ภายในภูเขาหมู่บ้านตระกูลเซี่ยว ใบหน้าเซี่ยวฉางเอินเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น ขณะที่มันจ้องไปยังเมิ่งฮ่าว คนในตระกูลของมันก็จ้องไปด้วยความคลั่งไคล้เช่นเดียวกัน เมิ่งฮ่าวพยักหน้าให้กับพวกมัน แต่ไม่พูดอะไรออกมา เขากลับเข้าไปในห้องข้างทะเลสาบ จับซ่างหลัวไว้ที่ลำคอ หมอกสายฟ้าปรากฎขึ้น
เขานั่งลงขัดสมาธิ และปล่อยมือออกจากลำคอซ่างหลัว มันไม่ได้โจมตีกลับมา แต่ยืนหน้าซีดอยู่ที่นั่นตรงหน้าเมิ่งฮ่าว ดวงตาฉายแววเคารพนับถือ แต่ด้านใน มันกำลังรอคอยพี่ชายให้มาช่วยด้วยความกังวลใจ ดวงตาเล็กๆ ของมันมองไปรอบๆ ในที่สุด ก็มองไปที่หมวก ซึ่งยังคงยืนนิ่งอยู่ที่ข้างทะเลสาบ มันได้ยินเสียงพล่ามของหมวกใบนั้น แต่ไม่กล้าจะจ้องมองไปตรงๆ ทันใดนั้น มันก็รู้สึกว่าสถานที่นี้ช่างแปลกประหลาดเป็นอย่างยิ่ง ยังดูน่ากลัวมากกว่าภูเขาโดดเดี่ยวที่อยู่ห่างไกลออกไปของมันซะอีก
เมิ่งฮ่าวมองไปที่ซ่างหลัวสักพัก กำลังตัดสินใจว่าจะทำอะไรกับมันดี ในที่สุด เขาก็ยกมือขึ้น และทำท่าคว้าจับ รังสีกระจายออกมาจากร่างของซ่างหลัว ไปรวมตัวอยู่ในฝ่ามือของเมิ่งฮ่าว ดูเหมือนว่ามันจะมองไม่เห็น แต่สำหรับเมิ่งฮ่าวมันช่างเต็มไปด้วยหนาม และมีความระคายเคืองเป็ยอย่างยิ่ง
เขาขมวดคิ้ว มองไปที่รังสีนั้นโดยละเอียด ดวงตาสาดประกาย
“นี่เป็นปราณอสูรหรือไม่…?” เขาพึมพำกับตัวเอง ปล่อยให้รังสีนั้นจางหายไป จากนั้นก็มองไปใกล้ๆ ที่ซ่างหลัว มันรู้สึกขนลุกขึ้นมา ภายใต้การจ้องมองของเมิ่งฮ่าว
“สหายเต๋า…” มันพูดขึ้น แต่ก็ถูกขัดจังหวะโดยเมิ่งฮ่าว
“มีผู้ฝึกตนชั่วร้ายที่นี่ จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลง…” เขากล่าว และจากนั้นก็ไอออกมาเบาๆ เมื่อได้ยินเช่นนี้ ซ่างหลัวก็อ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ ทันใดนั้น ผีโต้ง ซึ่งกำลังพูดคุยอยู่กับปลาในทะเลสาบเมื่อครู่นี้ ก็กระโจนขึ้น และเหมือนกับจะจ้องนิ่งไปที่ซ่างหลัว
“ใคร? มันเป็นใคร?” ผีโต้งพูดอย่างตื่นเต้น รีบวิ่งตรงเข้ามา “เจ้า? ผู้ชั่วร้ายที่น่าสงสารของข้า เจ้าไม่อาจทำเช่นนั้น! มันผิดศีลธรรม ในนามของความยุติธรรม ขอให้ข้าได้เปลี่ยนแปลงเจ้า…” ก่อนที่ซ่างหลัวจะทันมีปฏิกิริยาใดๆ เมิ่งฮ่าวก็สะบัดแขนเสื้อ ผลักมันไปทางด้านหลัง และคว้าจับถุงสมบัติของมันไว้ ในเวลาเดียวกันนั้น แหสีดำก็พุ่งออกมา และรัดพันไปที่ร่างของซ่างหลัวจนแน่นหนา
จากนั้นเมิ่งฮ่าวก็พุ่งออกไปด้านหลัง เพิ่มช่องว่างระหว่างเขาและซ่างหลัว ซึ่งกำลังมองมาอย่างมึนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ ทันใดนั้น หมวกผีโต้งก็ไปสวมอยู่บนศีรษะของซ่างหลัว
