ขุมทรัพย์เซียนโลหิต!
ไร้หน้า, หนึ่งคำ, ไฟสงครามรวมเป็นหนึ่ง
สะบั้นเมฆา พิรุณโลหิต ทะเลเต็มท้องฟ้า
จับกุมเหล่าเทพ เดินทัพรุดหน้า ไฟกลืนหอคอย
แปลงวิญญาณและสายเลือดทั้งหลาย ให้กลายเป็นเก้าพลังสังหาร!
คำพูดเหล่านี้ ประกอบด้วยพลังเวท สำหรับพลังที่จะปลดปล่อยออกมา จำเป็นต้องมีพื้นฐานฝึกตนที่เพียงพอ ซึ่งก็คือขั้นสร้างแกนลมปราณ เมิ่งฮ่าวรู้ดีว่าเขายังไม่สามารถใช้มันได้
แต่สำหรับ ดรรชนีโลหิต, ฝ่ามือโลหิต และสังหารโลหิต ไม่จำเป็นต้องใช้พื้นฐานฝึกตน ด้วยพลังลมปราณที่เพียงพอ ก็สามารถใช้พวกมันได้ นอกเหนือจากวิชาเวทผนึกอสูรรุ่นแปด นี่เป็นท่าไม้ตายของเมิ่งฮ่าว
ด้วยเส้นทางที่เขาเหยียบย่างจนถึงในวันนี้ เมิ่งฮ่าวได้ใช้วิชาดรรชนีโลหิตมาแล้วหลายครั้ง เห็นได้ชัดว่าเป็นวิชาที่แข็งแกร่งเพียงหนึ่งเดียว เพียงพอที่จะสร้างความตกตะลึงให้กับทุกคนที่เห็น โลกที่เบื้องหน้าเมิ่งฮ่าวกลายเป็นสีแดง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของดรรชนีโลหิต เมิ่งฮ่าวคุ้นเคยกับโลกสีแดงโลหิตนี้มานานแล้ว เขามองไปยังโจวเจี๋ย และหัตถ์ยักษ์ที่ก่อตัวขึ้นจากวิชาเวทของสำนักชิงหลัว, ฝ่ามือเมฆาเขียว มันส่งเสียงแหลมเล็ก ฝ่าอากาศตรงมาที่เขา
ด้วยฝ่ามือของตัวมันเอง ก็ดูเหมือนจะรวมตัวขึ้นมาจากกลุ่มหมอกสีเขียว และเกี่ยวข้องกับปราณที่แปลกประหลาด ขณะที่หัตถ์ยักษ์เข้ามาใกล้ ก็ดูเหมือนจะมีขนาดใหญ่ขึ้นไปเรื่อยๆ เมิ่งฮ่าวสามารถจินตนาการได้ว่า ในไม่ช้า มันก็จะบดบังสายตาเขา และกลบบังโลกทั้งหมดไป
ทำให้เขาคิดกลับไปยังตอนที่อยู่ในแคว้นจ้าว เมื่อเทียนจีซ่างเหริน ลอยอยู่กลางอากาศเหนือสำนักเอกะเทวะ และส่งหัตถ์ยักษ์ฟาดลงไปบนพื้น ในตอนนั้น เขาช่างอ่อนแอไม่อาจแม้แต่จะดิ้นรนหลบหนีไปได้ ฝ่ามือยักษ์นั้นได้ทำลายสำนักเอกะเทวะ และทิ้งลอยฝ่ามือไว้ในพื้นดิน
แต่เงาร่างเลือนลางสีแดงโลหิตได้ปรากฎขึ้นในท้องฟ้า ราวกับกระบี่ที่สามารถตัดแผ่นฟ้าเฉือนผืนดิน มันได้แยกฝ่ามือยักษ์นั้นออกเป็นสองส่วน ช่วยชีวิตเมิ่งฮ่าวไว้ ในจิตใจเขามองเห็นหัตถ์ยักษ์นั้นกำลังฟาดลงมายังร่างเขา
แน่นอนว่า โจวเจี๋ย ไม่อาจแม้แต่จะเปรียบเทียบได้กับเทียนจีซ่างเหริน แต่ภาพในวันนี้ ช่างเตือนความทรงจำนัก…
เมิ่งฮ่าว ทันใดนั้น ก็ยิ้มออกมา ไร้คำพูด, ยิ้มโดยไร้เสียง เขายกมือขึ้นมายื่นตรงไปยังฝ่ามือที่กำลังเข้ามาใกล้ ฝ่ามือโจมตีใกล้เข้ามา และใหญ่ขึ้น ทำให้เกิดลมรุนแรงกรรโชกขึ้น ส่งผลให้เสื้อผ้าของเมิ่งฮ่าว และเส้นผมลอยพริ้วไปมา…
เมิ่งฮ่าวยกหัวแม่มือในมือขวาขึ้นมา จากนั้นก็กรีดมันตรงไปยังฝ่ามือเมฆาเขียวที่กำลังใกล้เข้ามา
การกรีดครั้งนี้ เหมือนกับแสงเจิดจ้าที่แวบขึ้น ท่ามกลางความมืดมิด เป็นการกรีดที่เหมือนกับแสงเจิดจ้าที่เห็นเมื่อลืมตาขึ้นมาในครั้งแรก เป็นการกรีดที่เหมือนกับเจ้าอสูรโลหิต ใช้ตัดฝ่ามือยักษ์ที่โจมตีลงมาของเทียนจีซ่างเหริน การกรีดนี้…เป็นการรู้แจ้งของเมิ่งฮ่าว ที่เคยมีประสบการณ์ใต้ฝ่ามือยักษ์ในสำนักเอกะเทวะของแคว้นจ้าว!
