“สหายเต๋าเทียนจี ช่างคู่ควรกับกิตติศัพท์ที่สามารถหยั่งรู้ฟ้าดินเป็นยิ่งนัก” หนี่งในผู้ฝึกตนขั้นสร้างแกนลมปราณ จากสามสำนักใหญ่กล่าว พร้อมกับหัวเราะขึ้นมา
“ท่านมาถึงที่นี่เร็วกว่าพวกเราซะอีก”
“พวกเจ้าสามสำนัก ไม่ยอมแจ้งข่าวให้ข้ารู้ ดังนั้นข้าจึงถูกบังคับให้ต้องค้นหาด้วยตัวเอง” เทียนจีซ่างเหรินพูดด้วยเสียงเย็นชา
“ก็ดี” หนึ่งในผู้ฝึกตนขั้นสร้างแกนลมปราณ จากสำนักเฟิงหาน (สายลมยะเยือก) กล่าว มันสวมใส่ชุดยาวสีดำ “ตอนนี้ เมื่อพบเจ้าเด็กนี่แล้ว คงอีกไม่นานพวกเราก็จะเข้าไปในเขตกัมมัฏฐาน ของปรมาจารย์เอกะเทวะ เรื่องนี้ได้เกิดขึ้นมานานมากแล้ว แม้แต่สำนักใหญ่ในดินแดนด้านใต้ ก็รู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น” มันจ้องมาที่เมิ่งฮ่าว ด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก ราวกับว่าเขาเป็นจิ้งหรีดตัวหนึ่ง
พวกมันส่วนใหญ่ไม่ได้แยแสสนใจเขา ขณะที่พูดออกมา ราวกับว่า สิ่งที่พวกมันพูดสามารถตัดสินความเป็นตายของเขาได้ ในความเป็นจริง คำพูดของพวกมัน ก็สามารถกำหนดชะตาของเขาได้จริงๆ
เมิ่งฮ่าวไม่พูดจา เขารู้ว่า ถ้าเขาต้องการที่จะสู้กลับไป เขาก็ต้องคิดหาวิธี จิตใจของเขาหมุนคว้าง ขณะที่กำลังคิดวิเคราะห์สถานการณ์อยู่
“ท่านปรมาจารย์” หลิวเต้าอวิ๋น โค้งตัวคารวะไปที่ หนึ่งในผู้ฝึกตนขั้นสร้างแกนลมปราณของสำนักมัน “คนผู้นี้มีหอกวิเศษซุกซ่อนอยู่ในตัวของมัน” มันเงยหน้าขึ้น มองไปที่เมิ่งฮ่าวด้วยสีหน้าเยาะเย้ย ความอาฆาตแค้นเขียนไว้ บนใบหน้าของมันอย่างชัดเจน
“ดังนั้น ผู้ฝึกตนขั้นรวบรวมลมปราณอันน้อยนิด ก็กลายเป็นระดับเก้า…” ผู้ฝึกตนชุดยาวสีดำพูดเสียงเย็นชา ใบหน้าของมันดูเหมือนว่า จะเป็นสีแดงอยู่ตลอดเวลา
“ไม่ต้องสงสัยเลยว่า มันสามารถสร้างความปั่นป่วนวุ่นวาย ให้กับโลกของผู้ฝึกตนในแคว้นจ้าว ด้วยของสิ่งนั้น” มันยกมือขึ้นมา ตรงไปที่เมิ่งฮ่าว ราวกับว่า กำลังจะจับเขา
