หวังเถิงเฟย ดูมีความตื่นเต้นเป็นอย่างมาก ถ้ามีใครสักคนมาเห็นมันในตอนนี้ ก็คงตกใจเป็นอย่างยิ่ง ไม่มีใครได้มีโอกาสเห็นสีหน้า ที่แสดงอยู่บนใบหน้าของมันเช่นนี้มาก่อน
สำหรับคนอื่นๆ หวังเถิงเฟย คือ ผู้ถูกเลือก ด้วยการแสดงออกที่อ่อนโยน รอยยิ้มที่น่าคบหา และท่าทางที่สง่างาม สมบูรณ์แบบไร้ที่ติ
แต่ในตอนนี้ มันมีแต่ความตื่นเต้น มันได้เตรียมการสำหรับเวลานี้มาหลายปี ลงทุนลงแรงไปมากมาย ทั้งหมดก็เพื่อที่จะให้บรรลุถึงจุดนี้ จุดที่มันได้เฝ้ารอมาเป็นเวลาหลายปี ในที่สุดมันก็จะได้ของวิเศษที่จะอยู่ติดตัวมันไปตลอดชีวิต หัวใจของมันแทบจะระเบิดออกมาด้วยความตื่นเต้นอย่างบ้าคลั่ง
หนึ่งในเหตุผลหลักที่มันเข้าสังกัดสำนักเอกะเทวะ ก็เพื่อจะเริ่มแผนการที่จะได้มาซึ่งของวิเศษนี้
มันเข้าไปในถ้ำด้วยการเคลื่อนไหวอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เมื่อมันได้เห็นซากศพที่ใหญ่โตจนน่าตกใจ มันก็หัวเราะออกมาเสียงดังด้วยสายตาที่เปล่งประกาย มันพุ่งตรงไปที่หางของซากศพนั้น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่กลายมาเป็นงูเหลือมอสูร มันค้นหาไปได้สักพัก ครั้นแล้วสีหน้าของมันก็แสดงออกถึงความสับสนด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง หลังจากที่กวาดมองไปทั่วร่างของซากศพนั้น มันก็ยืนอยู่ที่นั่นอ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ
“เกิดอะไรขึ้น…? ไม่น่าเป็นไปได้ ของวิเศษนั่นควรจะอยู่ที่นี่ หลังจากที่งูเหลือมลอกคราบไปแล้ว เวลาที่ปลอดภัยที่จะเข้ามาที่นี่ก็คือตอนนี้เท่านั้น มันไม่อยู่ที่นี่ได้อย่างไร? เป็นไปไม่ได้!”
ความชั่วร้ายกระจายเต็มไปทั่วดวงตาของมัน สมองของมันหมุนคว้าง ค้นหาไปที่ซากศพอีกครั้ง มองหาจุดที่มันจำได้ว่ากระบี่น่าจะปักอยู่ เมื่อมันหาเจอ ก็เห็นได้ชัดว่ากระบี่เล่มนั้นได้ถูกดึงไปเรียบร้อยแล้ว ร่างของมันเริ่มสั่นสะท้าน ดวงตาเต็มไปด้วยความโกรธอย่างไม่น่าเชื่อ มันแผดเสียงออกมา สร้างความสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งภูเขาสีดำนั้น
นั่นเป็นเพราะเมื่อมันสังเกตเห็นส่วนศีรษะของซากศพนั้นได้ถูกแยกเปิดออกมา และแกนอสูรก็หายไป เมื่อมันมองไปที่โครงกระดูกของคนผู้นั้น ความรู้สึกของมันก็จมดิ่งลึกลงไปเรื่อยๆ และมันก็แทบจะไม่มองไปที่ซากศพและโครงกระดูกนั่นอีกเลย
ทั่วร่างของมันปรากฎความโหดร้ายอันเนื่องมาจากความโกรธออกมา มันพุ่งออกไปด้านนอก และดึงชายแขนเสื้อขึ้นมา หวังว่าจะมีปฏิกิริยาจากหยดโลหิตที่อยู่บนแขนของมัน แต่ก็ไร้การตอบสนองใดๆ ราวกับว่าหยดโลหิตได้ถูกลบล้างหายไป
