วันจันทร์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2560

ตอนที่ 18 : เจ้าอ้วนแห่งศิษย์สายนอก

Posted By: wuxiathai - 19:22
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เมิ่งฮ่าวไม่ได้ย่างเท้าออกไปจากถ้ำแห่งเซียนแม้เพียงครึ่งก้าว เขาไม่อยากจะออกไป และไม่อยากพบเจอใครทั้งสิ้น เขาไม่เคยลืมว่าหวังเถิงเฟยได้เปลี่ยนให้โลกแห่งนี้ต่อต้านเขาอย่างไร เขานั่งขัดสมาธิจ้องมองไปที่เล็บนิ้ว ที่เปรอะเปื้อนไปด้วยโลหิตที่แห้งกรัง สีหน้าที่เย็นชาของเขาในตอนแรกก็ได้เปลี่ยนเป็นความแค้น จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นหมองเศร้า
สุดท้ายในวันหนึ่ง ประตูหินหลักของถ้ำแห่งเซียนก็ถูกเปิดออก แสงจันทร์สาดเช้ามา
ศิษย์พี่หญิงฉื่อยืนอยู่ที่ปากทางเข้า ประชันประกายกับแสงจันทราซึ่งกำลังครอบคลุมความงามของนางไว้
เมิ่งฮ่าวไม่เอ่ยคำใดออกมา นางก็เช่นกัน เวลาผ่านไปชั่วครู่ ในที่สุด นางก็กล่าวขึ้นว่า “ข้าเพิ่งจะออกจากการนั่งกัมมัฎฐานเมื่อวานนี้”
เมิ่งฮ่าวลุกขึ้นยืน คำนับนางด้วยการประสานมือ
“หวังเถิงเฟยมีภูมิหลังที่ยิ่งใหญ่” นางกล่าวต่ออย่างอ่อนโยน “มันไม่ได้มาจากแคว้นจ้าว และพลังการฝึกตนของมันก็อยู่ในระดับหกของการรวบรวมลมปราณ ผู้อาวุโสของสำนักได้ตัดสินใจที่จะเลื่อนขั้นให้มันเป็นศิษย์สายใน เจ้า…เจ้าต้องไม่ไปตอแยมัน”
“ศิษย์น้องเข้าใจดี” เมิ่งฮ่าวกล่าวด้วยรอยยิ้ม สีหน้าของเขาได้กลับมาเป็นเหมือนเช่นเคย ราวกับว่าเขาได้โยนเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นทิ้งไป ถึงแม้ว่าลึกลงไปในดวงตาของเขา มีบางอย่างเกิดขึ้น ซึ่งไม่เคยปรากฎมาก่อนในชีวิตสิบหกปีที่ผ่านมา
มันเป็นแสงที่เย็นเยียบที่เขาฝังไว้ในส่วนลึก ซึ่งมีเพียงเขาคนเดียวเท่านั้นที่จะรับรู้ได้ คนอื่นๆ ไม่มีทางได้รู้
“อย่างไรก็ตาม” ศิษย์พี่หญิงฉื่อกล่าว “ถ้ามันสร้างปัญหาให้แก่เจ้าอีก เจ้าเพียงแค่ทุบทำลายหยกแผ่นนี้ ข้าก็จะรับรู้ได้ แม้ข้าจะอยู่ในช่วงนั่งกัมมัฎฐานก็ตาม” ชั่วขณะหนึ่ง นางโบกสะบัดมือ แผ่นหยกสีม่วงก็ปรากฎตรงหน้าเมิ่งฮ่าว
“บุคคลทั้งสี่ที่ข้านำมาที่สำนักวันนั้น เจ้าเป็นคนแรกที่ได้เลื่อนขั้นเป็นศิษย์สายนอก เพื่อนของเจ้าที่ทำงานด้วยกันในเขตข้ารับใช้ทิศเหนือ ได้รับการเลื่อนขั้นในวันนี้ พรุ่งนี้ตอนเช้า มันจะมาถึงเขตสำนักสายนอกเพื่อรายงานตัว” หลังกล่าวจบ นางก็หันหลังจากไป
“ขอบคุณมาก ศิษย์พี่ ข้ามีคำถามที่ต้องการจะถาม” เขากล่าว “ข้าหวังว่าศิษย์พี่จะช่วยอธิบายได้ พลังการฝึกตนของข้าอยู่ในระดับสี่ของการรวบรวมลมปราณ ดูจากความสามารถซ่อนเร้นของข้า ท่านคิดว่านานแค่ไหน ที่ข้าจะก้าวไปถึงระดับเจ็ด?”