“ข้าอยู่นี่แล้ว และมีหอกนั้นด้วย” เมิ่งฮ่าวพูดในทันที ดวงตาของเขาส่องประกาย เสียงของเขาหนักแน่นราวกับว่าจะสามารถตัดตะปู เฉือนเหล็กออกเป็นแผ่นๆ ความป่าเถื่อนปรากฎขึ้นในดวงตา ดูเหมือนจะบอกว่า เขารู้ว่าเขาไม่มีพลังเพียงพอที่จะป้องกัน ไม่ให้พวกมันมาแย่งชิงของวิเศษจากเขาไปได้ แต่ถ้าพวกมันทำ เขาก็จะจบชีวิตของตัวเองลงในทันที
เมื่อได้ยินคำพูดของเมิ่งฮ่าว ชายชราที่กำลังจะขยับตัวมาที่เขา ก็หยุดลงและขมวดคิ้ว พวกที่มุงดูอยู่รอบๆ ก็ขมวดคิ้วด้วยเช่นเดียวกัน
“พลังการฝึกตนของข้าต่ำต้อยและอ่อนแอ” เมิ่งฮ่าวกล่าว
“ถ้าชนชั้นผู้อาวุโสเช่นพวกท่าน ต้องการที่จะแย่งชิงของวิเศษของข้าไป ก็ทำได้เลย แต่ถ้าข้าสูญเสียของไปแม้แต่ชิ้นเดียว ข้าก็จะจบชีวิตของข้าลง และถ้าข้าตายไป ข้าก็ไม่สามารถจะพาพวกท่านไปยังเขตนั่งกัมมัฏฐาน ของท่านปรมาจารย์เอกะเทวะได้ ข้ายอมตาย ดีกว่ายอมให้พวกท่านมาแย่งชิง!” ขณะที่พูด ใบหน้าของเขาก็ส่องประกายแห่งความมุ่งมั่นออกมา
“ข้าก็แค่สังหารเจ้า” หนึ่งในหกผู้ฝึกตนขั้นสร้างแกนลมปราณกล่าวขึ้น “จากนั้นก็ใช้ ค้นหาวิญญาณต่อต้านสวรรค์ ก็สามารถดึงที่อยู่ของปรมาจารย์เอกะเทวะออกมาจากเจ้าได้”
เมื่อเมิ่งฮ่าวได้ยินดังนี้ เขาก็หัวเราะเสียงดังออกมา ไม่มีความกลัวปรากฎให้เห็น อยู่ในดวงตาของเขาแม้แต่น้อย เสียงหัวเราะของเขาดังก้องผ่านขุนเขา แทงทะลุเข้าไปในหูของผู้ฝึกตนเหล่านั้น
“ถ้าท่านวางแผนที่จะค้นหาเช่นนั้นก็ทำได้เลย มีเพียงศิษย์สายในเท่านั้น ที่จะรู้ตำแหน่งเขตกัมมัฏฐานของท่านปรมาจารย์ แต่ถึงท่านจะทราบที่อยู่นั้น ถ้าไม่มีข้าที่ยังมีชีวิต มีสติครบถ้วนสมบูรณ์ และไร้อันตรายใดๆ แล้ว ท่านก็ไม่มีทางที่จะเข้าไปด้านในได้”
เมื่อพวกมันได้ยินเช่นนี้ ผู้ฝึกตนขั้นสร้างแกนลมปราณ ก็จ้องไปที่เขาด้วยสายตาที่เย็นเยียบราวน้ำแข็ง
“พวกท่านเหล่าผู้อาวุโส ซึ่งมีพลังฝึกตนอันลึกซึ้ง แน่นอนว่า ต้องรู้จักวิชาวิญญาณหุ่นกระบอก แต่ถ้าข้าไม่มีสติสัมปชัญญะครบถ้วน หรือ ได้รับบาดเจ็บด้วยเหตุอันใดก็แล้วแต่ อยู่ที่นั่นด้วย พวกท่านก็ไม่มีทางเข้าไปได้ ต้องได้รับการช่วยเหลือจากข้าเพียงเท่านั้น!”