มันค้นหาไปทั่วทั้งภูเขาสีดำจากเหนือจรดใต้แต่ก็ไม่พบอะไรเลย
สุดท้าย มันก็กลับเข้าถ้ำไปอย่างเซื่องซึม และมองไปที่ซากศพของสิ่งมีชีวิตนั้น ส่งเสียงร้องคร่ำครวญออกมาอย่างโหยหวน
“ข้าใช้เวลาสามปีเพื่อค้นหาบันทึกโบราณ สามปี ที่ไม่มีเวลาสำหรับการฝึกตน! ข้าใช้หินลมปราณไปแสนก้อน ก่อนที่จะพบเบาะแสจากสองร้อยปีที่ผ่านมา ชักนำให้ข้ามาที่ซากของมังกรปีกวารีนี้!” ร่างของมันสั่นสะท้าน และสีหน้าก็บูดเบี้ยว ทุกสิ่งที่ดูสง่างามในตัวมันหายไป แทนที่ด้วยความบ้าคลั่ง
“ข้าใช้เวลาหนึ่งปีค้นหาไปทั่วแคว้นจ้าว ทั้งบนภูเขาและในป่า ไปมาทั่วทุกที่ ในที่สุดด้วยการตอบสนองของหยดโลหิตก็ชักนำให้ข้ามาที่นี่!” สองตามันแดงกร่ำ กำมือเป็นหมัดจนแน่นด้วยความโกรธ ใครก็ตามที่ได้เห็นมันในตอนนี้ แน่นอนว่าต้องตกใจอย่างสุดขีด
“เพื่อของวิเศษ ข้าได้ยอมลดตัวลงมาเข้าสังกัดในสำนักเอกะเทวะอันบัดซบแห่งนี้ บัดซบ, บัดซบ! ข้าอดทนมาตั้งเกือบสามปี!!!” หัวใจของมันเจ็บแปลบ ราวกับว่าถูกแทงด้วยกระบี่ที่มองไม่เห็น ทุบทำลายความหยิ่งยโสของมันให้แหลกสลายกลายเป็นชิ้นๆ จวบจนกระทั่งบัดนี้ มันยังคงไม่ยอมเชื่อว่ามันจะพ่ายแพ้ถึงเพี่ยงนี้
“ในการเตรียมเวทอาคมเพื่อผนึกงูเหลือมอสูร ข้าได้ใช้หินลมปราณที่เหลือของข้าทั้งหมดไป!! ข้าใช้อิทธิพลบางส่วนของตระกูล เพื่อป้องกันไม่ให้ข่าวเกี่ยวกับมังกรปีกวารีในสมัยโบราณกระจายออกไป ข้ายังได้ปฏิเสธความช่วยเหลือจากคนในตระกูลของข้า เพราะข้าต้องการให้ของวิเศษและมรดกจากสวรรค์เป็นส่วนหนึ่งของการฝึกฝนตัวเองของข้า!”
“มันเป็นใคร? ใครที่เอาของวิเศษของข้าไป!?” ร่างของมันสั่นสะท้านอย่างรุนแรง หัวสมองมึนงง โลหิตเดือดพล่าน มันทุ่มเททุกอย่างลงทุนลงแรงไปมากมาย แต่ถูกใครบางคนชิงตัดหน้าไป ได้ประโยชน์อย่างง่ายดาย คิดถึงตอนนี้ มันก็ต้องกระอักโลหิตออกมากองโต ทำให้เสื้อยาวสีขาวของมันเปรอะเปื้อนไปด้วยสีแดง
มันเหมือนกับบุรุษในโลกมนุษย์ ผู้ซึ่งได้พบเจอเจ้าสาวที่สุดแสนจะสวยงาม จึงใช้เงินทองมากมายเพื่อจัดเตรียมงานแต่งงาน สร้างบ้านเรือนใหญ่โตตกแต่งด้วยสิ่งของที่หรูหราสวยงาม เตรียมเชิญญาติมิตรมากมาย มาร่วมพิธีงานแต่งงานที่สุดแสนจะตื่นตาตื่นใจ จากนั้น ท่ามกลางสายตาของทุกคนที่เต็มไปด้วยคาดหวัง บุรุษผู้นั้นก็เดินเข้าไปในห้องแต่งงานและมองเห็นเจ้าสาวที่สวยงามในชุดแต่งงานสีแดงสด และเมื่อมันกำลังจะขึ้นเตียงไปทับร่างของเจ้าสาว…
ทันใดนั้นมันก็พบว่ามันได้กลายเป็นคนอื่น ทุกสิ่งที่เป็นของมันก็ถูกคนอื่นเอาไปหมด แม้แต่ใบหน้าของมันก็ถูกแย่งชิงไป!