“การบรรลุถึงระดับสี่ของการรวบรวมลมปราณ ในเวลาที่น้อยกว่าหนึ่งปี ดูเหมือนว่าเจ้าจะมีบุญวาสนาที่ดีไม่น้อยในการฝึกตน เจ้าไม่จำเป็นต้องอธิบายในรายละเอียด และข้าก็จะไม่ถาม หากปราศจากวาสนาแบบนั้น อาจจะต้องใช้เวลาถึงสิบปี ในกรณีที่เร็วที่สุด หากช้าสุดก็อาจจะต้องใช้เวลาถึงสามสิบปี… ระดับสี่, หก และแปด เป็นระดับที่ยากก้าวผ่าน โดยเฉพาะระดับหก ถ้าไร้ซึ่งบุญวาสนาที่ดี มันยากมากที่จะก้าวผ่านไปถึงขั้นเจ็ดได้”
“มันเป็นเช่นนี้กับทุกคนหรือไม่?”
“กับทุกคน” จากนั้นนางก็จากไป เมิ่งฮ่าวนั่งลงขัดสมาธิ สองตาสาดประกายคมกล้า
ครึ่งชั่วยามหลังจากนั้น เขาก็ยืนขึ้นและเดินออกจากถ้ำแห่งเซียนเป็นครั้งแรกในหลายวันที่ผ่านมา ฤดูกาลได้เปลี่ยนไปอีกครั้ง ดูเหมือนว่าฤดูใบไม้ร่วงใกล้จะมาถึงในเร็ววันนี้ ใบไม้เริ่มเปลี่ยนสี สายลมพัดผ่านภูผาและหุบเขา
ภายใต้แสงจันทร์ที่สุกสกาว เมิ่งฮ่าวเดินไปตามทางสายเล็กเข้าไปในป่าลึกของภูเขา ทุกอย่างเงียบวังเวง มีเพียงเสียงกรอบแกรบของใบไม้ที่เมิ่งฮ่าวเดินเหยียบผ่าน ตรงไปยังภูเขาด้านทิศเหนือ
เขาต้องการที่จะไปหาเจ้าอ้วน ทั้งหมดในสำนักนี้ มันเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวของเขา
อาณาเขตข้ารับใช้ในภูเขาทิศเหนือเงียบสงบในเวลาดึกเช่นนี้ เมื่อเขามาถึง ก็ได้ยินเสียงกรนดังมาตามสายลม เป็นเสียงกรนที่พิเศษเฉพาะที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี ในช่วงเวลาสี่เดือนที่เป็นข้ารับใช้
บุรุษหนุ่มที่หน้ายาวเหมือนม้า ซึ่งเป็นหัวหน้าข้ารับใช้ของภูเขาทิศเหนือ นั่งขัดสมาธิอยู่บนหินก้อนใหญ่ ทันใดนั้น มันก็ลืมตาขึ้นมองมาที่เมิ่งฮ่าว ด้วยความรู้สึกประหลาดใจสักพัก จากนั้นมันก็ลุกขึ้นยืน และคำนับเมิ่งฮ่าวด้วยการประสานมือ
“ยินดีต้อนรับ ศิษย์พี่เมิ่ง” ไม่นานมานี้มีข่าวลือเกี่ยวกับเมิ่งฮ่าวมากมาย และแน่นอนบุรุษหนุ่มหน้าเหมือนม้าผู้นี้ก็เคยได้ยินมา
