ปรมาจารย์จื่อหลัวหัวเราะ “ฟางมู่ต้าชือ, หลังจากนี้ก็ยังมีเวลาอีกมากสำหรับคนหนุ่มสาวเช่นพวกท่านจะทำความรู้จักกัน ตอนนี้ ทำไมท่านไม่ติดตามข้าเข้าไปในสำนักก่อน?”
เมิ่งฮ่าวหน้าแดง ประสานมือคารวะให้กับปรมาจารย์จื่อหลัว “ข้าทำเรื่องน่าอายต่อหน้าผู้อาวุโสแล้ว” เขากล่าว
หานเป้ยยกมือปิดปาก และขยิบตาให้
เมิ่งฮ่าวและชายชราแซ่โจวเข้าไปในสำนัก ล้อมรอบด้วยศิษย์สำนักชิงหลัว ในเวลานี้เองที่ทันใดนั้น สีหน้าปรมาจารย์จื่อหลัวก็เปลี่ยนไป มันหันร่าง และมองออกไปในที่ห่างไกล ทุกคนหยุดเดินและหันร่างมองไปเช่นเดียวกัน
ปรมาจารย์จื่อหลัวหัวเราะเบาๆ “ดูเหมือนหลี่ต้าชือ และเฉินต้าชือจากแผนกเม็ดยาพสุธาสำนักจินซวงได้มาถึงเร็วไปครึ่งวัน” มันโบกสะบัดแขน และทันใดนั้น เสียงระฆังภายในสำนักชิงหลัวก็ดังขึ้นอีกหกครั้ง
เมิ่งฮ่าวมองออกไปยังที่ไกลตา ไม่นานนักก็มองเห็นเรือเหาะขนาดใหญ่ใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็ว เมื่อมันเข้ามาใกล้ ผู้คนกลุ่มหนึ่งก็บินออกมาจากดาดฟ้าเรือ และตรงลงมาที่พวกเขา สองคนในกลุ่มนั้นสวมใส่ชุดยาวสีแดงเข้ม ชายแขนเสื้อปักไว้ด้วยรูปกระถางปรุงยา พวกมันดูเหมือนจะทรงพลังและไม่ธรรมดา กระจายกลิ่นหอมของสมุนไพรออกมา
“ฮึ่ม!” โจวเต๋อคุน ซึ่งยืนอยู่ข้างกายเมิ่งฮ่าวแค่นเสียงออกมา “ข้าไม่เคยคิดเลยว่าสำนักชิงหลัวจะเชื้อเชิญ แผนกเม็ดยาพสุธาแห่งภูผานิรันดร์ มาด้วยเช่นกัน”
เมิ่งฮ่าวมองไปยังอาจารย์ปรุงยาวัยกลางคนสองคน จากแผนกเม็ดยาพสุธาแห่งภูผานิรันดร์ พวกมันยิ้มขณะที่เข้ามาใกล้
เมิ่งฮ่าวหันหน้าไปยังโจวเต๋อคุนและถามว่า “เมื่อนักปรุงยาของสำนักอื่นๆ ได้รับการเชื้อเชิญ ศิษย์ของเจ้าโอสถ มักจะแสดงตัวออกมา?”
