วันอังคารที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2560

ตอนที่ 173 : สวรรค์ไม่ยอมรับ? ปล้นมันซะ!

Posted By: wuxiathai - 18:43
เมิ่งฮ่าวกำลังมุ่งอยู่กับ การทะลวงผ่านเข้าไปก่อตั้งเสาแห่งเต๋าต้นที่สี่ของเขา เหตุการณ์ซึ่งกำลังเกิดขึ้นที่ด้านนอก ไม่ได้ทำให้เขาแปลกใจแต่อย่างใด เขาคาดคิดไว้แล้วว่าเหตุการณ์เช่นนี้ต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน แสงจันทร์ที่สาดส่องลงมา ได้สร้างความสนใจให้กับคนอื่นๆ ขณะที่เขากำลังพยายามเพิ่มระดับการฝึกตน ถึงแม้มันจะไม่ได้สร้างความสนใจออกไปในวงกว้าง แต่มันก็ต้องทำให้บริเวณใกล้เคียงนี้เกิดความโกลาหลขึ้นอย่างแน่นอน
เมิ่งฮ่าวตระหนักดีว่า ขณะที่เวลาผ่านไปนานมากขึ้น สถานการณ์ก็จะควบคุมได้ยากยิ่งขึ้น วิธีที่ดีที่สุดที่จะยุติเรื่องราวนี้ ก็คือ ต้องทะลวงผ่านให้เสร็จสิ้นด้วยความรวดเร็วมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
แต่…พื้นฐานสมบูรณ์ไม่อาจจะดูดซับลมปราณของสวรรค์และปฐพีได้ เขาต้องพึ่งพาเม็ดยาหลัวตี้เพียงเท่านั้น และถึงแม้เม็ดยาพวกนี้จะไม่ใช่เม็ดยาธรรมดา แต่ขั้นตอนก็เริ่มยากมากขึ้น เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า พวกมันกำลังสูญเสียประสิทธิภาพลง
จากสถานการณ์ของเขาในตอนนี้ ดูเหมือนว่า เขาไม่มีลมปราณเพียงพอที่จะสร้างเสาแห่งเต๋าต้นที่สี่ให้เสร็จสิ้นสมบูรณ์ได้
ขณะที่เมิ่งฮ่าวพยายามสร้างเสาแห่งเต๋าอยู่เงียบๆ ด้านในต่อไป ด้านนอก, คำพูดของเซี่ยวฉางเอิน ดังก้องออกมาท่ามกลางแสงจันทร์ หลังจากนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างเงียบงันไปชั่วครู่ ไม่นาน เสียงหัวเราะอย่างเย็นชาก็ดังออกมา เงาร่างสามสายพุ่งตรงมา
เงาร่างของพวกมันสลัวคลุมเครือภายใต้ความมืดยามราตรี แต่พลังฝึกตนของพวกมันแผ่กระจายออกมา ทำให้รู้ว่าหนึ่งในคนทั้งสาม อยู่ในขั้นกลางของพื้นฐานลมปราณ
ในตระกูลผู้ฝึกตนที่อยู่ในพื้นที่รอบๆ บริเวณนี้ แม้แต่ขั้นกลางของพื้นฐานลมปราณ ก็ถือว่าเป็นผู้ที่มีความแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ถ้าไม่ใช่เช่นนั้น ตระกูลเซี่ยวก็คงไม่สามารถได้ครอบครองทะเลสาบลมปราณนี้มาได้อย่างยาวนาน เป็นเพราะว่าในตอนนี้ เซี่ยวฉางเอินเกือบมาถึงจุดจบของอายุขัย จึงทำให้สถานการณ์เป็นอย่างที่เห็น
