บุรุษร่างสูงใหญ่ท่าทางดุร้ายมองมายังเมิ่งฮ่าวสักพัก จากนั้นก็ยิ้มออกมา แต่ไม่ว่าจะมองไปที่รอยยิ้มของพวกมันยังไง ก็ยังดูเป็นรอยยิ้มที่โหดร้าย ราวกับพวกมันกำลังจ้องมองมายังลูกแกะตัวน้อยๆ ที่ไม่อาจช่วยตัวเองได้
บุรุษที่มีพัดอยู่ในมือ ดูเหมือนจะเจ้าเล่ห์มากที่สุดในคนกลุ่มนี้ และรอยยิ้มของมันก็ดูจริงใจมากที่สุด มันประสานมือ และโค้งตัวให้เมิ่งฮ่าว
“ข้า, หวง ได้ยินเสียงนกร้องเมื่อเช้านี้ ก็ช่วยไม่ได้ที่จะสงสัยว่า คงจะมีแขกมาเยือน สหายเต๋า, เพียงแวบแรกที่เห็นท่าน ข้าก็รู้สึกถึงกลิ่นอายผู้กล้าแผ่ปกคลุมมา เมื่อได้ยินคำพูดของน้องห้าเมื่อครู่นี้ ข้าก็บอกได้เลยว่า ท่านเป็นมังกรในมวลหมู่บุรุษ ที่ออกจากสำนักมาผจญภัยในครั้งแรกอย่างแท้จริง สหายเต๋า, ท่านคือบุคคลแบบที่ข้ายอมรับนับถือเป็นที่สุด ได้โปรดเข้ามาพักผ่อนในถ้ำแห่งเซียนสักพัก”
“อืม…” เมิ่งฮ่าวกล่าว ดูเหมือนไม่มั่นใจว่าจะตอบรับคำเยินยอเช่นนี้ได้อย่างไร เขาประสานมือโค้งตัวกลับให้บุรุษผู้นั้น แต่อย่างไรก็ตาม เขาก็ดูเหมือนยังลังเลที่จะเข้าไปในถ้ำ ภายในใจ เขาถอนหายใจออกมา เห็นได้ชัดว่า คำพูดประจบสอพลอของมันเต็มไปด้วยคำโกหกหลอกลวง ถ้าเขาเปลี่ยนเป็นมัน ก็คงพูดบางสิ่งบางอย่างได้ดีกว่านี้
“น้องชาย” บุรุษชุดเหลืองกล่าว ดวงตามันสาดประกาย “พวกเราได้มาอยู่ที่ประตูทางเข้าแล้ว มา มา, ตามข้าเข้าไป ตอนนี้เจ้าก็อยู่ที่นี้แล้ว มันจะเป็นบ้านของเจ้า!” มันจับแขนเสื้อเมิ่งฮ่าว ลากเขาเข้าไปในถ้ำแห่งเซียน
บุรุษคนอื่นๆ ห้อมล้อมเมิ่งฮ่าวที่กำลังลังเล ขณะที่บุรุษชุดเหลืองทำท่ามีน้ำใจนำเขาเข้าไปด้านใน ประตูหินปูนที่ด้านหลังพวกเขาปิดลงช้าๆ ทันใดนั้น ไข่มุกเรืองแสงก็ส่องสว่างเต็มอยู่ในดวงตาเมิ่งฮ่าว
ถ้ำแห่งเซียนค่อนข้างกว้างขวางใหญ่โต และตกแต่งอย่างหรูหรา มีห้องต่างๆ อยู่มากมาย รวมถึงห้องปรุงยา และลานปลูกต้นสมุนไพร
พร้อมเสียงหัวเราะที่เปิดเผย บุรุษชุดเหลืองเริ่มกล่าวแนะนำ “น้องชาย นี่คือพี่สอง และนี่ก็คือพี่สาม หลังจากพี่สี่ ก็เป็นข้าน้องห้า” ขณะที่มันพูดแนะนำ มันก็มองอย่างมีความหมาย ไปยังบุรุษท่าทางเจ้าเล่ห์ซึ่งอยู่ในลำดับสอง
“สหายเต๋าทั้งหลาย สบายดี?” เมิ่งฮ่าวกล่าวอย่างเขินอาย ประสานมือให้พวกมัน เขาชำเลืองมองไปรอบๆ ความพอใจปรากฎอยู่ในดวงตา เมื่อเขาจ้องไปยังไข่มุกเรืองแสง ดวงตาก็ส่องประกายเจิดจ้า