“เป็นบางครั้ง แต่ก็ไม่บ่อยนัก” โจวเต๋อคุนกล่าวตอบ มันคิดว่าจะไม่สนใจเมิ่งฮ่าว แต่พวกเขาก็เป็นสหายร่วมสำนักเดียวกันที่อยู่ด้านนอก ตอนนี้ยังมีอีกสองคนที่มาจากแผนกเม็ดยาพสุธาแห่งภูผานิรันดร์ คงเป็นเรื่องยากที่จะหลีกเลี่ยงการกระทบกระทั่งกันในเรื่องของเต๋าแห่งการปรุงยา
โดยไม่ต้องการให้วันเวลาที่อยู่ในสำนักชิงหลัวเกิดความยุ่งยาก โจวเต๋อคุนกล่าวเพิ่ม “ดูเหมือนสำนักชิงหลัวต้องการพัฒนาเต๋าแห่งการปรุงยาของพวกมันจริงๆ และด้วยเช่นนั้น จึงได้เชื้อเชิญแผนกเม็ดยาพสุธามาด้วย” โจวเต๋อคุนขมวดคิ้ว หลังจากที่มันพูดจบ ปรมาจารย์จื่อหลัว และคนอื่นๆ ก็เข้าไปห้อมล้อมอยู่รอบๆ สองอาจารย์ปรุงยาจากแผนกเม็ดยาพสุธาอย่างสุภาพ และนำพวกมันเข้ามาในสำนัก
เกือบจะในทันทีที่พวกมันเข้ามาใกล้ หนึ่งในนักปรุงยาชุดแดงเข้มจากแผนกเม็ดยาพสุธา ซึ่งมีรูปร่างสูง เป็นบุรุษที่แข็งแรงเต็มไปด้วยพลัง ดูไม่ธรรมดา ก็เริ่มพูดขึ้นมา “สหายเต๋าโจวก็อยู่ที่นี่ด้วย? ข้าพอจะจำคำพูดที่ยิ่งใหญ่ของท่านได้เมื่อหลายปีก่อน ท่านบอกว่าจะเป็นเทพกระถางม่วง ผ่านไปหกสิบปีแล้ว สหายเต๋าโจว, ท่านได้บรรลุถึงเป้าหมายแล้วหรือไม่?” สายตาของมันราวกับสายฟ้าฟาดลงมาบนโจวเต๋อคุน และเมิ่งฮ่าว
“สหายเต๋าหลี่นั่นเอง” โจวเต๋อคุนกล่าวพร้อมแค่นเสียง คำพูดของบุรุษผู้นั้นแตะไปที่ความเจ็บปวดที่อยู่ในใจของมันโดยตรง ทำให้มันต้องพูดจาเยาะเย้ยขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ “ข้าไม่ได้เห็นท่านมาหลายปี แต่ลมหายใจของท่านก็ยังคงเลวร้ายเหมือนเดิม”
นักปรุงยาอีกคนค่อนข้างจะผอมแห้ง และไว้หนวดที่มีรูปร่างเหมือนตัวอักษร 八 มันมองมายังเมิ่งฮ่าว และเสแสร้งยิ้มออกมา “นี่ต้องเป็นฟางมู่ต้าชือนักปรุงยาแผนกเม็ดยาบูรพา ซึ่งผู้คนกล่าวกันว่าใช้วิธีที่ไม่ธรรมดาเพื่อให้กลายมาเป็นเจ้าแห่งเตา ฮา ฮา ฮา! ข้ารอคอยที่จะได้พบกับน้องฟางผู้โด่งดังมานานแล้ว! นามของท่านดังก้องราวฟ้าร้องอยู่ในหูของผู้ฝึกเต๋าแห่งการปรุงยา พวกมันกล่าวว่าท่านเป็นอาจารย์ปรุงยา ผู้ซึ่งสวมใส่ชุดของเจ้าแห่งเตา!”