“ไม่ต้องมากพิธีหรอก ศิษย์พี่” เมิ่งฮ่าวเอ่ย “ข้ามาที่นี่เพื่อจะหาเพื่อนเก่า” เขามองไปที่พลังการฝึกตนของบุรุษหนุ่มผู้นี้ เมิ่งฮ่าวมองเห็นได้ว่ามันเป็นระดับสามของการรวบรวมลมปราณ ดูเหมือนว่า มันได้ติดอยู่ที่ระดับนี้มาหลายปีแล้ว
ศิษย์พี่ที่หน้ายาวเหมือนม้าพยักหน้า หลังจากที่เมิ่งฮ่าวเดินเข้าไปในเขตข้ารับใช้ มันก็กลับไปนั่งขัดสมาธิเช่นเดิม สีหน้าแสดงความประหลาดใจพร้อมกับถอนหายใจอย่างเงียบๆ จากนั้นก็ปิดตาลงอีกครั้ง
เมิ่งฮ่าวเดินเข้าไปในลานบ้าน และเห็นบ้านหลังที่เจ็ดด้านตะวันออก เมื่อเขาไปถึงเสียงกรนของเจ้าอ้วนดังไปทั่วในอากาศ เมื่อเขาเปิดประตูเข้าไป สีหน้าเขาก็แสดงความแปลกใจ และความรู้สึกวิตกกังวลภายในใจของเขาก็เริ่มจางหายไป
เจ้าอ้วน นอนหงายท้อง ส่งเสียงกรนออกมา อีกหนึ่งเตียงในห้องได้ถูกผลักออกไปจากผนังห้อง ทำให้มีพื้นที่ว่างเล็กๆ ส่วนหนึ่ง
ในพื้นที่ว่างนั้น มีบุรุษร่างสูงใหญที่เรียกตัวเองว่า เหยียเยี่ยหู่ (ท่านปู่เสือ) ได้นอนหลับอยู่ แม้ว่ามันได้หลับไปแล้ว แต่สีหน้าก็ยังดูบูดเบี้ยวไปด้วยความกลัว ราวกับว่ามันได้เผชิญกับบางอย่างที่น่ากลังในความฝันของมัน
เตียงไม้ของมันมีรอยกัดมากมายเต็มไปหมด บางแห่งก็เป็นรอยแหว่งไปเลย เหมือนกับว่าถูกกัดจนกระจุย เก้าอี้ไม้หายไป และเมิ่งฮ่าวก็คิดว่ามันต้องถูกเจ้าอ้วนกัดกินไปจนเกลี้ยงแน่ๆ แม้แต่ผนังก็ยังมีรอยกัด ในความแตกต่างที่เห็นได้ชัดก็คือ เตียงของเจ้าอ้วนไร้รอยกัดแม้แต่รอยเดียว
บุรุษร่างสูงใหญ่ตัวสั่นสะท้าน จากนั้นก็ส่งเสียงร้องออกมาอย่างน่าสังเวช มันตกอยู่ในความเจ็บปวดของฝันร้ายอย่างเห็นได้ชัด ทำให้ดูผอมกระหร่อง และมีรอยคล้ำรอบดวงตา ราวกับว่านอนหลับไม่สนิทมานานแล้ว เมิ่งฮ่าวได้แต่เพียงคิดว่ามันคงได้พบเจอสถานการณ์ที่เลวร้าย จนทำให้มันตกอยู่ในห้วงความทุกข์ทรมานได้เช่นนี้
ดูเหมือนว่าเสียงร้องของมัน ทำให้เจ้าอ้วนต้องตื่นขึ้นมาด้วยความรำคาญใจ จากนั้นก็มองมาเห็นเมิ่งฮ่าว เจ้าอ้วนก็เริ่มตื่นเต้นในทันที
“ไก่ป่า! เจ้าได้นำไก่ป่ามาด้วยหรือไม่?”