“ใครเอากระบี่โบราณของข้าไป!?” อีกครั้งที่หวังเถิงเฟยตะโกนอย่างเศร้าโศก จากนั้นกระอักโลหิตออกมาอีกครั้ง มันถอยหลังไปสองสามก้าว หน้าซีด สายตาลุกโชนอย่างบ้าคลั่ง มันไม่สามารถยอมรับได้ มันไม่เคยพ่ายแพ้มาก่อน ทำให้มันเป็นคนอวดดีหยิ่งยโส แต่เหตุการณ์นี้ทำให้จิตใจของมันเต็มไปด้วยความโกรธแค้นและอับอายเป็นอย่างยิ่ง
“ใครมาขโมยของวิเศษที่ข้าวางแผนที่จะใช้ เป็นเครื่องมือสำหรับควบคุมโลกแห่งเซียนแห่งนี้!?” เมื่อมันคิดไปถึงค่าตอบแทนที่มันต้องจ่ายไปเพื่อให้มาถึงจุดนี้ มันก็ต้องกระอักโลหิตออกมาอีกกองโต ถอยหลังไปอีกสองก้าว เสื้อยาวของมันตอนนี้ก็เปื้อนโลหิตจนกลายเป็นสีแดงเกือบจะทั้งตัว
“เจ้าไม่เพียงแค่เอาของวิเศษไป ยังเอาแกนอสูรไปด้วย ถ้าไม่มีแกนอสูร ข้าก็ไม่สามารถบรรลุถึงระดับเจ็ด! มันเป็นใคร? ใครกันที่บังอาจเอาโชคชะตาของข้าไป! นั่นเป็นของวิเศษของข้า แกนอสูรของข้า!!” สีหน้าของมันบิดเบี้ยวด้วยความบ้าคลั่ง เมื่อมันพยายามที่จะค้นหาต่อไป แต่ก็ไม่มีอะไรเหลืออยู่เลย
เสียงร้องคำรามอย่างน่าอนาถใจของหวังเถิงเฟย ดังไปถึงหูของเมิ่งฮ่าว ขณะที่เขากำลังหลบหนีเพื่อเอาตัวรอด ตาของเขาส่องประกายด้วยความตื่นเต้น และวิ่งไปเร็วมากขึ้น
“ข้ารวยแล้ว รวยแล้วจริงๆ” ใจเขาเต้นรัวและริมฝีปากแห้งผาก เขาเพิ่มความเร็วขึ้นไปอีกจนกระทั่งเกินข้อจำกัดของความเร็วก่อนหน้านี้ ใช้เวลาเพียงแค่ช่วงสั้นๆ ก่อนที่เขาจะถึงถ้ำแห่งเซียนตรงเชิงเขาทิศใต้
เขาคาดเดาว่าของวิเศษที่เขาได้มา เป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับหวังเถิงเฟย เมื่อเขาขโมยมันมาได้ เขาก็ไม่สามารถจะไปประกาศเรื่องนี้ต่อหน้าคนอื่นๆ ได้ เขาต้องหลบซ่อนตัวให้ดี แต่ถ้าเขาทำแบบนั้น มันก็จะไปกระตุ้นความสนใจของบุคคลอื่นมาที่เขามากยิ่งขึ้น ดังนั้นเขาควรที่จะไปแสดงตัวในที่แจ้ง และวางตัวเองในตำแหน่งที่พอจะมีเหตุผลที่แน่นหนา รับประกันได้ว่าเมื่อเขาต้องชี้แจง ทุกคนก็ต้องเห็นด้วย ให้ความเป็นธรรมต่อเขา
เขาเลียริมฝีปาก สองตาส่องประกาย ถึงแม้ว่าเจ้าอ้วนยังคงมีแผ่นหยกที่ใช้เปิดถ้ำแห่งเซียน เมิ่งฮ่าวก็ยังคงมีแผ่นหยกอีกอันที่ได้รับจากศิษย์พี่หญิงฉื่อ ซึ่งเขารู้ว่ามันใช้เปิดประตูได้ ถ้ามีกุญแจเพียงแค่อันเดียว นางจะเปิดประตูได้อย่างไร ตอนที่เมิ่งฮ่าวกำลังนั่งนับหินลมปราณอยู่ในตอนนั้น?