มันถอนหายใจออกมา “เด็กน้อย, ไม่ต้องกลัว แค่ทำตัวดีๆ ปล่อยให้ศูนย์รวมความยุติธรรมอันยิ่งใหญ่ผู้นี้ ชักนำเจ้ากลับมาจากเส้นทางอันชั่วร้าย…” ดูเหมือนมันจะกระโจนเข้าไปในความยุติธรรมอย่างตื่นเต้นเป็นยิ่งนัก “เจ้าเด็กน้อยที่ว่าง่าย ไม่ต้องต่อต้าน ไม่ต้องตอบโต้ ไม่ต้องมึนงง ข้าจะช่วยเจ้าเอง ฟังนะ สิ่งแรกที่เจ้าต้องทำก็คือ…” ขณะที่ผีโต้งพูดพล่ามเพ้อเจ้อ ร่างของซ่างหลัวก็เริ่มสั่นสะท้าน แต่มันก็ไม่กล้าที่จะโจมตีกลับไป
เมิ่งฮ่าวรู้สึกเสียใจกับซ่างหลัวเล็กน้อย เขาลบตราประทับที่อยู่ภายในถุงสมบัติของซ่างหลัว เมื่อเขาเปิดมันออกมา ดวงตาก็ส่องแสงเจิดจ้า ด้านในมีหินลมปราณค่อนข้างมากมาย มากกว่าที่เขาได้รับจากตระกูลเซี่ยวตั้งหลายเท่า
“นี่น่าจะใกล้เคียงกับจำนวนที่ข้าต้องใช้เพื่อการคัดลอก เมื่อรวมกับถุงสมบัติมากมาย ที่ข้าได้มาจากดินแดนสงบสุขของสำนักชิงหลัว ยังมีเม็ดยาหลัวตี้อีกเล็กน้อยจากถุงพวกนั้น ถึงจะมีไม่มาก แต่ก็ไม่ถือว่าน้อย” เขาโบกสะบัดมือ ทำให้หมอกสายฟ้าหนาแน่นมากขึ้น คนที่อยู่ด้านนอกในบริเวณนั้นไม่อาจจะมองเห็นด้านในได้ จากนั้น เขาก็หยิบกระจกทองแดงออกมา และเริ่มทำการคัดลอก
เวลาผ่านไป และในที่สุดก็เป็นเวลาพลบค่ำ จากด้านนอกของหมอกสายฟ้า เสียงตะโกนอย่างกราดเกรี้ยวได้ยินออกมาจากปากของซ่างหลัว ดูเหมือนว่ามันจะเต็มไปด้วยความทุกข์ทรมานที่ยากจะอธิบายออกมาได้
“เงียบ! ปล่อยข้าไป! อ๊ากกกกกก! เจ้าหมวกบัดซบ! หุบปาก!!”
“อ้าย, อย่าได้ทำเช่นนี้, เจ้าเด็กน้อย เจ้ารู้หรือไม่…เจ้ากำลังขัดจังหวะข้า ข้าลืมไปเลยว่าพูดไปถึงไหนแล้ว โอ ไม่เป็นไร, ข้าเริ่มใหม่ดีกว่า ฟังให้ดีนะ, เส้นทางแห่งความชั่วร้ายเต็มไปด้วยขวากหนาม แต่ไม่ต้องกังวลไป เด็กน้อย, ข้าอยู่ที่นี่แล้ว ข้าจะไม่ยอมให้หนามแหลมๆ พวกนั้น มาทิ่มแทงไปที่ก้นอันอ่อนนุ่มของเจ้าอย่างแน่นอน…”
เมิ่งฮ่าวชำเลืองไปที่ด้านนอก รู้สึกเห็นใจซ่างหลัวบ้างเล็กน้อย จากนั้นเขาก็มองลงไปยังเม็ดยาหลัวตี้หลายสิบเม็ดที่อยู่เบื้องหน้า เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และหยิบขึ้นมาหนึ่งเม็ดใส่เข้าไปในปาก
มันเริ่มละลายทันทีที่อยู่ในปาก กลายเป็นคลื่นของพลังลมปราณ ไหลเข้าไปในร่าง ซึ่งเมิ่งฮ่าวไม่เคยรู้สึกเช่นนี้นานมาแล้ว ร่างของเขาเหมือนกับทะเลทรายอันแห้งแล้ง ทันใดนั้นก็เต็มไปด้วยน้ำมาหล่อเลี้ยง ใบหน้าของเขาสว่างสดใสขึ้น และปิดตาลงเริ่มโคจรลมปราณให้ไหลเวียนไปทั่วร่าง