“สหายเต๋าเมิ่ง, ท่านคิดว่าถ้ำแห่งเซียนของพวกเราเป็นอย่างไร? ไม่เลว ใช่หรือไม่?” พี่สองหวงกล่าวพร้อมรอยยิ้ม โบกพัดไปมาเบาๆ ใบหน้าของมันแต่งแต้มไปด้วยความหยิ่งยโส ซึ่งมันคิดว่าคนอื่นจะมองไม่ออก เป็นสีหน้าที่เห็นได้ชัดว่า กำลังทำการละเล่นบางอย่างอยู่ มันจ้องไปยังเมิ่งฮ่าว
“มันค่อนข้างดีทีเดียว” เมิ่งฮ่าวกล่าว “ค่อนข้างดี, สมบูรณ์แบบมาก ด้วยห้องส่วนตัวมากมาย จริงๆ แล้ว มันดูเหมือนไม่ธรรมดาในทุกๆ ด้าน” เสียงเยินยอของเขาฟังดูจริงใจเป็นอย่างยิ่ง “ไข่มุกเรืองแสงเหล่านี้ก็พิเศษเป็นอย่างยิ่ง ดูเหมือนที่นี่จะมีลมปราณอย่างอุดมสมบูรณ์ อย่าบอกนะว่ามีน้ำพุลมปราณอยู่ที่นี่ด้วย?” เขาถามด้วยน้ำเสียงแปลกประหลาดใจ
“มีน้ำพุลมปราณอยู่จริงๆ” พี่สองหวง พูดพร้อมหัวเราะ “นั่นเป็นเหตุผลที่ทำไมพวกเราห้าพี่น้องถึงได้ตัดสินใจสร้างถ้ำแห่งเซียนอยู่ที่แห่งนี้” ความหยิ่งในดวงตาของมันเพิ่มมากขึ้นกว่าก่อนหน้านี้ ในจิตใจของมัน เมิ่งฮ่าวกลายเป็นเหยื่อที่ติดกับอยู่ในถ้ำพยัคฆ์เรียบร้อยแล้ว
พี่สามและสี่ตระกูลหวง จ้องมองมายังเมิ่งฮ่าวทั้งคู่ รอยยิ้มอันน่าเกลียดของพวกมันกว้างมากขึ้น เห็นได้ชัดว่า พวกมันมองดูเมิ่งฮ่าวเหมือนลูกแกะที่อยู่ในถ้ำสุนัขป่า!
ขณะที่น้องห้าตระกูลหวง มองมายังถุงสมบัติซึ่งคาดอยู่ที่รอบเอวเมิ่งฮ่าวอย่างต่อเนื่อง รอยยิ้มของมันกว้างมากยิ่งขึ้น คิดว่าวันนี้เป็นวันที่โชคดีของมัน ที่สามารถล่อลวงเจ้าตัวสมบัติผู้นี้มาได้
เมิ่งฮ่าวก็ยิ้มด้วยเช่นกัน ถึงแม้ยังคงมองดูเขินอายอยู่เล็กน้อย เป็นรอยยิ้มที่ดูจริงใจและค่อนข้างมีความสุข ถ้ำแห่งเซียนนี้ประกอบไปด้วยโอกาสอันดีอย่างแท้จริง ขณะที่บุรุษเหล่านี้พยายามไล่ต้อนเขาต่อไป
“เมื่อเร็วๆ นี้ พี่ใหญ่ได้นำจิตกรมา เพื่อให้ช่วยวาดภาพเหมือนของท่าน” พี่สองหวงกล่าว “ท่านจึงไม่สะดวกที่จะออกมา สหายเต๋าเมิ่ง ทำไมพวกเราถึงไม่ไปดูท่านกัน?” โดยไม่เปิดโอกาสให้เมิ่งฮ่าวกล่าวปฏิเสธ มันดึงเขาตรงไปยังส่วนกลางของถ้ำแห่งเซียน ซึ่งเป็นพื้นที่เปิดโล่งกว้างใหญ่ เต็มไปด้วยไข่มุกเรืองแสง ตรงจุดสิ้นสุดไกลออกไป มีบัลลังก์ขนาดใหญ่ตั้งอยู่
บัลลังก์นั้นสร้างขึ้นมาจากแก้วผลึก และด้านบนก็นั่งไว้ด้วยบุรุษร่างสูงใหญ่ อายุประมาณห้าสิบปี สวมใส่ชุดยาวสีม่วง และมีสีหน้าผึ่งผายภูมิฐาน ถึงแม้มันจะพยายาม แต่ก็ยังคงไม่อาจปกปิดความดุร้ายของมันไว้ได้ ซึ่งส่งกลิ่นอายรังสีสังหารออกมา
พื้นฐานฝึกตนของมันไม่ได้อยู่ในขั้นรวบรวมลมปราณ แต่เป็นขั้นต้นของพื้นฐานลมปราณ!