เงาร่างทั้งสามส่งเสียงหวีดหวิวแหวกฝ่าอากาศ ตรงมายังเซี่ยวฉางเอิน เสียงระเบิดดังออกมา เมื่อคนทั้งสี่ปะทะต่อสู้กัน เซี่ยวฉางเอินกระอักโลหิตออกมา ใบหน้าซีดขาว ขณะที่ลอยออกไปยังด้านหลังราวกับว่าวที่หลุดออกมาจากสายป่าน ผู้ฝึกตนขั้นกลางของพื้นฐานลมปราณส่งเสียงหัวเราะอย่างเย็นชาออกมา และมุ่งหน้าต่อไป
สองคนที่เหลือ พุ่งตรงมายังเกราะป้องกันของเมิ่งฮ่าว, หัวเราะออกมา
ดูเหมือนว่านี่คือช่วงวิกฤต เซี่ยวฉางเอินถูกกันให้อยู่ห่างออกไป มันรู้ว่าเมิ่งฮ่าวต้องตกอยู่ในขั้นวิกฤต แต่โชคร้าย ที่มันตอนนี้ไร้พลังที่จะเข้าไปช่วยได้ แม้แต่จะเผาไหม้พลังชีวิตบางส่วนของมันไป เพื่อจะได้พลังเพิ่มขึ้นมา ก็ยังไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง
สองผู้ฝึกตนขั้นต้นพื้นฐานลมปราณ พุ่งมาถึงเกราะป้องกัน ทันทีที่พวกมันแตะไปที่เกราะเวทนั้น เสียงกึกก้องก็ดังออกมา ภายในช่วงการหายใจเข้าออกสามครั้ง เกราะเวทนั้นก็แตกสลายไป
เกราะเวทนี้ถูกสร้างขึ้นโดยเซี่ยวฉ่ายเฟิ่ง ซึ่งอยู่ในขั้นรวบรวมลมปราณเพียงเท่านั้น การที่มันสามารถยืนหยัดต่อต้านพลังของขั้นต้นพื้นฐานลมปราณ ภายในช่วงการหายใจเข้าออกสามครั้ง ก็พิสูจน์ให้เห็นถึงพรสวรรค์อันโดดเด่นของผู้ที่สร้างยันต์อาคมนี้ขึ้นมา
เสียงระเบิดดังออกมา ขณะที่เกราะป้องกันถูกทำลายลง เมื่อสองผู้ฝึกตนขั้นต้นพื้นฐานลมปราณ กระแทกเข้าไปในหมอกสายฟ้า เสียงแผดร้องอย่างน่าอนาถใจก็ดังออกมา ในทันใดนั้น ร่างของพวกมันก็ถูกล้อมรอบไปด้วยสายฟ้า เสียงแตกร้าวดังออกมา ขณะที่พวกมันถูกโยนกลับไปด้านหลัง โลหิตกระจายออกมาจากปาก ความตกใจปกคลุมไปทั่วใบหน้า เมื่อเสาแห่งเต๋าของพวกมันเริ่มสั่นสะเทือนจนเกือบจะพังทะลายลง
หมอกสายฟ้าพุ่งพล่านปั่นป่วน เขตป้องกันของมันขยายจากตัวเมิ่งฮ่าว ออกไปถึงสิบจ้างทั่วทุกทิศทาง สร้างอาณาเขตที่ไร้ผู้คน ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถผ่านเข้าไปได้
เซี่ยวฉางเอินถอนหายใจอย่างโล่งอกออกมา ผู้ฝึกตนขั้นกลางพื้นฐานลมปราณ ซึ่งมันได้ต่อสู้ด้วยหยุดชะงัก มองผ่านไหล่มันไปยังหมอกสายฟ้า ความประหลาดใจเต็มอยู่ในดวงตาของมัน
ภายในหมอกสายฟ้า เมิ่งฮ่าวลืมตาขึ้น เป่ล่งประกายเจิดจ้า ขณะที่เขาขมวดคิ้ว และมองลงไปยังเม็ดยาหลัวตี้สามเม็ดสุดท้ายที่เหลืออยู่ ขณะที่เสาแห่งเต๋าต้นที่สี่ของเขา ถูกสร้างขึ้นมาได้เก้าในสิบส่วน เม็ดยาพวกนี้คงไม่เพียงพอที่จะสร้างมันให้เสร็จสมบูรณ์ในหนึ่งส่วนที่เหลือได้