อย่างช้าๆ เขากรองเสียงที่ได้ยินจากโลกด้านนอกออก และจมลงไปในการฝึกตน หนึ่งเม็ด, สองเม็ด, สามเม็ด…ขณะที่เขากลืนเม็ดยา ลำแสงของดวงจันทร์ที่อยู่บนท้องฟ้ายามค่ำคืน ก็เริ่มบิดเบี้ยวไปมา และเริ่มสาดส่องลงมาบนพื้น และเมิ่งฮ่าว
ที่ห่างไกลออกไป ปรากฎเป็นแผ่นผ้าไหมแห่งแสงจันทร์ขนาดใหญ่มโหฬาร ตกลงมาจากด้านบนของตระกูลเซี่ยว
เม็ดยาหลัวตี้ จริงๆ แล้ว ก็ถูกเรียกว่า เม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ของสำนักชิงหลัว และเป็นหนึ่งในห้าของเม็ดยาที่ทรงประสิทธิภาพมากที่สุด ในดินแดนด้านใต้ สำหรับขั้นพื้นฐานลมปราณ มันมีประสิทธิภาพมากมายเกินกว่าที่เมิ่งฮ่าวจะคาดคิดได้ เมื่อเขาหย่อนยาเม็ดที่สิบเจ็ดเข้าไปในปาก ร่างของเขาก็เริ่มสั่นในทันที ภาพเลือนลางของเสาแห่งเต๋าต้นที่สี่ ซึ่งกำลังแข็งตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้น ก็เริ่มมองเห็นได้อยู่ด้านใน ถ้ามันก่อตัวอย่างสมบูรณ์ พลังฝึกตนของเมิ่งฮ่าวก็จะทะลวงผ่านไปอยู่ในขั้นกลางของพื้นฐานลมปราณ!
เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ขมวดคิ้ว ขณะที่มองขึ้นไปยังแสงจันทร์ในท้องฟ้า ที่กำลังไหลลงมาจากด้านบนเขาราวน้ำตก
“มันช่างเด่นสะดุดตาจริงๆ นี่เป็นเม็ดยาที่มหัศจรรย์ยิ่ง แต่ก็สร้างความสนใจให้กับคนอื่นๆ มากมายอย่างแน่นอน…” ไม่สามารถทำอะไรกับมันได้ มีเพียงสิ่งเดียวที่เขาต้องทำก็คือ พยายามที่จะทะลวงผ่านให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ก่อตั้งเสาแห่งเต๋าต้นที่สี่ และบรรลุขั้นกลางพื้นฐานลมปราณ เขาสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ และหยิบเม็ดยาหลัวตี้เม็ดที่สิบแปดขึ้นมา เมื่อเขาหย่อนมันเข้าไปในปาก เสาแห่งเต๋าทั้งสามก็สั่นสะเทือน ดูดซับลมปราณอันไร้ขอบเขตนั้นเข้าไป เสาแห่งเต๋าต้นที่สี่เริ่มแข็งตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
ด้านนอก, ในความมืดยามราตรี แผ่นของแสงจันทร์ จริงๆ แล้ว ก็ดึงดูดความสนใจให้กับคนในตระกูลเซี่ยว เซี่ยวฉางเอินอาจจะมีอายุขัยที่ใกล้ถึงจุดสิ้นสุดแล้ว แต่สายตาของมันก็ยังแหลมคม ดวงตาของมันหรี่เล็กลง และทันใดนั้น มันก็เคลื่อนที่มายังบริเวณเกราะเวท ที่ภายในมีเมิ่งฮ่าวกำลังฝึกวิถีเซียนอยู่ มันนั่งลงขัดสมาธิเพื่อคอยปกป้องคุ้มครอง
เมิ่งฮ่าวได้แสดงถึงความเมตตาอันยิ่งใหญ่ต่อตระกูลเซี่ยว เซี่ยวฉางเอินรู้ว่าหลังจากที่ตัวมันตายไป โอกาสเดียวที่ตระกูลของมันจะอยู่รอดได้ ก็คือต้องพึ่งพาเมิ่งฮ่าว ดังนั้น มันได้ตัดสินใจ ไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น มันก็จะไม่ยอมให้เมิ่งฮ่าวถูกรบกวน