เมื่อเขาเข้าไปในถ้ำแห่งเซียน เขาก็ไม่เห็นเจ้าอ้วน ตอนแรก เขารู้สึกกังวล แต่หลังจากนั้นก็คิดได้ว่าแม้เจ้าอ้วนจะดูซื่อๆ ไร้เดียงสา แต่จริงๆ แล้วมันก็เป็นคนค่อนข้างฉลาด และคงไม่ปล่อยให้ตัวเองเสียเปรียบไปได้ เขาจึงไม่คิดเกี่ยวกับมันอีก นั่งลงขัดสมาธิ สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ดึงถุงเก็บสมบัติสีทองออกมา เมื่อเขามองเห็นมันก็มีความสุขเพิ่มขึ้น และเมื่อเขาเปิดมัน เขาก็เริ่มพึมพำอย่างแผ่วเบากับตัวเอง
“มันใหญ่มาก ดูเหมือนว่ามันจะสามารถเก็บ…อะไร?” ก่อนที่เขาจะพูดจบประโยค ร่างของเขาก็นิ่งแข็ง และต้องสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ อีกครั้ง เมื่อเขามองไปที่ถุงเก็บสมบัติ จิตใจของเขาว่างเปล่า จากนั้นก็เริ่มมึนงง
“ท่านย่ามันเถอะ! ข้ารวยแล้วจริงๆ!!” มือของเขาสั้น ขณะที่ถือถุงเก็บสมบัติ มันต้องใช้เวลาชั่วครู่สำหรับเขาเพื่อที่จะดึงความคิดให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม เขาดึงหินลมปราณออกมาด้วยมือที่สั่นเทา
หินลมปราณในถุงไม่ค่อยเหมือนกับหินลมปราณอื่นๆ ที่เขามี มันมีขนาดใหญ่เท่านิ้วมือ พลังลมปราณที่หมุนวนอยู่ในก้อนหินก็ไม่ได้หนาแน่นมาก และมันก็ยังมีหมอกที่หมุนวนแบบแปลกๆ อยู่ข้างใน และจำนวนที่แท้จริง…ด้านในของถุงเก็บสมบัติมีหินลมปราณมากกว่าสองพันก้อน
เขาไม่เคยเห็นทรัพย์สมบัติที่มากมายเช่นนี้มาก่อนในชั่วชีวิต เขาถึงกับลืมหายใจไปชั่วขณะ ร่างกายสั่นสะท้าน จ้องมองไปด้วยสายตาที่ว่างเปล่า นอกจากหินลมปราณ สิ่งอื่นๆ ที่อยู่ในถุงก็ประกอบด้วยเสื้อผ้าหลายชุด และของจุกจิกบางอย่าง
เหงื่อเริ่มไหลลงมาจากหน้าผากของเมิ่งฮ่าว ด้านในถ้ำแห่งเซียนไม่ได้ร้อน แต่ร่างของเขารู้สึกราวกับว่ามันกำลังถูกเผาไหม้อยู่ หลังจากที่เวลาผ่านไปชั่วครู่ เขาก็เริ่มหัวเราะ จิตใจก็หัวเราะตามไปด้วยอย่างมีความสุข
“หินลมปราณพวกนี้ดูแปลกนัก มันมีขนาดใหญ่ พลังลมปราณภายในก็ดูเหมือนหินลมปราณทั่วไป แต่จำนวนของมัน ฮา ฮา ฮา…” หลังจากเวลาผ่านไปอีกครั้ง เขาก็เริ่มควบคุมตัวเองได้ เลียริมฝีปาก จากนั้นก็ดึงเอาสิ่งของอย่างอื่นที่ได้มา แกนอสูรที่แห้งเหี่ยว เขามองไปที่มัน สายตาเปล่งประกายเข้มข้น เขาสูดลมหายใจเข้าไปลึกเต็มปอด
“สัตว์อสูรที่ใหญ่โตมโหฬารตัวนั้นต้องตายไปนานหลายปีแล้วเป็นแน่ จนในที่สุด ส่วนหางของมันก็ได้กลายมาเป็นงูเหลือมอสูร มันต้องมีพลังอำนาจอันเกรียงไกรตอนที่มีชีวิตอยู่อย่างแน่นอน และแกนอสูรของมัน…” เมิ่งฮ่าวเริ่มหายใจติดขัดเมื่อเขามองไปที่ แกนลมปราณที่แห้งเหี่ยวและแข็งกระด้างก้อนนั้น เขาดึงกระจกทองแดงออกมา ตั้งใจที่จะสร้างแกนอสูรก้อนนี้เพิ่มขึ้นมาอีกก้อน