ที่เบื้องหน้าของบุรุษร่างสูงใหญ่ นั่งไว้ด้วยชายชราร่างผอมแห้ง ผมหงอกขาวยาวเต็มศีรษะ ร่างที่โค้งตัวอยู่ของมันสั่นสะท้าน และพู่กันในมือก็สั่นไปมา ภาพเค้าโครงของบุรุษร่างสูงใหญ่มองเห็นได้บนผืนผ้าใบที่อยู่ตรงหน้าของมัน
ดวงตาของบุรุษผู้นั้นแวบแสงขึ้น เมื่อมองมายังกลุ่มคนที่เดินเข้าไปใกล้ มันไม่สนใจเมิ่งฮ่าว เพ่งมองไปยังบุรุษชุดเหลือง ส่งเสียงเย็นชาอยู่ในลำคอ
“ถ้าเจ้าไม่มีเรื่องสำคัญอันใด ก็ไม่ต้องจากไป” มันกล่าว “ข้าเพิ่งจะตกใจกลัวเมื่อเร็วๆ นี้ และรู้สึกแย่มาก เมื่อเจ้ากลับมาแล้วในตอนนี้ ก็นั่งลง ข้าจะให้จิตกรผู้นี้ วาดภาพเหมือนของพวกเจ้าทั้งหมดด้วย”
ดวงตาเต็มไปด้วยความนับถือ บุรุษชุดเหลืองพยักหน้าตกลง มันก้าวเท้าไปข้างหน้า และนั่งลงข้างบุรุษชุดยาวสีม่วง พี่สองหวง และคนอื่นๆ ประสานมือโค้งตัวคารวะ ไม่สนใจเมิ่งฮ่าวด้วยเช่นกัน พวกมันเดินตรงไปนั่งลง
ไม่มีใครพูดอะไรออกมา และในที่สุด เมิ่งฮ่าวก็ยืนอยู่ตามลำพัง และความอึดอัดก็ปรากฎขึ้นบนใบหน้า
บุรุษร่างสูงใหญ่ชุดม่วง มองไปยังจิตกรและกล่าว “เจ้าต้องวาดภาพเหมือนของพวกเราให้ดี ได้ยินหรือไม่? ถ้าวาดได้ดี ข้าก็จะไม่สร้างปัญหาใดๆ ให้กับเจ้า” เมื่อได้ยินคำพูดที่เย็นชาของมัน ชายชราผมขาวที่ก้มตัวอยู่ ก็สั่นสะท้าน และพยักหน้า
“น้องสอง, อันที่จริงเมื่อเร็วๆ นี้ ข้ารู้สึกไม่ค่อยสบายใจนัก อย่าลืมไปตรวจสอบประตูเคลื่อนย้ายทางไกลนั้น ถ้ามีปัญหาใดๆ เกิดขึ้น พวกเราก็จะออกไปจากที่นี่ได้ในทันที น้องสามและน้องสี่ เจ้าทั้งสองฟังให้ดี ห้ามออกไปด้านนอก!”