ความแน่วแน่เด็ดขาดเติมเต็มอยู่ในน้ำเสียงของเมิ่งฮ่าว ทำให้พวกมันรู้สึกว่า เขาได้โยนความกลัวทั้งหมดทิ้งไปกับสายลม ซึ่งก็ทำให้พวกมันต้องขมวดคิ้วกันทุกคนไป
ในความเป็นจริง เมื่อพวกมันได้พบเจอเมิ่งฮ่าว พวกมันก็ไม่สนใจอะไรมากนักเกี่ยวกับตัวเขา สิ่งที่พวกมันสนใจอย่างแท้จริงก็คือ คัมภีร์สุดยอดวิญญาณ ของปรมาจารย์เอกะเทวะ ผู้ฝึกตนพวกนั้นขมวดคิ้ว จากนั้นก็มองไปที่เทียนจีซ่างเหริน
เทียนจีซ่างเหรินจ้องไปที่เมิ่งฮ่าว ดวงตาของมันสาดประกายจ้า ถึงแม้ว่ามันจะสามารถมองเห็นได้หลายสิ่งหลายอย่าง แต่มันก็ไม่สามารถมองเห็นทุกสิ่งทุกอย่าง ที่เกี่ยวกับเรื่องนี้โดยเฉพาะได้เลย ดวงตาทุกคู่มองไปที่มัน ขณะที่มันพูดขึ้น
“ข้าไม่สามารถมองเห็นรายละเอียด แต่ถึงแม้ว่าเจ้าเด็กผู้นี้โกหกถึงเก้าในสิบส่วน พวกเราก็ยังคงไม่อาจจะเสี่ยงไปกับมัน” เสียงของมันดังก้องผ่านพวกที่มุงดูอยู่รอบๆ นั้น มันเป็นผู้ที่มีประสบการณ์และความฉลาด รวมถึงเจ้าเล่ห์เป็นอย่างยิ่ง
อย่างไรก็ตาม ความเจ้าเล่ห์ของมันทั้งหมดนี้ ก็ไม่สามารถที่จะรับประกันชัยชนะ ภายใต้สภาพการณ์เช่นนี้ นี่เป็นเพราะ…พวกมันไม่สามารถที่จะวางเดิมพันได้ ถึงแม้ว่าสิ่งที่เมิ่งฮ่าวพูดไป ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องโกหกก็ตามที มันก็น่าจะมีบางส่วนที่เป็นเรื่องจริง
ถ้าพวกมันแพ้ พวกมันก็จะสูญเสียโอกาสที่จะเข้าไปในถ้ำแห่งเซียน ของปรมาจารย์เอกะเทวะ ซึ่งก็หมายความว่า พวกมันสูญเสียโอกาสในคัมภีร์สุดยอดวิญญาณ
ใครก็ตาม ที่อยู่ในขั้นพื้นฐานลมปราณ หรือ สร้างแกนลมปราณ ก็สามารถที่จะใช้ตำรารวบรวมลมปราณ ของคัมภีร์สุดยอดวิญญาณ เพื่อสร้างแกนทะลสาบลมปราณแหล่งที่สอง ภายในร่างของพวกมัน ทั้งยังสามารถซ่อมแซมเสาแห่งเต๋า ที่ถูกสร้างขึ้นมาในช่วงของพื้นฐานลมปราณได้อีกด้วย ถ้าสำเร็จ ก็จะเปลี่ยนพื้นฐานรอยร้าว ให้กลายเป็นพื้นฐานไร้ตำหนิ
สำหรับผู้ฝึกตนขั้นสร้างแกนลมปราณ นี่ก็มีผลกระทบเป็นอย่างมากด้วยเช่นกัน กับระดับแกนลมปราณของพวกมัน ซึ่งเป็นสิ่งที่พวกมันโหยหากันเป็นอย่างยิ่ง
มีคัมภีร์อันยิ่งใหญ่เพียงสามเล่มในโลกนี้เท่านั้น ที่สอนถึงวิธีอันเป็นความลับ ของการสร้างแกนทะเลสาบลมปราณแห่งใหม่ขึ้นมา ซึ่งเกินกว่าขั้นรวบรวมลมปราณจะเรียนรู้ได้
“ก็ดี” หญิงชราที่ดูท่าทางสง่างามพูดขึ้น ด้วยเสียงอันแหบแห้ง เมื่อเสียงของนางดังขึ้น ทุกคนก็เงียบลง