“เม็ดยาหลัวตี้พวกนี้มีประสิทธิภาพไม่เพียงพอ…บางทีข้าอาจจะไม่มีทางบรรลุขั้นกลางพื้นฐานลมปราณได้อีกแล้ว…” ความดื้อรั้นสาดประกายขึ้นในดวงตา เขารู้ว่าเส้นทางสู่วิถีเซียนของเขา แตกต่างจากคนอื่นๆ เขาต้องต่อสู้อย่างกล้าหาญเป็นอย่างยิ่ง แต่พลังฝึกตนที่เขาได้ฝึกฝนก็เป็นสิ่งที่ท้าทายเป็นอย่างมาก แม้ในขณะที่เขานึกถึงสิ่งเหล่านี้ เสียงอึกทึกครึกโครมก็ยังได้ยินมาจากด้านนอก
“สหายเต๋าทั้งหลาย, พลังฝึกตนของคนผู้นี้ช่างน่าเหลือเชื่อนัก ข้าเกรงว่าเมื่อไหร่ที่มันโผล่ออกมา ตระกูลฝึกตนของพวกเราทั้งหมดก็จะต้องขอความเมตตาจากมัน มิสู้ถือโอกาส ทำลายมันในตอนนี้ เพื่อป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นในวันข้างหน้า”
“ถูกต้อง ตระกูลเซี่ยวกำลังอ่อนแอ การคงอยู่ของพวกมันก็ไร้ความหมาย การทำลายล้างตระกูลเช่นนี้เป็นสิ่งที่ต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ไม่มีอะไรจะมาเปลี่ยนแปลงมันได้!”
“พวกเรามาช่วยกันโจมตีมันด้วยกัน หมอกสายฟ้านี้ ต้องไม่อาจต้านทานพลังของพวกเราทั้งหมดได้!”
ผู้ฝึกตนพื้นฐานลมปราณสิบคน หรือมากกว่านั้นที่ด้านนอก เริ่มโจมตีหมอกสายฟ้าโดยพร้อมเพรียงกัน
กลุ่มคนทั้งหมดนี้มาจากตระกูลผู้ฝึกตนที่อยู่รอบๆ บริเวณนี้ ขณะที่พวกมันโจมตีอยู่ เสียงระเบิดก็ดังขึ้นไปเต็มอยู่ในท้องฟ้า หมอกสายฟ้าเดือดพล่านอย่างรุนแรง
“จิตใจที่ชั่วร้าย เป็นชีวิตที่ไร้ประโยชน์” ดวงตาของเมิ่งฮ่าวเปล่งประกายความเย็นชาออกมา ขณะที่เขามองผ่านหมอกสายฟ้าออกไป เขารีบหยิบเม็ดยาที่เหลือสามเม็ดขึ้นมา และหย่อนลงไปในปาก
เม็ดยาทั้งสามละลายไปในทันที และแสงจันทร์ที่ส่องลงมาก็เริ่มเข้มข้นมากขึ้น ราวกับมีแม่น้ำกำลังไหลรินลงมายังร่างของเมิ่งฮ่าว ถึงแม้ประสิทธิภาพของเม็ดยาจะเริ่มลดน้อยลง แต่เสาแห่งเต๋าต้นที่สี่ของเขา ก็ห่างจากจุดสมบูรณ์อีกเพียงแค่เล็กน้อย
ในขณะที่เสาแห่งเต๋ากำลังจะปรากฎอย่างสมบูรณ์ ทันใดนั้นเมิ่งฮ่าวก็สัมผัสได้ถึงเสียงแผดร้องลึกลับภายในร่าง สีหน้าของเขาเปลี่ยนไป ขณะที่เขาตระหนักว่า ร่างของเขากำลังเริ่มเหี่ยวแห้งลง ราวกับว่าทั้งเลือดและเนื้อ แม้แต่พื้นฐานฝึกตน ต่างก็กำลังถูกดูดเข้าไปในเสาแห่งเต๋าต้นที่สี่นี้
เขาเพิ่งจะเปิดความลับอื่นของพื้นฐานสมบูรณ์ออกมา มันเป็นพลังอันดื้อด้านของเสาแห่งเต๋าต้นที่สี่ ซึ่งเริ่มทำตามความต้องการของมันเองในการดูดกลืนทุกสิ่งทุกอย่างเข้าไป
ดูเหมือนว่าเสาแห่งเต๋าต้นที่สี่ จะก่อตั้งขึ้นมาจากสิ่งใดๆ ก็ได้ แม้แต่จะเป็นความตายของเมิ่งฮ่าวก็ตามที!