ทันทีที่สองนักปรุงยาจากแผนกเม็ดยาพสุธาแห่งภูผานิรันดร์ปรากฎกายขึ้น พวกมันก็กล่าวคำพูดที่เต็มไปด้วยความมุ่งร้าย มันแสดงตัวเป็นปรปักษ์กับนักปรุงยาแผนกเม็ดยาบูรพาอย่างเห็นได้ชัดเจน
ผู้คนจากสำนักชิงหลัวดูเหมือนจะสนใจในสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ทุกก้าวย่าง เต๋าแห่งการปรุงยาของแผนกเม็ดยาบูรพา เป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วทั้งดินแดนด้านใต้ ส่วนแผนกเม็ดยาพสุธาก็ถูกสร้างขึ้นโดยเจ้าโอสถภูผานิรันดร์ แห่งสำนักจินซวง ถึงแม้ซานจิ่วจะให้ความเคารพต่อตานกุ่ย แต่ศิษย์ของมันก็เริ่มก้าวร้าวมากขึ้นเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง พวกมันปฏิเสธไม่รับรู้ความรุ่งโรจน์เกรียงไกรของแผนกเม็ดยาบูรพา และเมื่อไหร่ที่ทั้งสองแผนกมาเจอกัน ไม่ว่าโอกาสไหนก็ตาม เปลวไฟก็จะลุกโชนขึ้นมา
เมิ่งฮ่าวมองไปยังบุรุษแซ่เฉิน ผู้ซึ่งเพิ่งจะพูดจาเหน็บแหนมออกมา “ท่านคือใคร?” เขาถาม คิ้วขมวดขึ้น
“ข้าคือเฉินเจียสี่ อาจารย์ปรุงยาชุดแดง ของแผนกเม็ดยาพสุธา!” มันยิ้มแฉ่งขณะที่มองมายังเมิ่งฮ่าว จิตใจของมันเต็มไปด้วยความอิจฉา เนื่องจากเมิ่งฮ่าวมีตำแหน่งเจ้าแห่งเตา ในความคิดของมัน ทักษะในเต๋าแห่งการปรุงยาของมัน อาจจะอยู่ในระดับเดียวกับเทพกระถางม่วง ถ้ามันได้อยู่ในแผนกเม็ดยาบูรพา แต่มันต้องอยู่ที่จุดสูงสุดของอาจารย์ปรุงยา ในแผนกเม็ดยาบูรพาอย่างแน่นอน
อันที่จริง ผู้คนมากมายในแผนกเม็ดยาพสุธาที่คิดเช่นเดียวกันนี้ นอกจากนั้น…นักปรุงยาของแผนกเม็ดยาพสุธาต่างก็มีชื่อเสียงในดินแดนด้านใต้ แต่ก็ไม่ได้เป็นที่รู้จักอยู่ในระดับเดียวกันกับแผนกเม็ดยาบูรพา พวกมันอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าเล็กน้อย ซึ่งก็เป็นเหตุให้พวกมันได้รับการดูถูก
“ท่านหมายถึง ท่านเคยได้ยินนามของข้า?” เมิ่งฮ่าวถาม น้ำเสียงประหลาดใจ ไม่มีใครพบว่าท่าทางของเขาผิดปกติ แต่โจวเต๋อคุนตระหนักดีถึงคำพูดที่ร้ายกาจของเมิ่งฮ่าว และจิตใจของมันก็เริ่มเต้นระรัว มันรู้ว่าคำพูดของเมิ่งฮ่าวไม่ได้หมายความว่าจะยอมล่าถอย
เฉินเจียสี่หัวเราะที่เห็นท่าทางตะลึงงันของเมิ่งฮ่าว และสายตาของมันก็เต็มไปด้วยการดูถูก “ทำไมผู้ฝึกเต๋าแห่งการปรุงยาถึงไม่เคยได้ยินนามของฟางตานชือ ที่โด่งดังไปถึงเจ้าแห่งเตา? อันที่จริง ข้าก็อยากจะถามว่า ท่านรู้สึกอย่างไรบ้างที่ได้สวมใส่ชุดของเจ้าแห่งเตา?”
ราวกับว่าเมิ่งฮ่าวคิดขึ้นมาได้ เขาหัวเราะ และกล่าวว่า “โอ, ข้ารู้แล้ว ท่านรู้จักข้าเพราะข้าเป็นเจ้าแห่งเตาของแผนกเม็ดยาบูรพา คำพูดและการกระทำของข้าก็เป็นที่รู้จักกันไปทั่ว ท่ามกลางเหล่าผู้ฝึกเต๋าแห่งการปรุงยา ดังนั้น นามของข้าจึงได้ดังก้องราวเสียงฟ้าผ่าอยู่ในหูของท่าน แต่ท่านก็เป็นเพียงศิษย์ชุดแดงธรรมดาของแผนกเม็ดยาพสุธา ผู้ซึ่งข้าไม่เคยได้ยินนามมาก่อน ข้าเดาว่าที่ท่านมาในวันนี้ก็เพราะว่าท่านต้องการจะรู้จักข้า!”