ข้าแข็งแกร่ง! ข้าจะยืนด้วยขาของตัวเอง!
เสียงระเบิดดังกระหึ่มกึกก้องเต็มอยู่ในอากาศ เมิ่งฮ่าวยืนอยู่ที่นั่น ไม่ขยับเคลื่อนไหว ฝ่ามือยักษ์ที่ฟาดลงมาห่างจากเขาเพียงแค่เจ็ดชุ่น เกิดรอยแตกขนาดใหญ่ขึ้น เริ่มจากจุดบนสุดของนิ้วกลาง และแตกลงมาผ่านฝ่ามือยักษ์ จากนั้นมันก็แยกออก เริ่มกว้างมากขึ้นเรื่อยๆ เมิ่งฮ่าวยืนสงบนิ่งอยู่ที่นั่นอย่างปลอดภัย ขณะที่ฝ่ามือผ่านไป เกิดเป็นเสียงลมแหลมเล็ก กรรโชกเส้นผมของเขาให้พริ้วไปมาอย่างบ้าคลั่ง อย่างไรก็ตาม ในท่ามกลางเส้นผมที่ลอยไปมา ดวงตาของเขาก็ส่องแสงเจิดจ้า ราวกับแสงอาทิตย์ในความมืดยามราตรี ใครก็ตามที่มองเห็นมัน ก็จะพบว่าแสงนั้น…เจิดจ้ายิ่ง!
“ท่านต้องการสู้ต่อหรือไม่?” เมิ่งฮ่าวถามเสียงเยือกเย็น โบกสะบัดแขนเสื้อ
โจวเจี๋ยยืนอยู่ที่นั่นอย่างเงียบๆ มองไปยังเมิ่งฮ่าว ความขมขื่นพุ่งขึ้นมาในจิตใจ แต่ไม่นานหลังจากนั้น ความต้องการต่อสู้ก็แวบขึ้นอีกครั้งในดวงตาของมัน
“แน่นอนว่าข้าต้องการสู้ต่อไป” มันกล่าวตอบเสียงราบเรียบ “ตั้งแต่ตอนที่ข้าเป็นเต้าจื่อจนกระทั่งบัดนี้ ข้าไม่เคยพ่ายแพ้มาก่อน” มันสูดลมหายใจเข้าลึกๆ โบกสะบัดมือไปยังธูปที่ปักอยู่ด้านข้าง ธูปนั้นก็เริ่มสั่นสะท้านในทันที รอยแตกปรากฎขึ้นบนพื้นผิวของมัน เสียงปะทุดังออกมา ขณะที่มันแหลกสลายกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
“ไม่มีใครจะเข้ามาสอดแทรกการต่อสู้ของพวกเราได้ในตอนนี้” คำพูดของมันเรียบง่าย เหมือนกับการกระทำของมัน แต่ความเรียบง่ายนี้แสดงให้เห็นถึงพลังอันยิ่งใหญ่ เป็นพลังของผู้เชี่ยวชาญที่แท้จริง มันเป็นเพียงเมล็ดพันธุ์ของพลัง แต่ก็ทำให้ดวงตาของเมิ่งฮ่าวต้องหดเล็กลง
“มันตัดเส้นทางหลบหนีของตัวเองทิ้งไป” เมิ่งฮ่าวคิด “ไม่อาจหนีไปที่ใดได้ ทำได้เพียงพึ่งพาตัวเองเท่านั้น และถูกบังคับให้ต้องใช้พลังทั้งหมดของมันออกมา โจวเจี๋ยผู้นี้จริงๆ แล้ว ก็เป็นบุคคลที่โดดเด่นอย่างแท้จริง” เขาพยักหน้า
โจวเจี๋ยยกมือขึ้น และกดลงไปบนถุงสมบัติของมัน จากด้านใน เส้นใยของแสง ส่องประกายออกมาห้าสาย ทันใดนั้น ความมืดที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้น ก็หายไป ขณะที่แสงเจิดจ้ากระจายเต็มอยู่ในอากาศ แสงเจิดจ้าที่กระจายออกมานั้น ตอนนี้ได้ลอยอยู่เบื้องหน้าโจวเจี๋ยกลายเป็น กระบี่ที่เปล่งแสงอยู่ห้าเล่ม!