สีหน้าของเขาเปลี่ยนไป เมื่อเหตุการณ์กลับกลายเป็นเช่นนี้ในฉับพลัน เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าเรื่องเช่นนี้จะเกิดขึ้น ในเวลานั้นเอง หมอกสายฟ้าในที่สุดก็พังทะลายลง ภายใต้การโจมตีของสิบผู้ฝึกตนพื้นฐานลมปราณ พวกมันวิ่งเข้ามา
เมิ่งฮ่าวมองพวกมันเข้ามาใกล้ด้วยสีหน้าดุร้าย ร่างของเขากำลังแห้งเหี่ยวลง และพลังชีวิตก็เริ่มหดหายไป เส้นผมบนศีรษะของเขาเปลี่ยนเป็นสีขาวไปเรียบร้อยแล้ว พลังฝึกตนของเขายังคงมีอยู่ ทันใดนั้น ผู้ฝึกตนขั้นต้นพื้นฐานลมปราณก็ปรากฎขึ้นที่เบื้องหน้า ก่อนที่บุรุษผู้นั้นจะทันได้ทำอะไร มือของเมิ่งฮ่าวก็พุ่งออกไป และคว้าจับไปที่ลำคอของมัน เขาออกแรงบีบ และดวงตาของผู้ฝึกตนนั้นก็เต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ ลำคอของมันแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
ในขณะที่มันตายไป ร่างของเมิ่งฮ่าวก็สั่นสะท้าน และดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยแสงแปลกๆ ซากศพของบุรุษผู้นั้น เริ่มหดตัวและแห้งเหี่ยวลงไปทันที เพียงชั่วพริบตา มันก็เหลือแต่กระดูก พลังฝึกตนของมัน พุ่งผ่านมือของเมิ่งฮ่าว และเข้าไปในเสาแห่งเต๋าต้นที่สี่
“มันเป็นเช่นนี้เอง!” ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกายเจิดจ้า “ข้ามีพื้นฐานสมบูรณ์ แต่เมื่อเสาแห่งเต๋าทั้งสามต้นของข้า ได้ก่อตัวขึ้นมาภายในเขตล่าขุมทรัพย์เซียนโลหิต มันมีลมปราณมากมายจนเพียงพอที่จะดูดซับ ดังนั้นข้าจึงไม่รู้สึกถึงพลังอำนาจของเสาแห่งเต๋า แต่ในตอนนี้ ทุกอย่างก็ชัดเจนขึ้น หลังจากบรรลุถึงจุดหนึ่ง เสาแห่งเต๋าต้นที่สี่ก็ก้าวไปถึงช่วงที่มีแต่ความตายเท่านั้น ถึงจะหยุดความคืบหน้าของมันได้ เมื่อมันเกิดขึ้น มันก็จะกลืนกินได้แม้แต่พลังชีวิตของข้าเอง เหตุผลที่เป็นเช่นนี้ ก็เนื่องจากมันไม่อาจจะดูดซับลมปราณจากโลกด้านนอกได้ เพียงได้จากเลือดเนื้อของข้าเท่านั้น!”