เมิ่งฮ่าวมองไปที่เจ้าอ้วน อดไม่ได้ที่จะเผยอรอยยิ้มออกมา
เจ้าอ้วนยังคงตัวกลมเหมือนเช่นเคย ดูเหมือนน้ำหนักตัวไม่ได้หายไปแม้แต่น้อย อันที่จริง มันดูอ้วนขึ้นกว่าเดิม ฟันของมันก็ยาวมากกว่าเดิมเกือบครึ่งด้วย เมื่อเจ้าอ้วนพูด ฟันของมันส่องแสงเป็นประกายสดใส
“ข้าทราบมาว่าเจ้าได้บรรลุถึงขั้นแรกของการรวบรวมลมปราณแล้ว” เมิ่งฮ่าวกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ดังนั้นจึงได้มาหาเจ้า แต่เนื่องจากรีบมา จึงไม่มีเวลาไปจับไก่ป่า” เขานั่งลงไปบนเตียงใกล้กับเจ้าอ้วน ตรวสอบดูฟันของมัน
เจ้าอ้วนรู้สึกภูมิใจกับพลังการฝึกตนของตัวเองเป็นอย่างมาก เริ่มพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้ไปเรื่อยๆ เมิ่งฮ่าวไม่ได้พูดอะไรมากนัก นอกจากนั่งฟังเสียงพล่ามของมันไป ไม่ช้าดวงจันทร์เริ่มหายไป ดวงอาทิตย์เริ่มทอแสงอีกครั้ง บาดแผลภายในใจของเมิ่งฮ่าวเริ่มจางหายไป เหลือไว้แค่รอยแผลเป็น เล็บนิ้วในถ้ำแห่งเซียนและดวงตาที่เย็นชาของเขา ได้หลอมรวมเข้าด้วยกัน สร้างให้เมิ่งฮ่าวดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น
ยามรุ่งอรุณ เมิ่งฮ่าวได้จากไปพร้อมเจ้าอ้วน เหยียเยี่ยหู่มองดูพวกมันจากไปด้วยกัน ด้วยน้ำตาไหลที่นองหน้า ทำให้เจ้าอ้วนที่กำลังจะเดินออกจากลานหน้าบ้าน ต้องหันหลังวิ่งกลับไปกอดมันไว้และพูดบางสิ่งกับมัน สิ่งที่พูดไปนั้นได้ทำให้สีหน้าของบุรุษร่างใหญ่เริ่มขาวซีด และร่างกายก็เริ่มสั่นไปมา
“เจ้าพูดอะไรกับมันหรือ?” เมิ่งฮ่าวเอ่ยถาม เมื่อทั้งสองเดินใกล้จะถึงเขตสำนักสายนอก
“มันเป็นคนดี หลังจากที่เจ้าจากเขตข้ารับใช้ไป มันก็กลายมาเป็นเพื่อนข้า มันเสียใจมากที่ข้าจากไป ข้าแค่ทำใจไม่ได้” สีหน้าเจ้าอ้วนแสดงถึงความเจ็บปวด “ข้าบอกมันว่า ข้าจะกลับมาเยี่ยมมันบ่อยๆ อย่างแน่นอน ทำให้มันดูทุกข์ใจมาก” เจ้าอ้วนพูดต่ออย่างมีอารมณ์ “จริงๆ แล้ว มันเป็นคนค่อนข้างขี้ขลาด มันมักจะฝันร้ายเสมอเวลานอน ช่างน่าสงสารนัก”
เมิ่งฮ่าวไม่ได้พูดอะไรออกไป หรือถามอะไรเพิ่มเกี่ยวกับบุรุษผู้นั้น เมื่อทั้งสองเดินเข้าไปในเขตสำนักสายนอก ศิษย์ที่อยู่บริเวณนั้นก็มองมาที่เขาด้วยสีหน้าแปลกๆ ราวกับว่ากำลังประเมินเขาใหม่
“หือ? ดูเหมือนว่าเจ้าได้ทำอะไรไว้ในเขตสำนักสายนอกนี้นะ เมิ่งฮ่าว” เจ้าอ้วนพูดด้วยความตื่นเต้น “ทุกๆ คนมองมาที่เจ้า” ในความคิดของมัน รับรู้ได้ว่ามีบางคนต้องการที่จะหาเรื่องมัน ตั้งแต่ที่เห็นเมิ่งฮ่าวเดินมาพร้อมกับมัน
เมิ่งฮ่าวยิ้มโดยที่ไม่ได้อธิบายอะไร เมื่อทั้งสองใกล้จะถึงหอเก็บของวิเศษ เมิ่งฮ่าวก็หยุดเดิน มองไปที่เจ้าอ้วนมุ่งตรงไปเข้าไปยังตึกนั้น
ในเวลาแค่ธูปไหม้หมดไปครึ่งดอก เจ้าอ้วนกลับออกมาด้วยความตื่นเต้น ในมือมีกระบี่สั้นหนึ่งเล่ม ที่เคลือบไปด้วยรอยหยักคล้ายเกล็ดปลา มันไม่มีความคมแม้แต่น้อย มีแต่ความหยาบสากมากกว่า
“ดูของวิเศษที่ข้าได้มานี่สิ เมิ่งฮ่าว? มันเป็นอาวุธเวทที่ยอดเยี่ยมอย่างแท้จริง” มันกวัดแกว่งกระบี่ไปมาในอากาศ และเมื่อเมิ่งฮ่าวกำลังจะถามว่ามันใช้ทำอะไรได้บ้าง เจ้าอ้วนก็แหกปากออกมา และเริ่มเอาฟันไปถูกับกระบี่เล่มนั้น เสียงขูดขีดดังไปทั่ว เมิ่งฮ่าวก็เลยไม่แน่ใจว่าเขาควรจะหัวเราะ หรือร้องไห้ออกมาดี
“มันสุดยอดมาก!” เจ้าอ้วนกล่าว เต็มไปด้วยความตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง “ฟันของข้าเริ่มยาวมากขึ้น ข้ามองหาสิ่งของที่จะถูให้มันสั้นลงมาเป็นประจำ ในที่สุดวันนี้ก็ได้หาเจอ ข้าสามารถใช้อาวุธเวทเล่มนี้ตะไบฟันของข้าให้สั้นลงไปได้ตลอดเวลา!”