กระบี่แสงทั้งห้าเล่ม ส่องแสงด้วยสีที่แตกต่างกัน!
โจวเจี๋ยยื่นนิ้วออกมา กระบี่ทั้งห้าเล่มเคลื่อนที่ไปบนนิ้วของมัน ห้าเล่มลอยอยู่บนห้านิ้ว
“ตะกร้าปฐพีจันทรา ก่อตัวเป็นกระบี่ผ่าสวรรค์!” มือโจวเจี๋ยกดลงไปบนพื้น เมื่อทำเช่นนั้น กระบี่แสงเจิดจ้าเหล่านั้นก็พุ่งลงไปในพื้นด้วยเช่นกัน จากนั้น ก็หายไป
ทันทีที่กระบี่หายไป ม่านตาเมิ่งฮ่าวก็หดแคบลง และเขาก็พุ่งถอยหลังไปหกก้าว
เกือบจะพร้อมกันนั้น กระบี่ทั้งห้าเล่ม ทันใดนั้น ก็ปรากฎขึ้นอีกครั้งจากช่องว่างเล็กๆ ของอากาศ พวกมันพุ่งขึ้นมา มุ่งหน้าตรงไปยังเมิ่งฮ่าว ซึ่งยังคงอยู่ท่ามกลางการล่าถอยออกไป
แสงเจิดจ้าของพวกมันส่องประกายออกมา ขณะที่ส่งเสียงแหลมเล็กแหวกฝ่าอากาศ พวกมันรวดเร็วปานสายลม มาถึงตัวเมิ่งฮ่าวในทันที รังสีกระบี่ของพวกมันพุ่งขึ้นไปในท้องฟ้า ปราณกระบี่ดูเหมือนจะยึดเมิ่งฮ่าวไว้อย่างแน่นหนา ความตายรายล้อมเขาอยู่ทั่วทุกทิศทาง
“น่าสนใจนัก” เมิ่งฮ่าวกล่าว ดวงตาหดเล็กลง เขายกนิ้วหัวแม่มือของมือขวาขึ้น และโบกสะบัดตรงไปยังกระบี่ทั้งห้าเล่มนั้น
เสียงระเบิดดังเต็มอยู่ในอากาศ ทันใดนั้น เกราะป้องกันสีโลหิตก็ปรากฎขึ้นรอบๆ ร่างเมิ่งฮ่าว ขยายออกไปสิบจ้างในทุกทิศทาง กระบี่ทั้งห้ากระแทกเข้าไปในเกราะป้องกัน ทำให้เกิดเสียงกระหึ่มกึกก้องดังออกไปทั่วบริเวณนั้น
โจวเจี๋ยกระอักโลหิตออกมา และจากนั้นก็ขยับสองมือร่ายเวทอาคมอย่างรวดเร็ว กระบี่ทั้งห้าเล่ม ส่งเสียงแหลมเล็กออกมา แสงเจิดจ้าระเบิดออกมา และกระบี่ห้าเล่มก็กลายเป็นยี่สิบห้าเล่ม!
กระบี่เต็มอยู่ในอากาศ ขณะที่พวกมันพุ่งตรงไปยังเมิ่งฮ่าวอีกครั้ง พลังอันรุนแรงของพวกมัน ทำให้เมิ่งฮ่าวรู้สึกถึงอันตรายแก่ชีวิตขึ้นมา
แต่สีหน้าของเขาก็ยังคงสงบนิ่งเหมือนเช่นเคย ขณะที่กระบี่ทั้งยี่สิบห้าเล่มพุ่งตรงมา เขาโบกสะบัดแขนเสื้อ พลังของพื้นฐานฝึกตนของเขากระเพื่อมออกมา เขากรีดนิ้วชี้ด้วยนิ้วหัวแม่มือ ทำให้โลหิตไหลออกมา ใช้พลังของดรรชนีโลหิตทั้งสองนิ้ว กรีดขึ้นไปในอากาศ
ตูม!