“สมบูรณ์แบบ, สมบูรณ์แบบช่างทรงพลังนัก! แต่พลังเช่นนี้ก็เป็นอาวุธได้เช่นเดียวกัน ข้าถูกปฏิเสธจากสวรรค์ ดังนั้น ข้าต้องปล้นมาจากคนอื่นๆ! ร่างกายของผู้ฝึกตนพวกนี้ ต่างก็เต็มไปด้วยพลังลมปราณ ซึ่งไม่ได้เป็นของสวรรค์และปฐพี! ดังนั้น มันจึงถูกปล้นออกไปได้! ตอนนี้ ข้าเข้าใจแล้ว ดูเหมือนว่าในวันข้างหน้า มันก็ต้องเป็นเช่นนี้ทุกครั้งที่ข้าสร้างเสาแห่งเต๋าต้นใหม่ขึ้นมา!”
“วันนี้…เสาแห่งเต๋าต้นที่สี่ของข้าต้องปรากฎขึ้น!”
ความคิดทั้งหมดนี้ วิ่งผ่านจิตใจเมิ่งฮ่าวในทันใด เขาปล่อยมือ จากนั้นก็มองไปรอบๆ ยังผู้ฝึกตนที่รายล้อมอยู่ ดวงตาส่องประกายความเย็นเยียบราวน้ำแข็งออกมา ร่างของเขาแวบขึ้น เมื่อพุ่งตรงไปที่พวกมัน
เสียงแผดร้องอย่างน่าอนาถใจดังออกมา กลุ่มคนพวกนี้ทั้งหมด มีระดับสูงสุดอยู่ในขั้นกลางพื้นฐานลมปราณ ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะอยู่ที่ขั้นต้นพื้นฐานลมปราณ แล้วพวกมันจะต่อสู้กับเมิ่งฮ่าวได้อย่างไร? ขณะที่เมิ่งฮ่าวพุ่งผ่านแต่ละคน มือของเขาก็ยื่นออกไป และไม่ต้องใช้ความพยายามมากมายเท่าใด เสาแห่งเต๋าต้นที่สี่ของเขา ก็ได้ดูดซับลมปราณด้วยความกระหายอย่างเต็มที่
ร่างแล้วร่างเล่า กลายเป็นโครงกระดูก ก่อนที่ผู้ฝึกตนแต่ละคนจะตายไป พลังลมปราณของพวกมันก็ถูกดูดเข้าไปในตัวเมิ่งฮ่าวอย่างรวดเร็ว ถูกกลืนกินโดยเสาแห่งเต๋าของเขา ในที่สุด เมิ่งฮ่าวก็ไม่ได้แห้งเหี่ยวอีกต่อไป เลือดเนื้อของเขาเริ่มถูกสร้างขึ้นมาใหม่
ขณะที่เซี่ยวฉางเอินสังเกตเห็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนี้ ความหวาดกลัวก็ปรากฎขึ้นบนใบหน้าของมัน ผู้ฝึกตนหลายคนที่ก่อนหน้านี้กำลังพุ่งตรงมา ทันใดนั้น พวกมันก็เริ่มถอยออกไปด้วยความเร็วสูงสุด
ในสายตาของพวกมัน เมิ่งฮ่าวไม่ใช่ผู้ฝึกตน เขาได้กลายเป็นปีศาจอันชั่วร้ายบางอย่าง ไม่ว่าเขาจะผ่านไปที่ไหน เสียงแผดร้องโหยหวนจนทำให้โลหิตต้องแข็งตัว ก็ได้ยินไปทั่ว และสิ่งที่เขาเหลือไว้ที่เบื้องหลังก็มีแต่โครงกระดูกอันน่ากลัว จิตใจของพวกมันหมุนเคว้งคว้าง สีหน้าตกใจกลัวปรากฎขึ้นบนใบหน้าของพวกมัน
“นี่เป็นเวทอาคมอันใด!?!?”