“เจ้า!!” เฉินเจียสี่ร้องออกมา ดวงตาเบิกโพลงด้วยแสงอันเย็นเยียบ ในความคิดของมัน คำพูดเช่นนั้นก็คือการดูถูกกันโดยตรง ไม่เพียงแต่จะบอกว่า ชื่อเสียงของมันช่างธรรมดาซะจนเขาไม่เคยได้ยินมาก่อน ยังได้บอกเป็นนัยอีกว่า ชื่อเสียงที่เขาได้ใช้วิธีพิเศษในการเป็นเจ้าแห่งเตา เหมือนกับเสียงฟ้าผ่าที่อยู่ในหูของมัน
ไม่เพียงแต่เฉินเจียสี่จะมีโทสะพุ่งขึ้นมาจากคำพูดของเมิ่งฮ่าว บุรุษที่ยืนอยู่ข้างกายมัน หลี่อี้หมิง ก็จ้องมายังเมิ่งฮ่าวอย่างเย็นชา “ช่างมีลิ้นที่แหลมคมนัก!” มันกล่าว
เมื่อได้เห็นการทะเลาวิวาทเริ่มรุนแรงขึ้น ปรมาจารย์จื่อหลัวก็ส่งเสียงไอเบาๆ และก้าวมายืนอยู่ตรงกลางคนทั้งสอง ตามมาด้วยผู้เชี่ยวชาญสร้างแกนลมปราณคนอื่นๆ ด้วยรอยยิ้มอยู่บนใบหน้า พวกมันนำทางเข้าไปยังหมื่นภูเขา
คำพูดโต้เถียงหยุดลงในทันที ตอนนี้พวกเขาอยู่ในสำนักชิงหลัว ทั้งแผนกเม็ดยาบูรพา และแผนกเม็ดยาพสุธา ต้องไว้หน้าสำนักชิงหลัวบ้าง นอกจากนั้น พวกเขาก็ถูกเชิญมายังที่นี่ สำนักชิงหลัวไม่ต้องการให้แขกของพวกมันปะทะกันอย่างรุนแรงทันทีที่เข้ามาในสำนัก
โจวเต๋อคุนแอบชำเลืองมองมายังเมิ่งฮ่าว ถึงแม้มันจะไม่ค่อยชอบเขามากเท่าไหร่นัก แต่มันก็ยังแอบยินดีอยู่ลึกๆ คำพูดของเมิ่งฮ่าวเมื่อครู่นี้ ทำให้มันรู้สึกพอใจขึ้นเล็กน้อย
คนทั้งหมดบินไปตามทาง ในที่สุดก็มาถึงร้อยภูเขา และวิหารใหญ่ ซึ่งขยายออกไปใต้ยอดเขาสีเขียว สำนักชิงหลัวได้จัดเตรียมงานเลี้ยงต้อนรับแผนกเม็ดยาบูรพา และแผนกเม็ดยาพสุธาไว้ที่นี่
ปรมาจารย์จื่อหลัวไม่ปรากฎตัวขึ้นอีก ความจริงที่ว่า มันมาต้อนรับอาจารย์ปรุงยาจากสองแผนก ก็ถือว่าสำนักชิงหลัวให้เกียรติมากแล้ว
ศิษย์แกนหลักของสำนักส่วนใหญ่เข้าร่วมงานเลี้ยงต้อนรับนี้ เมิ่งฮ่าวเห็นโจวเจี๋ยและหานเป้ย แต่เขาก็ไม่เห็นศิษย์พี่หญิงฉื่อ ซึ่งก็ทำให้เขารู้สึกกังวลใจขึ้นเล็กน้อย ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้แสดงออกมาทางสีหน้าก็ตามที