“พวกเรามาที่นี่ ก็เพื่อคัมภีร์สุดยอดวิญญาณ ไม่จำเป็นที่จะทำเรื่องให้มันซับซ้อนยุ่งยาก เด็กน้อย พวกเราจะไม่แย่งชิงของวิเศษของเจ้า และไม่ใช้วิชาค้นหาวิญญาณกับเจ้า หรือทำให้เจ้ากลายเป็นหุ่นกระบอก แต่เจ้าต้องช่วยเหลือพวกเรา มิเช่นนั้น เจ้าต้องระวังผลที่จะตามมา อะไรที่สำคัญมากกว่า ชีวิตของเจ้า? หรือปรมาจารย์? อะไรคือการตัดสินใจที่ดีที่สุด ข้ามั่นใจว่า เจ้าไม่จำเป็นต้องรอคำชี้แนะจากพวกเราเป็นแน่”
เมิ่งฮ่าวเงียบไปชั่วครู่ จากนั้นก็กล่าวขึ้นในทันที “นำหินลมปราณมาให้ข้า หนึ่งล้านก้อน! และ ข้าต้องการสิทธิ์ในการสังหารคนผู้นี้!” ดวงตาของเขาสาดประกายจ้า ขณะที่ชี้นิ้วไปที่หลิวเต้าอวิ๋น
ใบหน้าของหลิวเต้าอวิ๋นเริ่มหมองคล้ำลง และประกายความอาฆาตแค้น ก็ปรากฎขึ้นในดวงตา มันเพิ่งจะครุ่นคิดใคร่ครวญหาวิธีอันหลากหลายที่จะสังหารเมิ่งฮ่าว แต่ในทันใดนั้นก็ถูกหมายหัวจากเมิ่งฮ่าว ทำให้มันต้องก้าวถอยหลังออกไปโดยลืมตัวในทันที
หัวใจของมันเต้นถี่รัว และเหงื่อเย็นเยียบ ก็ไหลลงมาจากหน้าผาก มันรู้ว่าเหล่าปรมาจารย์พวกนี้ ต้องยอมรับในข้อเรียกร้องของเมิ่งฮ่าวค่อนข้างมาก เพื่อจะได้ในสิ่งที่พวกมันต้องการ
“ท่านปรมาจารย์…” หลิวเต้าอวิ๋นกล่าว ใบหน้าของมันซีดขาว เมื่อมันมองไปที่ปรมาจารย์ขั้นสร้างแกนลมปราณจากสำนักเฟิงหาน (สายลมยะเยือก)
ชายชราใบหน้าสีแดง ส่งเสียงแค่นอันเย็นชาออกมา มันสะบัดชายแขนเสื้อ และมองไปที่เมิ่งฮ่าวด้วยสายตาเย็นชา
“นั่นไม่มีทางจะเกิดขึ้นได้! ผู้ฝึกตนขั้นรวบรวมลมปราณอันน้อยนิด ช่างพูดจาโอ้อวดเกินตัว เจ้าบังอาจเรียกร้องจากพวกข้า?!”
“เมิ่งฮ่าว” ผู้ฝึกตนขั้นสร้างแกนลมปราณ ชายชราในชุดยาวสีแดงกล่าว “อย่าได้พูดเรื่องสังหารขึ้นมาอีก และเรื่องหินลมปราณ พวกเราไม่มีทางให้กับเจ้า”
“ถ้าข้าไม่มีหินลมปราณ และคนผู้นี้ไม่ตาย ข้า, เมิ่งฮ่าว ก็จะไม่นำพวกท่าน เหล่าผู้อาวุโส ไปยังเขตนั่งกัมมัฎฐานของท่านปรมาจารย์อย่างแน่นอน ถ้าปราศจากความยินยอมพร้อมใจจากข้า พวกท่านไม่มีทางที่จะเข้าไปในถ้ำแห่งเซียนของท่านปรมาจารย์ได้อย่างแน่นอน”
เสียงของเมิ่งฮ่าว เด็ดเดี่ยวแน่วแน่ และใบหน้าก็แสดงให้เห็นว่า พร้อมที่จะเสี่ยงกับทุกสิ่งทุกอย่าง เขาพร้อมที่จะตายโดยไม่ขมวดคิ้วแม้แต่น้อย
“เมิ่งฮ่าว…” หลิวเต้าอวิ๋นจ้องไปที่เขาด้วยความอาฆาต ดวงตาของมันเต็มไปด้วยรังสีสังหาร
“ก็ดี” หญิงชราที่ดูสูงสง่าพูด ด้วยเสียงแหบแห้ง “สำหรับศิษย์สำนักเฟิงหานผู้นี้ ข้อเรียกร้องของเจ้าถูกปฏิเสธ แต่สำหรับหินลมปราณ ข้าจะรับผิดชอบเอง ข้าจะให้เจ้าหนึ่งแสนก้อนในตอนนี้ และที่เหลือก็หลังจากที่พวกเราเปิดถ้ำแห่งเซียนได้แล้ว”