“มันกำลังทำอะไร!?!?”
“คนผู้นี้…มันกำลังดูดกลืนชีวิต และพลังลมปราณของสหายเต๋าที่ตายไปทั้งหมด!?!?”
ผู้ฝึกตนที่เหลืออยู่ยี่สิบคนหรือมากกว่านั้น ต่างก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัว และล่าถอยออกไปด้วยความปั่นป่วนวุ่นวาย เมิ่งฮ่าวพุ่งตามไปจับได้หนึ่งคน ขณะที่เขาวางมือลงไปบนศีรษะของมัน เสียงแผดร้องอย่างน่าหวาดกลัวก็ดังออกมา ร่างของมันเริ่มแห้งเหี่ยวลง และจากนั้นก็ตายไป
ใบหน้าเมิ่งฮ่าวไม่ได้ซีดขาวไร้สีเลือดอีกต่อไป ตอนนี้มันแดงก่ำและเต็มไปด้วยพลังชีวิต เขาสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ และในจิตใจ ทันใดนั้น ก็จำได้ถึงภาพภายในถ้ำแห่งเซียนของปรมาจารย์เอกะเทวะ เมื่อปรมาจารย์เอกะเทวะได้ดูดซับผู้ฝึกตนขั้นสร้างแกนลมปราณ
“วิชาอันยิ่งใหญ่แห่งชีพอสูร?” เมิ่งฮ่าวคิด ดวงตาสาดประกาย ดูเหมือนสิ่งที่เขากำลังทำอยู่นี้ จริงๆ แล้วก็เหมือนกับวิชาอันยิ่งใหญ่แห่งชีพอสูร ซึ่งปรมาจารย์เอกะเทวะเคยใช้มาก่อน
“หรือว่านี่คือการรู้แจ้งที่มาจากสถานการณ์ที่กำลังสังหาร หรือถูกสังหาร วิชาอันยิ่งใหญ่แห่งชีพอสูร ชีวิตอสูร…” เมิ่งฮ่าวถอนหายใจอยู่ภายใน ขณะที่เขาพยายามสะกดข่มวิถีขงจื๊อที่ฝังลึกแน่นอยู่ในจิตใจของเขาลง
ร่างของเขาเปล่งประกายด้วยพลังของเสาแห่งเต๋าต้นที่สี่ออกมา เขาถอนหายใจ ขณะที่มือของเขาจับไปที่ลำคอของผู้ฝึกตนคนอื่นๆ ที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้น เสาแห่งเต๋าต้นที่สี่ดูดซับพลังลมปราณของบุรุษผู้นั้น ในไม่ช้า เสาแห่งเต๋าต้นที่สี่ก็จะเสร็จสิ้นสมบูรณ์
“เส้นทางของพื้นฐานสมบูรณ์ของข้า คงจะเต็มไปด้วยภูเขาของซากศพ และทะเลแห่งโลหิต ข้า…เข้าใจ” เขาถอนหายใจออกมาอีกครั้ง และมุ่งหน้าต่อไปโดยไม่ลังเล จิตใจของเขาไม่ได้อ่อนโยนอีกต่อไป วิถีขงจื๊อยังคงอยู่กับเขาตลอดไป และเขาจะไม่เป็นคนโหดเหี้ยมเลือดเย็นอย่างแน่นอน แต่เมื่อถึงคราวจำเป็น เขาก็จะไม่ปราณีแม้แต่น้อย

About wuxiathai

Organic Theme is officially developed by Templatezy Team. We published High quality Blogger Templates with Awesome Design for blogspot lovers.The very first Blogger Templates Company where you will find Responsive Design Templates.

Copyright © 2015 ผนึกสวรรค์ สยบมาร สะท้านเทพ

Designed by Templatezy | Distributed By Gooyaabi Templates