เมิ่งฮ่าวพาเจ้าอ้วนตระเวนดูไปรอบๆ เขตสำนักสายนอก เขายังเสนอให้เจ้าอ้วนมาอยู่กับเขาในถ้ำแห่งเซียน แต่เจ้าอ้วนปฏิเสธ มันอาศัยอยู่กับเพื่อนร่วมห้องมาเป็นเวลานาน และกำลังต้องการที่จะมีสถานที่ส่วนตัวของตัวเองในสำนักสายนอกนี้ ไม่ว่าเมิ่งฮ่าวจะพูดอะไร มันก็ยังยืนกรานที่จะปฏิเสธ เมื่อพวกเขาไปถึงบ้านของเจ้าอ้วน มันก็ดูมีความพึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง
เมิ่งฮ่าวก็ไม่ได้บังคับมัน เมื่อตกกลางคืน เขาก็กลับมาที่ถ้ำแห่งเซียน และนั่งลงขัดสมาธิเช่นเคย
เวลาผ่านไป และไม่ช้าก็ผ่านไปสามเดือนแล้ว สองเดือนก่อนหน้านี้ เมิ่งฮ่าวได้เปิดร้านของเขาใหม่ที่เขตส่วนรวมของศิษย์ระดับขั้นต่ำ บางทีอาจจะเป็นเพราะว่าเขาได้มีเรื่องกับหวังเถิงเฟย ทำให้ไม่มีใครสร้างปัญหาให้กับเขา และไม่ช้าการค้าของเขาก็เจริญรุ่งเรืองขึ้นอีกครั้ง
ครั้งนี้ เขาได้เพิ่มอาวุธเวทเข้าไปในการค้าของเขาด้วย ทำให้มันค้าขายดีมากยิ่งขึ้น ร้านเขามีคนมาช่วยขายเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคน ข้างกายเขาก็คือเจ้าอ้วนที่กำลังถูตะไบฟันของมัน ด้วยกระบี่บินเล่มเล็กนั้นอยู่เป็นประจำ เจ้าอ้วนมีความสามารถในทางการค้าเป็นอย่างดี และชอบไปเดินเร่ขายสินค้าในเขตส่วนรวมเป็นประจำ ในไม่ช้า เจ้าอ้วนก็กลายเป็นกำลังหลักในการค้าขาย ด้วยความร่วมมือของเมิ่งฮ่าว ซึ่งไม่สามารถเข้าไปเขตส่วนรวมได้ด้วยตัวเอง พวกเขาสร้างผลกำไรได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ
วันหนึ่ง เมื่อฤดูหนาวมาเยือน และเกล็ดหิมะโปรยปรายเต็มท้องฟ้า เมิ่งฮ่าวนั่งขัดสมาธิอยู่ที่ขอบรอบนอกของเนินที่ราบสูงนั้น ทันใดนั้น เจ้าอ้วนก็ร้องตะโกนออกมาและคว้าจับใครคนหนึ่งไว้ ลากดึงตรงมาที่เมิ่งฮ่าว
“เมิ่งฮ่าว, เมิ่งฮ่าว ลองดูสิว่านี่คือใคร!”

About wuxiathai

Organic Theme is officially developed by Templatezy Team. We published High quality Blogger Templates with Awesome Design for blogspot lovers.The very first Blogger Templates Company where you will find Responsive Design Templates.

Copyright © 2015 ผนึกสวรรค์ สยบมาร สะท้านเทพ

Designed by Templatezy | Distributed By Gooyaabi Templates