ถ้าเมิ่งฮ่าวไม่เรียกร้องสิ่งใด ก็จะสร้างความสงสัยขึ้นมา นางโบกสะบัดแขนเสื้อ และถุงเก็บสมบัติก็ลอยตรงไปที่เมิ่งฮ่าว เขาไม่คว้าจับมัน แต่ถอยออกไปด้านหลังแทน และปล่อยให้ถุงใบนั้นหล่นลงไปที่พื้น
“ก็ดี” เมิ่งฮ่าวกล่าวช้าๆ “ข้อเรียกร้องเรื่องสังหารยกเลิกไป หลิวเต้าอวิ๋น หยิบถุงเก็บสมบัติขึ้นมา และเทหินลมปราณออกมา”
ดวงตาของหญิงชราส่องประกายที่แทบจะมองไม่เห็น ผู้ฝึกตนขั้นสร้างแกนลมปราณคนอื่นๆ ก็มองไปที่เขาด้วยประกายตาอันลุกวาวด้วยเช่นกัน
โทสะของหลิวเต้าอวิ๋นพุ่งถึงขีดสุด อย่างไรก็ตาม ข้อเรียกร้องของเมิ่งฮ่าวก็ไม่ได้มากจนเกินเลยไป แม้แต่ชายชราใบหน้าสีแดง ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่แสดงให้หลิวเต้าอวิ๋นทำตามข้อเรียกร้องนี้แทน
หลิวเต้าอวิ๋นสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ สะกดข่มโทสะของมันลง จากนั้นก็เดินตรงไป หยิบถุงเก็บสมบัติขึ้นมา มันเขย่าถุง หินลมปราณมากมายก็หล่นลงมาที่พื้น พวกมันส่องแสงสว่างจ้า หลิวเต้าอวิ๋นมองไปที่หินลมปราณเหล่านั้นชั่วครู่ และเริ่มหายใจเร็วขึ้นเล็กน้อย
เมิ่งฮ่าวมองไปที่หินลมปราณ ด้วยสีหน้าสงบนิ่ง จากนั้นก็เก็บรวบรวมพวกมัน เข้าไปในถุงเก็บสมบัติของเขาเอง เขาไม่มีทางเลือก แต่ต้องระมัดระวังตัวเอง บุคคลพวกนี้ไม่ใช่ผู้ฝึกต้นขั้นพื้นฐานลมปราณ แต่เป็นขั้นสร้างแกนลมปราณ ถ้าพวกมันต้องการจะสังหารเขา มันก็ง่ายดายยิ่งกว่าการตบลงไปที่ตัวพวกแมลง
ถ้าไม่ใช่ความจริงที่ว่า พวกมันไม่สามารถที่จะเสี่ยงกับเรื่องนี้ได้แม้แต่น้อย เขาก็ไม่สามารถที่จะยืนต่อหน้าพวกมันทั้งหมดได้ โดยไม่ต้องคำนึงถึงพลังการฝึกตน หรือความเจ้าเล่ห์เพทุบายใดๆ
ดังนั้น เมิ่งฮ่าวจึงไม่ได้พยายามที่จะหลอกลวง หรือวางแผนอุบาย เขาแสดงถึงความเปิดเผยจริงใจ เขากำลังเดิมพันว่า ถึงแม้บุคคลพวกนี้จะไม่เชื่อถือเขา แต่พวกมันก็ไม่มีทางเลือก ต้องเชื่อถือเขาเท่านั้น
“เจ้าได้หินลมปราณแล้ว แต่นี่เป็นเรื่องสำคัญ ช่วยกลืนเม็ดยานี้ด้วย” หญิงชรายกมือขวาขึ้นมา และเม็ดยาสีดำก็ปรากฎขึ้น
เมื่อมันปรากฎ สายลมก็พัดขึ้นมาในทันที ราวกับว่าได้มีพลังลมปราณอันมหาศาลกำลังรวมตัวกัน, อย่างช้าๆ ก็มีภาพของตะขาบอันชั่วร้าย โผล่ขึ้นมาให้เห็น บนผิวหน้าของเม็ดยานั้น
สีหน้าของเมิ่งฮ่าวเปลี่ยนไป เขามองไปที่เม็ดยาด้วยความระมัดระวัง