แต่ละคำพูดที่เปล่งออกมาจากปากของบุรุษชุดม่วง ทำให้คนอื่นๆ ต้องพยักหน้ายอมรับ ไม่มีใครสนใจใยดีต่อเมิ่งฮ่าว เขายืนอยู่ที่นั่นด้วยความอึดอัดใจ ในความคิดของเขา อย่างน้อยที่สุด บุรุษชุดม่วงก็ควรจะกล่าวต้อนรับเขา ในที่สุด เขาก็ส่งเสียงไอแห้งๆ ออกมา
พวกมันไม่สนใจเสียงไอนั้น และพูดคุยกันต่อไป บุรุษชุดม่วงไม่ได้มองมาที่เขา คนอื่นๆ รวมถึงบุรุษชุดเหลืองก็ไม่ได้มองมาเช่นเดียวกัน
เมิ่งฮ่าวถอนหายใจ จากนั้นก็ส่งเสียงไอดังมากขึ้น ขัดจังหวะการพูดคุยของพวกมัน ในที่สุด ดวงตาของคนทั้งห้าก็มองมาที่เขา
“นั่นเป็นใคร?” บุรุษชุดม่วงกล่าวพร้อมขมวดคิ้ว เสียงของมันฟังดูน่ากลัว
“นั่นเป็นเด็กที่น้องห้าพามาตอนมันออกไป” พี่สองหวงกล่าว โบกพัดไปมา หัวเราะกล่าว “เห็นได้ชัดว่า นี่เป็นครั้งแรกที่มันออกมาจากสำนัก”
“เด็กผู้นี้ช่างโง่เขลาอย่างแท้จริง” บุรุษชุดเหลืองกล่าว หัวเราะออกมา “ถุงสมบัติของมัน ดูแล้วน่าจะมีค่าเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นข้าจึงได้พูดเล่นกับมัน ใครจะไปคิดว่าการออกไปเดินเล่นของข้า จะนำมันมายังที่นี้ได้?”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น บุรุษชุดม่วงมองไปยังเมิ่งฮ่าว จากนั้นก็พูดอย่างเฉยชา “ส่งถุงสมบัติของเจ้ามา” มันมีสีหน้าหยิ่งยโส เมื่อมองเห็นเมิ่งฮ่าวอยู่ในขั้นรวบรวมลมปราณ มันรู้สึกว่าเขาดูอ่อนแอเกินกว่าที่ถูกแจ้งให้ทราบก่อนหน้านี้
เมิ่งฮ่าวยิ้มและมองไปรอบๆ ท่าทางราวกับว่า เขากำลังมองดูบ้านของตัวเอง “นี่เป็นถ้ำแห่งเซียนที่ค่อนข้างดีมาก ทำไมท่านถึงไม่มอบมันมาให้ข้า? โอ, บัลลังก์ของท่านก็ดูดีมากด้วยเช่นกัน ถ้าท่านไม่ว่าอะไร ข้าก็จะขอมันด้วย”
บุรุษชุดม่วงอ้าปากค้างมองไปยังเมิ่งฮ่าว พี่น้องลำดับสามและสี่ตระกูลหวง รวมถึงบุรุษชุดเหลือง ทั้งหมดต่างก็ระเบิดเสียงหัวเราะอย่างเย่อหยิ่งออกมา ขณะที่เสียงหัวเราะดังก้องไปทั่วทั้งถ้ำแห่งเซียน ดวงตาพี่สองหวงก็หดแคบลง และเพ่งมองมาอย่างจดจ่อ
“อันที่จริง ข้าจะเอาของในถ้ำแห่งเซียนนี้มาทั้งหมด” เมิ่งฮ่าวกล่าวพร้อมเสียงหัวเราะหึๆ เขาเริ่มเดินตรงไป ก่อนที่เขาจะย่างเท้าไปอีกก้าว พี่น้องตระกูลหวงลำดับสามและสี่ก็ทะยานขึ้น พวกมันมีร่างกายกำยำสูงใหญ่ ด้วยใบหน้าที่ดุร้าย ส่งเสียงหัวเราะอย่างเหยียดหยัน พุ่งตรงมายังเมิ่งฮ่าว
“เจ้าเด็กสารเลว บังอาจพูดจาเหลวไหลกับท่านเจ้าของถ้ำแห่งเซียนนี้!? เจ้าไม่กลัวตายหรืออย่างไร!?” พวกมันอยู่ห่างไม่ไกลนักจากเมิ่งฮ่าว และใช้เวลาเพียงเล็กน้อยก็มาใกล้เขา พวกมันกำลังจะใช้วิชาเวท เมื่อเมิ่งฮ่าวส่งเสียงกระแอมไอออกมาอีกครั้ง
ขณะที่ทำเช่นนั้น เขาก็ไม่สนใจพวกมันทั้งสอง และเดินตรงไปข้างหน้าอีกก้าว เมื่อพวกมันพุ่งเข้ามาหาเขา ก็เหมือนกับพวกมันกระแทกเข้าไปในพลังอันแข็งแกร่ง โลหิตกระจายออกมาจากปาก และร่างของพวกมันก็สั่นสะท้าน กระแทกล่วงลงไปที่ฝาผนังด้านหลัง พวกมันกระอักโลหิตออกมาอีกครั้ง และมองไปยังเมิ่งฮ่าวด้วยความตกใจ พื้นฐานฝึกตนของพวกมัน ทันใดนั้น ก็ถูกสะกดข่มไว้ ทำให้พวกมันอ่อนแอราวกับมนุษย์ทั่วไป