เกือบจะทันทีที่เขาดึงกระจกออกมา และก่อนที่เขาจะวางแกนอสูรลงไปบนผิวหน้าของมัน ทันใดนั้น กระจกก็เริ่มเผาไหม้จนร้อน จนเกือบจะลวกมือของเมิ่งฮ่าว พลังที่มองไม่เห็นได้ระเบิดออกมาจากกระจก พุ่งตรงไปที่แกนอสูรก้อนนั้น
เสียงปังดังออกมาเมื่อแกนลมปราณในมือของเมิ่งฮ่าว ถูกกระแทกด้วยการโจมตีที่มองไม่เห็น พริบตานั้น พลังที่มองไม่เห็นอีกหนึ่งสาย ก็พุ่งออกมาจากกระจกทองแดง และกระแทกไปที่แกนอสูรอีกครั้ง ราวกับว่าทันใดนั้นแกนอสูรได้เปลี่ยนเป็นสัตว์อสูรที่มีขนยาวขึ้นแน่นหนา และกระจกทองแดงก็เริ่มบ้าคลั่งด้วยความตั้งใจที่จะทำลายมัน
เมิ่งฮ่าวอ้าปากค้างด้วยความตกใจ เขารีบจับกระจกไว้ อดทนต่อความเจ็บปวดจากการถูกลวกมือ ยัดใส่กลับเข้าไปในถุงเก็บสมบัติ แกนอสูรตกลงไปที่พื้นจากแรงโจมตี รอยร้าวเล็กๆ มากมายเห็นได้ชัดเจนบนพื้นผิวที่แห้งกรังของมัน
“บัดซบ นี่เป็นแกนอสูรนะ ไม่ใช่สัตว์อสูรขนยาว” เมิ่งฮ่าวรีบเก็บแกนลมปราณขึ้นมาด้วยความเจ็บปวดใจ
มันเป็นเรื่องดีที่กระจกทองแดงได้โจมตีอย่างรุนแรงต่อ แกนอสูรอันแห้งเหี่ยวซึ่งมีเปลือกด้านนอกที่แข็งหนา ทำให้เปลือกของมันถูกทำลายไป และตอนนี้ก็ทำให้มองเห็นถึง เม็ดเล็กๆ ที่ส่องแสงแพรวพราวอยู่ด้านใน ส่งกลิ่นหอมของพลังลมปราณที่เข้มข้นกระจายออกมา
ในทันใดนั้นก็กระจายเต็มไปทั่วทั้งถ้ำแห่งเซียน และทำให้สายตาของเมิ่งฮ่าวเปล่งประกาย เมื่อคิดไปถึงปฏิกิริยาที่รุนแรงของกระจกทองแดง เขาก็ไม่กล้าที่จะพยายามผลิตแกนอสูรเม็ดนี้เพิ่มอีก เขาลังเลอยู่ชั่วครู่จากนั้นก็เก็บมันไว้
หลังจากสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ไปอีกครั้ง เขาก็หยิบสิ่งของลำดับสามที่เขาได้มา กระบี่รูปแบบโบราณเล่มเล็กๆ เมื่อถือไว้ที่เบื้องหน้า เขาก็ยิ่มออกมา
“กระบี่เล่มนี้คมมากทีเดียว มันสามารถปักเข้าไปในตัวงูเหลือมอสูร และยังสามารถแยกส่วนหัวของอสูรตัวใหญ่ยักษ์นั่นให้เปิดออกได้ มันต้องเป็นสิ่งของที่พิเศษอย่างแน่นอน” เขามองไปที่กระบี่เล่มเล็กในมือของเขา มันไม่ได้สร้างมาจากทองคำ หรือเหล็ก แต่ทำจากไม้ บนผิวหน้าของมันมีลวดลายเลือนลางของทองคำ ซึ่งดูเหมือนว่าจะเป็นเวทอาคมอะไรสักอย่าง ถึงแม้ว่ามันจะดูโบราณ แต่เมื่อคิดไปถึงความคมกล้าอย่างไม่น่าเชื่อของมัน ก็ทำให้เมิ่งฮ่าวรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้