ระเบิดรุนแรงจนทำให้สายตาต้องบิดเบือนไป ทุกสิ่งทุกอย่างในพื้นที่นั้นดูเหมือนจะบิดเบี้ยวไปมา กระบี่ทั้งยี่สิบห้าเล่มถูกกันไว้ โจวเจี๋ยส่งเสียงกู่ร้องออกมา มันตบมือลงไปบนหน้าอก และเส้นเลือดก็โผล่ขึ้นมาบนใบหน้าของมัน กระบี่ยี่สิบห้าเล่มลอยขึ้นไปในท้องฟ้า และทันใดนั้น ก็เปลี่ยนไป ตอนนี้มีกระบี่หนึ่งร้อยยี่สิบห้าเล่มอยู่เต็มท้องฟ้า จากทุกทิศทาง พวกมันพุ่งลงมายังเมิ่งฮ่าว
พวกมันกระแทกเข้าไปในเกราะป้องกันสีโลหิต ซึ่งบิดเบี้ยวและเริ่มหดตัวลง เพียงชั่วพริบตา มันก็หดลงไปเกือบสามจ้าง กระบี่เกือบครึ่งหนึ่งผ่านทะลุมันไป กดลงไปยังเมิ่งฮ่าว
เมิ่งฮ่าวสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ และกรีดนิ้วที่สามและสี่ให้มีโลหิตไหลออกมา ตอนนี้ทั้งสี่นิ้วก็เต็มไปด้วยพลังของขุมทรัพย์เซียนโลหิต แสงของโลหิตเต็มอยู่ในอากาศ ขณะที่เมิ่งฮ่าวกรีดลงไปยังนิ้วที่ห้า!
นิ้วทั้งห้าปกคลุมไปด้วยโลหิต ก่อตัวเป็นรูปร่างของฝ่ามือโลหิต นี่เป็นวิชาที่สองของสามวิชาเซียนโลหิต ซึ่งประกอบด้วยพลังที่มากกว่าดรรชนีโลหิต นั่นก็คือ…ฝ่ามือโลหิต!
ฝ่ามือโลหิตปรากฎขึ้น เต็มอยู่ในท้องฟ้าด้วยเสียงกระหึ่มกึกก้องอย่างน่าตกใจออกมา ฝ่ามือสีโลหิตขนาดยักษ์รวมตัวกันอย่างน่าอัศจรรย์ใจ ที่ด้านบนของมือเมิ่งฮ่าว เขาโบกสะบัดมือ และแสงสีแดงเลือดก็กระจายออกไป กวาดผ่านกระบี่ทั้งหมด และทำให้กระบี่ที่เจิดจ้ามากกว่าหนึ่งร้อยเล่มสั่นสะท้าน และลอยกลับไปด้านหลัง เมิ่งฮ่าวก้าวเท้าตรงไปข้างหน้า โบกสะบัดมือขึ้นอีกครั้ง
เสียงกระหึ่มได้ยินออกมา ขณะที่ช่องว่างหนึ่งร้อยจ้างรอบๆ เมิ่งฮ่าว ทันใดนั้น ก็เต็มไปด้วยภาพของฝ่ามือสีโลหิตขนาดใหญ่มหึมา เมิ่งฮ่าวยืนอยู่ตรงจุดศูนย์กลาง มือยักษ์พุ่งขึ้นไปในอากาศ จากนั้นก็กำจนแน่นกลายเป็นหมัด
ใบหน้าโจวเจี๋ยบิดเบี้ยว มันกระอักโลหิตออกมาอีก และขยับมือร่ายเวทอาคมอย่างรวดเร็ว พยายามที่จะรวบรวมกระบี่แสงเจิดจ้าของมันอีกครั้ง ด้วยใบหน้าที่ซีดขาวราวไร้สีเลือด
กระบี่มากกว่าร้อยเล่ม เห็นได้ชัดว่า กำลังอยู่ภายใต้การควบคุมของมือที่กำไว้จนแน่นขนาดยักษ์นั้น พวกมันดิ้นรนไปมา ราวกับว่าพยายามที่จะหลุดเป็นอิสระจากมือนั้น แต่ก็ไม่สามารถ
กระบี่สามสิบเล่มสั่นสะท้านอย่างรุนแรง ในที่สุดพวกมันก็ส่งเสียงคร่ำครวญออกมา และแตกกระจายออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