เมื่อหลิวเต้าอวิ๋นเห็นสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนี้ รอยยิ้มอันน่าเกลียดก็ปรากฎขึ้นบนใบหน้าของมัน ผู้ฝึกตนขั้นพื้นฐานลมปราณที่ลอยอยู่ในอากาศ ได้มองเห็นเช่นนี้ ใบหน้าของพวกมันไร้ความรู้สึก แต่ดวงตาของพวกมันกำลังเยาะเย้ยไปที่เมิ่งฮ่าว
สำหรับผู้ฝึกตนขั้นสร้างแกนลมปราณ ไม่มีใครกระพริบตา ถ้าหญิงชราไม่ได้เอาเม็ดยาออกมา พวกมันก็อาจจะกระพริบตา ดวงตาของมันส่องประกายขณะที่มองมา
ในแง่ของความเจ้าเล่ห์ เมิ่งฮ่าวก็เหมือนกับเด็กทารก เมื่อไปเปรียบเทียบกับพวกมัน ถ้าเรื่องที่เขาแต่งขึ้นมาสร้างความไม่พอใจให้กับพวกมัน ความคิดอื่นๆ ที่เขาคิดขึ้นมา ก็จะไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง
“ถ้าเจ้ากลืนยาเม็ดนี้ เจ้าก็สามารถนำทางไปได้ ถ้าเจ้าไม่ยอมกินมัน พวกเราก็จะต้องลองใช้วิชาค้นหาวิญญาณ และวิญญาณหุ่นกระบอกแล้ว” หญิงชรากล่าวเสียงเย็นชา สีหน้าไม่มีทั้งความยินดี หรือโทสะ นางสะบัดนิ้ว และเม็ดยาพิษก็พุ่งลอยไปตรงหน้าของเมิ่งฮ่าว
เมิ่งฮ่าวครุ่นคิดอย่างลังเลชั่วขณะ ไม่มั่นใจว่าเม็ดยานี้มีพิษจริงหรือไม่ บางทีมันอาจจะเป็นสิ่งที่เลวทรามต่ำช้ากว่านั้น แต่เขาก็ดูเหมือนว่าไม่มีทางเลือกอื่น ต้องกัดฟันแน่น ยื่นมือออกไปหยิบเม็ดยานั้นมา
“เมื่อพูดถึงยาพิษ ข้าก็มีเม็ดหนึ่งเช่นกัน” ชายชราชุดยาวสีแดงพูดพร้อมหัวเราะ มันโบกสะบัดแขนเสื้ออันกว้างใหญ่ของมัน และเม็ดยาสีแดงเรื่อก็ปรากฎขึ้นในมือ จากนั้นก็ลอยไปที่เมิ่งฮ่าว
“จริงๆ แล้ว สำนักของพวกเรา ก็มีหนึ่งเม็ดเช่นเดียวกัน” กลายเป็นว่า ผู้ฝึกตนขั้นสร้างแกนลมปราณ จากสามสำนักใหญ่ต่างก็มียาพิษกันหมดทุกคน เม็ดยากลายเป็นลำแสง ขณะที่พวกมันลอยตรงไปที่เมิ่งฮ่าว
สีหน้าของหญิงชราเรียบสงบ และยากที่จะบอกว่านางกำลังคิดอะไรอยู่ นางมองไปรอบๆ อย่างเย็นชา ยังผู้ฝึกตนขั้นสร้างแกนลมปราณเหล่านั้นโดยไม่พูดจา
พวกมันทั้งหมดต่างก็ระมัดระวัง และมองการณ์ไกล ถ้าเมิ่งฮ่าวกลืนยาพิษหนึ่งเม็ด เขาก็อาจจะกลืนยาพิษอื่นเพิ่มได้อีก ด้วยวิธีนี้ เมิ่งฮ่าวก็ไม่ต้องอยู่ใต้การควบคุมของหญิงชราเพียงคนเดียว นี่เป็นวิธีการที่ยุติธรรมที่สุดแล้ว เท่าที่พวกมันคิดได้
“เมื่อได้เห็นการกระทำของพวกท่านเหล่าสหายเต๋า ข้าก็ต้องเจียมเนื้อเจียมตัวเพื่อรักษาหน้าตาของตัวเองไว้บ้าง” เทียนจีซ่างเหรินยิ้มออกมา และโบกมือข้างขวา เม็ดยาสามสีก็ปรากฎขึ้น และพุ่งตรงไปที่เมิ่งฮ่าว
เมื่อเปรียบเทียบกับยาเม็ดอื่นๆ, เม็ดยานี้ดูไม่ธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง เมิ่งฮ่าวไม่แน่ใจว่าทำไม แต่เมื่อเขาจ้องไปที่เม็ดยานี้ จิตใจก็รู้สึกกระวนกระวายเป็นอย่างยิ่ง