ในเวลาเดียวกันนั้น ด้านนอกของตระกูลเซี่ยว แผ่นของแสงจันทร์ ก็ทำให้ตระกูลผู้ฝึกตนที่อยู่ในพื้นที่รอบๆ บริเวณนั้นเกิดความสนใจขึ้น ผู้คนมากมายบินขึ้นไปในท้องฟ้า เพื่อตรวจสอบพื้นที่ซึ่งแสงจันทร์กำลังสาดส่องลงไป
นี่ยิ่งเป็นสิ่งที่ดึงดูดความสนใจให้กับพี่ชายของซ่างหลัว บุรุษหนุ่มในชุดยาวสีฟ้า มันบินมาพร้อมกับคนหนุ่มในชุดขาว พวกมันบินฝ่าอากาศมาด้วยท่าทางไม่รีบร้อน ดูเหมือนพวกมันจะบินไม่รวดเร็วนัก แต่ในความเป็นจริง พวกมันพุ่งตรงไปหลายร้อยจ้าง ต่อการระเบิดของพลังบินออกมาหนึ่งครั้ง
เมื่อพวกมันมองเห็นแผ่นของแสงจันทร์ที่กำลังตกลงมา ดวงตาของคนหนุ่มชุดขาวก็หรี่เล็กลง บุรุษหนุ่มชุดสีฟ้าก็ขมวดคิ้ว
“นั่นน่าจะเป็นสถานที่ซึ่งซ่างหลัว…”
“น่าสนใจยิ่ง, มีบางคนอยู่ในอาณาเขตของสำนักเซี่ยเยา กำลังกลืนกินเม็ดยาหลัวตี้ ของสำนักชิงหลัว และเท่าที่เห็น ก็น่าจะมีเม็ดยามากกว่าหนึ่งเม็ด…”
ในเวลาเดียวกันนั้น ลึกเข้าไปในเขตป่าซึ่งค่อนข้างห่างไกลออกไปจากตระกูลเซี่ยว มีต้นไม้ปกคลุมไว้อย่างหนาแน่น ด้านในของกลุ่มต้นไม้นั้น มีผู้ฝึกตนสิบคน นั่งขัดสมาธิเข้าฌาณอยู่ แต่ละคนในกลุ่มนั้น มีกระบี่สะพายอยู่ด้านหลัง และพวกมันทั้งหมดต่างก็สวมใส่เสื้อผ้าที่เหมือนกัน ทุกอย่างเงียบสงบ ไร้เสียงนกหรือแมลงใดๆ ให้ได้ยิน แต่เมื่อแผ่นของแสงจันทร์ปรากฎขึ้น บุคคลทั้งสิบก็ลืมตาขึ้นมองไป
เฉินฟ่านอยู่ท่ามกลางคนกลุ่มนั้น มันมองออกไปยังที่ห่างไกล ขมวดคิ้ว เสียงพุดคุย ทันใดนั้น ก็ดังขึ้นท่ามกลางผู้ฝึกตนกลุ่มนี้ คนทั้งหมดต่างก็เป็นศิษย์ของสำนักกูตู๋เจี้ยน
“พื้นที่นั้นใกล้กับเขตแดนของสำนักเซี่ยเยา มันคือสิ่งประหลาดอันใด…?”
“นั่นเป็นเครื่องหมายที่มีใครบางคน กำลังกลืนเม็ดยาหลัวตี้ของสำนักชิงหลัว มันไม่สามารถปิดบังได้ ใครบางคนในพื้นที่นั้น กำลังกลืนเม็ดยานั้นอยู่อย่างแน่นอน”
“คนผู้นั้นกินไปมากมายเท่าไหร่กันนะ? แสงจันทร์นั้นน่าตกใจยิ่ง…”
ภายในบ้านเรือนของตระกูลเซี่ยว สมาชิกในตระกูลทั้งหมดเริ่มกังวลใจขึ้น ราวกับว่าพวกมันกำลังเผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจ หลายวันที่ผ่านมา พวกมันมีทั้งความยินดีอย่างน่าประหลาดใจ และความหวาดกลัวผสมปนเปกันไป เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า พวกมันได้เผชิญกับการที่ตระกูลเกือบจะล่มสลาย และถูกช่วยไว้ได้หลายครั้ง ขณะที่ในตอนนี้ จิตใจของพวกมันเริ่มหนักอึ้ง โดยเฉพาะเมื่อพวกมันมองไปยังแสงจันทร์ที่ส่องลงมาอย่างเจิดจ้าจับตา ทำให้พวกมันมีความวิตกกังวลใจเพิ่มมากขึ้น