เมิ่งฮ่าวแค่นเสียงเย็นชาออกมา เสียงกึกก้องดังอยู่ในอากาศ ขณะที่กระบี่มากกว่าสามสิบเล่มแตกสลายไป และจากนั้นก็อีกสามสิบเล่ม สุดท้าย อีกสามสิบเล่ม…
เพียงไม่กี่อึดใจ กระบี่บินทั้งหมดก็แตกกระจายออกเป็นชิ้นๆ ด้วยมือยักษ์ที่กำจนแน่นนั้น มือสีโลหิตค่อยๆ จางหายไป เมื่อเป็นเช่นนั้น กระบี่ที่เปล่งแสงเจิดจ้าห้าเล่ม เต็มไปด้วยรอยแตกร้าว ก็ปรากฎขึ้นที่เบื้องหน้าเมิ่งฮ่าว
“ข้ายังมีอีกหนึ่งวิชาสุดท้าย!” โจวเจี๋ยพูดผ่านไรฟัน ดวงตามันแดงก่ำ ขณะที่เมิ่งฮ่าวโบกสะบัดมือ ส่งกระบี่เจิดจ้าห้าเล่มนั้นเข้าไปเก็บในถุงสมบัติของเขา
“ชิงหลัว, พิชิตเซียน!” โจวเจี๋ยแผดเสียงออกมา มือซ้ายมันกดลงไปที่หน้าผาก ในเวลาเดียวกันนั้น มันก็โบกสะบัดมือขวา แผ่นหยกสิบสองแผ่นก็ลอยออกมาในทันที เสียงแตกร้าวดังไปทั่วในอากาศ ขณะที่แผ่นหยกแต่ละชิ้นแตกกระจายออกเป็นเสี่ยงๆ กลิ่นหอมหวานอันสวยงามเต็มอยู่ในอากาศ แต่มันก็กลายเป็นกลิ่นที่น่ารังเกียจอย่างรวดเร็ว ซึ่งทำให้ใครก็ตามที่สูดมันเข้าไป ก็อยากจะอาเจียนจนอวัยวะภายในไหลออกมา
ทันใดนั้น ปราณที่เต็มอยู่ในพื้นที่บริเวณนั้น ก็ดูเหมือนจะเป็นของโจวเจี๋ย…
ดวงตาเมิ่งฮ่าวสาดประกาย ทันใดนั้น เสียงเก่าแก่โบราณจากแผ่นหยกผนึกอสูรก็ดังก้องอยู่ในจิตใจของเขา
“เจ้าของวิญญาณภูติผี ซึ่งพวกมันเรียกว่า เซียน (仙) แต่ทำไมถึงได้หวาดกลัวคน (人) และภูเขา? (山) ถ้าเจ้าเผชิญหน้าพวกมัน ให้ผนึกพวกมันในทันที!”
เมิ่งฮ่าวคุ้นเคยกับเสียงที่ปรากฎขึ้นมาในจิตใจในทันทีนี้ เขามองไปยังโจวเจี๋ย สัมผัสได้ถึงปราณที่เพิ่มความแข็งแกร่ง ซึ่งกระจายออกมาจากร่างมัน ใบหน้าที่บิดเบี้ยวของโจวเจี๋ยไม่ได้ดูหล่อเหลาอีกต่อไป แต่ดูเหมือนเป็นใบหน้าของคนมากมายนับไม่ถ้วน กำลังเปลี่ยนไปมา ที่ด้านบนใบหน้าของมันอีกที
ความเจ็บปวดเต็มอยู่ในใบหน้าของโจวเจี๋ย และแสดงให้เห็นว่า มันไม่อาจจะทนได้นานมากนัก อย่างช้าๆ ชีวิตของมันเริ่มหดหายไป และใบหน้าของมันก็เริ่มหมองคล้ำลง กลายเป็นว่าวิชานี้ไม่อาจใช้โดยคนที่อยู่ในขั้นพื้นฐานลมปราณ ไม่ได้แม้จะเป็น…
เต้าจื่อ!
“ผนึกอสูร, เวทรุ่นแปด!” เมิ่งฮ่าวค่อยๆ ยกมือขึ้นมาช้าๆ ทันใดนั้นปราณก็เริ่มกระจายออกมาจากร่างเขา ซึ่งคนภายนอกไม่อาจสังเกตเห็นได้ แต่มองเห็นได้อย่างแน่นอนโดยวิญญาณแปลกๆ นับไม่ถ้วน ซึ่งกำลังไหลเข้าไปในตัวโจวเจี๋ยตอนนี้
ใบหน้ามากมายซึ่งลอยอยู่บนใบหน้าของโจวเจี๋ย ทั้งหมดนั้น ต่างก็เต็มไปด้วยสีหน้าหวาดกลัว…