โจ้วเต๋อคุนสนทนากับคนอื่นๆ อย่างมีชีวิตชีวา หลี่และเฉิน อาจารย์ปรุงยาชุดแดงแห่งแผนกเม็ดยาพสุธา ดูเหมือนจะมีความสุขกับการต้อนรับเช่นนี้ และกลายเป็นจุดศูนย์กลางความสนใจอย่างรวดเร็ว
ผู้เข้าร่วมงานมีผู้ฝึกตนขั้นสร้างแกนลมปราณด้วยถึงหกคน ซึ่งนั่งอยู่ด้วยกันทั้งหมด แต่ก็ได้พูดคุยกับทุกคนอย่างสุภาพ ดูเหมือนสำนักชิงหลัวจริงๆ แล้ว ก็ทำทุกอย่างเพื่อที่จะต้อนรับนักปรุงยาจากสองสำนักเป็นอย่างดี
งานเลี้ยงต้อนรับสิ้นสุดลงเมื่อถึงยามราตรี เมื่อทุกคนเริ่มจากไป เมิ่งฮ่าวก็ถูกพาไปยังพื้นที่ของร้อยภูเขาซึ่งถูกเรียกว่า ภูเขาต้อนรับเขียวขจี บนยอดเขาหนึ่งในร้อยภูเขา ซึ่งมีที่พักอาศัยอันหรูหรา ล้อมรอบไปด้วยเกราะเวทป้องกัน ทำให้มีความปลอดภัยเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อพิจารณาว่า เมิ่งฮ่าวมาในฐานะตัวแทนของสำนักจื่อยิ่น สำนักชิงหลัวก็ต้องไม่ยอมให้มีอันตรายใดๆ เกิดขึ้นกับเขา แน่นอนว่านี่เป็นเรื่องของหน้าตา และความสัมพันธ์อันดีระหว่างสองสำนักใหญ่
ตกกลางดึกยามราตรี เมิ่งฮ่าวนั่งขัดสมาธิอยู่ภายในที่พัก หายใจเข้าลึกๆ หลังจากเข้าฌาณไปสักพัก ร่างของเขาก็เริ่มส่งประกายปราณสีขาวออกมา ขณะที่เขาละลายสุราจากเครื่องดื่มที่เขาได้ดื่มเข้าไปในช่วงงานเลี้ยงต้อนรับ ก่อนที่จะดื่มเข้าไป เขาก็ได้ตรวจสอบสุราเหล่านั้น ด้วยทักษะของพืชสมุนไพรของเขา และรู้ว่ามันปลอดภัยดี
เวลาผ่านไป จากนั้นเมิ่งฮ่าวก็ลืมตาขึ้น ส่องแสงเจิดจ้าออกมา
“หานเป้ยชาญฉลาดอย่างน่าเหลือเชื่อ บางทีข้าไม่ควรจะเปิดเผยให้นางทราบตั้งแต่ตอนแรก นางกำลังซุกซ่อนอะไรไว้?” เขาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่สักพัก แต่ก็ไม่มีข้อสรุปใดๆ “ข้าไม่เห็นศิษย์พี่หญิงฉื่อในวันนี้ ข้าอยากรู้นักว่านางจะเป็นอย่างไรบ้าง…? และเกิดอะไรขึ้นกับโจวเจี๋ย? ดูเหมือนมีบางอย่างที่ผิดปกติเกี่ยวกับตัวมัน มันเหมือนจะแตกต่างจากครั้งก่อน…” หลังจากครุ่นคิดมากขึ้น ดวงตาเขาก็เริ่มสาดประกาย “ความหมายที่ดังออกมาจากแผ่นหยกผนึกอสูรคืออะไรกันแน่…” เขาหลับตาลง และเข้าฌาณต่อไป