เซี่ยวฉ่ายเฟิ่งมีใบหน้าซีดขาว นางเป็นผู้มีพรสวรรค์ในการสร้างยันต์อาคม แต่ได้ถูกขัดขวางจากพื้นฐานฝึกตนของนางเอง และไม่อาจจะใช้พลังของมันได้อย่างเต็มที่ นางทำได้เพียงยืนห่างออกไปด้านข้าง มองไปยังเซี่ยวฉางเอินที่กำลังนั่งขัดสมาธิ เพื่อคุ้มครองเมิ่งฮ่าวอยู่อย่างเงียบๆ
เวลาผ่านไปไม่นานนัก ก่อนที่ลำแสงหลากสีจะเต็มอยู่ในท้องฟ้ายามราตรี เสียงหวีดหวิวดังตรงมายังตระกูลเซี่ยวจากทุกทิศทาง จากที่เห็นก็มีอย่างน้อยสิบร่าง พวกมันลอยอยู่ที่นั่นในท้องฟ้า ดวงตาสาดประกายขณะที่จ้องไปยังตระกูลเซี่ยว และพื้นที่ซึ่งเมิ่งฮ่าวกำลังนั่งเข้าฌาณอยู่ ซึ่งด้านบนก็มีแผ่นของแสงจันทร์สาดส่องลงมา
ชายชราที่อยู่ในขั้นต้นของพื้นฐานลมปราณเข้ามาใกล้ หัวเราะเสียงดังขึ้น “น่าสนใจนัก ข้าต้องขอดูว่าใครมานั่งเข้าฌาณ จนทำให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น” จากท่าทางของมัน ก็เห็นได้ชัดว่ามันไม่ได้มีเจตนาดี ความโลภเปล่งประกายอยู่ในดวงตาของมัน เห็นได้ชัดว่า มันตั้งใจจะมาขัดจังหวะการเข้าฌาณ และแย่งชิงสิ่งของจากคนที่นั่งอยู่ด้านในไป
ดูเหมือนว่า ทุกคนในพื้นที่บริเวณนี้จะมีแผนการเช่นเดียวกัน ตระกูลเซี่ยวอ่อนแอจนไร้ความหมายใดๆ แต่ตระกูลเซี่ยวก็ไม่ใช่ตระกูลเดียว ที่ต้องการจะครอบครองทะเลสาบแห่งนี้ ตระกูลที่อยู่รอบๆ มากมายต่างก็จับตามองมา ราวกับพยัคฆ์จ้องดูเหยื่อของมัน
ผู้ฝึกตนชราที่เพิ่งจะมาถึง มองไปยังเซี่ยวฉางเอิน ซึ่งกำลังมองขึ้นไปยังมัน พลังฝึกตนของเซี่ยวฉางเอิน ทันใดนั้น ก็ระเบิดออกมา มันสูดหายใจเข้าลึกๆ และพุ่งขึ้นไปในท้องฟ้า
เสีบงระเบิดดังออกมา และชายชราผู้นั้นก็หมุนคว้างไปด้านหลัง อย่างไม่อาจควบคุมตัวเองได้ กระอักโลหิตออกมา ใบหน้าของเซี่ยวฉางเอินดูซีดขาวราวคนตาย ขณะที่มันลอยอยู่กลางอากาศ มองไปรอบๆ
“ข้า, เซี่ยวฉางเอิน ก้าวเท้าเข้าไปในโลงแล้วหนึ่งข้าง” มันพูดเสียงราบเรียบ “เป็นหรือตาย มีความหมายน้อยมากสำหรับข้า ใครก็ตามที่ต้องการจะเดินไปบนเส้นทางแห่งความตายพร้อมกับข้า ก็ให้ก้าวเข้ามา” พลังฝึกตนของมันไม่ได้สูงมากนัก แต่คำพูดของมันเต็มไปด้วยการคุกคามที่ทรงพลัง
ภายใต้เกราะเวท พลังฝึกตนของเมิ่งฮ่าวก้าวมาถึงจุดวิกฤต ขณะที่เขากลืนเม็ดยาหลัวตี้ต่อไป เสาแห่งเต๋าต้นที่สี่ของเขาก็เริ่มรวมตัวกันมากกว่าครึ่ง คงอีกไม่นานก่อนที่มันจะเสร็จสมบูรณ์ ถ้าเป็นเช่นนั้น เมิ่งฮ่าวไม่เพียงแต่จะมีความแข็งแกร่งมากขึ้นกว่าเดิม เขายังสามารถกวาดล้างขั้นพื้นฐานลมปราณได้อย่างง่ายดายอีกด้วย
นั่นเป็นพลังของพื้นฐานสมบูรณ์!