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนที่คนอื่นๆ จะมีปฏิกิริยาใดๆ เมิ่งฮ่าวก็เดินไปถึงบัลลังก์แก้วผลึก
“เจ้าอยากตายนักหรือไร!?” บุรุษชุดเหลืองร้องขึ้น ร่างของมันพุ่งตรงมา ถัดจากมัน ดวงตาของพี่สองหวงสาดประกาย มันโบกสะบัดมือ เวทปักษาเปลวไฟก็ปรากฎขึ้น พุ่งตรงมายังเมิ่งฮ่าว แต่ร่างของพี่สองหวง พุ่งถอยไปด้านหลังในทันที
ทั้งหมดนี้ใช้เวลาอธิบาย แต่จริงๆ แล้วก็เกิดขึ้นในทันใด เมิ่งฮ่าวไม่แม้แต่จะยกมือขึ้นมา เขามองไปอย่างเฉยชายังบุรุษชุดเหลืองที่กำลังพุ่งเข้าใกล้ จิตใจของมัน ทันใดนั้น ก็หมุนเคว้งคว้าง และรู้สึกถึงความเจ็บปวด ราวกับมีพลังอันยิ่งใหญ่ทิ่มแทงเข้าไปในหัวใจของมัน ภาพที่เบื้องหน้ามืดสลัวลง และเริ่มตัวสั่นด้วยความสิ้นหวัง แรงกดดันอันน่าเหลือเชื่อกดทับลงมา และมันก็ไร้เรี่ยวแรงที่จะต่อต้านหรือขัดขืน
โลหิตพุ่งออกมาจากปาก และร่างมันก็กระแทกเข้าไปที่ผนังล่วงลงไปบนพื้น ความหวาดกลัว และความประหลาดใจอย่างรุนแรงเต็มอยู่ในดวงตา ร่างของมันสั่นสะท้าน มีเพียงสิ่งเดียวที่มันคิดได้ก็คือ ความอ่อนแอ, สีหน้าเขินอายบนใบหน้าของเมิ่งฮ่าว เมื่อมันพบกับเขาในครั้งแรก ทำให้เขาดูเหมือนสัตว์ที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้
“เจ้า…เจ้าเป็นใคร…?” มันพูดขึ้น จิตใจเต็มไปด้วยความหวาดกลัวอย่างที่ไม่อาจจะอธิบายออกมาได้ มันจะคิดได้อย่างไรว่า ที่มันนำกลับมาไม่ใช่ลูกแกะที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แต่เป็นสัตว์ป่าที่ดุร้าย!?
สำหรับปักษาเปลวไฟของพี่สองหวง ก่อนที่จะพุ่งเข้ามาใกล้เมิ่งฮ่าว ปักษาเปลวไฟก็สั่นสะท้าน และจากนั้นก็แตกกระจายไป สำหรับเมิ่งฮ่าว วิชาปักษาเปลวไฟนี้เหมือนกับกระบี่ของเล่นของเด็กทารก
เพียงชั่วพริบตา สี่ในห้าเซียนตระกูลหวงก็ต้องตกตะลึง บุรุษร่างสูงใหญ่ชุดม่วง ยังคงนั่งอยู่บนบัลลังก์แก้วผลึก ใบหน้าของมันซีดขาวราวไร้สีเลือด มองเมิ่งฮ่าวเดินเข้ามาใกล้ ใบหน้าของมันบิดเบี้ยว ด้วยเสียงแผดร้องอย่างมีโทสะ มันพุ่งทะยานขึ้น ทันทีที่มันทำเช่นนั้น สายตาของเมิ่งฮ่าวก็จ้องไปที่มัน
เมื่อสายตาเขาผ่านเข้าไปในดวงตาของบุรุษชุดม่วง มันก็รู้สึกราวกับมีสายฟ้าฟาดลงมาจนพื้นดินสั่นสะเทือน และเสียงกระหึ่มกึกก้องอย่างน่าเหลือเชื่อก็เต็มอยู่ในจิตใจ ทำให้ร่างของมันสั่นกระตุก รู้สึกอันตรายถึงแก่ชีวิตกระชั้นชิดใกล้เข้ามา ราวกับว่าการมองนี้ สามารถเจาะผ่านพื้นโลก และสังหารมันได้ในทันที
“วงจรอันยิ่งใหญ่ของพื้นฐานลมปราณ…” บุรุษร่างสูงใหญ่อ้าปากค้าง เสียงของมันอ่อนล้า ความไม่อยากเชื่อเต็มอยู่ในดวงตา